โอบามาคุยเอเปกนัดสั่งลา กดดันจีนบีบโสมแดง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 19 พ.ย. 2559 01:45

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/787341

 

เมื่อ 17 พ.ย. นายจอห์น แคร์รี รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางถึงกรุงลิมาของเปรูแล้วเพื่อร่วมประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ระหว่างวันที่ 17-20 พ.ย. ซึ่งใน 2 วันสุดท้ายจะเป็นเวทีประชุมสุดยอดระดับผู้นำเอเปก ในฐานะหัวหอกผลักดันสู้โลกร้อนและความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี)

การร่วมประชุมเอเปกของแคร์รีและประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ มีขึ้นขณะบทบาทของสหรัฐฯ ในสองเรื่องสำคัญดังกล่าวเริ่มไม่ชัดเจนหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้แทนพรรครีพับลิกันวัย 70 ปี ซึ่งแสดงท่าทีชัดเจนไม่สานต่อนโยบายเก่าทั้งสองเรื่องของรัฐบาลนายโอบามา ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้านนางเมอร์เซเดส อะราออซ รองประธานาธิบดีคนที่ 2 ของเปรูและประธานกรรมาธิการเรื่องเอเปกของเปรู หวังว่าเวทีเอเปกจะสร้างประโยชน์ให้ทุกชุมชนโดยเฉพาะกลุ่มเอเปกในช่วงที่กระแสปกป้องการค้าและต่อต้านโลกาภิวัตน์กำลังเบ่งบานในปัจจุบัน

ด้านความคืบหน้าของนายโอบามา คาดว่าจะใช้การหารือครั้งสุดท้ายก่อนหมดวาระกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนใน 19 พ.ย. กดดันจีนให้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือมากขึ้นเพื่อให้ยกเลิกโครงการนิวเคลียร์นอกเหนือจากพูดคุยเรื่องการจัดการดูแลบริษัทต่างๆของสหรัฐฯในจีนโดยเฉพาะบริษัทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ.

 

สยอง! หนุ่มออสซี่จุดไฟเผาตัวเองในธนาคารเมลเบิร์น เจ็บ 26 คน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 19 พ.ย. 2559 00:10

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/787336

 

ชายคนหนึ่งก่อเหตุจุดไฟเผาตัวเองในธนาคารในเมืองเมลเบิร์นเมื่อวันพฤหัสบดี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 26 คน รวมผู้ก่อเหตุ และเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจ…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 18 พ.ย. ชายชาวออสเตรเลียคนหนึ่ง ก่อเหตุจุดไฟภายในธนาคารในเมืองเมลเบิร์น และจุดไฟเผาตัวเอง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 26 คน โดยในจำนวนนี้ 6 คนมีอาการสาหัส ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้และการสูดควันพิษเข้าไป

ตำรวจออสเตรเลียเปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัยเดินเข้าไปในสาขาของธนาคารคอมมอนเวลธ์ ในเขต สปริงเวล และใช้ของเหลวติดไฟในการจุดไฟ “ผู้ต้องสงสัยวัย 21 ปี มีเชื้อเพลิงบางอย่าง เขาเดินเข้าไปในธนาคารและจุดเชื้อเพลิงนั้นทำให้เกิดเพลิงไหม้ เขาใช้ไฟนั้นเผาตัวเอง” แจ็คกี้ ฟอยดา รักษาการสารวัตรจากสำนักงานตำรวจรัฐวิคตอเรีย บอกกับผู้สื่อข่าว

ตำรวจเผยด้วยว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บ 6 คนที่มีอาการสาหัส และกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลภายใต้การคุ้มกันจากเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด และตอนนี้ยังเร็วเกิดไปที่จะบอกได้ว่าชายคนนี้มีแรงจูงใจอะไร

 

สลด! รถน้ำมันระเบิดในโมซัมบิก ดับ 73 ศพ เจ็บนับร้อย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 พ.ย. 2559 23:00

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/787266

 

เกิดเหตุรถบรรทุกน้ำมันระเบิดในจังหวัดทางเหนือของประเทศโมซัมบิก เมื่อวันพฤหัสบดี ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 73 ราย และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุการระเบิด…

