ก้าวใหญ่พี่จีน โชว์บ.สเตลธ์ใหม่ J-20 ต่อสายตาสาธารณชนครั้งแรก (ชมคลิป)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 1 พ.ย. 2559 20:04

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/770941

 

จีนโชว์ฝีมือสร้างบินรบ..อวดโฉม เครื่องบินรบล่องหนรุ่นใหม่ ‘เจ-20’ 2 ลำ สู่สายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรก ในงาน แอร์โชว์ ที่เมืองจูไห่ จนเรียกเสียงฮือฮา พร้อมกับได้เปิดตัวเครื่องบินรุ่นใหม่อีกหลายรุ่น ในงานครั้งนี้

เมื่อ 1 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ทางการจีนเปิดตัว เครื่องบินขับไล่เทคโนโลยีหลบหลีกเรดาร์ หรือ สเตลธ์ รุ่น เฉิงตู ‘J-20’ (เจ-20) 2 ลำ บินโชว์ผาดโผนต่อสาธารณชนเป็นเวลา 60 วินาที จนสร้างความฮือฮาเป็นครั้งแรก หลังจากเฝ้ารอกันมานาน ในงานแสดงนิทรรศการการบินและอากาศยานนานาชาติของจีน ปี 2016 หรือ ‘จูไห่ แอร์โชว์’ซึ่งจัดขึ้นทุกปี ในเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง เมื่อวันที่ 1 พ.ย.59  หลังจากที่ผ่านมา จีนมักอวดโฉมเครื่องบินรบรุ่นใหม่เฉพาะเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยานเท่านั้น

ชมคลิป

สำหรับเครื่องบินรบหลบหลีกเรดาร์ หรือเรียกขานกันว่า เครื่องบินรบล่องหน เจ-20 นี้ ถูกพัฒนาและสร้างขึ้นโดยกลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานเฉิงตู ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทรัฐวิสาหกิจ อุตสาหกรรมอากาศยานของจีน โดยมีบางคนมองว่า เครื่องบินรบรุ่นใหม่ เจ-20 ของจีน เหมือนกับเครื่องบินรบ F-22 แร็พเตอร์ ที่สร้างโดยบริษัทล็อกฮีด  มาร์ติน ในสหรัฐฯ แต่ถึงอย่างไร การอวดโฉมเครื่องบินรบล่องหน เจ-20 ของจีนก็ถือเป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนถึงการก้าวครั้งใหญ่ในความสามารถของการสร้างเครื่องบินรบของจีน


บีบีซี รายงานว่า งานแสดงนิทรรศการการบินและอากาศยานนานาชาติของจีน กลายเป็นหนึ่งในงานแอร์โชว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่จีนตั้งเป้าไว้ว่า จะให้จีนกลายเป็นตลาดอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในทศวรรษหน้า อีกทั้งการที่จีนอวดโฉมเครื่องบินรบรุ่นใหม่ เจ-20 นี้ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก ยังเป็นโอกาสที่จีนได้แสดงให้ผู้คนได้เห็นถึงความใฝ่ฝันของจีนในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านอากาศยานพลเรือนและเครื่องบินรบ

ในงานไชน่า แอร์โชว์ 2016 นี้ จีนยังได้เปิดตัวเครื่องบินลำเลียงขนาดใหญ่ Y-20 (วาย-20) เป็นครั้งแรกเช่นกันไปแล้ว รวมถึง เครื่องบินทะเล AG-600 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ได้รับความนิยมและดูเหมือนมีแนวโน้มจะถูกนำไปใช้ในปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ เช่นเดียวกับการเป็นเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล นอกจากนั้น ยังคาดว่า จีนจะเปิดตัวเครื่องบินทิ้งระเบิด Xian H-6K (ซีอาน เอช-6เค) และเฮลิคอปเตอร์จู่โจม Changhe Z-10K (ชางฮี ซี-10 เค) เป็นครั้งแรกในงานแอร์โชว์ครั้งนี้ด้วย.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผู้เชี่ยวชาญชี้ สเตลท์จีนลอกเทคโนโลยีของ F-117

