Protect PLANTS

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย สะ-เล-เต 26 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/671944


ต้องบอกว่า ใช้ได้ทีเดียว สำหรับแอพพลิเคชั่น “Protect PLANTS” ภายใต้สโลแกน “ดูแลผลผลิต เพื่อนคู่คิดเกษตรกร” ของกรมส่งเสริมการเกษตร ที่ทำขึ้นมาเพื่อเกษตรกรยุคใหม่ ใฝ่ใจไอที ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ไม่มัวแต่หวังพึ่งพาฝนฟ้าทำเกษตรตามยถากรรม ความเชื่อ และความเคยชิน

วันนี้เกษตรกรไทยที่ต้องการสารพัดความรู้ด้านเกษตร ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารความเคลื่อนไหวของภาครัฐ ข้าวพืชผักผลไม้ที่เราปลูกมีปัญหาโรคแมลงระบาด ต้องจัดการแก้ปัญหายังไง วิธีไหน ช่วงนี้มีโรคไหนกำลังระบาด สภาพอากาศแบบนี้ต้องระวังโรคอะไร เตรียมตัวอย่างไรแม้กระทั่งเรือกสวนไร่นามีโรคแมลงอะไรมาอาละวาด เราไม่รู้จักดู ไม่เป็นแอพพลิเคชั่น Protect PLANTS บอกให้เรารู้ได้หมด พร้อมยังสามารถแจ้งข่าวสาร พิกัดตำแหน่งพื้นที่มีปัญหาไปให้เจ้าหน้าที่ได้รับรู้ เพื่อเข้ามาได้ทันทีทันใจอีกด้วย

นายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร คุยให้ฟัง แอพพลิเคชั่น “Protect PLANTS” จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร รวมไปถึงอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) เกษตรกร หรือแม้กระทั่งประชาชนทั่วไปให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างทั่วถึง เพราะมีเมนูหลักให้เราเลือกใช้งานได้ถึง 6 เมนู

1.ข่าวสารการเกษตร, 2.องค์ความรู้ด้านอารักขาพืช หรือชุดความรู้ด้านการป้องกันและกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช 6 กลุ่มพืชเศรษฐกิจ, 3.การวินิจฉัยโรคและแมลงศัตรูพืชเบื้องต้นตามชนิดอาการ, 4.การวินิจฉัยโรคและแมลงศัตรูพืชเบื้องต้นตามชนิดพืช, 5.การพยากรณ์สภาพอากาศ และ 6.การพยากรณ์เตือนการระบาดของโรคต่างๆ

ที่เราสามารถใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟน เข้าไปดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนี้ได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และ iOS ที่ GooglePlay Store และ AppleApp Store

สะ–เล–เต ได้ดาวน์โหลดมาทดลองใช้งานแล้ว ยอมรับ ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว ข้อมูลมีหลากหลาย ค่อนข้างครบครัน มีประโยชน์ต่อเกษตรกรทั่วไป แม้แต่คนทั่วไปที่ทำเกษตรแบบพอกิน พอมีไปอวดเพื่อน ก็ยังใช้ประโยชน์ได้ดีจริงๆ ขอบอก.

สะ-เล-เต

 

ฝนพรำเห็ดพิษ­­ผุดโผล่ ดูด้วยตา..แ­­ยกไม่­ออก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 26 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/672121


เห็ดหัวกรวดครีบเขียว

ช่วงฤดูฝนไปถึงต้นฤดูหนาว (พ.ค-พ.ย.) มีเห็ดป่าเกิดขึ้นจำนวนมากและชาวบ้านมักไปเก็บมาประกอบอาหาร หรือนำมาวางขายริมถนนเพื่อสร้างรายได้ ทำให้แต่ละปีมีผู้ป่วยและเสียชีวิตจากการบริโภคเห็ดมีพิษปีละหลายพันราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยว่า ผู้ป่วยที่ซื้อเห็ด หรือเก็บเห็ดมากิน ส่วนใหญ่มักใช้ความรู้พื้นบ้าน ที่บอกต่อกันมาไม่ว่าจะเป็นการนำข้าวสารมาต้มกับเห็ด ถ้าเป็นเห็ดพิษข้าวสารจะสุกๆ ดิบๆ หรือสังเกตดอกเห็ด ที่มีรอยแมลงสัตว์กัดกิน จะเป็นเห็ดไม่มีพิษ วิธีการเหล่านี้ไม่สามารถให้ผลถูกต้องทั้งหมด ไม่ควรนำมาปฏิบัติ เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เนื่องจากเห็ดพิษบางชนิด มีความคล้ายคลึงกับเห็ดที่รับประทานได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเห็ดระยะดอกอ่อน จะเหมือนกันจนแทบจะแยกไม่ออกด้วยตาเปล่า