สำนักข่าวต่างปะรเทศรายงานว่า เกิดเหตุรถบรรทุกน้ำมันระเบิดที่หมู่บ้าน กาฟิริซานเช ในจังหวัดเตเต ทางเหนือของประเทศโมซัมบิก ติดชายแดนประเทศมาลาวี เมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น เป็นเหตุให้ไม่ผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 73 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 110 คน โดยจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุ

หลังเกิดระเบิด รัฐบาลโมซัมบิกออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และกำลังให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลือชีวิตและปลอบประโลมครอบครัวผู้สูญเสีย นอกจากนี้ รัฐมนตรี 3 คนจะเดินทางไปยังพื้นที่เกิดเหตุในวันศุกร์ เพื่อกำกับดูแลปฏิบัติกรช่วยเหลือ และสืบสวนสาเหตุการระเบิดด้วย

ทั้งนี้ ตำรวจยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุของการระเบิดครั้งนี้ โดยมีบางรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันระบุว่า รถบรรทุกน้ำมันคันนี้ประสบอุบัติเหตุเมื่อวันพุธ ทำให้ชาวบ้านแห่เข้ามาตักน้ำมันก่อนเกิดระเบิด บ้างว่าคนขับรถบรรทุกน้ำมันพยายามขายน้ำมันให้ชาวบ้านก่อนเกิดระเบิด, ถูกซุ่มโจมตี หรือเพราะฟ้าผ่า

อนึ่ง รัฐบาลโมซัมบิกเพิ่งขึ้นราคาน้ำมันเพื่อตอบรับการลดลงของค่าเงินของประเทศต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยโมซัมบิกเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก โดยเกินครึ่งของประชากร 24 คนของประเทศมีฐานะยากจน

 

ยานโซยุซรัสเซียฉลุย นำ 3 นักบินอวกาศจาก 3 ชาติ ขึ้นไปไอเอสเอส

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 พ.ย. 2559 19:00

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/787146

 

ไปแล้ว..ยานอวกาศโซยุซ MS-03 ของรัสเซีย นำ 3 นักบินอวกาศจาก 3 ชาติ ประกอบด้วย ฝรั่งเศส สหรัฐฯ รัสเซีย ทะยานขึ้นจากศูนย์ปล่อยยานอวกาศในคาซัคสถาน ไปยังสถานีอวกาศนานาชาติแล้ว ขณะที่ เพกกี วิทสัน นักบินอวกาศหญิงของนาซา ยังสร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักบินอวกาศหญิงอายุมากสุดที่ได้ขึ้นไปยังห้วงอวกาศ

เมื่อ 18 พ.ย.59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ยานอวกาศโซยุซ เอ็มเอส -03 (Soyus MS-03) ของรัสเซีย 3 นักบินอวกาศ ประกอบด้วย เพกกี วิทสัน นักบินอวกาศหญิงชาวอเมริกัน พร้อมด้วย โธมัส เปสเกต์ นักบินอวกาศชาวฝรั่งเศส และโอเลก โนวิตสกี นักบินอวกาศรัสเซีย ทะยานขึ้นจากศูนย์ปล่อยยานอวกาศที่ไบโคนูร์ คอสโมโดรม ในประเทศคาซัคสถาน ซึ่งเป็นศูนย์ปล่อยยานอวกาศแห่งแรกและใหญ่ที่สุดของโลก แล้วเมื่อเช้าวันที่ 18 พ.ย. เพื่อไปปฏิบัติภารกิจที่สถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส)


3 นักบินอวกาศจาก 3 ชาติที่ขึ้นไปกับยานโซยุซเพื่อไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ

เพกกี วิทสัน

ขณะที่ เพกกี วิทสัน นักบินอวกาศหญิงชาวอเมริกัน วัย 56 ปี ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (นาซา) ได้รับมอบหมายให้ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจที่สถานีอวกาศนานาชาติในครั้งเป็นหนที่ 3 แล้ว อีกทั้งเธอยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักบินอวกาศหญิงที่อายุมากที่สุดที่ขึ้นไปอยู่ในห้วงอวกาศอีกด้วย.


