กล้าไหม?! แก้ผ้าดินเนอร์กลางลอนดอน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/616178

โดย มิสแซฟไฟร์ 7 พ.ค. 2559 05:01

 

โลกเรามีไอเดียพิลึกผุดขึ้นไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน ใครว่าคิดได้เจ๋งแล้ว ยังต้องทึ่งเมื่อเจอกับไอเดียนี้ของค่ายธุรกิจ “โลลลี่ป๊อป” (Lollipop) ที่ชวนคนมานั่งแก้ผ้าเปลือยเปล่าอาบแสงจันทร์ รับประทานอาหารแบบคลีนๆในภัตตาคารคอนเซปต์ใหม่ ใจกลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

แก้ผ้าเย้ยฟ้าท้าดินขนาดเนี้ย ใครจะกินเข้าไปลง!! หลายคนคงคิดแบบนี้ แต่ขอโทษนะคะ ตั้งแต่ภัตตาคาร “Bunyadi” เปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้าทางเว็บไซต์ ก็มีลูกค้าแห่มาเข้าคิวเวตติ้งลิสต์มากกว่า 32,000 คน เพราะอยากลองของใหม่ ของแปลกสักครั้งในชีวิตว่า จะรู้สึกวาบหวิวขนาดไหน ถ้าต้องเปลือยเปล่าล่อนจ้อน นั่งดินเนอร์หรูใต้แสงเทียน แถมทุกคนในร้านยังแก้ผ้าเหมือนกันหมด ราวกับกำลังอยู่ในงานเลี้ยงของเหล่าทวยเทพเทวดานางฟ้า

คนที่ตั้งใจจะแก้ผ้ามาทานอาหารร้านนี้ มีเวลาฟิตหุ่นตระเตรียมรูปร่างให้พร้อมอวดประชาชีจนถึงเดือนมิถุนายน ซึ่งร้าน “บันยาดี” กำหนดฤกษ์ดีเปิดให้บริการในรูปแบบป๊อปอัพ เรสเตอรองต์ ส่วนพิกัดที่ตั้งยังขออุบไว้เป็นความลับ ถ้าไปตั้งอยู่ข้างหอนาฬิกาบิ๊กเบน คงได้สั่นเทิ้มกันไปทั้งร่าง แต่ก็ได้บรรยากาศแปลกใหม่ไปอีกแบบหนึ่ง เก๋ไก๋จะตายได้แก้ผ้ากินข้าวโต้ลม ชมทิวทัศน์เมืองลอนดอน

แม้แต่เจ้า ของไอเดียแหวก โลกอย่าง “เซ็บ ไลออล” ผู้ก่อตั้งโลลลี่ป๊อป ยังตกใจกับปฏิกิริยาของผู้ คนที่ให้การขานรับมากเกินคาด เขาคุยฟุ้งว่า คิดไอเดียนี้ขึ้นมา เพราะอยากให้คนได้สัมผัสประสบการณ์แบบอิสรชนอย่างแท้จริง (นึกถึงภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อนในตำนานของ “จอห์น เลนนอน” กับ “โยโกะ โอโนะ”) ได้มีโอกาสที่จะดื่มด่ำกับความรู้สึกของการแก้ผ้าอาบแสงจันทร์ด้วยความบริสุทธิ์ทั้งกายใจ โดยปราศจากสารเคมี ไร้มลภาวะ ไร้สิ่งปรุงแต่ง ปลอดจากเครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ แม้แต่เสื้อผ้าสักชิ้นก็ไม่ต้องใส่ให้เกะกะรุงรัง

เมนูอาหารของที่นี่ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะทุกเมนูใช้วัตถุดิบออแกนิกจากธรรมชาติล้วนๆ ปรุงด้วยเตาฟืนไม่ใช้แก๊ส มีให้เลือกทั้งเมนูมังสวิรัติและเมนูปกติ วิธีการเสิร์ฟก็จะเสิร์ฟบนภาชนะดินเผาและไม้ ทุกอย่างในภัตตาคารล้วนอิงกับธรรมชาติ ภายในจะตกแต่งด้วยไม้และไม้ไผ่ มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ล็อกเกอร์เก็บของไว้คอยให้บริการ โดยกติกาสำคัญของภัตตาคารล่อนจ้อนคือ ห้ามถ่ายรูป และห้ามพกพาโทรศัพท์มือถือเข้าไปเด็ดขาด

ใครอยากลองแก้ผ้าดินเนอร์อาบแสงจันทร์ สนนราคาตกหัวละ 55-65 ปอนด์ คิดเป็นเงินไทยราว 2,800-3,300 บาท มีโต๊ะแค่ 42 ที่นั่ง บริการแบบเฟิร์สคัมเฟิร์สเสิร์ฟ วีไอพีแค่ไหนก็ใช้เส้นเบ่งไม่ได้ ต้องมาต่อคิวกันหน้างาน เพื่อกันเหนียวสำหรับคนใจป๊อด ไม่กล้าแก้ผ้าต่อหน้าชาวบ้าน ทางร้านยังมีโซนดินเนอร์พิเศษให้บริการเช่นกัน แต่รับประกันว่าบริกรทุกคนในร้านเดินแก้ผ้าเสิร์ฟตลอดค่ำคืน จะปกปิดเฉพาะจุดซ่อนเร้นสำคัญ เพื่อความคล่องตัวในการทำงานเท่านั้น

ศิลปะกับอนาจาร มีเส้นกั้นกลางบางๆนิดเดียว การลุกขึ้นแก้ผ้าเพื่อประท้วง หรือเรียกร้องสิทธิเสรีภาพต่างๆ ก็ถือเป็นการแสดงออกที่ได้รับการยอมรับในสังคมตะวันตก เช่นเดียวกับไอเดียพิลึกๆที่จับคนมาเปลือยกายล่อนจ้อนรับประทานอาหาร ฝรั่งเค้าทึ่งมากกว่าจะยี้ เพราะถือเป็นการทดลองปฏิกิริยาทางสังคม ยังมีคนเยอะแยะที่อยากกลับไปเป็นอดัมกับอีฟ ทิ้งโลกดิจิตอล และสิ่งรุงรังเยอะแยะทั้งหลาย เปิดใจให้ธรรมชาติได้โอบกอดเราอย่างแท้จริง นี่คือแบบฝึกหัดทำชีวิตให้ “เบาหวิว” ที่ไม่ธรรมดาเลย.

มิสแซฟไฟร์

หลับอย่างไรให้มีคุณภาพ แบบอัจฉริยะโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/613009

โดย มิสแซฟไฟร์ 30 เม.ย. 2559 05:01

 

ไม่ได้ชื่อบังอรเอาแต่นอนหรอกค่ะ แต่เป็นคนให้ความสำคัญกับการนอนอย่างมีคุณภาพมากๆ ไม่ว่าจะเหนื่อยล้าเคร่งเครียดมาจากไหน แต่เมื่อได้ล้มตัวลงนอนเต็มอิ่ม พอตื่นขึ้นมาความอ่อนล้าก็หายเป็นปลิดทิ้งไปเลย นี่ล่ะคือความมหัศจรรย์ของกลไกธรรมชาติ ที่ร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ในยามหลับใหล

คนดังๆระดับโลกล้วนให้ความสำคัญกับเรื่องการนอน โดยแต่ละคนก็มีเทคนิคการนอนหลับอย่างมีคุณภาพแตกต่างกันไป มีบุคคลดังๆในประวัติศาสตร์โลกจำนวนไม่น้อยที่ประสบปัญหาเรื่องการนอนผิดปกติ ที่ขึ้นชื่อลือชามากคือ นายกรัฐมนตรีในตำนานของสหราชอาณาจักร “เซอร์วินสตัน เชอร์ชิลล์” ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษสงครามแห่งศตวรรษที่ 20 ท่านเซอร์ชอบงีบหลับระหว่างวันเพื่อสะสมพลังงาน โดยมีนิสัยประหลาดอย่างหนึ่งคือ จะต้องตื่นขึ้นมาตอนตีห้าทุกวันเพื่อดื่มวิสกี้ผสมโซดาแก้วโต ก่อนจะงีบหลับต่ออีก 2 ชั่วโมง แล้วค่อยตื่นมาทำงานยาว จากนั้นในช่วงหลังอาฟเตอร์นูนทีก็จะงีบอีกสองชั่วโมง แล้วจึงลุยงานยาวถึงตีสามตีสี่ เฉลี่ยแล้วในแต่ละวันท่านเซอร์จะนอนหลับรวมกัน 5-6 ชั่วโมง ผู้นำคนดังของเมืองผู้ดีเชื่อว่า การงีบหลับระหว่างมื้ออาหารกลางวันและมื้อเย็นเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิต เพราะเมื่อร่างกายได้ชาร์จแบตระหว่างวันจะทำให้ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น และไอเดียสร้างสรรค์กระฉูดอย่างเหลือเชื่อ ท่านเซอร์ยังมีเคล็ดลับส่วนตัวที่ทำให้หลับง่ายขึ้น ภายในห้องนอนจะจัดวางเตียงคู่ เมื่อไหร่ข่มตาหลับไม่ลง ก็จะย้ายไปนอนอีกเตียงหนึ่ง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

