โพลฮิลลารี นำทรัมป์เล็กน้อย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 7 พ.ย. 2559 06:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/775716

 

หวาดเสียวที่รีโน ยกป้าย-ประท้วง ตร.นึกว่าชักปืน! ลากตัวทรัมป์หนี

โลกจับตาโค้งสุดท้ายศึกเลือกตั้งเมืองลุงแซม อังคารที่ 8 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ รู้กัน ใครจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 ระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ผู้แทนพรรคเดโมแครต กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้แทนพรรครีพับลิกัน สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ อดีตสตรีหมายเลข 1 ทำเนียบขาว ยังมีคะแนนเหนืออยู่เล็กน้อย ถึงแม้จะถูกคู่แข่งตีตื้นจากกรณีอีเมลฉาว ขณะเดียวกัน เกิดเรื่องตระหนกกับทรัมป์ ตำรวจลับต้องรีบพาลงเวทีหาเสียง เพราะเข้าใจผิดคิดว่าผู้ประท้วงมีปืน

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 6 พ.ย. การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 45 อย่างเป็นทางการ จะเริ่มขึ้นในวันอังคารที่ 8 พ.ย.59 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา ตรงกับประเทศไทยวันพุธที่ 9 พ.ย.59 เป็นการชิงชัยระหว่างคู่แข่งคนสำคัญคือ นางฮิลลารี คลินตัน วัย 69 ปี ผู้แทนพรรคเดโมแดรต เจ้าของตำแหน่งอดีตสตรีหมายเลข 1 ภริยาอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน และอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ทั้งเคยดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกรัฐนิวยอร์ก กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 70 ปี ผู้แทนพรรครีพับลิกัน มหาเศรษฐีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชาวมหานครนิวยอร์ก ไม่เคยมีประสบการณ์ในแวดวงการเมืองมาก่อน

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯครั้งนี้ รวมไปถึงการเลือกตั้งรองประธานาธิบดี และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ 435 เก้าอี้ กับเลือกตั้งวุฒิสมาชิกอีก 1 ใน 3 หรือจำนวน 34 จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง และเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐอีก 12 รัฐ กับเลือกผู้ว่าการดินแดนอาณานิคมสหรัฐฯอีก 2 แห่ง นอกเหนือจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและการลงประชามติในข้อเสนอต่างๆอีกมากมายในแต่ละรัฐ

ศึกเลือกตั้งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 58 มีผู้ร่วมลงสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีทั้งหมด 6 คน รวมทั้งนายแกรี จอห์นสัน อดีตผู้ว่าการรัฐนิวเม็กซิโก จากพรรคเสรีนิยม นางจิลล์ สตีน ผู้สมัครจากพรรคกรีน นายดาร์เรลล์ คาสเทิล ผู้สมัครจากพรรครัฐธรรมนูญ และนาย
อีวาน แม็กมูลลิน ผู้สมัครอิสระ แต่ผู้สมัครทั้ง 4 คน เป็นได้แค่ไม้ประดับ แทบไม่มีโอกาสได้รับชัยชนะ เนื่องจากระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นการเลือกตั้งทางอ้อม ประชาชนใน 50 รัฐ กับ 1 เขตปกครองพิเศษ คือ ดิสก์ริก ออฟ โคลัมเบีย (ดี.ซี.) ซึ่งใน 48 รัฐ ประชาชนจะลงคะแนนเลือกให้คณะผู้เลือกตั้งไปโหวตเลือกประธานาธิบดีคนใดคนหนึ่ง โดยผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีคนใดได้รับคะแนนเสียงประชาชน (Popular Votes) มากกว่าจะได้คะแนนเสียง “คณะผู้เลือกตั้ง” (Electoral College) ของรัฐนั้นๆไปทั้งหมดเรียกว่า “ผู้ชนะกินรวบ” (Winner take all)

ส่วนอีก 2 รัฐ คือรัฐเมนกับรัฐเนบราสกา ใช้ระบบผสมผสานระหว่างคะแนนเสียงประชาชน (Popular Votes) กับระบบคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) โดยคณะผู้เลือกตั้งมีทั้งหมด 538 เสียง จำนวนมากน้อยแต่ละรัฐไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับจำนวนประชากร ผู้ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีคนใดได้คะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้งเกินครึ่ง คือ 270 เสียงขึ้นไป จะชนะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ วาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี ส่วนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงทั่วประเทศทั้งหมดราว 225.8 ล้านคน เลือกตั้งล่วงหน้าไปตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาแล้วกว่า 30 ล้านคน

สำหรับนางฮิลลารี คลินตัน ก่อนจะได้รับเลือกเป็นผู้แทนพรรคเดโมแครตขึ้นชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อ 26 ก.ค. ผ่านการต่อสู้ศึกเลือกตั้งขั้นต้นชนะเหนือนายเบอร์นี แซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนต์ ส่วนนายโดนัลด์ ทรัมป์ กว่าจะได้รับเลือกเป็นผู้แทนพรรครีพับลิกันอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ผ่านการสู้ศึกเลือกตั้งขั้นต้นชนะนายเท็ด ครูซ วุฒิสมาชิกรัฐเท็กซัส ส่วนคู่ชิงเก้าอี้รองประธานาธิบดีสหรัฐฯเคียงข้างนางฮิลลารี คลินตัน คือ นายทิม เคน วัย 58 ปี อดีตวุฒิสมาชิกรัฐเวอร์จิเนีย ขณะที่คู่ชิงเก้าอี้รองประธานาธิบดีสหรัฐฯเคียงข้างนายโดนัลด์ ทรัมป์ คือนายไมค์ เพนซ์ วัย 57 ปี ผู้ว่าการรัฐอินเดียนา