นิค กอร์ดอน อ่วม ศาลสั่งจ่ายเงินกว่าพันล้าน ให้ครอบครัวลูกสาววิทนีย์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 พ.ย. 2559 17:26

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/787066

 

ศาลชั้นต้น แอตแลนตา ตัดสิน นิค กอร์ดอน จ่ายเงินอื้อ 36 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,260 ล้านบาท ให้ครอบครัวของบ็อบบี้  คริสตินา บราวน์ เพราะมีส่วนต้องรับผิดชอบต่อการที่ลูกสาวคนเดียวของวิทนีย์ ฮุสตัน นักร้องหญิงชื่อดัง เสพยาเกินขนาด

เมื่อ 18 พ.ย.59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นเขตฟูลตัน ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ นิค กอร์ดอน ผู้เป็นทั้งพี่บุญธรรมและแฟนของบ็อบบี้ คริสตินา บราวน์ บุตรสาวคนเดียวของวิทนีย์ ฮุสตัน ราชินีเพลงป๊อบชื่อดัง จ่ายเงินให้แก่ครอบครัวบ็อบบี้ คริสตินา บราวน์ เป็นเงินถึง 36 ล้านดอลลาร์ (1,260 ล้านบาท) เนื่องจากต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการให้บ็อบบี้ คริสตินา บราวน์ แฟนสาว เสพยาเกินขนาด จนทำให้เธอหัวใจวาย หมดสติ และมีคนมาพบเธอในสภาพใบหน้าคว่ำจมน้ำอยู่ในอ่างน้ำที่บ้านพัก ในเมืองแอตแลนตา จนกลายเป็น ‘เจ้าหญิงนิทรา’ นานถึง 6 เดือน ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 ก.ค.58

ข่าวแจ้งว่า ระหว่างการพิจารณาคดีเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 17 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น นายบ็อบบี้ บราวน์ ผู้เป็นบิดาของบ็อบบี้ คริสตินา บราวน์ และลาพรินเซีย บราวน์ บุตรสาวของบราวน์ที่เกิดกับภรรยาคนอื่น ได้มาเป็นพยานในศาลด้วย ขณะที่ นิค กอร์ดอน จำเลยในคดี ไม่ได้มาขึ้นศาล อีกทั้งไม่มีทนายความในคดีแพ่งนี้ด้วย


บ็อบบี้ บราวน์ ผู้เป็นพ่อ ระหว่างให้การต่อศาลแอตแลนตา

ลาพรินเซีย บราวน์ พี่สาวต่างแม่ของบ็อบบี้ คริสตินา บราวน์ เข็ดน้ำตาระหว่างให้การต่อศาล

ด้านเจ้าหน้าที่นิติเวชของสหรัฐฯ ไม่สามารถระบุได้ว่า อะไรคือสาเหตุแท้จริงที่ทำให้บ็อบบี้ คริสตินา บราวน์ เสียชีวิต เพราะผลการตรวจร่างกาย พบสารเสพติดทั้งมอร์ฟีน โคเคน แอลกอฮอล์ และยาอื่นๆ อีกหลายขนานในร่างกายของเธอ โดยนายพอล โฮวาร์ด โฆษกของศาลชั้นต้นฟูลตัน เคาตี้ เปิดเผยผ่านอีเมลเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ว่า การเสียชีวิตของบ็อบบี้ คริสตินา บราวน์ ยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวน เพราะผลการตรวจสอบหาสารเสพติดในร่างกายนั้น ไม่สามารถทราบได้ว่า บ็อบบี้ คริสตินา บราวน์ ฆ่าตัวตาย, คนอื่นฆ่าเธอ หรือเธอตายด้วยอุบัติเหตุ


บ๊อบบี้ คริสตินา บราวน์ และนิค กอร์ดอน ตอนแรกรักหวานชื่น

ทั้งนี้ ครอบครัวของบ็อบบี้ คริสตินา บราวน์ ยังได้ยื่นฟ้อง นิค กอร์ดอน แฟนหนุ่มซึ่งอยู่ในบ้านขณะเกิดเหตุร้ายด้วย โดยกล่าวหาเขาว่าได้ให้ บ็อบบี้ คริสตินา บราวน์ แฟนสาว เสพยาหลายขนาน ก่อนจะทำร้ายเธอ กดหน้าคว่ำให้จมน้ำจนหมดสติแน่นิ่ง เป็น ‘เจ้าหญิงนิทรา’ ก่อนจะเสียชีวิตในอีก 6 เดือนต่อมา.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ช็อก! ดำเนินคดี แฟนหนุ่ม ให้ลูกสาววิทนีย์กิน ‘สารเสพติดผสม’ ก่อนจับกดน้ำ 