อัจฉริยะของโลกอย่าง “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์” เป็นคนนอนเก่งนอนเยอะไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน ถ้าวันไหนทำงานหนักก็อาจนอนยาวถึง 11 ชั่วโมงเต็ม สาเหตุที่เขาชอบนอนมาก เพราะมักจะฝันและจินตนาการเรื่องราวประหลาดๆที่ช่วยให้ปิ๊งไอเดียในการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ส่วนการงีบระหว่างวันก็เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับคนจีเนียส นอกจากจะช่วยให้จิตใจกระปรี้กระเปร่า ยังทำให้เขามีความคิดสร้างสรรค์ปราดเปรื่องขึ้นกว่าเดิม

คนดังยุคใหม่ก็ให้ความสำคัญกับการนอนอย่างมีคุณภาพ ดูอย่าง “เอเรียนนา ฮัฟฟิงตัน” เจ้าแม่เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ออนไลน์ทรงอิทธิพลที่สุดในปัจจุบัน หลังจากช็อกหมดสติเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอเมื่อหลายปีก่อน นับแต่นั้นมาเธอก็เอาจริงเอาจังกับเรื่องการนอนหลับพักผ่อนให้เต็มอิ่มเป็นอย่างมาก โดยจัดแจงปรับเปลี่ยนบรรยากาศห้องนอนให้เงียบสงบปราศจากสิ่งรบกวนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ทีวี คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ แถมก่อนเข้านอนยังต้องแช่น้ำร้อนกับเกลือทะเล เหยาะน้ำมันกลิ่นลาเวนเดอร์ เพื่อให้จิตใจสงบ และร่างกายผ่อนคลายจากความเครียด ขั้นตอนสุดท้ายคือการอ่านหนังสือบทกวีหรือปรัชญาเล่มโปรด เพื่อให้เคลิ้มหลับสบายบนเตียงนุ่มๆ

นักว่ายน้ำโอลิมปิกคนดังของอเมริกาอย่าง “ไมเคิล เฟลป์ส” มีเทคนิคการนอนแปลกประหลาดไม่เหมือนใคร เตียงนอนของเขาจะตั้งสูงเหนือพื้นมากกว่าปกติ เพื่อทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยลง และกระตุ้นให้ร่างกายต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงเพิ่ม และส่งออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เขาเชื่อเต็มหัวใจว่า ผลลัพธ์จากการนอนอย่างสร้างสรรค์จะช่วยเพิ่มความอึดและขีดความสามารถในการอดทนของร่างกาย เพื่อให้พร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับการแข่งขันขับเคี่ยวรุนแรง

ส่วนพระเอกฮอลลีวูด “ทอม ครูซ” นอนกรนสนั่นบ้านสร้างปัญหาให้ชีวิตคู่มานาน จนต้องเข้ารับการบำบัด และได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้ติดตั้งห้องนอนกันเสียงกรน เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนคนอื่นในบ้าน จากการรายงานของเดลี่เมล์ระบุว่า ตั้งแต่สมัยยังรักกันดีกับ “เคที โฮล์มส์” ครูซลงทุนไป 20 ล้านปอนด์ เพื่อปรับห้องนอนรับแขกในคฤหาสน์สุดหรูย่านเบเวอร์ลี่ ฮิลล์ส ให้เป็นห้องนอนกันเสียงกรน ที่เสียงจะไม่มีวันเล็ดลอดออกไปเด็ดขาด แถมบรรยากาศยังผ่อนคลายมากๆสำหรับคนนอนกรน โดยห้องกันเสียงกรนจะเป็นห้องเล็กๆติดกับห้องนอนใหญ่ มีประตูเปิดเชื่อมถึงกัน ภายในห้องมีระบบดูดซับเสียงอย่างดี ทำให้นอนหลับลึกหลับสบายไม่ถูกกวนใจกลางดึก.

มิสแซฟไฟร์

25 บริษัทเงินเดือนสูงสุดในโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/609359

โดย มิสแซฟไฟร์ 23 เม.ย. 2559 05:01

 

ยุคนี้ถ้าอยากก้าวหน้าเร็วมีเงินเดือนสูง ก็ต้องกระโดดเข้าไปทำงานในแวดวงบริษัทที่ปรึกษากลยุทธ์ธุรกิจข้ามชาติ หรือไม่ก็อุตสาหกรรมไฮเทค เพราะเป็นตลาดแรงงานที่ยอมทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแย่งซื้อตัวคนเก่งๆมีความสามารถ เงินเดือนจึงสูงลิ่วชนิดไร้เพดานขวางกั้นให้เซ็งจิต!!

เว็บไซต์การจ้างงานทรงอิทธิพลที่สุดของอเมริกา “กลาสดอร์” จัดอันดับ 25 บริษัทเงินเดือนสูงสุดในแดนมะกัน ประจำปี 2016 นอกจากจะรวบรวมตัวเลขเงินเดือนเฉลี่ยแล้ว ยังหยิบรายได้พิเศษอื่นๆมาคำนวณด้วย ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากค่าคอมมิชชั่น, โบนัส และโอที โดยบริษัทเงินเดือนสูงอันดับหนึ่งยกให้ “A.T.Kearney” บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการธุรกิจระดับโลก ตั้งอยู่ในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ พนักงานที่นี่มีรายได้เฉลี่ยปีละ 167,534 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 6.03 ล้านบาท ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทใหญ่ที่สอบเข้าทำงานยากที่สุดแห่งหนึ่งของอเมริกา และเป็นบริษัทในฝันของบัณฑิตจบใหม่ เพราะมีครบทั้งความมั่นคง, อนาคตก้าวหน้าทางการงาน, เงินเดือนสูง แถมวัฒนธรรมองค์กรยังเจ๋งซะด้วย ทำให้พนักงานส่วนใหญ่รักและภักดีกับบริษัท

บริษัทเงินเดือนสูงรองเป็นอันดับสองคือ “Strategy&”เป็นบริษัทลูกในเครือของ PwC มีออฟฟิศใหญ่อยู่ในนิวยอร์ก ร่ำรวยจากการให้บริการและรับปรึกษาวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจระดับโลก รวมถึงการประเมินโอกาสและความเสี่ยงในการลงทุนธุรกิจ พนักงานของบริษัทนี้มีเงินเดือนเฉลี่ยปีละ 160,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตกราว 5.76 ล้านบาท บรรยากาศการทำงานที่นี่เต็มไปด้วยความเคี่ยวข้น พร้อมรีดศักยภาพที่ซ่อนเร้นออกมาทุกหยาดหยด

แม้ “กูเกิ้ล” และ “เฟซบุ๊ก” จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมไฮเทค แต่เอาเข้าจริงๆแล้วสองบริษัทนี้ไม่ได้ให้ผลตอบแทนพนักงานสูงที่สุด เพราะยังมีบริษัทไฮเทคอื่นๆใจปํ้ากว่า มาแรงแบบเงียบๆยกให้ “Juniper Networks” บรรษัทข้ามชาติเจ้าแห่งนวัตกรรมการผลิตอุปกรณ์สำหรับการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กคอมพิวเตอร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1996 ตั้งอยู่ในซันนีเวล รัฐแคลิฟอร์เนีย ปัจจุบันมีพนักงานเกือบ 9,500 คน เงินเดือนเฉลี่ยสูงเป็นอันดับสามของอเมริกา 157,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบเป็นเงินไทยได้ราว 5.65 ล้านบาท

เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการธุรกิจที่ตัวเลขเงินเดือนสูงลิ่ว สำหรับ “McKinsey & Company” ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนิวยอร์ก เงินเดือนเฉลี่ยของที่นี่อยู่ที่ 155,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 5.58 ล้านบาท มีแต่คนระดับหัวกะทิเท่านั้นที่จะผ่านด่านเข้ามาเป็นสมาชิกของแมคคินซีย์

ใครๆก็คงอยากรู้ว่าบริษัทไฮเทคใหญ่สุดอย่าง “Google” ซึ่งทำเงินมหาศาลจากการเป็นเสิร์ชเอนจิ้นทางอินเตอร์เน็ตที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลก จะมีฐานเงินเดือนสูงขนาดไหน “กลาสดอร์” ค้นคำตอบมาให้เช่นกัน พนักงานกูเกิ้ลได้เงินเดือนเฉลี่ยปีละ 123,331 ดอลลาร์สหรัฐฯ และเพิ่งมีการปรับค่าโอทีกับโบนัสเพิ่มเพื่อป้องกันสมองไหล ทำให้รายได้เฉลี่ยขยับขึ้นไปที่ 153,750 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับเงินไทย 5.58 ล้านบาท

“VMware” เป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยีการผลิตระบบคลาวด์ซอฟต์แวร์ ซึ่งทำหน้าที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ พนักงานของที่นี่มีรายได้เฉลี่ย 152,133 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 5.47 ล้านบาท โดดเด่นเป็นที่ร่ำลือเรื่องสวัสดิการดีเว่อร์ จึงรั้งอันดับ 6 ของการจัดอันดับ

“Amazon Lab 126” ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2004 เพื่อเป็นหน่วยวิจัยพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์และรูปแบบการให้บริการของเว็บไซต์อเมซอน ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกทางออนไลน์ พนักงานของที่นี่มีเงินเดือนเฉลี่ย 150,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 5.41 ล้านบาท สูงกว่าพนักงานของ “Facebook” และ “Twitter” ที่มีรายได้เฉลี่ย 150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบเท่าเงินไทย 5.40 ล้านบาท เลยถูกจัดอันดับอยู่ที่ 12 และ 13 สาเหตุที่จ้างถูกกว่าคนอื่นได้ เพราะชื่อเสียงของทั้งคู่ดึงดูดให้ใครๆก็อยากทำงานด้วย เลยไม่ต้องเอาเงินมาล่อเยอะ

ส่วน “ไมโครซอฟท์” ที่เคยครองแชมป์หลายสำนัก ปีนี้สู้แรงอัดฉีดไม่ไหวจริงๆ เลยหลุดไปอยู่อันดับที่ 22 เกือบรั้งท้าย เพราะจ่ายเงินเดือนให้พนักงานได้เต็มที่ 141,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบเท่าเงินไทย 5.07 ล้านบาท บวกลบคูณหารแล้วถ้ากำไรยังหดตัวไม่เลิก อาจต้องฟรีซไม่ขึ้นเงินเดือนไปอีกหลายปี อย่างนี้ต้องซดใบบัวบกแก้เก๊กซิม.

มิสแซฟไฟร์

พิชิต 7 สิ่งมหัศจรรย์อันซีนของโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/606049

โดย มิสแซฟไฟร์ 16 เม.ย. 2559 05:01

 

โลกของเรากว้างใหญ่ไพศาลกว่าที่คิด นอกจากสิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7 ของโลก และสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่คนทั้งโลกใฝ่ฝันอยากไปเยือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนอันเร้นลับให้ตามไปค้นพบความมหัศจรรย์ เห็นแล้วต้องอุทานดังๆ…โอ้โห!! ธรรมชาติช่างสรรค์สร้างได้อะเมซซิ่งจริงๆ

“มาเรียต้า ไอส์แลนด์ส” เป็นหมู่เกาะเล็กๆห่างออกไปไม่กี่ไมล์จากชายฝั่งทะเลนายาริต ประเทศเม็กซิโก ขึ้นชื่อว่าเป็นเพชรเม็ดงามที่ถูกซ่อนเร้นไว้อย่างมิดชิด ยังคงความบริสุทธิ์งดงามตามธรรมชาติทุกกระเบียดนิ้ว เพราะได้รับการปกป้องจากรัฐบาลเม็กซิกันให้เป็นเขตห้ามจับปลาและทำประมง หมู่เกาะแห่งนี้มีหาด สวรรค์ที่ไม่ธรรมดาซุกซ่อนอย่างเร้นลับ ร่ำลือว่าหาดทรายขาวสะอาดตาและน้ำทะเลใสดุจคริสตัล ใครอยากชื่นชมความงาม ต้องพายเรือคยัก หรือว่ายน้ำฝ่ากระแสคลื่นลมลอดอุโมงค์ทะเลเข้าไปสถานเดียว

“ฮัวกาชินา” เป็นโอเอซิสเขียวชอุ่มกลางทะเลทราย ตั้งอยู่ ทางใต้ของเมืองลิมา ประเทศเปรู ท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแหล่งน้ำเกิดขึ้นในสภาพภูมิประเทศแห้งแล้งเช่นนี้ โอเอซิสแห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์สำคัญๆของโลก จนได้รับการขนานนามเป็น “โอเอซิส ออฟ อเมริกา” แต่ ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันซีน ที่นักผจญภัยจากทั่วโลกนิยมเดินทางมาแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ โดยหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมคือ การเล่นเซิร์ฟบอร์ดสไลด์บนเนินทราย และการขับรถวิบากตะลุยเนินทราย

“หมู่บ้านโบราณบลาไก” ตั้งอยู่ในบอสเนียแอนด์เฮอร์เซโกวินา เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนที่ไม่ค่อยมีใครได้ไปเยือน ตั้งแต่อดีตกาลเคยเป็นที่อยู่อาศัยเก่าแก่ของชุมชนชาวเดอร์วิช ซึ่งเป็นผู้ปกครองยิ่งใหญ่ในดินแดนแถบแหลมแอฟริกาในยุคก่อนการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก บ้านเรือนของชาวเดอร์วิชสร้างขึ้นด้วยไม้เกือบทั้งหลังจากภูมิปัญญาท้องถิ่นอันน่าทึ่ง

“ทะเลสาบแปงกอง” เป็นทะเลสาบแสนสวยบนเทือกเขาหิมาลัย ตั้งอยู่บนความสูงถึง 4,250 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีความยาว 60 ไมล์ ทอดตัวจากอินเดียทางตอนเหนือ บริเวณเขตลาดักห์ แคว้นจัมมู และแคชเมียร์ ไปยังเขตทิเบตของประเทศจีน ถือเป็นหนึ่งในทะเลสาบยาวที่สุดของเอเชีย การเดินทางค่อนข้างยากลำบาก แต่ก็คุ้มค่ากับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สรรค์สร้างมา เพราะน้ำใสดุจมรกตไม่ต่างจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเลย

อลังการธรรมชาติจริงๆ จนต้องอ้าปากค้าง สำหรับ “ถ้ำหินอ่อนการ์เรรา” หรือที่บางคนเรียกขานว่า “ถ้ำหินอ่อนมหาวิหาร” เพราะงดงามไม่แพ้สถาปัตยกรรมชั้นเลิศของมหาวิหารดังระดับโลก ตั้งอยู่บนคาบสมุทรเหนือทะเลสาบการ์เรรา อยู่ระหว่างชายแดนประเทศอาร์เจนตินาและชิลี เป็นถ้ำที่เกิดจากกระแสน้ำกัดเซาะเป็นระยะเวลานับล้านปี จนภูเขาหินอ่อนเกิดเป็นโครงข่ายถ้ำหินอ่อนที่วิจิตรงดงามไม่เหมือนถ้ำแห่งใดในโลก

กัวเตมาลาเป็นประเทศที่มีทัศนียภาพทางธรรมชาติงดงามน่าทึ่งไม่แพ้ใคร โดยหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนที่น่าไปเยือนที่สุดก็เห็นจะเป็น “ซีมัค แชมเปย์” อนุสรณ์สถานทางธรรมชาติ ที่ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากรัฐบาล ความมหัศจรรย์น่าตื่นตาตื่นใจของเพชรเม็ดงามแห่งกัวเตมาลา อยู่ที่สะพานหินปูนธรรมชาติที่พาดผ่านแม่น้ำเขียวใสดุจเทอร์คอยส์ ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของป่าเขาลำเนาไพร ที่ใครไปเยือนเป็นต้องตื่นตะลึง

“ซิลฟรา ฟิชชัวร์” ตั้งอยู่ในเขตวนอุทยานธิงเวลลีร์ ของหมู่เกาะไอซ์แลนด์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมหัศจรรย์ที่ผู้ไปเยือนจะได้มีโอกาสแหวกว่ายไปมาระหว่างสองทวีปของโลกคือ อเมริกาเหนือ และยุโรป พร้อมตื่นตาตื่นใจกับการดำน้ำลึกที่รอยแยกซิลฟรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรอยแตกแยกแอตแลนติก เส้นแบ่งระหว่างสองทวีปใหญ่ของโลก คนรักการดำน้ำต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต.