สำหรับเห็ดพิษที่มีลักษณะคล้ายเห็ดกินได้ ที่ประชาชนมักเข้าใจผิดนำไปบริโภคกันเป็นจำนวนมาก ได้แก่ เห็ดระโงกหิน หรือ เห็ดไข่ตาก มีลักษณะ สีน้ำตาลอ่อนปนเขียวมะกอก บริเวณขอบดอกมีสีจาง ใต้ดอกไม่ติดกับก้านทรงกระบอก โคนใหญ่ก้านดอก ลักษณะโดยรวมจะเหมือนกับเห็ดซีซ่าร์และเห็ดฟางมากที่สุด แต่มีพิษร้ายแรงที่สุด กินไปแค่ครึ่งดอกจะเสียชีวิตได้

เห็ดพิษร้ายแรงอันดับรองลงมา เห็ดหัวกรวดครีบเขียว หรือ เห็ดกระโดงตีนต่ำ ลักษณะดอกเห็ดเมื่อยังอ่อนเป็นก้อนกลมแล้วเจริญบานออกเป็นร่ม หมวกสีขาวกว้าง 10-20 ซม. กลางหมวกมีสีน้ำตาล ซึ่งแตกออกเป็นเกล็ดรูปสี่เหลี่ยมกระจายออกไปถึงกึ่งกลางหมวก ครีบสีขาว เมื่อแก่จัดจะเป็นสีเทาอมเขียวหม่น ก้านรูปทรงกระบอกสีขาว โคนก้านใหญ่เป็นกระเปาะเล็กน้อย ใต้หมวกมีวงแหวนใหญ่และหนา ขอบสีน้ำตาล ขอบล่างสีขาว สปอร์รูปไข่สีเขียวอ่อน ชอบขึ้นตามสนามหญ้าและทุ่งนา กินแล้วเวียนหัว อาเจียน แต่ไม่ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต

เห็ดอีกชนิด เห็ดหมวกจีน ลักษณะหมวกสีเหลืองอมน้ำตาล กลางหมวกเป็นปุ่มนูน ผิวหมวกหยาบ ขอบหมวกฉีกเมื่อบาน ก้านสีขาวนวล หรือเหลือง มีขนละเอียด สารพิษ มีฤทธิ์ส่งผลต่อระบบประสาท เป็นเห็ดอีกกลุ่มที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องเสีย แม้กินแล้วพิษจะไม่ร้ายแรงถึงตาย แต่หากมีการ ดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย จะก่อให้เกิดพิษที่รุนแรงตามมาได้.

 

“มะนาวเลม่อนฮาวาย” ไม่มีเมล็ด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย นายเกษตร 26 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/671951


มะนาวเลม่อนชนิดนี้ มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมจากรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกนำเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์ในประเทศไทยนานหลายปีแล้ว สามารถเจริญเติบโตมีดอกและติดผลดกเหมือนกับปลูกในถิ่นกำเนิดเดิมทุกอย่าง ขนาดของผลใหญ่ เนื้อในเป็นสีเหลืองฉ่ำน้ำ รสเปรี้ยวแต่ไม่จัดจ้านเหมือนกับน้ำมะนาวไทย น้ำและเปลือกผลมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ที่สำคัญ “มะนาวเลม่อนฮาวาย” ยังไม่มีเมล็ดอีกด้วย จึงกำลังเป็นที่นิยมปลูกอย่างแพร่หลายอยู่ในเวลานี้

มะนาวเลม่อนฮาวาย มีชื่อวิทยาศาสตร์และมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับมะนาวเลม่อนทั่วไปทุกอย่างคือ เป็นไม้พุ่มต้น สูง 3-5 เมตร กิ่งอ่อน มีหนามแหลมเล็กน้อย (ปกติมะนาวเลม่อนสายพันธุ์ที่มีเมล็ดทั่วไปจะมีหนามแหลมเยอะ) ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับรูปรีแกมรูปใบหอก ปลายและโคนใบแหลม ขอบใบเรียบ เนื้อใบค่อนข้างหนาสีเขียวสด

ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวๆ หรือเป็นช่อตามซอกใบและปลายยอด กลีบดอกเป็นสีขาว ร่วงง่ายเช่นกลีบดอกมะนาวทั่วไป ดอกมีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ “ผล” กลมรีเป็นรูปหยดน้ำ ผลมีขนาดใหญ่ ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อผลแก่หรือสุกเปลือกผลจะเป็นสีเหลือง ซึ่งเปลือกผลดังกล่าวจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมขูดเอาเปลือกผลแต่งหน้าอาหารคาวหวาน ทำให้มีกลิ่นหอมดับกลิ่นคาวชวนรับประทานยิ่งขึ้น เนื้อในเป็นถุงน้ำสีเหลือง รสเปรี้ยวไม่เปรี้ยวจัดเหมือนกับน้ำมะนาวไทย น้ำมีกลิ่นหอม บีบหรือคั้นเอาน้ำปรุงอาหารคาวหวานรับประทานอร่อยมาก แต่ละผลจะไม่มีเมล็ดตามที่กล่าวข้างต้น ติดผลดกเต็มต้นตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งและเสียบยอด

ปัจจุบัน “มะนาวเลม่อนฮาวาย” มีต้นแท้ขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 17 แผง “นายดาบ สมพร” โทร.08-6605-4945 ราคาสอบถามกันเอง ปลูกได้ในดินทั่วไป สามารถปลูกลงกระถางขนาดใหญ่ ตั้งในที่มีแสงแดดส่องถึงทั้งวัน มีดอกและติดผลดกได้เหมือนปลูกลงดินกลางแจ้งทุกอย่าง เหมาะจะปลูกเพื่อเก็บผลใช้ประโยชน์ในครัวเรือนหรือเก็บผลขายได้คุ้มค่ามากครับ.

“นายเกษตร”

 

“กะทกรก” แก้เบาหวานเหน็บชา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย นายเกษตร 25 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/671257


ตำรา ยาแผนไทยระบุว่า รากสด ต้น “กะทกรก” จำนวนพอประมาณต้มกับน้ำมากหน่อยจนเดือด ดื่มขณะอุ่นต่างน้ำทั้งวัน ช่วยลดน้ำตาลในเลือด หรือควบคุมเบาหวานได้ ทั้งต้นรวมรากตัดตากแห้งใช้ 1 ขยุ้มต้มกับน้ำ 3 แก้ว เคี่ยวเหลือ 2 แก้วแบ่งดื่มวันละ 1 แก้วก่อนอาหารเช้าเย็น เป็นยาบำรุงหัวใจ แก้โรคเหน็บชาดีมาก ทั้งต้นรวมรากสด ตำคั้นเอาเฉพาะน้ำกิน เป็นยาขับพยาธิทุกชนิดเด็ดขาดนัก สมัยก่อนนิยมอย่างกว้างขวาง

กะทกรก หรือ PASSION FLOWER, STINGING PASSION FLOWER PAS-SIFLORA FOETIDA อยู่ในวงศ์ PAS-SIFLORACEAE เป็นไม้เถาเลื้อยเนื้ออ่อน มีขึ้นตามที่รกร้างทั่วไป ดอกสีเขียวอ่อนและสีขาว มีระยางเป็นริ้วสีม่วงแผ่เป็นรัศมีน่าชมมาก “ผล” สุกสีเหลืองอมส้ม เนื้อในรสเปรี้ยวปนหวานรับประทานได้ ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ยอดอ่อนลวกจิ้มน้ำพริกหรือกินกับลาบก้อยอร่อยมาก

ครับ หนังสือ “สมุนไพรไม้ดอกไม้ประดับหายาก” เล่มที่ 5 ของ “นายเกษตร” หมดแล้วหมดเลย ไม่วางขายที่ไหน ราคาเล่มละ 600 บาท บวกค่าส่งกลับเล่มละ 30 บาท ส่งธนาณัติซื้อสั่งจ่าย “คุณนงลักษณ์ ศรีอัชรานนท์” ตู้ ปณ.48 ปณ.สามแยกลาดพร้าว กทม. 10901 หรือสอบถาม ผลิตภัณฑ์สมุนไพร มะแว้งแคปซูล ปรับน้ำตาลในเลือด, ขมิ้นชันแคปซูล รักษาโรคกระเพาะอาหาร, น้ำมัน 12 ประดง ใช้ภายนอกฆ่าเชื้อสมานแผลแก้เริม งูสวัด สะเก็ดเงิน แพ้เหงื่อ, ยาริดสีดวงจมูกแคปซูล แก้น้ำมูกมีกลิ่นเหม็น, ครีมโลดทนง รักษาสิวฝ้ารูขุมขนตีบลง, ผงยาโบราณ ทาแก้สิวแผ่นหลังผื่นคันตามตัว, ข่อยขัดรักแร้ ดับกลิ่นเต่ารักแร้หายดำคล้ำ, โลชั่นบำรุงผิว สกัดจากสมุนไพรหลายอย่าง, ตรีผลาแคปซูล ลดไขมันในเส้นเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์, ดีบัวแคปซูล ขยายหลอดเลือดไปเลี้ยงสมองหัวใจ,ยาต้มคลายเส้นไม้เท้าเฒ่าอาลี แก้ปวดเมื่อยแก้เกาต์ ลดเบาหวาน, คอลลาเจนบริสุทธิ์ เป็นผงทาหน้าช่วยให้ผิวหน้ากระชับ, เพชรสังฆาตแคปซูล แก้ริดสีดวงทวาร, แห้วหมูแคปซูล ลดความดันโลหิต และอื่นๆ โทร.0-2275-2692 ครับ.