เศร้า! เตรียมย้ายลูกสาววิทนีย์ ฮุสตัน กลับไปตายที่บ้านอย่างสงบ

 

นายกฯ ญี่ปุ่น หารือทรัมป์ ชื่นมื่น ชมเป็นผู้นำอีกคนที่เขาเชื่อมั่นมาก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 พ.ย. 2559 12:00

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/786761

 

นายกฯ ชินโสะ อาเบะ ชื่นชม โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำคนหนึ่งที่เขาสามารถเชื่อมั่นได้อย่างยิ่ง และการหารือในครั้งนี้ยังดำเนินไปด้วยบรรยากาศอบอุ่น หลังนายกฯ ญี่ปุ่น ถือเป็นผู้นำชาติแรกที่เดินทางมาพบกับ ทรัมป์ หลังชนะเลือกตั้ง

เมื่อ 18 พ.ย. 59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นกล่าวต่อสื่อมวลชน ถึงการมาพบปะหารือกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 นาที ที่ตึกทรัมป์ ทาวเวอร์ ในนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 17พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่นว่า การพูดคุยหารือกับทรัมป์ เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา และยังเป็นการพูดคุยหารือ ด้วยบรรยากาศอบอุ่น เปี่ยมด้วยมิตรไมตรีอย่างมาก

นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ยังกล่าวชื่นชมทรัมป์ หลังพบปะหารือกันว่า ทรัมป์ คือผู้นำคนหนึ่งที่เขาสามารถมีความเชื่อมั่นได้อย่างยิ่ง ‘ผมเชื่อว่า ถ้าปราศจากความเชื่อมั่นระหว่างชาติที่เป็นพันธมิตรกันแล้ว ก็จะไม่มีความร่วมมือกันต่อพันธกิจในอนาคต และผลการหารือกันในวันนี้ ผมมั่นใจว่า ทรัมป์เป็นผู้นำคนหนึ่งที่ผมมีความเชื่อมั่นอย่างยิ่ง’ นายกรัฐมนตรีอาเบะ กล่าวต่อผู้สื่อข่าว โดยมีล่ามแปลเป็นภาษาอังกฤษ หลังจากนายกรัฐมนตรีอาเบะ ถือเป็นผู้นำชาติแรกที่เดินทางมาพบกับทรัมป์ ที่นครนิวยอร์ก หลังคว้าชัยเลือกตั้ง โดยมี นายจาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาคนสนิทของทรัมป์ และอิวานกา บุตรสาวของทรัมป์ร่วมต้อนรับในครั้งนี้ด้วย


โดนัลด์ ทรัมป์ หารือกับนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ที่ตึกทรัมป์ ทาวเวอร์ ในนิวยอร์ก

อย่างไรก็ตาม บีบีซีแจ้งว่า นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับรายละเอียดของการหารือในครั้งนี้ ขณะที่ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องตรงกันว่า จะมีการหารือในประเด็นที่ลึกและกว้างกว่านี้ในอนาคต


จาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขย และอิวานกา ทรัมป์ บุตรสาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ร่วมต้อนรับผู้นำญี่ปุ่น

 

สนามบินบรัสเซลส์ จ่อตั้งระบบตรวจคนเข้าเมือง-ศุลกากร เที่ยวบินไปสหรัฐฯ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 พ.ย. 2559 07:44

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/786301

 

เบลเยียม เตรียมติดตั้งระบบการตรวจคนเข้าเมือง-ศุลกากร ที่สนามบินบรัสเซลส์ สำหรับเที่ยวบินที่จะเดินทางไปสหรัฐฯ เริ่มปฏิบัติการช่วงหน้าร้อนปี 2560 นี้ …

เมื่อวันที่ 17 พ.ย.59 บุญธง ก่อมงคลกูล ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำเบลเยียม เผยว่า สื่อเบลเยียมรายงานข่าว สนามบินบรัสเซลส์เตรียมติดตั้งระบบการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากร “prédédouanement” สำหรับเที่ยวบินที่จะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา จะเริ่มปฏิบัติการช่วงหน้าร้อนปี 2560 เจ้าหน้าที่ศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ สามารถดำเนินการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการตรวจเอกสารการเข้าเมืองและตรวจค้นกระเป๋าผู้โดยสารบนผืนแผ่นดินเบลเยียม แทนที่จะเป็นบนพื้นดินอเมริกา