มิสแซฟไฟร์

รวมอาชีพพิสดารยุคใหม่ รวยทันใจไม่ง้อใคร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/602921

โดย มิสแซฟไฟร์ 9 เม.ย. 2559 05:01

 

ก็ด้วยพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้เกิดอาชีพแปลกใหม่พิสดารไม่คาดฝัน ที่สามารถทำเงินทำทองได้เป็นกอบเป็นกำเหลือเชื่อ เผลอๆรายได้ดีกว่าซีอีโอบริษัทใหญ่ๆจะบอกให้

ยุคนี้มีแต่คนขี้เหงา เพราะใช้ชีวิตแบบตัวใครตัวมันซะเป็นส่วนใหญ่ ความเหงานี่เอง ทำให้เกิดอาชีพสุดติ่งกระดิ่งแมวอย่าง “บริการรับจ้างกอดทั่วราชอาณาจักร” คิดค่าบริการชั่วโมงละ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ รับประกันอ้อมกอดอบอุ่นถึงใจ คนคิดบริการนี้คือ “ซาแมนธา เฮสส์” อยู่ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน เพื่อแบ่งเบาภาระทางอารมณ์ของ คนยุคใหม่ อย่างน้อยการได้รับอ้อมกอดจากคนแปลกหน้า ก็ช่วยให้ชีวิตกระชุ่มกระชวยขึ้น

“รับจ้างดูทีวี” อะไรมันจะหาเงินง่ายดายปานนั้น แต่อาชีพนี้มีอยู่จริงในอเมริกา ต้องใช้ทักษะสูง เพราะหน้าที่ของคนรับจ้างดูทีวี คือการนั่งสแกนรายการทีวีแต่ละรายการ แล้วบอกให้ได้ว่าช่วงไหนโดนใจไม่โดนใจ สมควรแก่การนำมาออกอากาศ เพื่อการันตีเรตติ้ง หลายรายการดังๆของอเมริกา เช่น “Daily Show” และ “Jimmy Kimmel Live” มีพนักงานตำแหน่งนี้โดยเฉพาะ รายได้ดีจนน่าตกใจ เพราะจ่ายกันที่อาทิตย์ละ 500-600 ดอลลาร์สหรัฐฯ

“เพื่อนเจ้าสาวสำเร็จรูป” รับจ้างเป็นเพื่อนเจ้าสาวในงานวิวาห์ของสาวๆ โดยตระเตรียมทุกอย่างให้หมด รวมถึงการฟอร์มทีมเพื่อนเจ้าสาว มาช่วยต้อนรับแขกเหรื่อเพื่อสร้างบรรยากาศคึกคักในงานแต่ง สนนราคาของค่าบริการมีตั้งแต่งานละ 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไปจนถึง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับรายละเอียดความยากง่ายหลังจากเรือไททานิคจมเพราะชนภูเขาน้ำแข็ง เมื่อปี 1912 จนเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ก็ทำให้เกิดอาชีพใหม่นั่นคือ “หน่วยเคลียร์ ภูเขาน้ำแข็ง” ก่อตั้งขึ้นโดยหน่วยลาดตระเวนชายฝั่งของอเมริกา เพื่อ ค้นหาพิกัดของภูเขาน้ำแข็ง และเคลียร์เส้นทางการเดินเรือที่ปลอดภัย

คนญาติน้อยน่าจะโดนใจกับบริการนี้ เพราะที่อังกฤษมีธุรกิจ “บริการให้เช่าญาติร่วมงานศพ” คิดอัตราค่าเช่า 2 ชั่วโมง 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จริงต้องมาดูงานที่เมืองไทยด้วยซ้ำ เพราะบ้านเราแอดวานซ์กว่ามีรับจ้างร้องไห้หน้างานศพมานานแล้ว

“ผู้ทดสอบวีดิโอเกม” อาชีพนี้ไม่ได้โดนจ้างมาเล่นเกมอย่างเดียวว่าสนุกหรือไม่สนุก แต่ต้องหาจุดบกพร่องของเกมแต่ละเกม นำมารายงานเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด ส่วนใหญ่จะได้ค่าจ้างเป็นรายชั่วโมง และมีรายได้สูงขึ้นตามประสบการณ์ความชำนาญ สนนราคาเริ่มต้นที่ชั่วโมงละ 8-15 ดอลลาร์สหรัฐฯ

“นักชิมอาหาร” เป็นอีกหนึ่งอาชีพทำเงินทำทองได้มากหน้าที่หลักคือการชิมอาหารแยกแยะสสาร ใช้บริการกันเยอะในแวดวงอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ยกตัวอย่างเช่น นักชิมไอศกรีม ก็ต้องชิมตัวอย่างไอศกรีมทุกยี่ห้อ แล้วแยกให้ออกมาว่าแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันอย่างไร มีลักษณะเด่นตรงไหน อาชีพนี้ทำเงินมหาศาลให้หลายบริษัท เพราะสามารถนำไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์ เพื่อเอาชนะคู่แข่ง

“นักพิสูจน์กลิ่นลมหายใจ” ในแวดวงอุตสาหกรรมยาสีฟัน หมากฝรั่งและน้ำยาบ้วนปาก จะใช้บริการอาชีพนี้กันเยอะ เพราะ พวกเขาช่วยทำหน้าที่ทดสอบความสดชื่นของกลิ่นลมหายใจ และประเมิน ประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ออกใหม่ เพื่อฟีดแบ็กกลับไปให้ผู้ผลิตได้ปรับปรุงแก้ไขโปรดักส์จนโดนใจผู้บริโภคที่สุด

คนรักสุนัขวางใจได้ เพราะกว่าผู้ผลิตอาหารสุนัขจะคิดค้นเมนูเด็ดๆมาเอาใจเจ้าตูบ ต้องผ่านการทดสอบคุณภาพและรสชาติมาแล้วอย่างเข้มข้น โดยอาศัยความชำนาญของ “นักชิมอาหารหมา” พวกเขาเหล่านี้มักจะชิมให้รู้รสชาติ และจะคายทิ้งทันที ก่อนจดบันทึกอย่างละเอียด

“นักเขียนคำทำนายฟอร์จูน คุ้กกี้” เป็นอาชีพที่ต้องอาศัยใจรักและพรสวรรค์ แต่ก็คุ้มแสนคุ้มเมื่อเทียบกับค่าจ้างปีละ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สามารถเลี้ยงตัวเองได้สบายในฐานะฟรีแลนซ์
ไม่ต้องถูกกดขี่แรงงาน

“คนรับจ้างเข้าคิวแทน” อาชีพนี้มีไว้เอาใจคนขี้เกียจรอคิวนาน สนนราคาค่าจ้างตกอาทิตย์ละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นงานฟรีแลนซ์ที่ไม่ต้องอาศัยทักษะมาก นอกจากความอดทน จะรายได้ดีเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลมหกรรมเซลส์ต่างๆ และตอนเปิดตัวโปรดักส์ฮอตฮิตใหม่ๆ อย่างมือถือรุ่นใหม่ของไอโฟน.