ทั้งนี้ ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯตั้งแต่ปี 2532 คือประธานาธิบดีจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช สังกัดพรรครีพับลิกัน ดำรงตำแหน่งเพียง 1 สมัย ระหว่างปี 2532-2536 จากนั้นขั้วอำนาจเปลี่ยนมาเป็นนักการเมืองพรรคเดโมแครตคือ ประธานาธิบดีบิล คลินตัน ครองเก้าอี้ 2 สมัย 8 ปี ระหว่างปี 2536-2544 และเมื่อปี 2544-2552 เก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯเปลี่ยนมาอยู่ภายใต้ในครอบครองโดยนักการเมืองพรรครีพับลิกัน คือ ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช กระทั่งประธานาธิบดีบารัค โอบามา นักการเมืองสังกัดพรรคเดโมแครต กลับมาช่วงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯคืนได้อีก 2 สมัย ระยะเวลา 8 ปี โดยครองตำแหน่งระหว่างปี 2552 จนถึงปัจจุบัน

ในส่วนของบรรยากาศการหาเสียงโค้งสุดท้ายก่อนหน้าการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.นี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางไปยังรัฐเนวาดา หนึ่งในรัฐ “สวิงเสตท” หรือรัฐตัวแปรที่ไม่ใช่ฐานเสียงพรรคใดชัดเจนต้องแย่งชิงกันสูง แต่ขณะที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีเมืองรีโน ได้เกิดเหตุวุ่นวายหลังผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันรายหนึ่งหน้าเวทีทราบชื่อต่อมาว่า นายออสติน ไครตส์ พยายามหยิบป้ายต่อต้านนายทรัมป์ขึ้นมา แต่ถูกเข้าใจผิด ถูกผู้สนับสนุนนายทรัมป์รอบข้างพุ่งเข้าชาร์จ พร้อมมีคนตะโกนว่า “ปืน” ทำให้ตำรวจลับซีเครต เซอร์วิส วิ่งขึ้นเวทีพานายทรัมป์หลบหนีออกไป พร้อมกรูกันเข้าควบคุมตัวนายไครตส์ไปสอบสวน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจลับเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบแล้วไม่พบอาวุธปืน ได้ปล่อยตัวนายไครตส์ ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีบีเอสของสหรัฐฯถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า หลังถูกนำไปสอบสวนและสืบประวัติหลายชั่วโมงก็ถูกปล่อยตัว ส่วนเหตุที่พยายามนำป้ายออกมา เพื่อหวังถูกฝูงชนโห่ไล่ แต่กลับถูกบีบคอและชกต่อย จากนั้นมีคนตะโกนว่าปืนจนเกิดเรื่องวุ่นวาย ส่วนจุดประสงค์ที่อยากชูป้ายต่อต้านเพราะอยากให้ผู้สนับสนุนนายทรัมป์ เข้าใจในความคิดต่างเหมือนที่นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยพูดไว้ตอนถูกผู้ประท้วงมาชูป้ายต่อต้าน ตนไม่ได้เกลียดผู้สนับสนุนนายทรัมป์ และเข้าใจที่เจ้าหน้าที่ต้องควบคุมตัวตามหน้าที่

ขณะที่นายทรัมป์ได้กลับมาขึ้นเวทีอีกครั้ง พร้อมกล่าวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ไม่มีใครเคยบอกว่าการเลือกตั้งเป็นเรื่องง่าย แต่เราจะไม่ให้ใครมาหยุดเราได้ นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังเดินสายไปหาเสียงในรัฐสวิงเสตท นอร์ทแคโรไลนา พร้อมกับนางเมลาเนีย ทรัมป์ ภริยา ซึ่งกลับมาปรากฏตัวต่อสาธารณชนอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเก็บตัวไปนานต่อกรณีถูกกล่าวหาว่า ลอกสุนทรพจน์ของนางมิเชล โอบามา สตรีหมายเลข 1 ในงานประชุมใหญ่พรรค และก่อนหน้านี้นายทรัมป์ยังหาเสียงที่รัฐวิสคอนซิน พร้อมกับนายพอล ไรอัน ประธานรัฐสภาสังกัดพรรครีพับลิกัน ที่เคยประกาศเลิกสนับสนุนนายทรัมป์ไปเมื่อเดือน ต.ค. กรณีคลิปวีดิโอนายทรัมป์พูดจาดูหมิ่นสตรี และถูกกล่าวหาว่าลวนลามทางเพศ สื่อสหรัฐฯมองว่าเป็นความพยายามสร้างเอกภาพภายในพรรครีพับลิกัน

ช่วงค่ำวันเดียวกัน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวโจมตีนางฮิลลารี ที่เมืองเดนเวอร์ รัฐสวิงเสตท โอไฮโอ ว่าทำให้กระบวนการการเมืองเสื่อมเสียเกียรติ จากการนำเหล่าศิลปินนักร้องคนดังอย่าง เจย์ ซี บียอนเซ่ มาร่วมงานหาเสียง ถือเป็นการกระทำที่โสโครกและไร้มาตรฐาน ตนไม่จำเป็นต้องมีคนดังมาช่วยดึงดูดผู้สนับสนุน เห็นหรือไม่ว่าตอนนี้นางฮิลลารีกำลังเป็นฝ่ายตั้งรับ ต้องกลับมาหาเสียงในรัฐฐานที่มั่นของพรรคเดโมแครต มองว่าถ้าจะไปๆ มาๆสร้างความสับสนเช่นนี้ แนะนำให้นางฮิลลารีกลับไปนอนที่บ้านดีกว่า