นางฟลอรองซ์ มูลส์ โฆษกสนามบินบรัสเซลส์ กล่าวว่า “เปรียบเสมือนว่า พรมแดนของสหรัฐอเมริกาย้ายมาตั้งอยู่ในราชอาณาจักรเบลเยียม พื้นที่ของสนามบินส่วนหนึ่งจะเป็นเหมือนผืนดินอเมริกา”

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของสหรัฐอเมริกาจำนวนหนึ่งจะมาประจำการที่สนามบินบรัสเซลส์ด้วย โดยสนามบินบรัสเซลส์ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 10 สนามบินยุโรปที่จะใช้กระบวนการตรวจสอบและพิธีการผ่านแดนก่อนขึ้นเครื่องบินในสนามบินต้นทาง รวมทั้ง อัมสเตอร์ดัม มาดริด ลอนดอน ฯลฯ ขณะที่กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ได้ใช้ระบบดังกล่าวแล้ว

 

ยูโรโพลทลายเครือข่ายโสเภณีจีน รวบสาวค้ากามกว่า 150 คนในออสเตรีย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 พ.ย. 2559 06:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/786476

 

สำนักงานตำรวจยุโรป หรือ ยูโรโพล สามารถจับกุมแก๊งค้ามนุษย์ขนาดใหญ่ ที่จัดหาหญิงสาวชาวจีนมาค้าประเวณีในประเทศออสเตรีย โดยมีหญิงสาวชาวจีนตกเป็นเหยื่อประมาณ 150-300 คน

เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 59 บุญธง ก่อมงคลกูล ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำเบลเยียม รายงานว่า สำนักงานตำรวจยุโรป หรือ ยูโรโพล (EUROPOL) แถลงผลการทลายเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ขนาดใหญ่ของอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ทำการจัดส่งหญิงสาวมาจากประเทศจีนเพื่อมาค้าประเวณีในประเทศออสเตรีย จำนวนกว่า 150 คน และสามารถจับกุมผู้ต้องหาร่วมขบวนการได้จำนวน 6 คน

สำนักงานตำรวจยุโรป ระบุว่า การปฏิบัติการกวาดล้างของเจ้าหน้าที่ตำรวจออสเตรีย โดยการสนับสนุนของยูโรโพลเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้เข้าตรวจค้นบ้าน 13 หลังในหลายเมืองของออสเตรีย พบหลักฐานสำคัญคือ เงินสด 30,000 ยูโร ปืนพก เอกสารบันทึกรายละเอียดรายได้ บัตรประจำตัวปลอม เงินปลอม โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 6 คน ส่วนใหญ่ถือสัญชาติจีน ซึ่งถูกตั้งข้อหาค้ามนุษย์ อาชญากรรมข้ามชาติ แสวงหาผลประโยชน์จากหญิงสาวชาวจีนจำนวนระหว่าง 150-300 คน

ทั้งนี้ เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาตินี้เริ่มต้นที่ประเทศจีน โดยมีผู้ต้องหา 2 คนที่ทำหน้าที่ชักชวนหญิงสาวให้มาทำงานนวด หรือดูแลเด็ก โดยเรียกค่าใช้จ่ายในการทำวีซ่าเดินทางมาประเทศออสเตรียจำนวน 10,000 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยที่ 390,000 บาท

เมื่อหญิงสาวเหล่านี้เดินทางมาถึงสนามบินกรุงเวียนนา ผู้ร่วมแก๊งก็จะมารับตัวและยึดพาสปอร์ต รวมทั้งของใช้ส่วนตัว จากนั้นก็จะถูกนำตัวไปยังสถานที่ค้าประเวณีที่เรียกว่า ‘เซ็กซ์สตูดิโอส์’ (Sex Studios) ในกรุงเวียนนา เพื่อขายตัว 2-3 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงพาตัวส่งหมุนเวียนไปยังเมืองอื่นๆ ของประเทศออสเตรีย โดยมีผู้ร่วมขบวนการควบคุมตัวหญิงสาวทุกคนอย่างใกล้ชิด.