จีนอวดทดสอบบินเครื่องบินรบ’ล่องหน’

ลอกแน่นอน เผยสหรัฐถูกจีนขโมยข้อมูล บ.สเตลธ์ เอฟ-35

 

ช็อกสุดขีด จระเข้โผล่ทำร้ายชายหญิงว่ายน้ำในสระที่โรงแรมในซิมบับเว (ชมคลิป)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 1 พ.ย. 2559 18:48

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/770901

 

(ภาพประกอบ)

หนุ่มสาวคู่หนึ่ง เจอเหตุการณ์สุดช็อก ขณะกำลังว่ายน้ำอยู่ในสระของโรงแรมในซิมบับเว อย่างสบายอารมณ์ แต่แล้ว ได้มีจระเข้ตัวใหญ่คลานออกมาจากมุมมืด จู่โจมเข้าทำร้าย ฝ่ายหญิงสุดหวาดเสียว ประจันหน้าจระเข้ระยะใกล้ โชคดีรอดมาได้

เมื่อ 1 พ.ย.59 เว็บไซต์ เดอะ มิร์เรอร์ รายงาน ชายหญิงคู่หนึ่ง (ไม่ทราบชื่อ-สัญชาติ) ต้องเจอเรื่องตกใจสุดขีดขณะกำลังว่ายน้ำอย่างสนุกสนานอยู่ในสระว่ายน้ำของโรมแรงแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าอยู่ในเมืองคาริบา ประเทศซิมบับเว เมื่อค่ำคืนของวันที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา เมื่อจู่ๆ ได้มีจระเข้ตัวใหญ่เดินออกมาจากมุมมืด จู่โจมเข้าทำร้ายอย่างกราดเกรี้ยว แถมยังโผล่ลงไปตามทำร้ายชายหญิงคู่นี้ในสระว่ายน้ำอย่างไม่ลดละ

ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่บริเวณสระน้ำของโรงแรม แสดงให้เห็นชัดเจน ตั้งแต่ช่วงที่จระเข้คลานออกมา และไม่กี่วินาทีจากนั้น มันได้เริ่มเข้าทำร้ายชายหญิงคู่นี้ โดยฝ่ายชาย สามารถว่ายหลบหลีกคมเขี้ยวของเจ้าจระเข้ ไปอยู่ด้านหนึ่งของสระได้ ขณะที่ ผู้หญิงไม่สามารถหนีพ้นได้ง่ายๆ เธอพยายามว่ายหนี แต่ต้องเผชิญหน้ากับจระเข้ตัวใหญ่ ความยาวนับ 6 ฟุต ในระยะใกล้อย่างน่าหวาดเสียว

เดชะบุญ ที่มีหนุ่มคนหนึ่งได้เห็นเหตุการณ์เลยเข้ามาช่วยผู้หญิงคนดังกล่าวได้ทันท่วงที โดยเว็บไซต์ มิร์เรอร์ แจ้งว่า หลังจากมีผู้อัพโหลดคลิปนี้ลงในยูทูบ ปรากฏว่ามีชาวเน็ตเข้าไปดูแล้วหลายพันครั้ง.

ชมคลิป ที่นี่

 

มะกันขยับ! ส่งเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ‘ยูเอสเอส เพนซิลเวเนีย’ไปเกาะกวมแล้ว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 1 พ.ย. 2559 17:16

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/770781

 

(ภาพจากยูทูบ:military Videos)

กองทัพเรือสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ ส่งเรือดำน้ำนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธ ‘ยูเอสเอส เพนซิลเวเนีย’ ไปเกาะกวมครั้งแรก ตั้งแต่ปลายทศวรรษ1980 ขณะที่ทหารมะกัน-ญี่ปุ่นหลายหมื่นกำลังร่วมซ้อมรบ ท่ามกลางสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี และทะเลจีนใต้กำลังร้อนฉ่า

