‘สุชัชวีร์’อุบรายชื่อแคนดิเดต เชื่อสู้พรรคอื่นได้ ย้ำส่งทุกภาครอเปิดตัว

'สุชัชวีร์'อุบรายชื่อแคนดิเดต เชื่อสู้พรรคอื่นได้ ย้ำส่งทุกภาครอเปิดตัว

‘สุชัชวีร์’อุบรายชื่อแคนดิเดต เชื่อสู้พรรคอื่นได้ ย้ำส่งทุกภาครอเปิดตัว

วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 13.51 น.

’สุชัชวีร์‘อุบรายชื่อแคนดิเดตลั่น พร้อมเป็นนายกฯ สู้พรรคอื่นได้ ยืนยัน ส่งทุกภาครอเปิดตัว เชื่อ’ไทยก้าวใหม่‘จะเป็นเป้าหมายของคนที่ต้องการการเมืองแบบใหม่ ชี้ หนุนแก้รัฐธรรมนูญ  

วันที่ 19 ธันวาคม 2568 เวลา 11.30 น.ที่พรรคไทยก้าวใหม่ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ กล่าวถึง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยก้าวใหม่ นายสุชัชวีร์ กล่าวว่าตนเป็นแคนดิเดต และพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ส่วนจะเป็นคนเดียวหรือไม่อยากให้ติดตาม ซึ่งเย็นนี้เป็นการ จัดงานระดมทุนและแสดงวิสัยทัศน์ของพรรคเท่านั้นไม่มีการเปิดรายชื่อแคนดิเดต ของพรรคไทยก้าวใหม่ซึ่งแน่นอนว่ามีหัวหน้าพรรคที่ประกาศความพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ต้องพาประเทศไทยก้าวใหม่ไปด้วยกันให้ได้ ส่วนจะมีรายชื่อใครบ้างขอให้ติดตามในสัปดาห์หน้า รับรองว่ามีเซอร์ไพรส์แน่นอน

เมื่อถามว่าเมื่อเห็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคอื่น จะสู้ไหวหรือไม่นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกคนมีดีและทำการเมืองแบบใหม่ จะเห็นว่าเป็นการผสมผสานคนที่เป็นมืออาชีพ และมีความพร้อม และเป็นมีคนที่รู้จักการเมืองไทย พรรคไทยก้าวใหม่พิสูจน์มาแล้วว่าเสียสละทุ่มเทกับประชาชน แต่ที่ชัดเจนคือวันนี้ทีมงานพรรคแทบทั้งหมดเป็นคนใหม่ ดังนั้นการมี ที่มีคดีเด็ดนายกรัฐมนตรีเป็นคนใหม่เป็นสิ่งที่ดีและเราทำตัวอย่างมาแล้ว นายกควรจะเป็นคนมืออาชีพคนรุ่นใหม่ ที่นำความรู้ วิชาการ และการต่างประเทศมาใช้

ส่วนการส่งผู้สมัครตนอยากให้ติดตามเราส่งทุกภาค แม้เวลาจะสั้นแต่พรรคไทยก้าวใหม่ ยืนยันส่งทุกภาค

เมื่อถามว่ากลุ่มเป้าหมายใกล้เคียงกับพรรคประชาธิปัตย์จะสู้อย่างไร นาย สุชัชวีร์ กล่าวว่า วันนี้ตนเชื่อว่าคนเบื่อการเมืองเดิมอยากให้ประเทศไทยก้าวใหม่จริง ถ้าความคิดแบบเก่าคนเก่าสุดท้ายประเทศไทยก็ย่ำอยู่กับที่ แต่ในขณะที่วันนี้โลกไปไกลแล้วปัญหาซับซ้อนมากมายเกินกว่าที่จะใช้อะไรแบบเก่าๆ ดังนั้นเป้าหมายคือคนไทยทุกคนที่อยากเห็นการเมืองใหม่ การเมืองแบบสร้างสรรค์

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์เพราะยังมีสภาวะความขัดแย้งกับบริเวณชายแดนไทย -กัมพูชาอยู่ นายสุชัชวีร์กล่าวว่าเรื่องนี้ตนตอบไม่ได้ แต่วันนี้พรรคเตรียมตัวเกินร้อยมีความพร้อมเกินร้อยที่จะเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ทั้งนี้เรื่องอื่นเราก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร 

ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคสนับสนุนที่ทำให้การเมืองไทยเข้มแข็งขึ้น และเสียใจที่เหตุการณ์ที่ผ่านมา มีการเล่นการเมืองเกินไปจนสุดท้ายแล้วไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนจริงๆ

บิ๊กเนมมาแล้ว1 ไทยก้าวใหม่เปิดตัว ‘ตั๊น จิตภัสร์’ ลงปาร์ตี้ลิสต์ นั่งหัวหน้าทีมเสมอภาค

บิ๊กเนมมาแล้ว1 ไทยก้าวใหม่เปิดตัว 'ตั๊น จิตภัสร์' ลงปาร์ตี้ลิสต์ นั่งหัวหน้าทีมเสมอภาค

บิ๊กเนมมาแล้ว1 ไทยก้าวใหม่เปิดตัว ‘ตั๊น จิตภัสร์’ ลงปาร์ตี้ลิสต์ นั่งหัวหน้าทีมเสมอภาค

วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 13.41 น.