 

สลด! หนุ่มมะกันพลัดตกบ่อน้ำร้อนใน ‘เยลโลว์สโตน’ ดับ ศพละลายไม่เหลือซาก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 พ.ย. 2559 05:55

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/786506

 

หนุ่มชาวอเมริกันประสบอุบัติเหตุตกลงไปในบ่อน้ำร้อนในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน และเสียชีวิต ขณะที่ศพของเขาถูกความเป็นกรดของน้ำในบ่อกัดกร่อนจนไม่เหลือ…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุสุดสลดขึ้นภายในอุทยานแห่งชาติ ‘เยลโลว์สโตน’ ในรัฐไวโอมิง ของสหรัฐอเมริกา เมื่อชายหนุ่มชาวรัฐโอเรกอนคนหนึ่งซึ่งเดินทางมาท่องเที่ยว พลัดตกลงไปในบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ ซึ่งมีความเป็นกรดสูงบ่อหนึ่งในอุทยานแห่งนี้ ทำให้เขาเสียชีวิต และร่างกายถูกกรดกัดจนละลายหายไป

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน เพิ่งเปิดเผยข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้ โดยระบุว่า นายโคลิน นาธาเนียล สกอตต์ ชาวรัฐโอเรกอน เดินทางมายังเยลโลว์สโตนพร้อมกับน้องสาวของเขา เพื่อหาจุดแช่น้ำ

อย่างไรก็ตาม พวกเขาเดินทางเข้าไปยังเขตหวงห้ามใกล้กับพื้นที่บ่อน้ำพุร้อน ‘นอร์ริส เกย์เซอร์’ ซึ่งร้อนที่สุด, เก่าแก่ที่สุด และมีพลังมากที่สุด “พวกเขาเจาะจงเดินทางเข้าไปในพื้นที่นั้น เพื่อหาที่ที่พวกเขาสามารถลงไปแช่ได้” ลอแรนต์ เวอเรส รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ดูแลอุทยานของเยลโลว์สโตนบอกกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น

สกอตต์เดินทางไปถึงน้ำพุบ่อหนึ่งและพยายามจะตรวจสอบอุณหภูมิ แต่เขากลับพลัดตกลงไปในบ่อ ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่พบศพของสกอตต์ที่ภายในบ่อแต่ไม่สามารถเก็บกู้ได้เนื่องจากเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง แต่เมื่อพวกเขากลับมาอีกครั้งในวันถัดมา ศพของนายสกอตต์ก็หายไปแล้ว “ในเวลาเพียงสั้นๆ กลับเกิดการละลายอย่างรวดเร็วมากๆ” นายเวอเรส กล่าว

ทั้งนี้ น้องสาวของนายสกอตต์สามารถถ่ายคลิปวิดีโอช่วงที่พี่ชายของเธอตกลงไปในบ่อน้ำร้อนเอาไว้ได้ แต่เจ้าหน้าที่ของเยลโลว์สโตนไม่นำมาเปิดเผย พวกเขายังขอให้นักท่องเที่ยวใช้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ และปฏิบัติตามป้ายเตือนต่างๆ อย่างเคร่งครัด

อนึ่ง บ่อน้ำพุร้อนในเยลโลว์สโตนมีความเป็นกรดสูง เนื่องจากมันมีที่มาจากน้ำร้อนที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินที่พุ่งขึ้นมาพร้อมกับนำกรดซัลฟิวริกขึ้นมาด้วย โดยกรดซัลฟิวริกเกิดจากจุลินทรีย์แยกสารไฮโดรเจน ซัลไฟก์ ที่อยู่ในหินหรือดิน

 

ลูกเขยดีมีชัยไปกว่าครึ่ง! ‘จาเร็ด คุชเนอร์’ กุนซือคนสนิทพ่อตา ทรัมป์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 พ.ย. 2559 05:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/786162

 

ชื่อของ ‘จาเร็ด คุชเนอร์’ โด่งดังขึ้นเรื่อยๆ หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีจากนิวยอร์ก ชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯในศึกเลือกตั้งที่ถือว่าพลิกล็อกครั้งมโหฬารที่สุดครั้งหนึ่งเลยทีเดียว