เมื่อ 1 พ.ย.59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กองทัพสหรัฐฯ ส่งสัญญาณไปยังชาติปรปักษ์ ประกาศศักดาแสนยานุภาพทางทหารข่มขวัญเกาหลีเหนือ ด้วยการส่งเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ ติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี ‘ยูเอสเอส เพนซิลเวเนีย’ (USS Pennsylvania (SSBN 735) มุ่งหน้าไปยังเกาะกวม ดินแดนของสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นครั้งแรก  นับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1980 ‘เป็นการไปเยือนตามกำหนดการ ยังดินแดนของสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิก’ กองทัพเรือสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์

ขณะที่ ซีเอ็นเอ็นรายงาน มีเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมคนหนึ่งกล่าวว่า ขณะนี้กำลังทหารจากญี่ปุ่นนับ 37,000 นาย และกำลังทหารสหรัฐฯ 11,000 นาย กำลังฝึกซ้อมรบ Keen Sward 17 รวมถึงปฏิบัติการซ้อมยกพลขึ้นบกอยู่ที่เกาะโอกินาวา ของญี่ปุ่น เกาะกวม และเกาะทิเนียน ในนอร์ทเทิร์น มารินาส์ พอดี ซึ่งการส่งเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ ยูเอสเอส เพนซิลเวเนียไปในช่วงนี้ จึงถือเป็นสถานการณ์ที่ยากจะเกิดขึ้น


ข่าวแจ้งว่า การส่งเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ยูเอสเอส เพนซิลเวเนีย มีขึ้นขณะที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ กำลังเกิดความตึงเครียดมากขึ้นกับเกาหลีเหนือ ที่เดินหน้าทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ รวมทั้งการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล ขณะเดียวกันก็ยังเกิดความตึงเครียดทางทหารกับจีน ที่ได้มีการเคลื่อนไหวในทะเลจีนใต้

ขณะที่แถลงการณ์ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ยังระบุชัดเจนว่า การส่งเรือดำน้ำนิวเคลียร์ยูเอสเอส เพนซิลเวเนียไปเกาะกวม เป็นส่วนหนึ่งพันธกิจที่สหรัฐฯ มีต่อชาติพันธมิตรในอินโด-เอเชีย-แปซิฟิก รวมทั้งการร่วมซ้อมรบ ฝึกซ้อมทางทหาร และความร่วมมือด้านอื่นๆ พร้อมทั้งยังระบุว่า เรือดำน้ำติดขีปนาวุธนำวิถี อย่างเช่นเรือดำน้ำยูเอสเอส เพนซิลเวเนีย เป็นส่วนหนึ่งของเรือลาดตระเวน ที่มีแสนยานุภาพสูงของกองกำลังนิวเคลียร์ที่ใช้ป้องกันศัตรูของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ เรือดำน้ำนิวเคลียร์ ยูเอสเอส เพนซิลเวเนีย เป็นหนึ่งในกองเรือดำน้ำติดขีปนาวุธนำวิถี Ohio-class ในกองเรือรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ โดยเรือดำน้ำยูเอสเอส เพนซิลเวเนียได้ติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี Trident II D-5 ซึ่งขีปนาวุธแต่ละลูกสามารถติดตั้งหัวรบได้หลากหลายแบบ และสามารถตั้งโปรแกรมบังคับในการโจมตีเป้าหมายที่แตกต่างกันได้ด้วย.