“นายเกษตร”

 

เลือกปุ๋ยให้เหมาะกับข้าว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย สะ-เล-เต 25 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/671249


ปุ๋ยสำหรับข้าวบ้านเรามีมากมายหลายสูตร หลากยี่ห้อ ใครพึงพอใจใช้สูตรไหนคงเป็นเรื่องส่วนบุคคล…แต่ที่แน่ๆ ยังไม่มีสูตรสำเร็จที่ชัดเจน ข้าวแต่ละชนิด ต้องใช้ N P K เท่าไรถึงจะเหมาะสม

วันนี้มีคำแนะนำดีๆจาก วรารัตน์ วีรยวรางกูร นายกสมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย ที่ได้มีการนำสูตรปุ๋ยชนิดต่างๆไปทดลองใช้กับการทำนาในพื้นที่ส่วนตัว มานานหลายปีและในหลายจังหวัด จนได้สูตรที่ค่อนข้างจะลงตัว ช่วยข้าวโตเร็ว เพิ่มผลผลิต รวงดี เมล็ดมีน้ำหนัก…เลยขอนำมาถ่ายทอดเล่าสู่กันฟัง

เริ่มกันที่สูตรปุ๋ยสำหรับข้าวเจ้า…พันธุ์ปทุมธานี ปลูกไปแล้ว 25-30 วัน ให้ใส่ ปุ๋ยสูตร 30–0–0 ไร่ละ 50 กก. เพื่อเร่งโต และเมื่อข้าวอายุได้ 55-60 วัน เป็นช่วงข้าวเริ่มตั้งท้องหรือแตกใบธง ให้เปลี่ยนมาใช้ สูตร 15–5–20 ไร่ละ 50 กก. จะช่วยกระตุ้นให้รากดูดซึมได้ดีเพื่อมาบำรุงรวง

และจากการเก็บข้อมูลในหลายพื้นที่พบว่า ปุ๋ยสูตรนี้ช่วยให้ข้าวเจ้าปทุมธานี ให้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 754 กก. มากกว่าผลผลิตเฉลี่ยของข้าวพันธุ์นี้ถึงไร่ละ 219 กก. หรือให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 40.93%

พันธุ์ กข 15 (RD 15) เช่นเดียวกัน เมื่อปลูกได้ 25-30 วัน ให้ปุ๋ยสูตร 30–0–0 ไร่ละ 50 กก. ปลูกไปได้ 70-75 วัน เปลี่ยนเป็นปุ๋ย สูตร 6–0–30 ไร่ละ 50 กก.

สูตรนี้ใช้ได้กับข้าวตระกูล กข ทุกพันธุ์ ให้ผลผลิตได้ไร่ละ 980 กก. มากกว่าผลผลิตเฉลี่ยของข้าวพันธุ์นี้ถึงไร่ละ 354 กก. หรือได้ข้าวเพิ่มขึ้น 56.55%

หอมมะลิ 105 ปลูกได้ 30 วัน ใช้ปุ๋ย สูตร 22–11–11 ไร่ละ 50 กก. เพราะข้าวหอมมะลิต้องได้รับแร่ธาตุหลายชนิดเพื่อสร้างกลิ่นหอมในเมล็ด เมื่อข้าวอายุ 70-75 วัน เปลี่ยนมาใช้ สูตร 15–5–20 ไร่ละ 50 กก.

ผลการใช้ในหลายพื้นที่ปรากฏว่า ได้ผลผลิตสูงถึงไร่ละ 1,050 กก. สูงกว่าผลผลิตเฉลี่ยของข้าวพันธุ์นี้ถึงไร่ละ 424 กก. หรือได้ข้าวเพิ่มขึ้นถึง 67.73%…สูตรนี้สามารถนำไปปรับใช้กับการปลูกข้าวหอมได้ทุกพันธุ์

ที่สำคัญ อย่าลืมเลือกปุ๋ยที่มีธาตุอาหารรองและธาตุเสริม เพราะนอกจากพืชจะสมบูรณ์ผลผลิตดีแล้ว ธาตุเหล่านี้จะช่วยปรับสภาพดินไปในตัว.