บิ๊กเนมมาแล้ว1! ‘ตั๊น จิตภัสร์‘ เปิดตัวซบ ‘ไทยก้าวใหม่’ ลงสมัครปาร์ตี้ลิสต์ พ่วงนั่ง ‘หัวหน้าทีมเสมอภาคและความมั่นคงของมนุษย์’ เผยอุดมการณ์ตรงกัน รับยังไม่ไขก๊อก ที่ปรึกษา ‘สุชาติ’ เหตุเวลาเลือกตั้งกระชั้นชิด 

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 ธันวาคม 2568ที่พรรคไทยก้าวใหม่ นำโดยนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ เปิดตัวน.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ผู้ประสงค์ลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ 

โดยนายสุชัชวีร์ กล่าวว่า พรรคไทยก้าวใหม่ตั้งใจที่จะสร้างความการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทยในช่วงวิกฤตทุกเรื่อง การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนั้นเราต้องการคนรุ่นใหม่ที่มีความเป็นมืออาชีพพร้อมเสียสละให้กับประเทศไทย และองค์ประกอบสำคัญสำหรับการเสียสละของนักการเมืองคือความซื่อสัตย์สุจริต และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ และวันนี้พรรคไทยก้าวใหม่ขอต้อนรับผู้หญิงเก่ง มุ่งมั่นทำงานเพื่อสังคมมาตลอดทางชีวิตและอยู่ในครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่พิสูจน์เป็นประจักษ์ว่าลูกหลานเกิดมาต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและมุ่งมั่นเสียสละต่อประชาชนและมีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นคนดีไม่มีการทุจริตคอรัปชั่น คือ น.ส.จิตภัสร์ โดยตนเชิญมาเป็นหัวหน้าทีมเสมอภาคและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งตรงกับธนูดอกที่ 1 ประเทศเปลี่ยนไม่ได้ถ้าทุนมนุษย์เราไม่เข้มแข็ง

ด้านน.ส.จิตภัสร์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสนี้ถือว่าเป็นก้าวใหม่ของตนเอง เพราะเราอยู่ในแวดวงการเมืองมาเกือบ 18 ปี ซึ่งมีคิดว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งในชีวิตทางการเมืองที่จะมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้มีโอกาสและมีพื้นที่ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของแผ่นดินและประชาชน เชื่อมั่นว่า จะทำงานตรงนี้ได้อย่างเต็มที่เนื่องจากเคยทำงานกันมาก่อนแล้วและเชื่อว่าพรรคนี้จะเป็นช่องทางและโอกาสให้กับประชาชนได้มีโอกาสเลือกพรรคใหม่ๆ

“ต้องยอมรับว่า วันนี้มีทั้งปลาเก่าและพรรคใหม่หลายพรรคแต่เชื่อว่าพรรคไทยก้าวใหม่จะเป็นอีกหนึ่งพรรคที่จะเสนอตัวรับใช้ประชาชนและจะฝากถึงประชาชน ขอโอกาสให้กับพรรคไทยก้าวใหม่ได้ทำงานรับใช้ทั้งในสภาและบริหาร เพราะพรรคไทยก้าวใหม่มีคณะทำงานที่ครบทุกด้าน การได้รับตำแหน่งหัวหน้าทีมเสมอภาคและความมั่นคงของมนุษย์ ตรงกับตนเอง ตนดีใจและจะพยายามทำหน้าที่นี้ถ้าอย่างเต็มที่” น.ส.จิตภัสร์ กล่าว

จากนั้นคุณหญิงกัลยา โสภณพานิช ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยก้าวใหม่ ได้มอบเสื้อและหมวกสัญลักษณ์ของพรรคให้กับน.ส.จิตภัสร์ และถ่ายรูปร่วมกัน 

ต่อมาน.ส.จิตภัสร์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการตัดสินใจร่วมงานกับพรรคไทยก้าวใหม่ ว่า ขณะนี้ยังดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะขณะนั้นได้รับการเทียบเชิญไปเป็นที่ปรึกษาให้ไปทำงาน ซึ่งเราก็ไปทำงาน แม้ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ก็ตาม แต่ตอนนี้เป็นช่วงที่ทุกคน ต้องสามัคคีกันทำงานเพื่อชาติและแผ่นดิน และเวลากระชั้นชิดมาก การยุบสภาครั้งนี้เป็นการยุบที่เร็วมาก เราต้องตั้งหลักในการที่จะเตรียมตัวลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งต่อไป 

เมื่อถามว่าทำไมถึงไม่อยู่กับพรรคของรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น.ส.จิตภัสร์ กล่าวว่า ตัวเองได้มีการพูดคุยกับนายสุชัชวีร์ จึงมองว่าพรรคนี้มีหลายนโยบายตรงกับ อุดมการณ์ของตนเองและตนเคยทำงานร่วมกันมาก่อน 

“แม้ขณะนี้มีการเปิดตัวกับพรรคไทยก้าวใหม่แล้วตนก็ยังไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งตนก็ได้ถามรัฐมนตรีไปว่าจะต้องลาออกหรือไม่ทางรัฐมนตรีไม่ได้ว่ากล่าวอะไร” น.ส.จิตภัสร์ กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยก้าวใหม่ ขณะนี้มี 2 คนคือนายสุชัชวีร์สุวรรณสวัสดิ์และคุณหญิงกัลยา โสภณพานิช ส่วนคนที่ 3 กำลังพิจารณาอยู่

พงศ์กวิน เตรียมแผน ยศชนัน ช่วยหาเสียง กทม. สัปดาห์หน้าเพื่อไทยเปิดตัว สส. 400 เขต

พงศ์กวิน เตรียมแผน ยศชนัน ช่วยหาเสียง กทม. สัปดาห์หน้าเพื่อไทยเปิดตัว สส. 400 เขต

พงศ์กวิน เตรียมแผน ยศชนัน ช่วยหาเสียง กทม. สัปดาห์หน้าเพื่อไทยเปิดตัว สส. 400 เขต

วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 13.24 น.