ที่มา : CNN

 

กลัว ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง! ส่งผล หุ้นมะกัน ยุโรปร่วง ค่าเงินดอลล์ตกทันที

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 1 พ.ย. 2559 11:19

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/770392

 

ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาผันผวน ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง ทรัมป์มีโอกาสจะชนะ หลัง FBI ออกมาประกาศข่าวเซอร์ไพรส์ จะเข้ามาตรวจสอบกรณีอีเมลส่วนตัวฮิลลารี คลินตัน ส่งผลหุ้นในยุโรปและสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง และค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ตกทันที

เมื่อ 1 พ.ย.59 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานสถานการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เกิดความไม่แน่นอนขึ้นเสียแล้วว่า นางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันใครจะเป็นผู้ชนะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ เนื่องจากคะแนนนิยมของทรัมป์ตีตื้นขึ้นมาช่วงโค้งสุดท้าย หลังสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางแห่งสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ออกมาประกาศข่าวที่สร้างความประหลาดใจเมื่อวันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม (ตามเวลาท้องถิ่น) ว่า จะเข้ามาดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมกรณีอีเมลส่วนตัวของนางฮิลลารี ขณะเหลือเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์จะถึงวันเลือกตั้งนั้น ส่งผลให้ดัชนีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป ปรับตัวลดลง ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา

ข่าวแจ้งว่า ตลาดหุ้น CAC 40 ของปารีส ปรับตัวลดลง 0.9%, ตลาดหุ้น FTSE ของลอนดอน ปรับลดลง 0.6%, ตลาดหุ้น DAX30 ในแฟรงก์เฟิร์ต ลดลง 0.3% และตลาดหุ้นในกรุงมาดริด, โรม และอัมสเตอร์ดัม ปรับลดลง ส่วนตลาดหุ้นในมิลาน ลดลงไป 1.15% ในขณะที่ ดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์ ในนิวยอร์ก ปรับลด 0.1% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา


แจสเปอร์ ลอว์เลอร์ นักวิเคราะห์ตลาดหลักทรัพย์ CMC ชี้ว่า พลันที่มีท่าทีว่าทรัมป์อาจจะชนะเลือกตั้งส่งผลให้ตลาดหุ้นกำลังเกิดความวิตกเมื่อวันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พร้อมกับชี้ว่า ตลาดหุ้นในยุโรปกำลังรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของอาฟเตอร์ช็อกที่เกิดกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 28 ต.ค.

ขณะเดียวกัน ค่าเงินสกุลดอลลาร์ของสหรัฐฯ ก็ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลสำคัญในตลาดเงิน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยค่าเงินดอลลาร์ตกลงไปประมาณ 0.9% ลดลงต่ำสุดในรอบ 8 วัน เมื่อเทียบกับเงินยูโร อยู่ที่ 1 ยูโร เท่ากับ 1.0991 ดอลลาร์ฯ

 

ศุลกากรอิตาลีจับหนุ่มบราซิลขนโคเคนฉีดในส้นรองเท้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 1 พ.ย. 2559 05:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/770087

 

ศุลกากรอิตาลี จับกุมหนุ่มชาวบราซิลคาสนามบินในกรุงโรม ฐานลักลอบขนโคเคนในรูปของเหลวที่ฉีดไว้ในส้นรองเท้า…

สื่ออิตาลีรายงานข่าว ศุลกากรอิตาลีได้จับกุมหนุ่มบราซิลที่สนามบินฟูมิชิโน กรุงโรม ฐานลักลอบขนโคเคนในรูปของเหลวที่ฉีดไว้ในส้นรองเท้า ซึ่งหากยาเสพติดดังกล่าวสามารถผ่านเข้าประเทศอิตาลีได้ จะมีปริมาณโคเคนจำนวนถึง 100,000 โดส และสามารถให้ผลตอบแทนกับเครือข่ายอาชญากรรมที่อยู่เบื้องหลังถึง 2 ล้านยูโร (ราว 98 ล้านบาท)

เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำสนามบินฟูมิชิโน ทำการสุ่มตรวจผู้โดยสารที่เดินทางมาจากเมืองเซาเปาโล เมื่อสอบถาม ผู้ต้องสงสัยให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวกรุงโรม แต่ความสงสัยของเจ้าหน้าที่ศุลกากรอิตาลีที่ตรวจพบว่า เขามีเพียงรองเท้าจำนวนหลายคู่ที่บรรจุอยู่ในกระเป๋าเดินทาง “มีเพียงผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่จะสามารถทำการตรวจสอบได้ว่า ของเหลวที่บรรจุอยู่ในส้นรองเท้าไม่ใช่เจลที่บรรจุอยู่ตามปกติในรองเท้าสำหรับวิ่ง” เจ้าหน้าที่ศุลกากรอิตาลี ระบุ