ส่วนนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโม-แครต ได้ขึ้นเวทีปราศรัยต่อผู้สนับสนุนชาวอเมริกัน-เฮติ ที่เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา หนึ่งในรัฐสวิงเสตท ระหว่างหาเสียงในพื้นที่ภาคใต้ของฟลอริดา ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ต้องยกเลิกกำหนดการหลังขึ้นพูดได้เพียง 7 นาที โดยการปราศรัยครั้งนี้เป็นกำหนด การหาเสียงครั้งสุดท้ายของนางฮิลลารีในรัฐฟลอริดา ก่อนที่นางฮิลลารีจะมุ่งไปยังเมืองฟิลาเดลเฟีย ร่วมงานรณรงค์หาเสียง ซึ่งเชิญแคที เพอร์รี นักร้องสาว ชื่อดังมาร่วมงานด้วย ส่วนนายทิม เคน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกหาเสียงที่รัฐฟลอริดาเช่นกัน โดยขึ้นเวทีเล่นเครื่องดนตรีฮาร์โมนิกา ร่วมกับจอน บอน โจวี่ ศิลปินเพลงร็อกชื่อดังด้วย

ด้านผลสำรวจความนิยมต่อผู้สมัคร จัดทำโดยหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ และสถานีโทรทัศน์เอบีซี เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ระบุว่า นางฮิลลารีมีคะแนน นำอยู่ที่ 47 เปอร์เซ็นต์ ต่อนายทรัมป์ 44 เปอร์เซ็นต์ ห่างกันเพียงแค่ 3 จุด ส่วนการวิเคราะห์ของสำนักข่าวบีบีซีอังกฤษ ที่ประเมินค่าเฉลี่ยจากสำนักโพล ในสหรัฐฯอย่างน้อย 5 แห่ง ระบุว่าความนิยมของนางฮิลลารีและนายทรัมป์ เมื่อวันที่ 6 พ.ย. อยู่ที่ 46 ต่อ 44 เปอร์เซ็นต์ ห่างกัน 2 จุด ขยับขึ้นมาจากวันที่ 4 พ.ย. ที่คะแนนของผู้สมัครทั้งคู่ เสมอกันที่ 45 เปอร์เซ็นต์

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวต่างประเทศยังวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่คะแนนนิยมของนางฮิลลารีถูกนายทรัมป์ตีตื้นขึ้นมาได้ อาจมาจากกรณีนายเจมส์ โคเมย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางแห่งชาติสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอ ส่งจดหมายชี้แจงสภาคองเกรสสหรัฐฯ ว่าจะเปิดการสืบสวนรอบใหม่ต่อกรณีการใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมลของนางฮิลลารี หลังจากต้องการตรวจสอบหลักฐานใหม่ในคอมพิวเตอร์ ของนางฮูมา อาเบดิน ผู้ช่วยระดับสูงของนางฮิลลารี เป็นอีเมลถึง 650,000 ฉบับ เพื่อตรวจสอบว่าอีเมลเหล่านี้มีข้อมูลลับทางราชการปะปนอยู่ด้วยหรือไม่

ส่วนสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานวิเคราะห์จากผลสำรวจความคิดเห็นล่วงหน้าว่าผู้สมัครคนใดจะได้รับชัยชนะ ในรัฐตัวแปรสวิงเสตท 12 รัฐ โดยเริ่มจากรัฐที่คาดว่านางฮิลลารีจะเป็นผู้กำชัย ได้แก่ รัฐฟลอริดา คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 29 เสียง คะแนนนำ 47.4 ต่อ 46.2 เปอร์เซ็นต์ รัฐเพนซิลเวเนีย คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 20 เสียง คะแนนนำ 46.8 ต่อ 43.8 เปอร์เซ็นต์ รัฐมิชิแกน คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียง คะแนนนำ 46 ต่อ 40.3 เปอร์เซ็นต์ รัฐเวอร์จิเนีย คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 13 เสียง คะแนนนำ 46.6 ต่อ 41.4 เปอร์เซ็นต์ รัฐโคโลราโด คะแนน คณะผู้เลือกตั้ง 9 เสียง คะแนนนำ 42.8 ต่อ 40.2 เปอร์เซ็นต์

ส่วนรัฐสวิงเสตทที่คาดว่านายทรัมป์จะได้รับชัยชนะได้แก่ รัฐโอไฮโอ คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 18 เสียง คะแนนนำ 46.3 ต่อ 43 เปอร์เซ็นต์ รัฐจอร์เจีย คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียง คะแนนนำ 48.3 ต่อ 42.7 เปอร์เซ็นต์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 15 เสียง คะแนนนำ 46.8 ต่อ 46 เปอร์เซ็นต์ รัฐอริโซนา คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 11 เสียง คะแนนนำ 46.3 ต่อ 42.3 เปอร์เซ็นต์ รัฐไอโอวา คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 6 เสียง คะแนนนำ 41.7 ต่อ 40.3 เปอร์เซ็นต์ รัฐเนวาดา คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 6 เสียง คะแนนนำ 46 ต่อ 44 เปอร์เซ็นต์ และรัฐนิวแฮมพ์เชียร์ คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 4 เสียง คะแนนนำ 43.5 ต่อ 42 เปอร์เซ็นต์ ทั้งหมดนี้หากไม่มีการคลาดเคลื่อนก็เท่ากับว่านางฮิลลารีมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งแล้ว 87 เสียง ขณะที่นายทรัมป์มีคะแนน 76 เสียง ซึ่งในการเลือกตั้งวันจริง ผู้สมัครคนใดได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงก็จะเป็นผู้ชนะ

นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ของสหรัฐฯยังรายงานว่า จากการคำนวณคะแนนคณะผู้เลือกตั้งในรัฐต่างๆรวมถึงความน่าจะเป็นในรัฐสวิงเสตทด้วยแล้ว นางฮิลลารีจะได้รับคะแนนอยู่ที่ 278 เสียง ส่วนนายทรัมป์อยู่ที่ประมาณ 215 เสียง เท่ากับว่านางฮิลลารีได้คะแนนเกิน 270 เสียงและมีความเป็นไปได้ที่นางฮิลลารีอาจเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯครั้งนี้