‘พงศ์กวิน’ เผย เตรียมแผนให้ ‘ยศชนัน’ ช่วยหาเสียง กทม. รับทุกพรรคเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว บอก สัปดาห์หน้า ‘เพื่อไทย’ พร้อมเปิดตัว สส. 400 เขต

เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 19 ธ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะกำกับดูแลพื้นที่ กทม. กล่าวถึงความพร้อมการเลือกตั้งในส่วนของพื้นที่ กทม. ว่า พรรคประชาธิปัตย์พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทยต่างส่งคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งทุกพรรคถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวหากถามว่าใครดีที่สุด คงตอบไม่ได้ เพราะสุดท้ายขึ้นอยู่กับการมุ่งมั่นทำให้ประชาชนรู้สึกเข้าใจนโยบายของพรรค และความมุ่งมั่นของผู้สมัคร

เมื่อถามว่า พรรคประชาชนถือเป็นพรรคที่มีกระแสมีความกังวลหรือไม่ นายพงศ์กวิน กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคประชาชนได้ สส.พื้นที่ กทม. 32 เขต จาก 33 เขต ถือเป็นพรรคที่น่ากลัวในการทำกระแส และเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม พรรคเพื่อไทยฐานะเป็นผู้ท้าชิงต้องพยายามทำให้ดีที่สุด และสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับประชาชนที่เป็นผู้เลือก

เมื่อถามว่า กรณีพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคเข้ามาทำหน้าที่จะแบ่งคะแนนได้หรือไม่ นายพงศ์กวิน กล่าวว่า ตอนนี้ยังประเมินลำบาก ต้องรอใกล้วันเลือกตั้งกว่านี้ ซึ่งเดิมพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยครองพื้นที่ กทม. มาก่อน และการที่นายอภิสิทธิ์กลับมาก็เป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นพรรคที่น่ากลัว

เมื่อถามว่า ตั้งเป้าที่นั่งพื้นที่ กทม. ไว้อย่างไร นายพงศ์กวิน กล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้ แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า วางโปรแกรมนายยศชนัน วงสวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ในการช่วยหาเสียงในพื้นที่ กทม. ไว้อย่างไร นายพงศ์กวิน กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้วางแผนไว้ เพราะเพิ่งเปิดตัวนายยศชนัน ไป ตอนนี้อยู่ระหว่างการไปดีเบตตามเวที และสื่อต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจถึงนโยบายของพรรค ตอนนี้ต้องให้เวลาในการไปทำภารกิจนี้ก่อน หลังจากนี้ตนจะต้องไปพูดคุย เพื่อให้มาช่วยในพื้นที่ กทม.

เมื่อถามว่า วางยุทธศาสตร์การสู้ศึกในพื้นที่ กทม. ไว้อย่างไร นายพงศ์กวิน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยคงทำเหมือนที่เคยทำมาก่อน เพราะสุดท้ายขึ้นอยู่กับการทำพื้นที่ ซึ่ง สส. พรรคเพื่อไทยขึ้นชื่อเรื่องนี้อยู่แล้วในการเข้าถึงประชาชน พร้อมย้ำว่า จะทำให้ดีที่สุด ส่วนการสร้างกระแสก็มีหลายส่วนเข้ามาผสมผสานกัน 

นายพงศ์กวิน กล่าวว่า ขณะนี้ผู้สมัครมีความพร้อมทั้งหมดแล้ว และวันนี้จะมีการมายื่นเจตจำนงในการลงสมัค สส. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจคุณสมบัติ คาดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะทุกคนทราบแล้วว่าจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร รวมถึงเราได้สกรีนเบื้องต้นไปแล้ว โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการเปิดตัวผู้สมัครทั้ง 400 เขตอีกครั้ง

อนุทิน รับดอกไม้ กลุ่ม ศปปส. ประกาศลั่น ไทยไม่มีแพ้ ขอมั่นใจ พร้อมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ทหาร

อนุทิน รับดอกไม้ กลุ่ม ศปปส. ประกาศลั่น ไทยไม่มีแพ้ ขอมั่นใจ พร้อมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ทหาร

อนุทิน รับดอกไม้ กลุ่ม ศปปส. ประกาศลั่น ไทยไม่มีแพ้ ขอมั่นใจ พร้อมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ทหาร

วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 12.30 น.