 

ยูนิเซฟเผย เด็ก 2 พันล้านสูดอากาศพิษ เสียชีวิตปีละ 6 แสนทั่วโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 1 พ.ย. 2559 04:45

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/769946

 

“ยูนิเซฟ” (กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ) เผยแพร่รายงานใหม่เมื่อ 30 ต.ค.ระบุว่า มีเด็กราว 2,000 ล้านคนทั่วโลกสูดดมอากาศเป็นพิษ โดยภูมิภาคที่มีเด็กอาศัยในพื้นที่ที่มีมลพิษมากที่สุดคือ เอเชียใต้ จำนวน 620 ล้านคน โดยเฉพาะอินเดียและชาติเพื่อนบ้าน ตามด้วยแอฟริกาอีก 520 ล้านคน และเอเชียตะวันออกอีก 450 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในจีน มลพิษทางอากาศยังทำให้เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบราว 600,000 คน หรือเกือบ 1 ใน 10 ทั่วโลก เสียชีวิตจากโรคต่างๆ เช่นโรคทางเดินหายใจ

รายงานของยูนิเซฟระบุอีกว่า เด็กราว 300 ล้านคน หรือเกือบ 1 ใน 7 ของทั้งโลก ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่มีมลพิษทางอากาศกลางแจ้งสูงกว่าค่ามาตรฐานสากลที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดอย่างน้อย 6 เท่า โดยอยู่ในเอเชียใต้มากที่สุดราว 220 ล้านคน ทำให้ร่างกาย สมอง และปอดของเด็กที่อยู่ในวัยกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วเสียหาย โดยเด็กมีความเสี่ยงจากมลพิษทางอากาศสูงกว่าผู้ใหญ่ เพราะหายใจเร็วกว่า 2 เท่า สูดอากาศมากกว่าเมื่อเทียบกับดัชนีมวลกาย

รายงานฉบับนี้เผยแพร่ก่อนการประชุมว่าด้วยสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงของยูเอ็นที่โมร็อกโก 7-18 พ.ย.นี้.

 

ปชช.ลุกฮือแค้นตร.โมร็อกโกทำคนขายปลาดับ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 1 พ.ย. 2559 04:10

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/769941

 

ชาวโมร็อกโกนับหมื่นคนลุกฮือประท้วงในหลายเมือง รวมทั้งกรุงราบัต เมืองคาซาบลังกา และอัล-โฮเซมา เมื่อ 30 ต.ค. เพราะโกรธแค้นตำรวจเมืองอัล-โฮเซมา ทางภาคเหนือ ซึ่งยึดปลากระโทงแทงจากนายมูชซีน ฟิครี คนขายปลาวัย 31 ปี โยนใส่รถบรรทุกเก็บขยะ อ้างว่าฤดูนี้ห้ามจับปลา ทำให้ฟิครีปีนเข้าไปท้ายรถขยะเพื่อเก็บปลาคืน แต่ถูกเครื่องบดอัดขยะบดขยี้เสียชีวิต คลิปวีดิโอสยองนี้สร้างความโกรธแค้นกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย

สมเด็จพระราชาธิบดี โมฮัมเหม็ดที่ 6 ประมุขโมร็อกโก ทรงมีพระราชบัญชาให้นายโมฮัมเหม็ด ฮัสซาด รมว.มหาดไทย เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวฟิครี และให้สอบสวนคดีนี้อย่างถี่ถ้วน ส่วนนายกฯ อับเดลอิลาห์ เบงคิเรน ส่งสารแสดงความเศร้าเสียใจและประกาศสอบสวนเร่งด่วน การประท้วงครั้งนี้ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ช่วง “อาหรับ สปริง” หรือการปฏิวัติดอกมะลิในปี 2554 และมีองค์กร “20 กุมภาพันธ์” เป็นแกนนำเช่นกัน