มิสแซฟไฟร์

เลิกทรมานจากการนอนไม่หลับ เปลี่ยนฝันร้ายเป็นฝันดีซะ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/599463

โดย มิสแซฟไฟร์ 2 เม.ย. 2559 05:01

 

ทรมานจากการนอนไม่หลับเป็นเหมือนฝันร้ายทำลายชีวิต เคยไหมง่วงแทบตาย ร่างกายอยากพักผ่อน แต่สมองกลับไม่หยุดคิด จะนอนนับแกะ หรือท่องพุทโธยังไง ก็ข่มตาหลับไม่ลง ถ้าเป็นแบบนี้อย่าปล่อยนิ่งเฉยเด็ดขาด ต้องรีบจัดการแก้ไขปัญหาหลับยาก ก่อนจะบานปลายกลายเป็นโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง ส่งผลให้คุณภาพชีวิตตกต่ำ ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าคิดสั้นฆ่าตัวตายได้ง่ายๆ

การเอาชนะอาการนอนไม่หลับต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง เริ่มจาก 7 สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงก่อนเข้านอน เขียนแนะนำไว้ในเว็บไซต์สุขภาพของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งอเมริกา หยิบมาเล่าสู่กันฟังเพราะเห็นว่ามีประโยชน์เหลือเฟือ

“อย่าเล่นมือถือ คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลายก่อนเข้านอนเด็ดขาด” เพราะการจ้องแสงฟ้าขาวจากจอดิจิตอล จะสกัดกั้นการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินของสมองส่วนกลาง ทำให้ร่างกายไม่สามารถรับรู้เวลากลางวันกลางคืนตามความเป็นจริง ส่งผลให้ระบบนาฬิกาของร่างกายรวนไปหมด และข่มตาหลับได้ยาก ทั้งๆที่อ่อนเพลียแทบแย่ ทางที่ดีไม่ควรมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในห้องนอน และถ้านอนไม่หลับจริงๆ ให้ลองอ่านหนังสือเล่มโปรด รับรองหลับสบายหลับง่ายกว่ากันเยอะ

“อย่ากินยานอน หลับ ถ้าไม่ได้เป็นโรคนอนไม่หลับ” จากการสำรวจของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของอเมริกาค้นพบว่า 4% ของชาวอเมริกันที่มีอายุมากกว่า 20 ปี ติดยานอนหลับโดยไม่จำเป็น เพราะถ้าคุณไม่ได้เป็นโรคนอนไม่หลับจริงๆ ตามวินิจฉัยของแพทย์แต่มีปัญหาเรื่องนอนหลับยาก การกินยานอนหลับก็ไม่ช่วยให้ร่างกายปิดสวิตช์ได้จริง และอาจส่งผลข้างเคียงเลวร้ายเกินควบคุม บั่นทอนการทำงานของสมองและร่างกาย

“ก่อนนอน ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์” หลายคนยังมีความเชื่อผิดๆว่า การจิบแอลกอฮอล์แก้วสองแก้วก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบายขึ้น แต่ผลการวิจัยหลายสำนักบ่งชี้ตรงกันว่า ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เรายิ่งตาค้างนอนไม่หลับเข้าไปกันใหญ่ เพราะแทนที่ร่างกายจะได้พักผ่อน กลับต้องทำงานหนักเพื่อเผาผลาญแอลกอฮอล์

“อย่าทำงานบนเตียงนอน” เตียงนอนของเราควรสงวนไว้สำหรับการนอนหลับและมีเซ็กซ์เท่านั้น เพื่อให้ร่างกายจดจำว่า ถ้ากระโดดขึ้นเตียงเมื่อไหร่ ก็ถึงเวลาพักผ่อนแล้วจริงๆ ควรใช้เวลาบนเตียงนอนทำกิจกรรมอย่างอื่นให้น้อยที่สุดในแต่ละคืน

“งดดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลัง 5 โมงเย็น” ผลการสำรวจบ่งชี้ว่า การดื่มเครื่องดื่มมีคาเฟอีนก่อนเข้านอน 6 ชั่วโมง จะทำให้ตาค้างหลับไม่ลง

“อย่ากินจังก์ฟู้ด หรืออาหารไขมันสูงก่อนเข้านอน” การกินอาหารดึกๆใกล้เวลานอน นอกจากจะทำให้อ้วนลงพุงแล้วยังส่งผลให้นอนหลับไม่สนิท และฝันร้าย ถ้าเกิดหิวกลางดึกจริงๆ แนะนำ ให้รองท้องด้วยของว่างเบาๆ อย่างเช่น ขนมปังโฮลวีตสักแผ่น น้ำผลไม้ หรือนมร้อนๆสักแก้ว ก็น่าจะเพียงพอ แถมช่วยให้หลับสบายหลับลึก ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ด้วย

“หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในตอนค่ำ” โดยเฉพาะการออกกำลังกายหนักประเภทคาร์ดิโอ ที่กระตุ้นการเผาผลาญไขมันของร่างกาย กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดและการเต้นของหัวใจ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายตื่นตัวไม่ยอมปิดสวิตช์ ถ้าอยากออกกำลังกายตอนค่ำจริงๆ ควร เปลี่ยนไปเล่นโยคะ หรือยืดเหยียดร่างกายเบาๆ แล้วอาบน้ำอุ่นก่อนเข้านอนจะช่วยให้รีแลกซ์และหลับสบายได้ดีกว่า

แถมท้ายด้วยเคล็ดลับการนอนหลับให้อิ่ม ตื่นมาด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า “ลองปรับเวลาเข้านอนและตื่นนอนให้ตรงกันทุกวัน” เพื่อฝึกร่างกายให้เกิดความเคยชินอยากจะนอนและตื่นเมื่อถึงเวลาที่กำหนด “หลังจากตื่นนอน ควรยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยก่อนลุกจากเตียง” การตื่นเช้าสัมผัสแสงแดดอ่อนๆ และออกกำลังกายเบาๆ หลังตื่นนอน 10-15 นาที ก่อนเริ่มทำกิจกรรมประจำวัน จะช่วยให้สมอง และร่างกายตื่นตัว รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าตลอดทั้งวัน คราวนี้ก็มีเรี่ยวแรงลุยงานได้เต็มที่ สมองแล่นปรู๊ดปร๊าดใครก็ฉุดไม่อยู่.

มิสแซฟไฟร์

ล้วงลึกความสำเร็จคนดังโลก ตั้งใจรวย!! ล้างอาถรรพณ์เบญจเพส

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/595989

โดย มิสแซฟไฟร์ 26 มี.ค. 2559 05:01

 

คนไทยเชื่อเรื่องวัยเบญจเพสมาก อายุ 25 เมื่อไหร่ มักจะมีเคราะห์มีเรื่องร้ายๆให้ตกอกตกใจ แต่สำหรับคนดังๆระดับโลก วัยเบญจเพสของพวกเขากลับเป็นจุดหักเหสำคัญของชีวิต ที่นำไปสู่ความสำเร็จก้าวกระโดดเหลือเชื่อ

“สตีฟ จ็อบส์” กลายเป็นมหาเศรษฐีในชั่วข้ามคืน ทันทีที่บริษัทแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรก เมื่อเดือน ธ.ค.1980 โดยมีมูลค่าตลาดสูงปรี๊ดถึง 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ผู้ร่วมก่อตั้งทั้งสามกลายเป็นมิลเลียนแนร์ ตอนนั้นเขาอายุแค่ 25 ปี เขาสาบานว่าจะไม่ยอมให้เงินทำลายชีวิตเด็ดขาด

อายุ 25 ถือเป็นหลักไมล์สำคัญของชีวิต “มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก” เช่นกัน เพราะหลังจากทุ่มเททำงานหนักอยู่ 5 ปี เพื่อสร้างเฟซบุ๊ก ในที่สุดบริษัทของเขาก็มีกำไรเป็นครั้งแรกในปี 2009 และทำลายสถิติผู้ใช้บริการมากกว่า 300 ล้านคน ถัดมาอีกปี หนุ่มน้อยมหัศจรรย์ขึ้นแท่นเป็นบุคคลแห่งปีของนิตยสารไทม์ส สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการไฮเทค ได้ลือลั่น