คุชเนอร์ เศรษฐีหนุ่มหล่อ รูปร่างสูงโปร่ง บุคลิกนิ่งๆ วัย 35 ปี ผู้นี้ โดนสื่อจับจ้องมากยิ่งขึ้นทันที นับตั้งแต่ เดินตัดผ่านสนามด้านทิศใต้ของทำเนียบขาว พร้อมกับพูดคุยหารือกับ เดนนิส แมคโดนอจห์ หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในวันที่ทรัมป์ มาพบกับโอบามา หลังชนะเลือกตั้งเมื่อ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา

เพราะนอกจากจะทราบกันดีว่า คุชเนอร์ คือบุตรเขยของทรัมป์ ซึ่งแต่งงานกับอิวานกา ลูกสาวคนสวยของทรัมป์ มาหลายปีจนมีลูกด้วยกัน 3 คนแล้ว ตอนนี้ บรรดาสื่อมวลชน กำลังจับตามอง ในฐานะที่ เขายังเป็นที่ปรึกษาที่ใกล้ชิดที่สุดของทรัมป์อีกด้วย…


อิวานกา ทรัมป์ และจาเร็ค คุชเนอร์ สามี

* เชื้อสายยิว ปู่ย่าอพยพจากโปแลนด์มาอยู่อเมริกา

จาเร็ด คุชเนอร์ เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2524 ในเมืองลิฟวิงสตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศอเมริกา ในครอบครัวเชื้อสายยิว ปัจจุบันอายุ 35 ปี โดยปู่ย่าของคุชเนอร์ ซึ่งเป็นชาวโปแลนด์ เชื้อสายยิวได้เคยอยู่ในค่ายกักกันชาวยิวของทหารนาซี-เยอรมนี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และรอดชีวิตมาได้ ก่อนอพยพโยกย้ายมาอยู่ในสหรัฐฯเมื่อปี 2492 ขณะที่ ชาร์ลส์ คุชเนอร์ พ่อของเขา ก็ประกอบธุรกิจจนสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาอยู่ในระดับเศรษฐี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในนิวเจอร์ซีย์


*ไม่ธรรมดา ..จบปริญญาตรีจาก ม.ฮาร์วาร์ด

คุชเนอร์จบปริญญาตรีด้านสังคมวิทยา จากมหาวิทยาลัยฮา์วาร์ด ท่ามกลางข่าวซุบซิบว่าเขาสามารถเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกอย่างฮาร์วาร์ดได้เพราะ พ่อของเขาบริจาคเงินมหาศาลให้แก่มหาวิทยาลัยถึง 2.5 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากเกรดตอนเรียนมัธยมปลายของคุชเนอร์ ไม่ได้สูงมากนัก อย่างไรก็ตาม คุชเนอร์ ยังจบปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ และปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กด้วย ก่อนจะแต่งงานกับอิวานกา ทรัมป์ ลูกสาวคนสวยของโดนัลด์ ทรัมป์ในปี 2552 และตอนนี้ มีลูกด้วยกัน 3 คนแล้ว


**อายกล้อง-มีความสุขกับการทำงานอยู่เบื้องหลัง

คุชเนอร์ เป็นคนพูดน้อย นิสัยเงียบขรึม -‘อายกล้อง’ ไม่ชอบถ่ายรูป และมีความสุขกับการทำงานอยู่เบื้องหลัง คุชเนอร์สานต่อกิจการของพ่อ เป็นนักธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของกิจการสื่อที่ร่ำรวยมั่งคั่งมาก เพราะคุชเนอร์ เป็นเจ้าของตึกสูงระฟ้า 666 Fifth Avenue ซึ่งอยู่ห่างจากตึก ทรัมป์ ทาวเวอร์ (Trump Tower) ของพ่อตา โดนัลด์ ทรัมป์ เพียงไม่กี่ช่วงตึก โดยคุชเนอร์สามารถซื้อกิจการหนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ออบเซอร์เวอร์ (New York Observer) ในปี 2549 ทั้งที่ตอนนั้น เขาอายุเพียงแค่ 25 ปีเท่านั้น