มีรายงานด้วยว่า คณะผู้เลือกตั้งของทุกรัฐ จะไปลงมติรับรองประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 19 ธ.ค.ปลายปีนี้ ตามผลการเลือกตั้งที่ออกมาว่าใครชนะรัฐใด และแทบไม่เคยมีมาก่อนที่จะมีคณะผู้เลือกตั้งที่ตัดสินแหกคอกไม่ลงคะแนนให้ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีผู้เข้าชิงคนใด ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียง จะเป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร ในการลงมติเลือกประธานาธิบดีแทน

 

รีบพาหนี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 7 พ.ย. 2559 05:55

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/775741

 

ภาพเหตุการณ์ขณะตำรวจลับซีเครตเซอร์วิส วิ่งเข้าประกบนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้แทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนางฮิลลารี คลินตัน ผู้แทนจากพรรคเดโมแครต (ภาพเล็ก) ลงจากเวที หลังมีผู้ต่อต้านคนหนึ่งพยายามชูป้ายขึ้นประท้วง แต่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นปืน ระหว่างปราศรัยหาเสียงโค้งสุดท้ายบนเวทีที่เมืองรีโน รัฐเนวาดา.

 

‘ฮิลลารี’ โล่ง! FBI สรุปไม่ตั้งข้อหา กรณีพบอีเมลชุดใหม่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 7 พ.ย. 2559 05:25

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/775761

 

เอฟบีไอ ตรวจสอบอีเมลชุดใหม่ที่เกี่ยวข้องกับกรณีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมลส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน เสร็จแล้ว และได้ข้อสรุป จะไม่ตั้งข้อหาคดีอาญา เหมือนกับข้อสรุปของ เอฟบีไอเมื่อหลายเดือนก่อน ในเรื่องอีเมลส่วนตัวของฮิลลารี

เมื่อ 7พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า พวกเขายังเชื่อว่าไม่ควรตั้งข้อหาต่อ นางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครต ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากพวกเขาเสร็จสิ้นการตรวจสอบอีเมลที่ค้นพบใหม่ ที่เกี่ยวข้องกับเซิร์ฟเวอร์อีเมลส่วนตัวของนางคลินตัน

นายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการเอฟบีไอ ของสหรัฐฯ ส่งจดหมายฉบับใหม่ถึงสภาคองเกรสเมื่อวันอาทิตย์ โดยระบุว่า เอฟบีไอไม่เปลี่ยนแปลงข้อสรุปที่พวกเขามีเมื่อเดือน ก.ค. คือไม่มีเหตุผลอันควรที่จะตั้งข้อหาคดีอาญาแก่นางคลินตัน ฐานใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมลส่วนตัวรับส่งข้อมูลราชการ ขณะที่เธอดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ


เจมส์ โคมีย์ ผอ.เอฟบีไอ

“ทีมสืบสวนของเอฟบีไอทำงานแข่งกับเวลา เพื่อประมวลและตรวจสอบอีเมลจำนวนมากมายที่ได้จากอุปกรณ์เครื่องหนึ่ง ซึ่งเชื่อมโยงกับการสืบสวนคดีอาญาที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีของนางคลินตัน” นายโคมีย์กล่าว “ระหว่างกระบวนการ เราตรวจสอบการสื่อสารทั้งหมดที่ส่งมาหรือส่งไปหานางคลินตัน ขณะที่เธอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแล้ว”

ทั้งนี้ การเปิดเผยล่าสุดของนายโคมีย์ ถือเป็นการยกภูเขาออกจากอกของนางคลินตัน ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังเอฟบีไอประกาศเริ่มการตรวจสอบคดีอีเมลซึ่งควรจะจบไปตั้งแต่เดือน ก.ค.อีกครั้ง หลังจากค้นพบอีเมลใหม่ที่อาจมีส่วนเชื่อมโยงกับคดีนี้ ระหว่างการสืบสวนคดี นายแอนโธนี ไวเนอร์ อดีต ส.ส.นิวยอร์ก สามีของนางฮูมา อเบดิน ผู้ช่วยระดับสูงของนางคลินตัน ฐานส่งอีเมลข้อความไม่เหมาะสมให้เด็กหญิงอายุ 15 ปีคนหนึ่ง เพื่อหาอีเมลที่พบใหม่ว่ามีข้อมูลที่เป็นความลับหรือไม่

หลังจากเอฟบีไอมีข้อสรุปดังกล่าว นางเจนนิเฟอร์ พัลเมรี ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารในทีมหาเสียงของนางคลินตัน ก็ออกมาแสดงความเห็นต่อสื่อว่า พวกเธอรู้สึกยินดีที่เรื่องนี้จบลงเสียที.

 

“ดีเดย์” ศึกชิงทำเนียบขาว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 7 พ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/775257

 

• จ๋อเลือกทรัมป์–เจ้า “เกด้า” ลิงชื่อดัง ฉายา “ราชาพยากรณ์” เลือกกล้วยและโผเข้าจูบการ์ดบอร์ดรูปนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยไม่สนใจนางฮิลลารี คลินตัน ในการเสี่ยงทายผู้ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เมืองฉางชา มณฑลหูหนาน เมื่อ 3 พ.ย. ลิงตัวนี้เคยทายว่าทีมชาติโปรตุเกสได้เป็นแชมป์ฟุตบอลยูโร 2016 ถูกมาแล้ว (เอเอฟพี)

พรุ่งนี้แล้ว (8 พ.ย.) คือวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 ได้รู้กันว่านางฮิลลารี คลินตัน หรือนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่ชิงแห่งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ใครจะเข้าวิน

สหรัฐฯมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกปี 2558 มี “จีดีพี” มูลค่าถึง 17.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามด้วยจีนและญี่ปุ่น มีพื้นที่ใหญ่อันดับ 3 รองจากรัสเซียและแคนาดา มีประชากรมากอันดับ 3 (ราว 325 ล้านคน) รองจากจีนและอินเดีย ประชากรส่วนใหญ่ 61.6% เป็นคนผิวขาวที่ไม่ใช่คนฮิสแปนิก อีก 17.6% เป็นคนละติน 13.3% เป็นคนอเมริกัน-แอฟริกันผิวดำ อีก 5.6% เป็นคนเอเชีย และ 1.4% เป็นชนพื้นเมือง

สหรัฐฯมีผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายกว่า 11 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นเม็กซิกัน โดยเกือบ 7 ล้านคนอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย มีอัตราคนว่างงานถึง 5% และ 30 ปีหลัง ช่องว่างรายได้ระหว่างครอบครัวรายได้สูงกับกลางห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 6.6 เท่าแล้ว!