สะ–เล–เต

 

ผักหวานป่าบ้า­­นหมอ แปรรูปลงขวดชาเขียว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 25 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/671396


วันนี้ผักหวานป่า ไม่ได้เป็นแค่ผักที่นำมาทำเป็นต้มยำทำแกงเท่านั้น …ด้วยวิธีคิดแปรรูปของเกษตรกรจับมือเอกชน จับผักหวานป่ามาบรรจุขวด จำหน่ายเป็นชาเพื่อสุขภาพ ชะลอความแก่ และต้านมะเร็ง

นายจรัญ พูลสวัสดิ์ นายก อบต.หนองบัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี เผยถึงการปลูกผักหวานป่าของเกษตรกรในเขตพื้นที่บ้านสว่างโศก ต.หนองบัว ว่าเมื่อ 10 ปีก่อน เกษตรกรที่ว่างจากทำนา ทำไร่ข้าวโพด เริ่มนำผักหวานป่า พืชธรรมชาติจากป่าในพื้นที่ใกล้เคียง มาปลูกลงแปลงกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากปลูกง่าย ขายได้ราคาดี มีตลาดต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ทุกวันนี้พื้นที่ อบต.หนองบัว มีเกษตรกรรวมกลุ่มกัน 100 กว่าราย ปลูกกระจายไปทั่วทั้งตำบลจำนวน 2,000 กว่าไร่ มีอัตราเพิ่มปีละ 100-200 ไร่

นายก อบต.หนองบัว บอกว่า ด้วยทุกปีในช่วงเดือน ต.ค.-ก.พ. ผักหวานจะไม่แตกยอดอ่อน ชาวบ้านจะตัดแต่งกิ่งต้นผักหวานป่าทิ้งไปทั้งหมด เพื่อลดการคายน้ำและสร้างลำต้นให้มีขนาดใหญ่แข็งแรงขึ้น ชาวบ้านรู้สึกเสียดายน่าจะนำใบผักหวานมาทำประโยชน์อย่างอื่น ดีกว่าทิ้งไว้ให้รกสวน จึงทดลองนำใบกลางอ่อนกลางแก่ไปตากแห้ง ชงในน้ำร้อนเหมือนชาทั่วไป ปรากฏว่า รสชาติดี รู้สึกดี ร่างกายกระปรี้กระเปร่า และมีการพูดบอกต่อๆกัน จนบริษัทโปรตรอนแซด 2001 ผู้ผลิตน้ำดื่มทราบข่าว จึงมีการคิดพัฒนาทำเป็นน้ำชาเขียวผักหวานป่าพร้อมดื่มขึ้นมา

พร้อมนำตัวอย่างให้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ทำการวิเคราะห์ ปรากฏว่า น้ำชาผักหวานป่ามีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี สารประกอบฟีโนลิค ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นในร่างกาย ดีกว่าชาใบหม่อน ชาดอกคำฝอย และยังช่วยป้องกันการเกิดโรคต่างๆ อันเนื่องมาจากการเสื่อมสภาพของร่างกายได้ด้วย

“ตอนนี้เราได้ตรารับรอง อย. สามารถผลิตจำหน่ายได้แล้ว แต่ต้องขายผ่านทาง www.facebook/melienthatea  กับทางโทรศัพท์ 09-6269-9554 ไม่สามารถวางขายในร้านสะดวกซื้อได้ เพราะเขาคิดค่าแรกเข้าแพง เป็นล้าน เกษตรกรไม่มีทุนจะทำได้ เลยต้องขายกันแบบนี้ไปก่อน” นายจรัญ กล่าว.

ไชยรัตน์ ส้มฉุน

 

แป้นพวงบ้านแพ้ว มะนาวพันธุ์บังเอิญ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 22 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/668794


“ก่อนจะมาเป็นชาวสวนมะนาว ทำงานขับรถกระบะรับซื้อผลไม้จากสวนไปตระเวนขายตามหมู่บ้าน ตามตลาดนานร่วม 10 ปี รายได้พอมีกินไปวันๆ แต่เพราะเข้าออกตลาดทุกวัน ได้รู้เรื่องสินค้าที่ตลาดต้องการ ขายได้ทุกวัน ก็มะนาวนี่แหละ เลยคิดลองเสี่ยงปลูกมะนาวดูสักครั้ง ในที่ดิน 6 ไร่ที่พ่อแม่ทิ้งให้เป็นมรดก”