ตอนอายุ 25 “โดนัลด์ ทรัมป์” ว่าที่ตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เข้าไปรับช่วงสานต่อกิจการของพ่อ บริษัทเอลิซาเบธ ทรัมป์ แอนด์ ซัน ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น “ทรัมป์ ออร์แกไนเซชั่น” โดยงานแรกก็เริ่มจับโปรเจกต์ก่อสร้างอสังหาฯในแมนฮัตตัน สร้างกำไรงอกงาม ให้บริษัท ทรัมป์ผู้พ่อปลูกฝังให้ลูกชายรู้จักคุณค่าของเงินตั้งแต่เล็กๆ โดยจะพาไปไซต์ก่อสร้าง ด้วยประจำ และให้ลูกเก็บกระป๋องโซดาเปล่าขาย นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่จะทำงานเพื่อแลกเงิน

ก่อนที่ชื่อเสียงของ “มาร์ธา สจ๊วต” จะโด่งดังในฐานะเจ้าแม่ไลฟ์สไตล์ของอเมริกา และเจ้าของรายการทอล์กโชว์ชื่อดัง ตอนอายุ 25 เธอเคยทำงานเป็นโบรกเกอร์ตลาดหุ้นอยู่ถึง 5 ปี จากนั้นจึงลาออกมาแต่งงานเป็นแม่บ้าน แล้วเริ่มต้นธุรกิจแคเทอริ่งอาหารเล็กๆ ซึ่งกลายเป็นรากฐานของการสร้างอาณาจักรธุรกิจมาร์ธา สจ๊วต ลิฟวิ่ง ออมนิมีเดีย มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ภายหลังจะสะดุดไปบ้างต้องนอนในคุกอยู่ 5 เดือน ฐานให้การเท็จเกี่ยวกับการขายหุ้น แต่ความสำเร็จของมาร์ธาก็เป็นแรงบันดาลใจสำหรับแม่บ้านมะกันทั้งประเทศ

เจ้าแม่หนังสือพิมพ์ออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดแห่งยุค “แอเรียนนา ฮัฟฟิงตัน” ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Huffington Post เริ่มมีผลงานหนังสือเล่มแรกในชีวิตตอนอายุ 23 ปี โดยจับปากกาเขียนเรื่อง “The Female Woman” วิพากษ์วิจารณ์พวกเฟมินิสต์จ๋าที่เรียกร้องสิทธิเสรีภาพเพื่อผู้หญิง ชีวิตในวัย 25 ของเธอเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจที่กลายเป็นเชื้อไฟสำคัญในการทำหนังสือพิมพ์ออนไลน์ในเวลาต่อมา เพราะได้มีโอกาสคลุกคลีกับนักหนังสือพิมพ์มือทองของบีบีซี “เบอร์นาร์ด เลอแวง” ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน แม้จะไม่ได้ลงเอยเป็นสามีภรรยา แต่แอเรียนนาก็ซึมซับอุดมการณ์ความเป็นนักคิดนักเขียนของเบอร์นาร์ดมาเต็มๆ

เป็นหนึ่งในคนดังที่สร้างเนื้อสร้างตัวตั้งแต่อายุน้อยๆ สำหรับ “ริชาร์ด แบรนสัน” ผู้ก่อตั้งเวอร์จิ้น กรุ๊ป ซึ่งมีบริษัทในเครือกว่า 400 บริษัท รวมถึงค่ายเพลงเวอร์จิ้น เรคคอร์ดส์ และสายการบินเวอร์จิ้น แอตแลนติก ตอนอายุ 15 ริชาร์ดเริ่มทำนิตยสารรายเดือนสำหรับนักศึกษา ก่อนจะลุกขึ้นจัดจำหน่ายแผ่นเสียงทางไปรษณีย์ และเปิดร้านขายแผ่นเสียงแห่งแรกบนถนนออกซ์ฟอร์ด ตอนอายุ 25 ปี ใช้ชื่อว่า“เวอร์จิ้น เรคคอร์ดส์” จนขยายสาขาไปทั่วอังกฤษ พร้อมสยายปีกไปสู่ธุรกิจห้องบันทึกเสียง และเริ่มทำค่ายเพลงเป็นของตัวเอง แค่อายุ 30 อาณาจักรธุรกิจของเขาก็โด่งดังไปทั่วโลก หนุนส่งให้กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของประเทศ เขาให้สัมภาษณ์ว่า ชีวิตมาไกลขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องฟลุค เพราะตอนเริ่มสร้างตัว เขาทุ่มเททำงานหนักเป็นบ้าเป็นหลังจนครอบครัวพัง แต่ต้องกัดฟันสู้เพื่อให้ถึงฝั่งฝัน

ตอนอายุ 25 นักเขียนหญิงรวยที่สุดในโลกอย่าง “เจ.เค.โรว์ลิ่ง” ปิ๊งไอเดียพล็อตเรื่องนวนิยายดัง “แฮรี่ พอตเตอร์” ระหว่างรอรถไฟดีเลย์ 4 ชั่วโมง เธอเริ่มเขียนหนังสือเล่มแรกในเย็นวันนั้น แต่ต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะคลอดสำเร็จ แถมยังโดนไล่ออกจากงานเลขาองค์การนิรโทษกรรมสากล เพราะมัวแต่ฝันกลางวัน ช่วงที่ตกงานนี่เองทำให้เธอมีสมาธิในการทุ่มเทกับการเขียนเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ จนสำเร็จในอีก 5 ปีต่อมา และออกวางขายโด่งดังเปรี้ยงปร้างในปี 1997.

มิสแซฟไฟร์

“มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก” แห่งรัสเซีย ศัตรูหมายเลขหนึ่งของปูติน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/592625

โดย มิสแซฟไฟร์ 19 มี.ค. 2559 05:01

 

ได้รับฉายา “มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก” แห่งรัสเซีย ย่อม ไม่ธรรมดาแน่ๆ ชีวิตของ “ปาเวล ดูรอฟ” โลดโผนโจนทะยานไม่แพ้พระเอกฮอลลีวูด เพราะเขาคือหนึ่งเดียวในโลกไซเบอร์ของรัสเซีย ที่กล้าต่อกรกับอำนาจประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จนต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ

ปัจจุบัน “ดูรอฟ” อายุ 31 ปี เขาสร้างชื่อเสียง เพราะประสบความสำเร็จตั้งแต่จบจากรั้วมหาวิทยาลัย อายุแค่ 22 ปี ก็สามารถก่อตั้งเครือข่ายการสื่อสารบนโลกออนไลน์แบบเดียวกับเฟซบุ๊ก ภายใต้ชื่อ VKontakte (ปัจจุบันรู้จักในชื่อ VK) โดยจับมือกับพี่ชายปลุกปั้นจนบริษัทมีมูลค่ารวมมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อาจจะห่างชั้นจากเฟซบุ๊กที่มี มูลค่าถึง 245,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ก็ถือว่าไม่เลวเลย เพราะมีผู้ใช้บริการมากกว่า 350 ล้านคน

กระนั้น ความสำเร็จและความฮึกเหิมทางการเมืองของ “ดูรอฟ” ที่แสดงจุดยืนชัดว่าไม่ยอมก้มหัวให้ปูติน และเข้าข้างฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเครมลินออกนอกหน้า โดยเป็นศูนย์บัญชาการกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล ทำให้เครือข่ายออนไลน์ของเขาถูกแทรกแซงหลายครั้ง เขาตอบโต้ด้วย การโพสต์รูปสุนัขแลบลิ้นเพื่อยั่วยุปูติน แถมด้วยรูปชูนิ้วกลางในอินสตาแกรม จากนั้น ไม่นานความอดทนของปูตินก็สิ้นสุด ประธานาธิบดีสุดเหี้ยมชักใยอยู่เบื้องหลัง บีบ “ดูรอฟ” ขายหุ้นบริษัทให้กับเจ้าพ่ออินเตอร์เน็ตรัสเซีย “อิวาน ทาฟริน” ซึ่งเป็นพวกพ้อง คนสนิทของรัฐบาล แม้จะดิ้นรนสุดชีวิต แต่สุดท้ายในวันที่ 21 เม.ย.2014 เขาก็สูญเสียหุ้นทั้งหมดให้บริษัท Mail.ru ของทาฟริน และถูกบอร์ดบริหารรวมหัวกันไล่ออกจากบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้นเองกับมือ