“อนุทิน” เปิดพรรค รับดอกไม้-หนังสือกลุ่มศปปส. ให้กำลังใจ ปกป้องอธิบไตย ลั่น ไทยไม่มีแพ้ ขอมั่นใจ พร้อมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ทหาร 

วันที่ 19 ธันวาคม 2568 เวลา 11.40 น.  ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กลุ่มพสกนิกรปกป้องดินแดนและรักสถาบัน ซึ่งประกอบไปด้วย มวลชนจากจังหวัดอยุธยา สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี เพชรบุรี และกลุ่มศปปส. นำจดหมายเปิดผนึก พร้อมดอกไม้ มายื่นให้กำลังใจต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เรื่องการพิทักษ์อธิปไตยและการธำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของประเทศไทย จากการรุกรานของต่างชาติ โดยเนื้อหาระบุว่า ในนามของภาคประชาชนผู้ยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ขอแสดงความห่วงใย และขอส่งกำลังใจมายังนายกรัฐมนตรีต่อสถานการณ์ความตึงเครียดและความไม่สงบที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา ใน 3 ประเด็น 

 1.พวกเราขอสนับสนุนต่อการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลรักษาการภายใต้การนำของนายกฯ ด้วยความมุ่งมั่นรอบคอบ และยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยจากการคุกคามของต่างชาติ พร้อมทั้งพยายามอย่างเต็มกำลังในการคลี่คลายสถานการณ์และธำรงไว้ซึ่งความสงบสุขของประชาชนโดยรวม

2.พวกเราขอร่วมส่งกำลังใจและแสดงความเชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรี ในการยืนหยัดปฏิบัติภารกิจอันสำคัญยิ่งในการปกป้องอธิปไตย รักษาศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของชาติ อันเป็นมรดกที่บรรพชนได้สืบสานและปกป้องไว้ด้วยความเสียสละอย่างสูงสุด ขอเป็นพลังใจให้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวด้วยความเข้มแข็ง สุขุม และสง่างาม เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนสืบไป ขอแสดงความนับถืออย่างสูง และ 3.ขอส่งกําลังใจให้พี่น้องทหาร ที่อยู่ตามแนวชายแดน 

โดยระหว่างที่แกนนําอ่านแถลงการณ์นายอนุทินได้ยินฟังอยู่ข้างหลัง ก่อนจะเดินออกมารับมอบหนังสือเปิดผนึก พร้อมกล่าวว่า ขอขอบคุณที่มาให้กําลังใจในการทํางานของตน และรัฐบาล ตลอดจนกองทัพ สิ่งที่ท่านมาในวันนี้และคําแถลงของท่าน ถือเป็นขวัญกําลังใจให้กับคนทํางาน ที่กําลังทําหน้าที่ปกป้องอธิปไตย และ เกียรติภูมิของประเทศไทย เชื่อว่าขวัญกําลังใจเหล่านี้ จะช่วยให้เรามีความมุ่งมั่น และมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง 

“เรามีพี่น้องประชาชนคอยเป็นกําแพงอันยิ่งใหญ่ด้านหลังของเราตลอดเวลา ฉะนั้นเราไม่มีวันที่จะหงายหลังล้ม เป็นอันขาด ในการต่อสู้ ตอบโต้และรับมือ กับผู้ที่รุกรานประเทศของเรา ผมให้ความมั่นใจ เพราะผมได้ทํางานอย่างใกล้ชิด กับฝ่ายกองทัพ และทหาร ยังไม่มีครั้งไหนเลย ที่ผู้นําทางทหารของเราจะไม่มั่นใจ ถามกี่ครั้งคําตอบก็คือไม่มีวันแพ้ เราไม่อยากจะใช้คําว่าชนะ เพราะเราไม่ได้ไปรุกรานเขา เราเป็นประเทศที่รักสงบแต่ก็ ไม่ยอมให้ใครรุกราน แต่ถามว่ากลัวไหม ไม่มีกลัว ถามว่าพร้อมไหม ทหารบอกว่าพร้อมยิ่งกว่าพร้อม และรัฐบาลสนับสนุนทหารอย่างเต็มที่”นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า  ในสถานการณ์เช่นนี้นายกฯ ของท่านก็คือคนไทยคนหนึ่ง ที่จะไม่ยอมให้ใครเข้ามารุกรานอธิปไตยของเรา ตนพร้อมให้การสนับสนุนสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่ กับพี่น้องทหารทุกคน ขอให้ทุกท่านมีความมั่นใจ เราดําเนินการมาจนเข้าเป้าทุกอย่าง ตนไม่อยากใช้คําว่าจบ เพราะคําว่าจบ มันคือความการสูญเสียอะไรหลายๆ อย่าง เราไม่อยากพูดแบบนั้นเพราะชีวิตของคนไทยหรือใครก็ตาม เราไม่อยากให้มีการสูญเสีย ก็จะพยายามทําให้ดีที่สุดขอให้มั่นใจ เราชนะแน่นอน 

เลือดใหม่ ปชป.! ‘วิเวียน จุลมนต์’ลงชิงสส.‘จตุจักร หลักสี่ บางเขน’ ชูเชี่ยวชาญวิทยาศาสตร์-วิศวกรรม

เลือดใหม่ ปชป.! ‘วิเวียน จุลมนต์’ลงชิงสส.‘จตุจักร หลักสี่ บางเขน’ ชูเชี่ยวชาญวิทยาศาสตร์-วิศวกรรม

เลือดใหม่ ปชป.! ‘วิเวียน จุลมนต์’ลงชิงสส.‘จตุจักร หลักสี่ บางเขน’ ชูเชี่ยวชาญวิทยาศาสตร์-วิศวกรรม

วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 12.24 น.