นายสุรัชชัย โฉมศรี วัย 43 ปี เกษตรกรบ้านหลักสี่ ต.หนองบัว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เล่าความเป็นมาของอาชีพหลัก ที่ลืมตาอ้าปากได้ด้วยมะนาวพันธุ์ใหม่ “แป้นพวงบ้านแพ้ว” จะว่าเพราะโชคช่วยหรือบังเอิญก็ว่าได้

ปี 2550 กลับมาบ้านแพ้วปรึกษาเพื่อนที่ปลูกมะนาวอยู่ก่อน แนะให้ปลูกพันธุ์แป้นรำไพ ลูกดก ร่วมพันธุ์บ้านแพ้ว มะนาวพันธุ์พื้นบ้าน ที่ทนโรค อายุยืนเก็บลูกได้นานเป็น 10 ปี เพราะถ้าพันธุ์แป้นรำไพอย่างเดียว เกิดมีปัญหาโรคระบาด โดยเฉพาะ โรคแคงเกอร์จะได้มีมะนาวพันธุ์พื้นบ้านให้เก็บขายได้ ไม่ต้องเสี่ยงเจ๊งมาก

“จริงอย่างที่เพื่อนบอก พันธุ์แป้นรำไพปลูกได้แค่ 5 ปีตายหมด เพราะสวนเราไม่ใช้สารเคมี กลัวมีปัญหากับตัวเองและคนซื้อ ต้นไหนเป็นโรคก็ถอนทิ้ง มีการเอาเมล็ดมาเพาะปลูกใหม่ตลอดเวลา ปลูกไปปลูกมา มีต้นหนึ่งแปลกกว่าต้นอื่น ลักษณะเหมือนพันธุ์พื้นบ้านมาก แต่ลูกดก เปลือกบาง ผ่าลูกออกมาดูมีน้ำเยอะ ขนาดลูกเล็กๆก็มีน้ำเยอะ เยอะกว่าแป้นรำไพ ที่สำคัญทนโรคเหมือนพันธุ์บ้านแพ้ว

เอาไปขายแม่ค้าชอบ ถามกันใหญ่ พันธุ์อะไร มาจากไหน เราก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก มันเกิดขึ้นมาเอง น่าจะมาจากเราปลูกมะนาว 2 พันธุ์ในสวนเดียวกัน แมลงมาช่วยผสมพันธุ์ข้ามไปข้ามมา เลยได้ลูกเป็นมะนาวพันธุ์ใหม่ และเราก็เอาเมล็ดมาเพาะ เลยได้ต้นพันธุ์ใหม่แบบไม่ตั้งใจ และแม่ค้าเลยช่วยตั้งชื่อ แป้นพวงบ้านแพ้ว นี่แหละ”

สุรัชชัย บอกถึงความโดดเด่นของมะนาวพันธุ์นี้ว่า เมื่อนำกิ่งตอนไปปลูก โตเร็ว เพียงแค่ 8-9 เดือน ติดดอก ออกผล ต่างกับพันธุ์อื่นๆต้องใช้เวลาเป็นปี…เก็บลูกได้ 3 ระยะ 3 ขนาด คือ เบอร์ลอย (เบอร์ 500) ได้ราคาลูกละ 8 บาท, เบอร์จัมโบ้ (เบอร์ 400) ขายดีที่สุด ลูกละ 10 บาท และเบอร์ยักษ์ (เบอร์ 300) ราคาลูกละ 13 บาท

ในขณะที่พันธุ์อื่นๆ ไม่สามารถเก็บขายแบบนี้ได้ แม้แต่พันธุ์แป้นรำไพก็ไม่ได้อย่างนี้…สนใจติดต่อได้ที่ 08-6176-0107.

ไชยรัตน์ ส้มฉุน

 

“สะเดารวยดอก” ลวกไม่ขมมันอร่อยทั้งปี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย นายเกษตร 22 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/668612


สะเดาชนิดนี้ พบขึ้นเองตามธรรมชาติเกือบทุกภาคของประเทศไทย โดยพบขึ้นในป่าเขตพื้นที่ จ.พิจิตร แล้วถูกนำต้นไปปลูกและขยายพันธุ์นานหลายปีแล้ว มีลักษณะเด่นประจำพันธุ์คือ ปลูกเจริญเติบโตได้ในทุกพื้นที่โดยไม่ต้องบำรุงปุ๋ยและใช้ยาฆ่าแมลงเลย สามารถมีดอกและยอดอ่อนตลอดทั้งปี แม้ในช่วงฤดูฝน ขนาดต้นไม่สูงใหญ่นัก ปลูกลงกระถางขนาดใหญ่ มีดอกและยอดอ่อนให้เก็บรับประทานไม่ขาดต้น ส่วนรสชาติดิบจะมีความขมเหมือนกับสะเดาทั่วไปทุกอย่าง แต่ถ้านำไปลวกความขมจะหายไป เหลือเพียงความมันอย่างเดียว รับประทานอร่อยมาก จึงถูกตั้งชื่อว่า “สะเดารวยดอก” ดังกล่าว ปัจจุบันได้รับการรับรองจากกองพืชสวน กรมวิชาการเกษตรว่าเป็นพืชปลอดสารพิษ ทำให้ “สะเดารวยดอก” เป็นที่นิยมแพร่หลายในเวลานี้