เนื่องจากรู้ดีว่าอาจถูกรัฐบาลเครมลินสั่งเก็บทุกเมื่อ เพราะมีทหารมาด้อมๆมองๆที่อพาร์ตเมนต์หลายครั้ง ขืนอยู่ในรัสเซียต่อไปก็มีแต่ตายกับตาย พี่น้องตระกูลดูรอฟจึงเก็บกระเป๋า หอบเงินกว่า 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯที่ได้จากการขายหุ้น ไปตั้งหลักที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ดินแดนเสรีคู่แค้นของรัสเซีย พร้อมด้วยมือขวาคนสนิทที่ร่วมกันสร้าง VK ไม่นานหลังจากนั้น “ดูรอฟ” ก็ประกาศว่ากำลังซุ่มทำโปรเจกต์ใหม่ที่ใหญ่เบิ้มและจะต้องฮือฮาแน่นอน ซึ่งโปรเจกต์ลับสุดยอดที่ว่าก็คือ การให้กำเนิด Telegram แอพสื่อสารน้องใหม่มาแรง ที่มุ่งเน้นความปลอดภัยสูงที่สุดในโลก แม้แต่หน่วยราชการลับของรัสเซียก็ไม่สามารถล้วงเจาะข้อมูลได้ ตั้งใจท้าทายรัฐบาลเครมลินชัดๆ

ตอนแรกๆที่เปิดตัว Telegram ดูรอฟต้องใช้เงินเดือนละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อรันธุรกิจ โดยที่ไม่มีรายได้เข้าบริษัทแม้แต่บาทเดียว กระนั้น โชคเข้าข้างหนุ่มรัสเซียสุดๆ หลังเฟซบุ๊กทุ่มซื้อแอพสื่อสารยักษ์ใหญ่ WhatsApp เมื่อปี 2014 สร้างความไม่มั่นใจให้ผู้ใช้ทั่วโลก เพราะกลัวโดนล้วงข้อมูลและสูญเสียความเป็นส่วนตัว คราวนี้เลยหนีไปใช้บริการแอพอื่น แล้วส้มก็หล่นใส่ Telegram มีผู้หันมาใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 ล้านคน ติดปีกกลายเป็นแอพบริการส่งข้อความฮอตที่สุดบนแอพสโตร์ในวินาทีนี้ เพิ่งฉลองยอดผู้ใช้บริการ 100 ล้านคน เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา

เป้าหมายใหญ่ของ “ปาเวล” คือต้องการสร้างบริการส่งข้อความปลอดภัยที่สุดในโลก ที่แม้แต่หน่วยสืบราชการลับของรัสเซียยังไม่สามารถเจาะข้อมูลได้ โดยเขาตั้งรางวัล 200,000 ดอลลาร์ สำหรับคนที่เจาะข้อมูลบริการของเขาได้ Telegram มีคุณสมบัติทุกอย่างไม่ต่างจาก WhatsApp แต่เพิ่มทีเด็ดด้วยลูกเล่นแชตพิเศษ เหมาะสำหรับการส่งภาพและข้อความลับ สามารถตั้งเวลาส่งข้อความและเวลาทำลายตัวเอง…โอ้โห!! ฮอลลีวูดชัดๆ

ชีวิตของ “ดูรอฟ” หลังไร้แผ่นดิน เขากลายเป็นผู้ลี้ภัยที่ซ่าส์และรวยที่สุดคนหนึ่งของโลก มักจะย้ายที่อยู่ทุก 2-3 เดือน เพื่อป้องกัน อันตรายจากการถูกอุ้มฆ่า “ดูรอฟ” ได้สัญชาติเป็นประชากรของ “เซนต์ คิตต์ส แอนด์ เนวิส” ประเทศเกาะเล็กๆในเขตเวสต์อินดี้ส์ ซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสและอังกฤษ หลังบริจาคเงิน 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้มูลนิธิส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำตาลท้องถิ่น และยังฝากเงินสดไว้ที่ธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์อีก 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเป็นหลักประกันทั้งรวยทั้งหล่อขนาดเนี้ย ประเทศไหนก็เต็มใจอ้าแขนรับ

แม้จะกลับไปเหยียบประเทศบ้านเกิดไม่ได้ แต่ทุกวันนี้ เขาก็เป็นฮีโร่ของคนรัสเซียรุ่นใหม่ และกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความเป็นส่วนตัว ซึ่งหาได้ยากเย็นในประเทศคอมมิวนิสต์ ที่อยู่ใต้ท็อปบูตของปูติน.

มิสแซฟไฟร์

ไอโฟนแห่งวงการอาหาร เกิดมาเพื่อฆ่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/589304

โดย มิสแซฟไฟร์ 12 มี.ค. 2559 05:01

ไอโฟนแห่งวงการอาหาร เกิดมาเพื่อฆ่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด

ถ้า “สตีฟ จอบส์” ปฏิวัติการสื่อสารของโลกให้เปลี่ยน โฉมหน้าไปอย่างสิ้นเชิงด้วยไอโฟน ขณะที่ “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” ผู้ก่อตั้ง เฟซบุ๊ก สร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์ใหญ่สุดในโลกที่ใครๆ ก็ต้านทานไม่อยู่ การถือกำเนิดของ “Tovala” เครื่องทำอาหารสารพัดนึก ที่คิดค้นขึ้นโดย “เดวิด แรบบี้” ซึ่งกำลังเป็นที่ฮือฮาในอเมริกา ก็คงไม่ต่างจากไอโฟนที่ยึดครองตลาดมือถือแบบเบ็ดเสร็จ และทำลายล้างทุกอุตสาหกรรม!!

ฝรั่งกำลังตื่นเต้นกันยกใหญ่กับความจีเนียสของเครื่อง ทำอาหารอัตโนมัติ “โทวาลา” ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อฆ่าเครื่องใช้ ไฟฟ้าในครัวทุกชนิด ดูเผินๆภายนอกหน้าตาไม่ต่างจากไมโครเวฟผสมเตาอบ แต่เจ๋งไม่เจ๋งคิดดูแล้วกัน แค่เครื่องเดียวสามารถทำได้ทุกอย่างสารพัดนึก ตั้งแต่ต้ม, อบ, นึ่ง, ปิ้ง, ย่าง และอุ่นไมโครเวฟ โดยสั่งการผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือ นั่นก็ หมายความว่า ต่อไปในอนาคตเราไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นไหนในครัวอีกแล้ว นอกจากเจ้าโทวาลา ซึ่งตอบโจทย์ ครบทุกเรื่องการปรุง อาหาร เจอแบบนี้เข้าไปคู่แข่งเจ้าอื่นๆ ก็มีแต่ตายกับตายแหงแก๋ เพราะวิ่งไล่ไม่ทันความไฮเทค ทำนองเดียวกับค่ายมือถือที่ต้องตายหยังเขียด เพราะพ่ายแพ้ความล้ำเทรนด์ของไอโฟน

“เดวิด” บอกเล่าถึงไอเดียสุดบรรเจิดว่า ทีเด็ดของเครื่องโทวาลาอยู่ที่ความอัจฉริยะในการทำอาหารได้อร่อยเลิศและพิถีพิถันราวกับมีเชฟดังมาเข้าครัวปรุงอาหารให้กินสดๆตรงหน้า โดยเราสามารถสร้างสรรค์เมนูส่วนตัวขึ้นเอง หรือจะใช้บริการเดลิเวอรี่จัดส่งวัตถุดิบพร้อมปรุงจากตัวแทนของโทวาลาก็สะดวกสบายมาก เพราะเค้าเตรียมของสดวันต่อวันไม่แช่แข็ง เพื่อเอาใจคนรักสุขภาพ

แต่ละวันเชฟมืออาชีพของโทวาลาจะคิดเมนูพร้อมปรุงมาให้เลือกสรรละลานตา โดยบรรจุเครื่องปรุงและวัตถุดิบพร้อมเดลิเวอรี่ในกล่องฟอยล์ไซส์กะทัดรัด เมื่อต้องการรับประทาน ก็หยิบไอโฟนขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชั่นของโทวาลา แล้วสแกนบาร์โค้ด บนกล่องอาหาร เพื่อให้เครื่องเลือกโปรแกรมการปรุงให้อัตโนมัติ รับรองความสุกพอดี๊พอดีไม่ขาดไม่เกิน เพราะเค้าคำนวณมาแล้วอย่างละเอียดลออ ที่สำคัญรสชาติอร่อยเว่อร์ คนละเรื่องกับอาหารแช่แข็งแสนจะเย็นชืดที่เสิร์ฟบนเครื่องบิน ซีอีโอใหญ่โทวาลาสาธิตการปรุงอาหารให้ชมสดๆ 2 เมนู คือ อกไก่สอดไส้เห็ด-ผักโขม-ชีส เสิร์ฟคู่แอสพารากัสและปลาซีบาสอบซอสมิโสะ โอ้โห!! บอกได้คำเดียวว่านี่มันระดับเชฟมิชลิน ทั้งรสชาติ หน้าตา สีสัน และความสุกที่กำลังพอเหมาะ ใช้เวลาปรุงเพียง 12 นาทีก็ได้หม่ำเมนูจานหรูแล้ว