เลือดใหม่ ปชป.! ‘วิเวียน จุลมนต์’ลงสนามเลือกตั้ง กทม.‘จตุจักร หลักสี่ บางเขน’ ชูความเชี่ยวชาญวิทยาศาสตร์-วิศวกรรม เสนอนโยบายจากข้อมูลจริงของประชาชน

19 ธันวาคม 2568 นางสาววิเวียน จุลมนต์ หรือ อีฟ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ เขต 9 ครอบคลุมพื้นที่ จตุจักร หลักสี่ และบางเขน เปิดเผยว่า ตนมีพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และการวิจัย โดยให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลจากประชาชนมาใช้เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

นางสาววิเวียน กล่าวว่า ด้วยความรู้ด้านการจัดการวิศวกรรม รวมถึงเทคโนโลยีการจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสถาบัน SIIT และปริญญาโทวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำให้สามารถเข้าถึงและคัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาประเทศ ทั้งในด้านการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากกลุ่มอาชีพรับจ้าง

ผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ รายนี้ ยังระบุว่า ปัจจุบันยังคงทำงานวิจัยด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยให้ความสนใจการนำสมุนไพรไทยมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการรักษาโรคมะเร็ง เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรักษาให้กับประชาชน และลดต้นทุนการรักษาให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการแพทย์แบบมุ่งเป้าได้ในราคาที่เหมาะสม ลดการพึ่งพายาจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว

นางสาววิเวียน กล่าวเพิ่มเติมว่า การตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ มาจากความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรคที่ยังคงยึดประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก พร้อมระบุว่า ปัจจุบันพรรคประชาธิปัตย์มีทีมบริหารชุดใหม่ที่มีประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพ พร้อมขับเคลื่อนการเมืองด้วยความสุจริต และมุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับประเทศต่อไป

‘มงคลกิตติ์’ประกาศลาออก’ปชป.’ หลังไม่ได้รับคัดเลือก ยันพร้อมสนับสนุนพรรคสู่ชัยชนะ

'มงคลกิตติ์'ประกาศลาออก'ปชป.' หลังไม่ได้รับคัดเลือก ยันพร้อมสนับสนุนพรรคสู่ชัยชนะ

‘มงคลกิตติ์’ประกาศลาออก’ปชป.’ หลังไม่ได้รับคัดเลือก ยันพร้อมสนับสนุนพรรคสู่ชัยชนะ

วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 12.20 น.

“เต้ มงคลกิตติ์” ประกาศลาออกจากสมาชิก ปชป. หลังไม่ได้รับคัดเลือกลงสมัคร สส.กทม เขต 7- ยัน ยังพร้อมสนับสนุนพรรคสู่ชัยชนะ

19 ธันวาคม 2568 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เปิดเผยภายหลังลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภายหลังไม่ได้รับการคัดเลือกให้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต พื้นที่ กทม เขต 7 โดยเหตุผลหลักมาจากการที่คุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่พรรคกำหนด

นายมงคลกิตติ์ ระบุว่า ตนเคารพการตัดสินใจของคณะกรรมการสรรหา และเข้าใจถึงหลักเกณฑ์และกระบวนการคัดสรรผู้สมัคร ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับของพรรค พร้อมยืนยันว่า การลาออกครั้งนี้เป็นไปด้วยดี ไม่มีความขัดแย้งหรือความบาดหมางใด ๆ เกิดขึ้น

“แม้จะไม่ได้ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ แต่ผมยังมีความปรารถนาดีต่อพรรค และพร้อมจะเป็นกำลังใจ เป็นแรงสนับสนุนให้พรรคประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตามเป้าหมายที่พรรคได้วางไว้ และเป็นกำลังใจให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำพรรคสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้” นายมงคลกิตติ์กล่าว

ทั้งนี้ นายมงคลกิตติ์ ยังไม่ได้เปิดเผยถึงทิศทางทางการเมืองในอนาคตว่าจะเข้าร่วมกับพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ โดยระบุเพียงว่า ขอใช้เวลาพิจารณาบทบาทของตนเองอย่างรอบคอบ และจะคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ

มาแล้ว! ศปปส. รวมตัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้กำลังใจนายกฯอนุทิน ป้องอธิบไตยไทย

มาแล้ว! ศปปส. รวมตัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้กำลังใจนายกฯอนุทิน ป้องอธิบไตยไทย

มาแล้ว! ศปปส. รวมตัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้กำลังใจนายกฯอนุทิน ป้องอธิบไตยไทย

วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 11.59 น.

วันที่ 19 ธันวาคม 2568 ที่พรรคภูมิใจไทย ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน(ศปปส.) กลุ่มพสกนิกรปกป้องแผ่นดินไทยรักษาไว้ซึ่งสถาบัน รวมตัวมายื่นหนังสือให้กำลังใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในการปกป้องแผ่นดินจากกรณีเหตุประทะชายแดนไทย-กัมพูชา

สถานการณ์สู้รบ ไทย-กัมพูชา ไม่ใช่ ‘ชาตินิยมสู่คูหาเลือกตั้ง’

สถานการณ์สู้รบ ไทย-กัมพูชา ไม่ใช่ ‘ชาตินิยมสู่คูหาเลือกตั้ง’

สถานการณ์สู้รบ ไทย-กัมพูชา ไม่ใช่ ‘ชาตินิยมสู่คูหาเลือกตั้ง’

วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 11.35 น.

การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เกิดขึ้นในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569

เพียงแค่ปฏิทินเลือกตั้งปรากฏ เสียงวิเคราะห์บางแบบก็โผล่ขึ้นมาทันทีชายแดนถูกดึงไปผูกกับคูหา และเสียงปืนถูกแปลความหมายเป็นการเมือง

มุมมองลักษณะนี้ ไม่ได้เริ่มจากภาพที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ แต่เริ่มจากความเชื่อว่าทุกสถานการณ์ต้องโยงกลับไปที่การเลือกตั้ง

เมื่อแนวคิดนี้ถูกใช้ต่อเนื่อง ปลายทางของเรื่อง ย่อมต้องมีชื่อของคนที่ “ได้ประโยชน์ทางการเมือง”

และในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังจะเลือกตั้ง ชื่อที่ถูกหยิบขึ้นมา ก็คือผู้นำรัฐบาล

สถานการณ์สู้รบ ไทยกัมพูชา

ในฐานะนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่กำลังนำประเทศเข้าสู่การเลือกตั้งมวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569
อนุทิน ชาญวีรกูล จึงถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ได้อานิสงส์ทางการเมืองจากสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน

ในสายตาของมุมมองแบบนี้ ชายแดนไม่ใช่อธิปไตย แต่กลายเป็นฉาก ทหารไม่ใช่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ แต่ถูกลดบทบาทให้เป็นองค์ประกอบทางการเมือง

สิ่งที่ถูกมองข้ามไปในการอธิบายเช่นนี้ คือความจริงพื้นฐานอย่างหนึ่ง

ชาตินิยมของสังคมไทย ไม่ได้ถูกสั่ง ไม่ได้ถูกจัดฉาก และไม่ต้องรอฤดูเลือกตั้ง

ทุกครั้งที่อธิปไตยถูกคุกคาม ทุกครั้งที่มีทหารไทยบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ปฏิกิริยาของสังคมจะเกิดขึ้นเอง

มันไม่ใช่ผลของการปลุก แต่เป็นสัญชาตญาณของรัฐ และเป็นความรู้สึกของคนในประเทศ ที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องมีใครสั่งการ

แต่คำอธิบายแบบนี้ ถูกดึงไปคนละทิศทาง เมื่อชื่อของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้นำทางความคิดของพรรคประชาชน ถูกนำเข้ามาอยู่ในสมการเดียวกัน

โดยธนาธร อ้างในรายการ “กรรมกรข่าวคุยนอกจอ” ของสรยุทธ สุทัศนจินดา ว่า

สถานการณ์สู้รบ ไทยกัมพูชา

“ผู้นำทางการเมืองทั้งสองฝั่งและทุกประเทศ ไม่ควรใช้สงครามสร้างความนิยม โดยไทยเองก็มีเจตนากำลังทำในลักษณะนี้”

ถ้อยคำนี้ เหมารวมผู้นำทุกประเทศ ให้อยู่ในสมการเดียวกัน ว่ากำลังใช้สงครามเป็นเครื่องมือทางความนิยม

และในสมการเดียวกันนั้น รัฐบาลไทยถูกพาเข้าไปอยู่ในข้อกล่าวหา ว่ามี “เจตนา” ใช้สถานการณ์ความมั่นคง เพื่อเป้าหมายทางการเมือง

ขณะเดียวกัน ธนาธรพาเรื่องไปไกลกว่านั้น ด้วยการอ้างว่า หากวันนั้น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือ ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ
เป็นนายกรัฐมนตรี ความสูญเสียของทหารไทย และประชาชน จะไม่เกิดขึ้น

คำอ้างเช่นนี้ไม่ได้เป็นแค่การวิจารณ์รัฐบาลแต่มันกำลังบอกเป็นนัยว่า ชีวิตทหารไทย คือผลข้างเคียงของการเมือง

กองทัพจึงถูกลากไปอยู่ฝั่งตรงข้ามประชาชนอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้ชุดความคิดเดิม ที่ถูกหยิบมาใช้ทุกครั้งที่เกิดสถานการณ์ด้านความมั่นคง

ธนาธรไม่ได้แยกกัมพูชาออกจากสิ่งที่พูด แต่เหมารวมผู้นำทุกประเทศว่ากำลังทำสิ่งเดียวกัน

การพูดในลักษณะนี้ ฟังดูเท่าเทียม ฟังดูสะอาด และฟังดูสูงส่งราวกับยืนอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งหมด

แต่สิ่งที่หายไปจากคำอธิบายแบบนี้ คือความต่างของเงื่อนไขทางการเมือง

สถานการณ์สู้รบ ไทยกัมพูชา

ประเทศไทย กำลังเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง รัฐบาลต้องเผชิญการตรวจสอบจากประชาชน ต้องเผชิญแรงกดดันจากคะแนนนิยม และต้องรับต้นทุนทางการเมือง ทุกครั้งที่สถานการณ์ชายแดนลุกลาม

การตัดสินใจด้านความมั่นคง ในบริบทนี้ไม่ให้ผลเป็นคะแนนโดยอัตโนมัติ แต่เป็นภาระที่รัฐบาลต้องแบกรับโดยตรง