สะเดารวยดอก หรือ AZADIRACHTA INDICA JUSS, VAR.SIAMENSIS VAL. ชื่อสามัญ SIAMESE NEEM TREE. อยู่ในวงศ์ MELIACEAE เป็นไม้ยืนต้น ผลัดใบ ปลูกลงดินสูงได้ 20 เมตร ใบเป็นใบประกอบ ออกเรียงสลับ มีใบย่อย 7-9 คู่ ปลายแหลม โคนเบี้ยว ขอบใบจัก ดอก ออกเป็นช่อขนาดใหญ่ที่ปลายยอด มีกลีบดอก 5 กลีบ เป็นสีขาวอมเหลืองหรือขาวนวล มีเกสรตัวผู้ 10 อัน “ผล” รูปกลมรี เมื่อผลแก่เป็นสีเหลือง มีเมล็ด ซึ่งดอกและยอดอ่อนของ “สะเดารวยดอก” จะออกตลอดทั้งปีชนิดไม่ขาดต้นเลย สะเดาทั่วไปจะมีดอกและยอดอ่อนเฉพาะช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคมของทุกปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ประโยชน์ทางอาหาร ยอดอ่อน ดอกอ่อน ลวกหรือกินสดกับน้ำพริกชนิดต่างๆ อร่อยมาก โดยเฉพาะลวกจะไม่ขมอีกด้วย

ใคร ต้องการกิ่งตอนแท้ ติดต่อ “คุณเจษฎา สุวรรณศรี” 55/1หมู่ 14 ต.หนองบัว อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ โทร.08-1888-6245, 08-9666-7580 หรือที่งานมหกรรมสินค้าเกษตรและโอทอปแฟร์ จ.ลำปาง วันที่ 28 ก.ค.-3 ส.ค.59 ราคาสอบถามกันเอง ปลูกลงกระถางขนาดใหญ่ สามารถมีดอกและยอดอ่อนได้ทั้งปีเหมือนปลูกลงดินทุกอย่างครับ.

“นายเกษตร”

 

สร้างเสร็จแล้ว ‘อ่างเก็บน้ำคลองทรายขาว’ เพิ่มพื้นที่เกษตร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 ก.ค. 2559 12:34

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/668771


กรมชลประทานก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองทรายขาว อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เสร็จแล้ว พร้อมกักเก็บน้ำทันฤดูฝนนี้พอดี โดยมีความจุอ่าง 5.5 ล้านลูกบาศก์เมตร…

นายประพิศ จันทร์มา ผู้อำนวยการกองพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำคลองทรายขาว อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ว่า ขณะนี้ การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเสร็จ
เรียบร้อยแล้วสามารถกักเก็บน้ำได้ทันฤดูฝน 2559 นี้ โดยมีความจุอ่าง 5.5 ล้านลูกบาศก์เมตร 
ซึ่งจะเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับพื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 6,000 ไร่ ในเขต ต.อ่าวตง ต.วังมะปรางเหนือ ต.เขาวิเศษ และเทศบาลวังมะปราง ขณะเดียวกันใช้เป็นแหล่งน้ำดิบผลิตน้ำประปาของ อ.วังวิเศษ ซึ่งมักประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ
ในฤดูแล้งครอบคลุม 11 หมู่บ้าน 3 ตำบล และ 1 เทศบาลดังกล่าว ส่วนระบบส่งน้ำเป็นระบบท่อความยาว 32.25 กิโลเมตร พร้อมอาคารประกอบ จะดำเนินการก่อสร้างในปี 2560 คาดหมายว่าจะแล้วเสร็จในปี 2561

ทั้งนี้ เมื่อสร้างอ่างเก็บน้ำเสร็จสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที เป็นแหล่งกักเก็บน้ำต้นทุนสำหรับระบายลงลำน้ำเดิมสำหรับการเกษตรกรรม การรักษาระบบนิเวศ การประปา  และเมื่อก่อสร้างระบบส่งน้ำเสร็จตามมาจะเพิ่มพื้นที่การเกษตรได้ถึง 6,000 ไร่ แก้ปัญหาความเดือดร้อนเรื่องการขาดแคลนน้ำทำกิน โดยอ่างเก็บน้ำคลองทรายขาว ออกแบบให้มีความจุใกล้เคียงกับปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยรายปีประมาณ 5.49 ล้านลูกบาศก์เมตร.