คดีนี้ทำให้ย้อนนึกถึงคดีนายโมฮัมเหม็ด บูอาซิซี คนขายผักผลไม้ในตูนิเซียราดน้ำมันจุดไฟเผาตัวเองตายหลังถูกตำรวจยึดสินค้าเมื่อเดือน ธ.ค.2553 จากนั้นเขากลายเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้เรื่องการว่างงาน ความเลวร้ายของตำรวจ คอร์รัปชัน และรัฐบาลเผด็จการ นำไปสู่การปฏิวัติดอกมะลิ โค่นล้มรัฐบาลตูนิเซีย ลุกลามไปสู่การลุกฮือขับไล่ผู้นำอียิปต์ ลิเบีย และชาติอื่นๆในโลกอาหรับ.

 

เตือนเอฟบีไอสอบอีเมลฮิลลารีอาจผิดกฎหมาย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 1 พ.ย. 2559 03:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/769937

 

ยังคงเป็นประเด็นร้อนต่อเนื่อง ก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ในวันที่ 8 พ.ย.นี้ กรณีนายเจมส์ โคเมย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางแห่งชาติสหรัฐฯหรือเอฟบีไอ ส่งจดหมายแจ้งต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯว่าจะเปิดการสอบสวนรอบใหม่ กรณีการใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ของนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ และเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมได้ออกเตือนนายโคเมย์ว่าการกระทำดังกล่าวอาจผิดระเบียบกระทรวง และอาจถูกมองว่าแทรกแซงการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. นายเฮนรี รีด ส.ว.รัฐเนวาดา แกนนำอาวุโสพรรคเดโมแครต ได้ร่างจดหมายเปิดผนึกถึงนายโคเมย์ว่า การที่เอฟบีไอออกมาเปิดเผยถึงการสอบสวนนางฮิลลารีรอบใหม่นั้น เป็นการเลือกข้างและอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย โดยละเมิดกฎหมายแฮช แอค พ.ศ.2482 ที่ถูกร่างขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐดำรงตำแหน่งบริหารราชการเข้ายุ่งเกี่ยวทางการเมือง หรือถือข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม เอฟบีไอระบุเพียงว่าทางหน่วยงานทราบเรื่องเบาะแสใหม่ในคอมพิวเตอร์ของนายแอนโธนี ไวเนอร์ อดีต ส.ส.พรรคเดโมแครต สามีของนางฮูมา อาเบดิน ผู้ช่วยระดับสูงของนางฮิลลารีมานานหลายสัปดาห์แล้ว และอีเมลในคอมพิวเตอร์มีถึง 650,000 ฉบับ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าจำนวนจดหมายที่มหาศาลดังกล่าว ทำให้เป็นไปได้ว่าเอฟบีไออาจจะสรุปสำนวนไม่ทันก่อนวันเลือกตั้ง กระนั้นเอฟบีไอปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่าทำไมนายโคเมย์ต้องมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าวก่อนหน้าเลือกตั้ง 11 วัน

ขณะที่นายเจสัน แชฟเฟตซ์ ส.ส.พรรครีพับลิกันและประธานคณะกรรมาธิการวุฒิสภาด้านกิจการและการปฏิรูปรัฐบาล กล่าวโต้แย้งว่า การที่นายโคเมย์ส่งจดหมายถึงสภาคองเกรสมิใช่การเลือกข้าง แต่เป็นการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบสวน ซึ่งเป็นเรื่องที่สมควร นางฮิลลารีต่างหากควรจะต้องโทษตัวเองเพราะเป็นปัญหาที่ตัวเองสร้างขึ้น ไม่ใช่ผู้อำนวยการโคเมย์