กัมพูชา ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขแบบเดียวกัน

ฮุน เซน ไม่ต้องพึ่งการตัดสินจากคูหาเลือกตั้ง ไม่ต้องรับแรงกดดันจากคะแนนนิยม แต่ใช้อำนาจรัฐ ชาตินิยม และศัตรูภายนอก เป็นเครื่องมือค้ำอำนาจมาอย่างยาวนาน

การขยับตามแนวชายแดนครั้งนี้ เป็นการขยับของฝ่ายกัมพูชา ภายใต้การนำของ ฮุน เซน ที่ไม่ได้เดินตามจังหวะการเลือกตั้ง แต่เดินตามโครงสร้างอำนาจและกลไกการรักษาอำนาจของรัฐ

เมื่อผู้นำทุกประเทศถูกเหมารวมให้อยู่ในระดับเดียวกัน ความต่างระหว่าง รัฐที่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน กับรัฐที่ใช้อำนาจนำ ก็ถูกลบออกไปจากการอธิบายทั้งหมด

สถานการณ์สู้รบ ไทยกัมพูชา

ผลที่ตามมา คือประเทศไทยถูกดึงกลับมาอยู่กลางข้อกล่าวหา รัฐที่ใช้ชาตินิยมเพื่อเดินเข้าสู่คูหาเลือกตั้ง

ทั้งที่ต้นทุนของสถานการณ์จริง คือชีวิต แรงกดดันระหว่างประเทศ และความเสี่ยงที่ไม่มีรัฐบาลไหนอยากแบก ก่อนวันเลือกตั้ง

การลากคำว่า “ชาตินิยม” ไปผูกกับ “คูหาเลือกตั้ง” ทำให้ความมั่นคงของรัฐถูกลดระดับ เหลือเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการเมือง

ทหารในสายตาแบบนี้ ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ แต่เป็นต้นทุน

ความตาย ไม่ใช่ผลของการเผชิญหน้าระหว่างรัฐ แต่ถูกอธิบายผ่านบัตรเลือกตั้ง

สถานการณ์สู้รบ ไทยกัมพูชา

สถานการณ์สู้รบ ไทย-กัมพูชา ไม่ใช่ชาตินิยมสู่คูหาเลือกตั้ง

มันคือการปะทะที่เกิดขึ้นจริงในโลกที่อุดมคติไม่ต้องรับผิดชอบต่อความสูญเสีย

และเป็นโลกที่ความมั่นคง ไม่อาจถูกตีความด้วยสมมติฐานทางการเมือง เพียงอย่างเดียว.

ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์

มนพร เพ้อ! ปลุกเลือกเพื่อไทยทุกจังหวัด ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ชูนโยบายแก้หนี้สิน

มนพร เพ้อ! ปลุกเลือกเพื่อไทยทุกจังหวัด ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ชูนโยบายแก้หนี้สิน

มนพร เพ้อ! ปลุกเลือกเพื่อไทยทุกจังหวัด ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ชูนโยบายแก้หนี้สิน

วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 11.05 น.

“มนพร“ ปลุกเลือกพท.ทุกจว.ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก เดินหน้าชูนโยบายแก้หนี้สิน ช่วยเหลือปชช. มั่นใจรบ.ที่มีศักยภาพจะต้องหาเงินเป็น ยกรบ.อดีตนายกฯ ”ทักษิณ“ แก้หนี้  IMF สำเร็จมาแล้ว

วันที่ 19 ธันวาคม 2568 นางมนพร เจริญศรี อดีต สส.เขต 2 นครพนม พรรคเพื่อไทย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีต รมช.คมนาคม ปราศรัยพบปะชาวบ้าน ชูนโยบายสนับสนุนพรรคเพื่อไทย รวมพลังชาวนครพนม เลือกนายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ อดีต สส.เขต 1 นครพนม พรรคเพื่อไทย นายธนากรณ์ ปราณีนิตย์ ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 3 นครพนม และ ดร.ชาญชัย คำจำปา ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 4 นครพนม พรรคเพื่อไทย โดยมีการชูนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การแก้ไขปัญหายาเสพติด การส่งเสริมอาชีพ การพัฒนาเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว ยืนยันความจำเป็นนโยบายแก้หนี้สินในครัวเรือน ในช่วงพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาล 2 ปีที่ผ่านมา ได้แก้ปัญหาหนี้สิน ช่วยเหลือประชาชน รวมถึงเกษตรกรมาแล้วจำนวนมาก สามารถฟื้นฟูแก้สภาพคล่องในการค้า การลงทุน มีงานมีอาชีพ มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงมีความจำเป็นจะต้องสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เข้ามาสานต่อตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก เดินหน้าแก้ปัญหาหนี้สิน