 

ซื้อปุ๋ย…ให้มีธาตุอาหารรอง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย สะ-เล-เต 21 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/668001


เกษตรกรมักจะคิดว่าแค่ใส่แม่ปุ๋ยหลัก N P K ก็พอแล้ว พืชเจริญเติบโตได้ดี…ถือเป็นความเข้าใจผิด เพราะยังไงพืชจำเป็นต้องได้รับธาตุอาหารรอง ธาตุเสริมด้วย ถึงจะสมบูรณ์ให้ผลผลิตดี

ปุ๋ยที่ขายตามท้องตลาดบางเจ้าก็มีธาตุอาหารรอง ธาตุเสริม…บางเจ้าก็ไม่มี

แล้วจะซื้อปุ๋ยยังไงให้ไม่ถูกหลอก…วรารัตน์ วีรยวรางกูร นายกสมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย แนะก่อนอื่นให้เลือกซื้อปุ๋ยแบรนด์ที่เชื่อถือได้ มีฉลากกำกับ มีคำแนะนำต่างๆ ทั้งส่วนผสม วิธีการใช้ มีที่มาที่ไปชัดเจน และต้องเป็นปุ๋ยได้รับอนุญาตตามมาตรฐานของกรมวิชาการเกษตร

ประการถัดมา เลือก ปุ๋ยให้ตรงกับความต้องการ ของพืชและดิน สำคัญที่สุด เลือกปุ๋ยที่มีธาตุอาหารรองและธาตุเสริม…ปุ๋ยสำเร็จรูปที่ขายตามท้อง ตลาด บางส่วนไม่ได้ผสม ธาตุอาหารให้เราเพราะทำให้ต้นทุนแพงขึ้น

ธาตุอาหารรองและธาตุเสริม ทำไมจำเป็นต้องมี???

วรารัตน์ อธิบาย แคลเซียม เป็นธาตุอาหารรอง ช่วยซ่อมแซมประสาน เซลล์ เสริมความแข็งแรง ควบคุมรากให้ลงดิน ควบคุมการดูดน้ำและธาตุอาหารของเซลล์ เหนี่ยวนำการเจริญพันธุ์ เสริมความต้านทานโรคแมลง

แมกนีเซียม เป็นธาตุอาหารรอง เป็นองค์ประกอบคลอโรฟิลล์ ช่วยสังเคราะห์แสง กระตุ้นเอนไซม์ ที่ตรึงคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ ช่วยสังเคราะห์โปรตีน ควบคุมสภาพกรด-ด่าง เสริมสร้างผนังเซลล์พืชให้แข็งแรง

กำมะถัน เป็นธาตุอาหารรองอีกชนิด ช่วยทำให้โครงสร้างของโปรตีนจับกัน ช่วยให้เอนไซม์หลายชนิดทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ เป็นส่วนประกอบของการเกิดปฏิกิริยาเคมีในระดับเซลล์ ช่วยลดผลเสียจากการได้รับธาตุใดธาตุหนึ่งมากเกินไป ควบคุมการงอก ออกดอกของพืชที่ไวต่อช่วงแสงช่วยป้องกันโรคและแมลง

โบรอน เป็นธาตุเสริม ช่วยให้ผนังเซลล์มีความแข็งแรง ยืดหยุ่น ทำให้พืชแข็งแรง ดูดธาตุอาหารได้ดี ช่วยให้การเคลื่อนย้ายของสารในท่อลำเลียงไหลเวียนสะดวก

ซิงค์ เป็นธาตุเสริมอีกตัว ที่เป็นองค์ประกอบของเอนไซม์ ควบคุมปฏิกิริยาเคมีในระดับเซลล์ของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน รักษาเสถียรภาพของเยื่อหุ้มเซลล์ เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ออกซินและการเจริญพันธุ์

แต่หากเกิดพลาดซื้อปุ๋ยที่ไม่มีธาตุอาหารรองและธาตุเสริม ไม่ต้องวิตก…เราสามารถใช้ปุ๋ยเสริมทางใบหรือใช้ปุ๋ยมูลสัตว์ ปุ๋ยหมัก ไร่ละ 2-4 ตัน…ผสมให้ทั่วตั้งแต่ตอนเตรียมดิน ทดแทนได้เช่นกัน.

สะ-เล-เต