ปัจจัยเหล่านี้เป็นประเด็นหาเสียงสำคัญมาทุกสมัย และการเลือกตั้งหนนี้มีผู้มีสิทธิลงทะเบียนเลือกตั้ง 225 ล้านคน แต่ปี 2555 มีผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งแค่ 71% และไปใช้สิทธิลงคะแนนจริงแค่ 53.6% ปีนี้คาดว่าจะยิ่งน้อย เพราะคนไม่ชอบทั้งคลินตันและทรัมป์

จริงๆแล้วครั้งนี้มีผู้เข้าชิงประธานาธิบดีถึง 5 คน คือยังมีนายแกรี จอห์นสัน อดีตผู้ว่าการรัฐนิว เม็กซิโกสายเสรีนิยม วัย 63 ปี นางจิลล์ สตีน แห่งพรรค “กรีน” สายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม วัย 66 ปี นายอีวาน แม็คมัลลิน อดีตหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายของซีไอเอ วัย 40 ปี แต่เป็นแค่ไม้ประดับ…ปิดประตูชนะ

นอกจากเลือกประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี ซึ่งคลินตันมีนายทิม เคน ส.ว.รัฐเวอร์จิเนีย และทรัมป์มีนายไมค์ เพนซ์ ผู้ว่าการรัฐอินเดียนาเป็น “คู่หู” ยังมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 435 คน มีวาระ 2 ปี และสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมีวาระ 6 ปี 34 คน จากทั้งหมด 100 คน ผู้ว่าการรัฐอีก 12 รัฐ ไปจนถึงเลือกตั้งสภาท้องถิ่น และมีการลงประชามติในข้อเสนอต่างๆในหลายรัฐ กว่า 72 เรื่อง เช่นจะให้กัญชาถูกกฎหมายหรือไม่ใน 5 รัฐ การควบคุมอาวุธปืนเข้มงวดขึ้นใน 4 รัฐ และให้นักแสดงหนังผู้ใหญ่สวมถุงยางอนามัยหรือไม่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย

สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดี เป็นการเลือกตั้งทางอ้อม โดยสหรัฐฯมี 50 รัฐ กับ 1 เขตปกครองพิเศษคือ ดิสทริก ออฟ โคลัมเบีย (ดี.ซี.) ที่ตั้งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวง ซึ่งใน 48 รัฐ ประชาชนจะลงคะแนนเลือกคณะผู้เลือกตั้งที่ต้องไปโหวตเลือกผู้ชิงประธานาธิบดีคนใดคนหนึ่ง ใครได้คะแนนรวมเสียงประชาชน (Popular Votes) มากกว่าจะกวาดเสียง “คณะผู้เลือกตั้ง” (Electoral College) ของรัฐนั้นไปทั้งหมด เรียกว่าระบบ “ผู้ชนะกินรวบ” (Winner take all) ยกเว้น 2 รัฐคือ เมนกับเนบราสกา ใช้ทั้งระบบสัดส่วนและผู้ชนะกินรวบผสมกัน

“คณะผู้เลือกตั้ง” มีทั้งหมด 538 เสียง มีจำนวนแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ ขึ้นอยู่กับจำนวนประชากร โดยรัฐใดๆ จะมีคณะผู้เลือกตั้ง

ในสัดส่วน 1 คนต่อ ส.ส. 1 คน และอีก 1 คนต่อ ส.ว. 2 คน ผู้เข้าชิงคนใดได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกินครึ่งคือ 270 เสียงขึ้นไปคือผู้ชนะได้เป็นประธานาธิบดีรัฐแคลิฟอร์เนียมีประชากรมากที่สุด จึงมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งมากที่สุด (55) ตามด้วยเท็กซัส (38) นิวยอร์ก ฟลอริดา (29) ส่วนรัฐที่มีประชากรน้อย เช่น อลาสกา เดลาแวร์ ไวโอมิง และดี.ซี. มีแค่รัฐละ 3 เสียง

โดยทั่วไปพรรคการเมืองแต่ละพรรคจะตั้งคณะผู้เลือกตั้งของตัวเองในแต่ละรัฐไว้ให้ประชาชนเลือก แม้รัฐธรรมนูญไม่ระบุว่าต้องเลือกผู้เข้าชิงคนใด แต่กฎหมายบางรัฐกำหนดให้คณะผู้เลือกตั้งต้องลงมติเลือกผู้ชิงประธานาธิบดีตามคะแนนเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน (Popular Vote) บางรัฐพรรคการเมืองกำหนดให้คณะผู้เลือกตั้งให้สัญญาเป็นทางการก่อนว่าจะเลือกผู้เข้าชิงจากพรรคของตัวเอง แต่บางรัฐคณะผู้เลือกตั้งมีสิทธิ “แหกคอก” ไปเลือกผู้เข้าชิงฯ จากพรรคอื่นได้ แต่แทบไม่เคยมี ถ้ามีก็น้อยมากไม่ส่งผลกระทบต่อผลเลือกตั้ง