นางมนพร กล่าวว่า ยอมรับว่ารัฐบาลไม่ได้มีโอกาสตั้งรัฐบาลมานานกว่า 10 ปี หลังเข้ามาตั้งรัฐบาลได้สองปี ได้เร่งผลักดันทุกนโยบาย เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย เนื่องจากเกิดวิกฤตด้านเศรษฐกิจ ทำให้สินค้าราคาแพงขึ้น ค่าครองชีพสูง ประชาชนเกิดหนี้สินมากขึ้น หาเงินยาก ทำให้พรรคเพื่อไทยพยายามเร่งช่วยเหลือปัญหาหนี้สินแก่ประชาชนมาตลอด สำหรับนโยบายที่จะต้องสานต่อคือ การแก้หนี้สินให้กับประชาชน ที่มีปัญหาหนี้นอกระบบ ผ่านธนาคารออมสิน ธนาคาร ธกส. ให้สามารถกู้ได้คนละ 50,000 บาท ไม่ต้องมีคนค้ำ นอกจากนี้ยังมีนโยบายแก้หนี้เสียสำหรับประชาชน ที่เป็นหนี้กับธนาคารรัฐ ไม่เกิน 2 แสนบาท ชำระเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นรัฐบาลช่วยเหลือ รวมถึงช่วยเกษตรกร พักชำระหนี้ ทั้งต้น และดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี โดยสองปีที่เป็นรัฐบาลแก้หนี้ช่วยเกษตรกรมาแล้วกว่า 6 แสนราย แต่วงเงินคนละไม่เกิน 3 แสนบาท หากเป็นรัฐบาลรอบหน้าเพิ่มวงเงินเป็น 5 แสนบาท 

“ถามว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเอาเงินมาจากไหน ยืนยันว่าหากเป็นรัฐบาลที่มีศักยภาพ ไม่ต้องกังวลจะเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนสร้างหนี้เพิ่ม จะต้องมีการบริหารจัดการที่ดี และสามารถหาเงินมาบริหารประเทศได้ ไม่ก่อหนี้ให้ประเทศได้รับผลกระทบ ยกตัวอย่างรัฐบาลอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร สามารถบริหารจัดการแก้ไขปัญหาหนี้ IMF จนสำเร็จมาแล้ว ทำให้ประเทศไทยพ้นวิกฤตกลับมายืนหยัดบนเวทีอาเซียนอีกครั้ง ถึงเวลารวมพลังเลือกเพื่อไทยทุกจังหวัด เข้ามาเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก สานต่อทุกนโยบายรวมถึงเดินหน้าแก้หนี้สินในครัวเรือน ให้ประชาชน มีงาน มีอาชีพมีรายได้ เพิ่มขึ้น สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวของประเทศ” นางมนพร กล่าว 

เลขา กกต. ส่งกำลังใจถึงเจ้าหน้าที่จัดเลือกตั้ง งานสำคัญของบ้านเมือง มั่นใจงานจะออกมาดี

เลขา กกต. ส่งกำลังใจถึงเจ้าหน้าที่จัดเลือกตั้ง งานสำคัญของบ้านเมือง มั่นใจงานจะออกมาดี

เลขา กกต. ส่งกำลังใจถึงเจ้าหน้าที่จัดเลือกตั้ง งานสำคัญของบ้านเมือง มั่นใจงานจะออกมาดี

วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 11.01 น.

“เลขาฯกกต.” ส่งกำลังใจถึงเจ้าหน้าที่จัดเลือกตั้ง  งานหนักแต่มั่นใจ ให้มองเป็นความท้าทายจัดเลือกตั้ง ท่ามกลางสถาน การณ์สู่รบ 7 จังหวัดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา  ปีใหม่ปีนี้อาจแตกต่างจากทุกปี   มองเป็นการมอบของขวัญให้กับคนไทย 

วันที่ 19 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ส่งข้อความในกลุ่มไลน์สำนักงาน กกต. ระบุว่า พี่น้อง กกต.บ้านเราอยู่ในโหมดต้องรับผิดชอบงานของบ้านเมือง อย่างน้อย 3 งานใหญ่ คือ เลือก อบต. เลือก สส. และการออกเสียงประชามติ (ไม่นับการเลือกแทนตำแหน่งที่ว่างที่มีอยู่เป็นประจำ)

เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีแบบนี้ ที่งานทั้ง 3 งาน   ครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศพร้อมกัน     บางจังหวัดก็มีงานลักษณะพิเศษเพิ่มเติม เช่น  พื้นที่ที่มีสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน 7 จังหวัด  หรือจังหวัด ปราจีนบุรี ที่มีการจัดการเลือกตั้ง นายก อบจ.แทนตำแหน่งที่ว่างพร้อมกัน   รวมเป็น 4 งาน   ด้วยกำลังคนที่มีจังหวัดละ 20 คน เราเหนื่อยมากขึ้นอย่างแน่นอน   แต่มันเป็นหน้าที่ และเป็นความท้าทายที่เราอยู่ตรงนี้พอดี

“ผมมั่นใจในพี่น้องเราทุกคน ว่าจะทำทุกงานออกมาดี   เป็นที่ยอมรับตามความคาดหวังของสังคม    ผมขอส่งกำลังใจ มาถึงพี่น้องเราทุกคนในยามที่ต้องทำงานสำคัญของบ้านเมืองให้ออกมาดีและเป็นที่ยอมรับ และผมขอโทษที่ไม่สามารถจัดหาคนให้พี่น้องเราให้พอเพียง  ตามกรอบในเวลาอันสำคัญแบบนี้   ทำให้ลำบากมากขึ้นเป็นเท่าทวีขึ้นไปอีก แต่ไม่ว่ามันจะออกมาอย่างไรก็ขอให้เราภูมิใจที่ได้มาทำในหน้าตรงนี้”  นายแสวง  ระบุ

นายแสวง   ยังระบุว่า ปีใหม่ปีนี้สำหรับเรา มันคงต่างออกไป แต่เราสามารถมอบของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทย จากงานของเราที่กำลังทำอยู่ได้