โดนัลด์ ทรัมป์ กับจาเร็ด คุชเนอร์

* ทรัมป์ หันไปสบตา และกล่าวขอบคุณลูกเขยคนเก่ง

หลังจากทรัมป์ ฝ่าฟันสังเวียนการเลือกตั้งขั้นต้น จนสามารถเอาชนะบรรดาคู่แข่งร่วมพรรครีพับลิกัน ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งมากที่สุด โดยในวันที่ทรัมป์ ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมาธิการแห่งชาติพรรครีพับลิกัน ให้เป็นตัวแทนพรรค ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น ทรัมป์ ได้หันไปสบตา และกล่าวขอบคุณ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังบนเวทีหาเสียงที่รัฐอินเดียนา พร้อมบอกว่า ชายผู้นี้คือจาเร็ด คุชเนอร์ สามีของอิวานกา ทรัมป์ บุตรสาวคนโตของเขา

ทรัมป์ยังกล่าวชมคุชเนอร์ว่า แม้คุชเนอร์เป็นนักธุรกิจและอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์มายาวนาน อีกทั้งยังเป็นกระจกสะท้อนตัวเขาเองในสมัยยังหนุ่ม ที่ชื่นชอบและไต่เต้าด้วยตัวเองในเส้นทางธุรกิจ แต่ดูเหมือนคุชเนอร์กำลังมีความหลงใหลในการเมืองมากขึ้น


จาเร็ด คุชเนอร์ พูดคุยกับเดนนิส แมคโคดอจห์ หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวในรัฐบาลประธานาธิบดีโอบามา ในวันที่โดนัลด์ ทรัมป์ไปทำเนียบขาว หลังชนะเลือกตั้ง

* ‘กุนซือ’ ที่ปรึกษาที่สนิทที่สุดของโดนัลด์ ทรัมป์

ว่ากันว่า คุชเนอร์ถือเป็นผู้ที่บทบาทมาก ต่อการหาเสียงของทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีหนนี้ เขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการวางกลยุทธ์หาเสียงหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สื่อดิจิตอล การช่วยทรัมป์เขียนสุนทพจน์ให้กับการหาเสียงของทรัมป์ ตลอดการหาเสียงแบบมาราธอนที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว รวมทั้งเรื่องการช่วยระดมทุน และการช่วยคัดเลือกทีมงานที่มีคุณภาพ จนในที่สุด ทรัมป์ ก็สามารถคว้าชัยชนะ ได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯอย่างหนือความคาดหมาย ขณะที่มีรายงานด้วยว่า คุชเนอร์ได้วางแผนสำรองให้กับทรัมป์ในกรณีที่พ่ายแพ้เลือกตั้ง ด้วยการเตรียมเปิดช่องโทรทัศน์ดาวเทียมให้กับพ่อตาด้วย


สมาชิกในครอบครัว ดีใจกันสุดๆ ในวันที่ทรัมป์ ขึ้นเวทีประกาศชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

* เป็น 1 ใน 4 ทายาททรัมป์ในทีมงานถ่ายโอนอำนาจทำเนียบขาว

ถึงแม้คุชเนอร์ จะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งจากทรัมป์ให้มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการในรัฐบาลชุดใหม่ แต่คุชเนอร์ นับเป็น 1 ใน 4 ทายาทของทรัมป์ นอกเหนือจาก อิริค ทรัมป์, โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ และอิวานกา ทรัมป์ บุตรทั้ง 3 คนที่เกิดกับภรรยาคนแรกของทรัมป์ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้อยู่ในทีมทำงานถ่ายโอนอำนาจในทำเนียบขาว จำนวน 16 คน โดยมีนายไมค์ เพนซ์ คู่หูชิงรองประธานาธิบดีของทรัมป์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน


จาเร็ด คุชเนอร์ (ซ้าย) ที่ปรึกษาคนสนิทของโดนัลด์ ทรัมป์ และสตีเฟน แบนนอน ที่ถือเป็น‘มือขวา’ของทรัมป์เช่นกัน

*คาดมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อทรัมป์ เลือกคนมาร่วมรัฐบาล

นายไรนซ์ พรีบัส ประธานคณะกรรมาธิการแห่งชาติของพรรครีพับลิกัน ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากทรัมป์ ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า แม้คุชเนอร์จะรักษาบทบาทของตัวเอง ในการเป็น ‘เบื้องหลัง’ แต่เชื่อว่า เขาจะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการตัดสินใจเลือกบุคคลมาทำงานในฐานะ ‘เบื้องหน้า’ อย่างแน่นอน.