แม้จะเป็นสินค้าไฮเทคที่แสนไฮโซ แต่คนคิดค้นก็ยืนกรานว่า อยากตั้งราคาไม่สูงนักเพื่อให้คนอเมริกันสามารถซื้อหามาใช้คู่ครัวได้ โดยสนนราคาช่วงแนะนำตัวอยู่ที่ 199 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 7 พันกว่าบาท วางขายจำนวนจำกัดให้ทดลองใช้ จากนั้นเมื่อพร้อมจัดจำหน่ายจริงทั่วอเมริกาในช่วงปลายปีนี้ คาดว่าราคาน่าจะเคาะลงตัวที่ 279 ดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 1 หมื่นบาท

ต้องยกให้เป็นสุดยอดนวัตกรรมแห่งปีที่ปฏิวัติโลกการปรุงอาหารภายในบ้านอย่างสิ้นเชิง ต่อไปนี้ใครๆก็เป็นเชฟกระทะเหล็กได้สบายๆ แม้จะเพิ่งหัดเข้าครัว.

มิสแซฟไฟร์

รวยกว่าควีนอังกฤษบวกเจ้าแม่แฮร์รี่ พอตเตอร์ “คริสตี้ แบร์ตาเรลลี” เธอทำบุญด้วยอะไร!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/585995

โดย มิสแซฟไฟร์ 5 มี.ค. 2559 05:01

 

แม้จะเอาทรัพย์สินทั้งหมดของควีนเอลิซาเบธที่สอง มากองรวมกับ “เจ.เค.โรว์ลิ่ง” ผู้สร้างตำนานพ่อมดน้อยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็ยังเทียบไม่ได้กับความล่ำซำอู้ฟู่ของ “คริสตี้ แบร์ตาเรลลี” ผู้หญิงที่รวยที่สุดบนเกาะอังกฤษยามนี้ ด้วยสถิติสินทรัพย์ในครอบครองมหาศาลถึง 9,450 ล้านปอนด์ คิดเป็นเงินไทย 472,500 ล้านบาท…ใช้อีกกี่ชาติก็ไม่หมด!!

ชีวิตของ “คริสตี้” กลายเป็นตำนานซินเดอเรลล่ายุคใหม่ที่ได้พบรักกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ ต่างกันก็ตรงที่นางซินคนนี้ไม่ได้เกิดมาเป็นนางก้นครัว แต่พอมีต้นทุนติดตัวมาบ้างก่อนเจอเจ้าชาย เพราะครอบครัวของคริสตี้เป็นเจ้าของโรงงานผลิตเซรามิกใหญ่ที่สุดในโลก เธอเกิดในเมืองสโตน มณฑลสแตฟฟอร์ดเชียร์ โตมาแบบคุณหนูบ้านนอก มีโอกาสได้ขี่ม้า ตีเทนนิส และเรียนโรงเรียนประจำ แต่คริสตี้ยืนยันว่าไม่เคยโดนสปอยล์ เพราะตั้งแต่เล็กต้องตามพ่อไปทำงานที่โรงงานเซรามิก ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ปลูกฝังให้ติดดินมาถึงทุกวันนี้ ส่วนมารดาสนับสนุนให้เธอเขียนบทกวี จนเกิดความรักและพัฒนามาสู่การแต่งเพลงเป็นเรื่องเป็นราว

ตอนแตกเนื้อ สาวใหม่ๆ “คริสตี้” สวยสะพรั่งเตะตา จึงได้รับการชักชวนให้เป็นนางแบบ และเข้าสู่วงการขาอ่อน โดยคว้ามงกุฎมิสยูเคมาครอง เมื่อปี 1988 และได้รองอันดับหนึ่ง จากเวทีประกวดมิสเวิลด์ ประตูแห่งโอกาสเปิดกว้างอ้าซ่าต้อนรับคุณหนูบ้านนอก ส่งให้ความฝันของเธอกลายเป็นจริง เมื่อได้เซ็นสัญญากับค่ายวอร์เนอร์ เรคคอร์ดส์ และเริ่มต้นอาชีพนักแต่งเพลงอย่างจริงจัง

ฟ้าส่งเจ้าชายในฝันของสาวทั้งโลกมาปิ๊งรักกับคริสตี้ เมื่อปี 1997 โดยเธอสบตากับสามีในอนาคตครั้งแรก “เออร์เนสโต แบร์ตาเรลลี” ตอนอายุ 26 ปี ระหว่างไปร่วมงานปาร์ตี้ไฮโซแห่งหนึ่งที่ซาร์ดิเนียน วิลล่า “คริสตี้” ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนั้น “เออร์เนสโต” เป็นหนุ่มเนื้อหอมมาก ทั้งรวยทั้งหล่อล่ำ มีสาวๆจ้องจะตะครุบเขาเพียบ แต่เราก็ตกหลุมรักกันจริงๆ คบกันได้ 3 ปี จึงตัดสินใจลั่นระฆังวิวาห์

เกิดมารวยอยู่แล้วและยิ่งรวยขึ้นไปอีก เมื่อ “เออร์เนสโต” ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีรวยอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ หลังขายกิจการครอบครัวบริษัทยาเซโรโน ซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งด้านเทคโนโลยีไบโอเทค ให้บริษัทยายักษ์ใหญ่สัญชาติเยอรมัน “เมอร์ค” เมื่อปี 2006 ด้วยบิ๊กดีลระดับทอล์กออฟเดอะเวิลด์ถึง 9,000 ล้านปอนด์ พลอยฟ้าพลอยฝนให้ภรรยาสุดเลิฟ “คริสตี้ แบร์ตาเรลลี” ก้าวกระโดดขึ้นเป็นสุภาพสตรีรวยที่สุดของเกาะอังกฤษในชั่วข้ามคืน และยังเป็นผู้หญิงน่าอิจฉาที่สุดคนหนึ่งของโลก

แม้จะเป็นคุณแม่ลูกสามก็เหอะ แต่คริสตี้ยังไม่ทิ้งความฝันวัยเอ๊าะที่อยากเป็นนักร้องดัง เธอขออนุญาตสามีออกซิงเกิ้ลแรกในชีวิตกับค่ายยูนิเวอร์แซล เมื่อปี 2009 ตามมาด้วยการออกอัลบั้มเดี่ยวเต็มตัวในปี 2010 ภายใต้ชื่อ “Elusive” ผลงานไม่เลวทีเดียวเพราะติดชาร์ตเพลงฮิตอันดับที่ 20 ของสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนจะย้ายมาอยู่ค่ายโซนี่ออกอัลบั้มเพลงต่อเนื่องอีก 3 อัลบั้ม ถึงจะไม่ดังเปรี้ยงปร้าง แต่ผลตอบรับก็ใช้ได้ สำหรับสาวใหญ่วัย 43 ปี กับการขึ้นเวทีเดินสายร้องเพลง ที่สำคัญมันชื่นใจและภูมิใจที่ได้หาเงินด้วยลำแข้งตัวเองบ้าง

ถึงจะรวยอู้ฟู่เกิดมาบนกองเงินกองทอง แต่ลูกๆบ้านนี้ก็ไม่เคยโดนสปอยล์ให้เสียคนแบบลูกหลานเศรษฐีอังกฤษ เพราะทั้งเออร์เนสโตและคริสตี้ชอบเลี้ยงลูกเอง ทุกเช้าคริสตี้จะตื่นมาทำเบรกฟาสต์ให้ลูกกิน และกิจกรรมยามว่างของครอบครัวนี้มักจะคลุกดินคลุกทรายให้เด็กๆได้สัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด ตามประสาคุณแม่แบตแรงบ้าพลัง!!

มิสแซฟไฟร์