ส่วนสำนักข่าวซีบีเอสของสหรัฐฯจัดทำแบบสำรวจความเห็นประชาชนใน 13 รัฐตัวแปร “สวิงเสตท” หรือรัฐที่อาจเป็นตัวชี้วัดผลลัพธ์ของการเลือกตั้ง โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 71 เปอร์เซ็นต์มองว่า การสอบสวนอีเมลรอบใหม่ ไม่มีผลต่อการตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ส่วนผลโพลสำนักข่าวบีบีซีระบุว่าคะแนนนิยมนางฮิลลารีอยู่ที่ 49 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันอยู่ที่ 46 เปอร์เซ็นต์.

 

หวานมาก! เจ้าชายแฮร์รี่ ใช้พระนามแฝง กดติดตามอินสตาแกรม ‘มาร์เคิล’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 31 ต.ค. 2559 18:54

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/769811

 

สื่อนอกเกาะติดรักครั้งใหม่เจ้าชายแฮร์รี่กับมีแกน มาร์เคิล เผยเจ้าชายทรงใช้พระนามแฝงในอินสตาแกรมที่เป็นความลับสุดยอด และทรงได้ติดตามอินสตาแกรมของมาร์เคิลด้วย ขณะที่ฝ่ายหญิงก็ฟอลโล่อินสตาแกรมดังกล่าวของเจ้าชายแฮร์รี่เช่นกัน ขณะที่พระองค์ยังเคยพาดาราสาวเข้าเฝ้าเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคทแล้ว

เมื่อ 31 ตุลาคม 59 เว็บไซต์มิร์เรอร์ เกาะติดข่าวความรักครั้งใหม่ของเจ้าชายแฮร์รี่ แห่งอังกฤษ กับมีแกน มาร์เคิล ดาราหญิงชาวอเมริกัน หลังจากมีแหล่งข่าวเผยเจ้าชายแฮร์รี่ ทรงออกเดทแบบลับๆ กับมาร์เคิล มาได้หลายเดือนแล้วว่า ขณะที่ เป็นที่ทราบกันดี เจ้าชายแฮร์รี่ทรงไม่โปรดการเล่นโซเชียล มีเดีย ทว่า พระองค์กลับมีบัญชีผู้ใช้อินสตาแกรมที่เป็นความลับสุดยอด ด้วยการใช้ ‘พระนามแฝง’ และเป็นหนึ่งในผู้ติดตามอินสตาแกรมส่วนตัวของมาร์เคิล ขณะที่มาร์เคิลก็กดติดตามอินสตาแกรมนั้นเช่นกัน

ตามรายงานของเดลี่ เมล์ ระบุว่า มาร์เคิล เป็นหนึ่งในผู้คนจำนวนน้อยที่สามารถติดตามอินสตาแกรมลับส่วนพระองค์ของเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งการเปิดเผยในเรื่องนี้ ถือเป็นข้อมูลเพิ่มเติมว่าเจ้าชายแฮร์รี่ทรงหลงรักมาร์เคิลเข้าเสียแล้ว ขณะเดียวกัน ก็ยังมีผู้เปิดเผยว่า มาร์เคิล ดาราสาววัย 35 ได้เดินทางไปเยือนกรุงลอนดอนแบบเงียบๆ เพื่อพบกับเจ้าชายแฮร์รี่หลายครั้ง ขณะที่เธอไม่ได้แค่พบกับเจ้าชายแฮร์รี่องค์เดียวเท่านั้น ยังได้มีโอกาสเข้าเฝ้าเจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐาในเจ้าชายแฮร์รี่ รวมถึงเจ้าหญิงแคเธอรีน หรือเจ้าหญิงเคท พระชายาในเจ้าชายวิลเลียมแล้วด้วย


มีแกน มาร์เคิล ดาราหญิงชาวอเมริกัน ที่กำลังมีข่าวเจ้าชายแฮร์รี่ทรงคบหาเป็นแฟนคนใหม่