คณะผู้เลือกตั้งของทุกรัฐจะไปลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีและรองฯอย่างเป็นทางการใน 19 ธ.ค.ศกนี้ แต่ถ้าไม่มีผู้เข้าชิงคนใดได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งถึง 270 เสียง สภาผู้แทน ราษฎร (ขณะนี้พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก) จะเป็นผู้ลงมติเลือกประธานาธิบดีแทน

บางรัฐเป็นฐานเสียงพรรคหนึ่งพรรคใดเหนียวแน่นยากจะแย่งชิง แต่หลายรัฐที่เรียกว่า “แบทเทิลกราวด์ สเตท” หรือ “สวิงสเตท” ไม่ใช่ฐานเสียงพรรคใดชัดเจน ต้องแย่งชิงกันสูง ซึ่งปีนี้มีราว 12 รัฐ รวมทั้งโคโลราโด ฟลอริดา ไอโอวา มิชิแกน เนวาดา นิวแฮมพ์เชียร์ นอร์ทแคโรไลนา โอไฮโอ เพนซิลเวเนีย เวอร์จิเนียวิสคอนซิน

“สวิง สเตท” สำคัญๆ ซึ่งมีคณะผู้เลือกตั้งมาก และจะเป็นตัวตัดสินผลแพ้ชนะ คือฟลอริดา (29) เพนซิลเวเนีย (20) โอไฮโอ (18) นอร์ทแคโรไลนา (15) จึงต้องลุ้นกันเป็นพิเศษในช่วงนับคะแนน!

ทีมข่าวต่างประเทศ

 

เติร์กยิงสกัดซิ่งมอไซค์ใกล้สนามบิน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 7 พ.ย. 2559 02:10

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/775616

 

เจ้าหน้าที่ประจำท่าอากาศยานนานาชาติอาตาเติร์ก ในนครอิสตัลบูล ของตุรกี ห้ามรถยนต์ผ่านเข้าออก ก่อนมีคำสั่งยกเลิกในเวลาต่อมา เมื่อ 6 พ.ย. โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินของสนามบิน ซึ่งถือว่ามีการเดินทางติดต่อเชิงธุรกิจที่หนาแน่นมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก หลังตำรวจตัดสินใจยิงสกัดเข้าใส่คนขี่มอเตอร์ไซค์ ซึ่งไม่หยุดรถเพื่อให้ตรวจค้น ทำให้คนขี่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนซ้อนถูกเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัว และยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดที่ตำรวจสั่งให้มอเตอร์ไซค์หยุด

ก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ 4 พ.ย. ที่เมืองดิยาร์บาคีร์ ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี เมืองสำคัญของชาวเคิร์ด เกิดเหตุระเบิดติดรถยนต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 ศพ บาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 100 คน ซึ่งรัฐบาลตุรกีกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของพรรคนอกกฎหมาย พีเคเค แม้กลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกมาแสดงความรับผิดชอบก็ตาม.

 

จับผู้ช่วย ปธน.โสมขาวเพิ่ม -ชุมนุมขับไล่ต่อ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 7 พ.ย. 2559 01:35

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/775612

 

เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ศาลกลางในกรุงโซลของเกาหลีใต้ อนุมัติคำสั่งออกหมายจับนายอัน ชง-บุม อดีตที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีหญิงปาร์ก กึน-เฮ ซึ่งอยู่ระหว่างถูกกักขังภายใต้คำสั่งควบคุมตัวฉุกเฉิน เพื่อเตรียมรับทราบข้อกล่าวหาใช้อำนาจในทางมิชอบและพยายามข่มขู่กรรโชกผู้อื่น

นอกจากนี้ ศาลยังออกหมายจับนายจอง โฮ-ซอง อดีตที่ปรึกษาคนที่ 2 ของประธานาธิบดีปาร์ก ซึ่งถูกควบคุมตัวไว้ชั่วคราว หลังพนักงานอัยการเข้าจับกุมนายจองเมื่อวันพฤหัสฯ 3 พ.ย. เพราะต้องสงสัยปล่อยให้ข้อมูลที่จัดให้เป็นความลับในเชิงราชการรั่วไหล ซึ่งทั้งนายอันและนายจองต่างลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา จากปัญหามรสุมอื้อฉาวทางการเมือง ส่วนผลสำรวจคะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดีปาร์กจากกัลลอบ โพลพบว่า ลดต่ำสุดเป็นบันทึกประวัติศาสตร์เหลือเพียง 5 เปอร์เซ็นต์


จอง โฮ-ซอง อดีตที่ปรึกษาของประธานาธิบดีปาร์ก กึน-เฮ

ขณะเดียวกัน ประชาชนชาวเกาหลีใต้ทุกเพศ ทุกวัยรวมทั้งเด็ก ออกมารวมตัวประท้วงอย่างสงบกลางกรุงโซล เพื่อขับไล่ประธานาธิบดีปาร์กจากกรณีที่ปล่อยให้นางชอย ซุน-ซิล หรือฉายารัสปูตินหญิง เพื่อนเก่าแก่ที่ใช้ความสนิทสนมเข้าไปแทรกแซงกิจการของรัฐ แม้นางชอยปฏิเสธเรื่องการใช้อิทธิพล หรือแสวงหาผลประโยชน์ทางการเงิน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าผู้ชุมนุมมีราว 40,000-50,000 คน ขณะที่ผู้จัดชุมนุมอ้างว่ามีมากถึง 100,000 คน แต่ยังไม่เปิดเผยว่าจะจัดการสอบสวนประธานาธิบดีปาร์กหรือไม่ หลังก่อนหน้านี้เจ้าตัวระบุยินดีให้เจ้าหน้าที่เปิดการสอบสวนตนเองหากจำเป็น.


ชาวเกาหลีใต้ยังคงออกมาประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีปาร์กอย่างต่อเนื่อง
 

ระทึก! จนท.กัน ‘ทรัมป์’ ลงเวทีที่เนวาดา หลังจับชายต้องสงสัย(ชมคลิป)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 พ.ย. 2559 11:07

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/775182

 

เกิดเหตุวุ่นวายที่เวทีหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในรัฐเนวาดา จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องพาตัวลงจากเวทีกะทันหัน หลังเข้าควบคุมตัวชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในหมู่ฝูงชน ใกล้เวทีปราศรัย….

วันที่ 6 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ระหว่างปราศรัยหาเสียงของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ในเมืองรีโน รัฐเนวาดา เจ้าหน้าที่จากหน่วยรักษาความปลอดภัยต้องเร่งพาตัว นายโดนัลด์ ทรัมป์ ลงจากเวทีกะทันหัน แม้เบื้องต้นจะยังไม่ชัดเจนว่า สาเหตุที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องเร่งนำตัวทรัมป์ลงจากเวทีคืออะไร แต่มีรายงานว่า มีชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในหมู่ฝูงชนใกล้เวทีปราศรัย ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจู่โจมนำตัวออกไปจากห้องประชุมหลังจากนั้น โดยภาพจากสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นแสดงให้เห็นว่า ชายคนดังกล่าวถูกควบคุมตัวออกจากห้องประชุมโดยตำรวจ ก่อนที่ทรัมป์จะกลับขึ้นมาปราศรัยบนเวทีต่ออีกครั้ง ในอีกไม่กี่นาทีต่อมา


โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน หาเสียงโค้งสุดท้ายในเมืองรีโน รัฐเนวาดา

ทั้งนี้ ถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายสำหรับการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในอีก 2 วันข้างหน้า โดย ทรัมป์ ประกาศว่าจะใช้ช่วงเวลานี้หาเสียงในรัฐที่เป็นฐานเสียงพรรคเดโมแครต อย่างรัฐเพนซิลเวเนีย มิชิแกน และมินเนโซตา

ขณะที่ คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตอย่าง ฮิลลารี คลินตัน ใช้เวลาช่วงโค้งสุดท้ายของการเสียงขึ้นเวทีพร้อมผู้สนับสนุนคนสำคัญที่เป็นนักร้องชื่อดัง เพื่อรณรงค์ให้ผู้สนับสนุนที่เป็นคนรุ่นใหม่ออกมาลงคะแนน โดยล่าสุด เมื่อคืนที่ผ่านมา นางคลินตันได้ขึ้นเวทีหาเสียงที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย พร้อมนักร้องดังอย่าง เคธี เพอร์รี โดยนางคลินตันระบุว่านี่เป็นการเฉลิมฉลองให้กับทุกอย่างที่ผู้สนับสนุนได้มอบให้กับเธอ และสิ่งที่จะเดินหน้าร่วมกันต่อไปในอนาคต ขณะที่ เคธี เพอร์รี ย้ำการสนับสนุนนโยบายของคลินตัน รวมถึงความพร้อม และความเหมาะสมของฮิลลารีที่จะทำหน้าที่ประธานาธิบดี


ระทึก! จนท.จับชายต้องสงสัย พร้อมกันโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงเวที

ล่าสุด ผลสำรวจของฟอกซ์ นิวส์ ชี้ว่า นางฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต ยังมีคะแนนนิยมนำ ทรัมป์ ร้อยละ 45 ต่อร้อยละ 43 ขณะที่ ผลสำรวจของซีเอ็นเอ็น ชี้ว่า คลินตันนำทรัมป์อยู่ที่ร้อยละ 47 ต่อร้อยละ 42.

ชมคลิปที่นี่

 

8 พ.ย.เลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ! ทรัมป์-ฮิลลารี มุ่งหาเสียงฟลอริดา คะแนนสูสี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 พ.ย. 2559 02:03

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/774962

 

อีก 2 วันจะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ..โดนัลด์ ทรัมป์ และฮิลลารี คลินตัน มุ่งหาเสียงกันเต็มที่ที่รัฐฟลอริดา รัฐสวิงสเตทสำคัญ ขณะที่ผลโพลเฉลี่ยคะแนนนิยมของ 2ผู้สมัคร ในรัฐฟลอริดายังไม่นิ่ง บางแห่งว่า ฮิลลารี นำ แต่บางแห่งออกมา ทรัมป์ มีโอกาสชนะในรัฐนี้

เมื่อ 6 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่นว่า นางฮิลลารี คลินตัน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ สองผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต และรีพับลิกัน เสียงในรัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นรัฐสวิงสเตทที่สำคัญ และเป็นรัฐสวิงสเตทใหญ่ที่สุด ซึ่งถูกมองกันว่าเป็นรัฐที่ต้องชนะสำหรับทรัมป์

บีบีซี รายงานว่า การแข่งขันในรัฐฟลอริดา ระหว่างสองผู้สมัครเป็นไปอย่างเข้มข้นดุเดือด โดยผลโพลเฉลี่ยของ Real Clear Politics ออกมาว่า นางฮิลลารี ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ยังมีคะแนนนำเหนือกว่าทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ทว่า จากการวิเคราะห์โพล โดยเว็บไซต์ FiveThirtyEight ออกมาว่า ทรัมป์มีโอกาสที่จะชนะในรัฐฟลอริดา 52.6% หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2555 ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยชนะในรัฐฟลอริดา เหนือกว่า นายมิตต์ รอมนีย์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันแค่ 0.9% เท่านั้น