นอกจากนั้น ถึงแม้มาร์เคิลจะพยายามเก็บเรื่องความรักของเธอกับเจ้าชายแฮร์รี่เป็นความลับ แต่เธอก็เคยโพสต์ภาพถ่ายลงในอินสตาแกรม เป็นภาพที่เธอสวมสร้อยข้อมือสีฟ้า ซึ่งดูเกือบจะเหมือนกับสร้อยข้อมือเจ้าชายแฮร์รี่ทรงสวม อีกด้วย ขณะเดียวกัน มาร์เคิลยังเคยแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่สนใจกับเจ้าชายแฮร์รี่ รวมถึงงานการกุศลที่เธอสนใจเช่นเดียวกับเจ้าชายแฮร์รี่.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

สาวๆใจสลาย! สื่อเผย เจ้าชายแฮร์รี่ ทรงออกเดทลับๆกับ‘มาร์เคิล’ดารามะกัน

 

ทรัมป์แรงปลาย!โพล ABC News-วอชิงตัน โพสต์ จี้ติดฮิลลารี ห่างไม่ถึง2จุด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 31 ต.ค. 2559 14:24

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/769571

 

โดนัลด์ ทรัมป์ ใจชื้น ผลโพลเลือกตั้งล่าสุดจาก ABC News และวอชิงตัน โพสต์ ขณะเหลืออีกแค่ 8 วัน จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คะแนนพุ่งจี้ตามหลังฮิลลารี คลินตันมาติดๆ ห่างไม่ถึง 2 จุด หลังจากก่อนหน้า ทิ้งห่างมากถึง 12 จุด

เมื่อ 31 ต.ค.59 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 8 พ.ย.ว่า ผลโพลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดของ ABC News และ Washington Post (วอชิงตัน โพสต์) ที่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม ขณะเหลือเวลาอีกเพียง 8 วันจะถึงวันเลือกตั้ง ปรากฏว่า คะแนนนิยมของโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตีตื้นขึ้นมา จนตามหลังนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ไม่ถึง 2 จุดเท่านั้น โดยนางฮิลลารี ได้คะแนนนิยมนำเหนือกว่าทรัมป์ อยู่ที่ร้อยละ 46 ต่อ 45 หลังจากเมื่อตอนจบศึกดีเบต ประชันวิสัยทัศน์รอบ 3 ผลโพลของ ABC News ออกมาว่าฮิลลารี ทิ้งห่างทรัมป์มากถึง 12 จุด

ขณะเดียวกัน ผลโพลของ CNN ซึ่งได้เฉลี่ยผลโพลจาก 5 สำนักที่ออกมาล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ ออกมาว่า ฮิลลารี ยังนำทรัมป์ อยู่ที่ร้อยละ 47 ต่อ 42 ซึ่งผลโพลไม่แตกต่างไปจากผลโพลที่ออกมาเมื่อวันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม


ซีเอ็นเอ็น ยังระบุว่า ผลโพลจาก ABC และวอชิงตัน โพสต์ พบว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 6 ใน 10 คนเห็นว่า ข่าวที่ว่าสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางแห่งสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) จะเข้ามาสืบสวนรอบใหม่ กรณีการใช้อีเมลของนางฮิลลารี เพราะเอฟบีไอต้องการตรวจสอบเบาะแสเพิ่มเติมในคอมพิวเตอร์ของสามีนางฮูมา อาเบดิน ผู้ช่วยระดับสูงฮิลลารีนั้น ไม่ทำให้ผู้ถูกเปลี่ยนใจในการเลือกตั้ง ขณะที่ 3 ใน 10 บอกว่าดูเหมือนจะสนับสนุนนางฮิลลารีน้อยลง.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

กระทรวงยุติธรรมชนเอฟบีไอ ปมสอบคดีอีเมลฉาวของ ‘ฮิลลารี’ รอบใหม่

ฮิลลารี มีเฮ! โพลนำทิ้งห่าง 12 จุด แต่โดนัลด์ ทรัมป์ ลั่นยังไม่ยอมแพ้