สำหรับรัฐฟลอริดา เป็นรัฐสวิงสเตทที่สำคัญ เพราะมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งสูงถึง 29 คะแนน จากคะแนนคณะผู้เลือกตั้งที่บรรดาผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯจำเป็นต้องได้ 270 คะแนนจึงจะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ขณะที่ รัฐฟลอริดา เป็นรัฐที่มีประชาชนเชื้อสายลาติน รวมทั้งเชื้อสายคิวบา อาศัยอยู่มาก โดยที่ผ่านมา ชาวอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิก ส่วนใหญ่ จะโหวตเลือกตัวแทนจากพรรคเดโมแครต แต่ชาวอเมริกันเชื้อสายคิวบา มีธรรมเนียมปฏิบัติในการเลือกตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน

 

สุดอะเมซซิ่ง!ชาวรัสเซียฮือฮา ก้อนน้ำแข็งใหญ่ สวยงาม เกลื่อนหาดไซบีเรีย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 พ.ย. 2559 00:28

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/774907

 

(ขอบคุณภาพจาก Facebook : SERGEI BYCHENK)

ชาวรัสเซียสุดตื่นตาตื่นใจ ไม่เคยพบเคยเห็นปรากฏการณ์ธรรมชาติแบบนี้มาก่อน  ก้อนน้ำแข็งมากมาย มีขนาดตั้งแต่เท่าลูกเทนนิส ไปจนถึงเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบเมตร เรียงรายเกลื่อนหาดอ๊อบ ในเขตไซบีเรีย  เป็นระยะทางร่วม 18 กม.

เมื่อ 5พ.ย.59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติแปลกประหลาดและสวยงาม สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้คนที่พำนักอาศัยอยู่บริเวณอ่าวอ๊อบ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเขตไซบีเรีย ในประเทศรัสเซียอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาได้เห็น‘สโนว์บอล’ หรือ ก้อนเกล็ดน้ำแข็งกลมเกลี้ยง ขนาดใหญ่ตั้งแต่เท่าลูกเทนนิสไปจนถึงเส้นผ่าศูนย์กลางถึงเกือบ 1 เมตร เรียงรายอยู่เต็มไปทั่วชายหาดอ่าวอ๊อบ เป็นระยะทาง กว่า 18 กิโลเมตร

ชาวบ้านหลายคนในหมู่บ้านนีดา เล่าด้วยความตื่นเต้นว่าตั้งแต่พวกเขาเกิดมา ยังไม่เคยเห็นอะไรที่สามารถนำมาเปรียบได้กับก้อนเกล็ดน้ำแข็งเหล่านี้เลย ขณะที่สถานีโทรทัศน์ ทีวี รัสเซีย ได้สอบถามนายเซอร์เก ไลเซนคอฟ เลขาฝ่ายสื่อของสถาบันวิจัยอาร์กติค และแอนตาร์กติค ได้ให้คำอธิบายปรากฏการณ์ครั้งนี้ว่า นี่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่มีกระบวนการเกิดขึ้นยาก เริ่มจาก น้ำแข็งชิ้นเล็กๆเป็นเกล็ด ถูกน้ำและลมพัดกลิ้งไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็น ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่

ขณะที่บีบีซี รายงานว่า เคยเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติลักษณะคล้ายคลึงกันนี้ ที่อ่าวฟินแลนด์มาแล้ว เมื่อธ.ค.2557 และที่ทะเลสาบมิชิแกน ในสหรัฐฯ เมื่อธ.ค.2558 โดยก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่มากมายมหาศาลสร้างความตื่นเต้นให้แก่ชาวรัสเซีย จนพากันถ่ายภาพและนำมาโพสต์ลงบนโลกโซเชียล ในรัสเซียกันอย่างคึกคัก

 

ปชช.เกาหลีใต้นับพันประท้วงกลางกรุงโซล ขับไล่ ‘ปาร์ก กึน-เฮ’ พ้น ปธน.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 พ.ย. 2559 17:59

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/774751

 

(ภาพ : AP)

ชาวเกาหลีใต้หลายพันคนออกมาประท้วงใหญ่ขับไล่ ประธานาธิบดีปาร์ก กึน-เฮ ออกจากตำแหน่ง กรณีปล่อยให้คนสนิทเข้าแทรกแซงการบริหารประเทศ แม้ว่าเมื่อวานนี้ประธานาธิบดี จะออกมากล่าวขอโทษประชาชนเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่กระแสความไม่พอใจของประชาชนยังรุนแรง

ประชาชนชาวเกาหลีใต้นับพันคน ออกมาประท้วงใจกลางกรุงโซล ตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เรียกร้องให้ประธานาธิบดีปาร์ก กึน-เฮ ลาออกจากตำแหน่ง จากกรณีที่ปล่อยให้คนสนิทอย่างนางชอย ซุน ซิล อายุ 60 ปี เข้ามาแทรกแซงการบริหารประเทศ นำไปสู่การสอบสวนของอัยการที่พบว่า นางชอย ซุน ซิล มีเอกสารสุนทรพจน์ของประธานาธิบดี และมีการตั้งมูลนิธิขึ้นมาเรี่ยไรเงินบริจาคจากบริษัทใหญ่


ประชาชนชาวเกาหลีใต้นับพันคน ออกมาประท้วงใจกลางกรุงโซล ตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา

การประท้วงมีขึ้นพียง 1 วัน หลังจากที่เมื่อวานนี้ประธานาธิบดีปาร์ก กึน-เฮ ได้ออกแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ กล่าวขอโทษประชาชนเป็นครั้งที่สอง และยืนยันว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการทำพิธีของลัทธิโบสถ์แห่งชีวิตนิรันดร ของนางชอย ซุน ชิล

ทางด้าน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล แซนูรี ออกมาขอโทษประชาชน ที่ไม่สามารถช่วยยับยั้งกรณีที่เกิดขึ้นได้ พร้อมระบุว่าจะสนับสนุนการสอบสวนเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดและให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูกระแสความเชื่อมั่นของรัฐบาลกลับคืนมา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
– ปธน.โสมใต้ ขอโทษประชาชนกรณีข่าวฉาว-ยันไม่ได้ถูกลัทธิครอบงำ