ผู้ประท้วงฝ่ายขวาบราซิล บุกสภาฯ ยุทหารปฏิวัติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 18 พ.ย. 2559 03:00

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/786291

 

เมื่อ 16 พ.ย. กลุ่มผู้ประท้วงฝ่ายหัวเอียงขวาราว 40 คน บุกฝ่าแนวรักษาความปลอดภัยแล้วทุบประตูกระจก เฮโลกันเข้าไปในห้องประชุมสภาผู้แทนฯในกรุงบราซิเลียของบราซิลขณะ ส.ส.กำลังประชุมกันอยู่และมีการถ่ายทอดสดออกโทรทัศน์ พร้อมตะโกนข้อความสนับสนุนให้กองทัพก่อรัฐประหารโค่นอำนาจรัฐบาลบราซิล

เหตุชุลมุนเกิดขึ้นอยู่พักหนึ่งก่อนตำรวจเข้ามารวบตัวผู้ประท้วงทั้งหมดไปสอบสวน ส่วนโฆษกของประธานาธิบดีมิเชล เตเมร์ ของบราซิล เรียกการประท้วงว่าเป็นการหมิ่นประมาทและละเมิดบรรทัดฐานการอยู่ร่วมกันตามระบอบประชาธิปไตย

ทั้งนี้ บราซิลถูกปกครองโดยรัฐบาลทหารช่วงปี 2507-2528 และมีชาวบราซิลส่วนน้อยสนับสนุนแนวคิดให้ทหารก่อรัฐประหารเพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชันและเศรษฐกิจในปัจจุบัน.

 

ฮิลลารี เปิดใจช้ำๆหลังแพ้เลือกตั้ง ‘ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมาที่นี่’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 พ.ย. 2559 18:04

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/786121

 

ฮิลลารี คลินตัน เปิดใจ หลังปราชัยศึกเลือกตั้ง ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก บอกไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการมาพูดที่นี่ในค่ำคืนนี้ สิ่งที่ต้องการทำมากที่สุดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อมีเวลาคือ อ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม อยู่กับสุนัข และไม่คิดอยากจะออกนอกบ้านเลยอีกครั้ง

เมื่อ 17 พ.ย. สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงาน ฮิลลารี คลินตัน ยอมออกมาเปิดเผยความรู้สึกหลังพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก ขณะมากล่าวสุนทรพจน์ในงานกาลา เวนส์เดย์ ไนท์ ของมูลนิธิปกป้องเด็ก ‘Beat The Odds’ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อคืนวันพุธที่ 16 พ.ย. ว่า การมาปรากฏตัวต่อที่สาธารณะในค่ำคืนนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเธอ เพราะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อเธอพอมีเวลา สิ่งที่ต้องการทำมากที่สุด คือการเยียวยาความรู้สึกหมดหวังด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม อยู่กับสุนัขที่เลี้ยงไว้ และมีความรู้สึกที่ไม่คิดอยากจะออกนอกบ้านเลยอีกครั้ง


อย่างไรก็ตาม ซีเอ็นเอ็น ระบุว่า ถึงแม้จะผิดหวังกับความปราชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างมาก แต่นางฮิลลารีก็ไม่ได้จมจ่อมอยู่กับความพ่ายแพ้ เพราะในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์เธอยังมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานต่อไป เพื่อเด็กๆ ครอบครัว และประเทศชาติ พร้อมกันนั้น นางฮิลลารียังได้พูดปลุกพลังให้กับผู้ฟัง ด้วยการย้อนไปถึงช่วงเวลาที่แม่ของเธอ ‘โดโรธี รอดแฮม’ ขึ้นรถไฟกับน้องสาวมุ่งหน้าสู่แคลิฟอร์เนีย เพื่อไปอยู่กับตายาย แต่แล้วก็ไม่ดีอย่างที่หวัง จึงทำให้แม่ของเธอกลับมายังบ้านเกิดที่ชิคาโก ในรัฐอิลลินอยส์ อีกครั้งและเลี้ยงดูตัวเอง


นางฮิลลารี บอกว่า เธอฝันว่า ในวันนั้นเธออยากจะนั่งอยู่ข้างแม่ตอนที่แม่นั่งรถไฟไปแคลิฟอร์เนีย เธออยากจะกอดแม่และพูดว่า ดูลูกสิ และแม่ฟังนะ แม่จะต้องรอด แม่จะมีครอบครัว มีลูกๆ ถึง 3 คน และคงเป็นเรื่องยากที่แม่จะจินตนาการได้ว่า ลูกสาวของแม่จะเติบโตขึ้นมาได้เป็นวุฒิสมาชิก เป็นรมว.ต่างประเทศ และเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนถึงมากกว่า 62 ล้านคะแนน

 

นายกฯญี่ปุ่น ผู้นำชาติแรกมาพบทรัมป์ ขอฟังนโยบายรบ.ใหม่มะกันแบบเคลียร์ๆ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 พ.ย. 2559 16:10

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/786021

 

นายกฯอาเบะ ของญี่ปุ่นมาแล้ว…เป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่พบกับโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของทรัมป์ ที่ได้พูดไว้อย่างดุเดือดตอนหาเสียง

เมื่อ 17 พ.ย.59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น กลายเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่ได้พบกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ หลังจากมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา  ขณะที่นายกรัฐมนตรีอาเบะ กล่าวก่อนออกเดินทางจากท่าอากาศยานฮาเนดะ ในกรุงโตเกียว เมื่อ 17 พ.ย. ถึงการพบกับทรัมป์ในครั้งนี้ว่า เพื่อเป็นการ ‘สร้างความไว้วางใจ’ และการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นกับรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่เพื่อความเจริญรุ่งเรืองและสันติสุขของโลก


นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แถลงข่าวที่ท่าอากาศยานในกรุงโตเกียว เมื่อ 17พ.ย. ก่อนเดินทางมาพบกับโดนัลด์ ทรัมป์ที่นครนิวยอร์ก

บีบีซี ระบุว่า นายกฯญี่ปุ่นมีกำหนดการเดินทางมาร่วมการประชุมสุดยอดด้านการค้าเอเชีย-แปซิฟิก ที่ประเทศเปรู และถือโอกาสนี้มาพบปะหารือกับทรัมป์ ที่นิวยอร์ก ท่ามกลางความกังวลใจเกี่ยวกับทิศทางนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ในฐานะที่เป็นชาติพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้พูดตั้งแต่ตอนหาเสียงแล้วว่า รัฐบาลญี่ปุ่นต้องจ่ายมากกว่าเดิมสำหรับการให้มีทหารสหรัฐฯ ประจำการอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป พร้อมกันนั้น ทรัมป์ยังไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ซึ่งเป็นข้อตกลงทางการค้าเสรีของประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิกที่รัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ทำไว้กับญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชียแปซิฟิก


สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับข้อหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีอาเบะกับทรัมป์ในครั้งนี้ ยังไม่แน่ชัด โดยเจ้าหน้าที่ทางการญี่ปุ่นคนหนึ่งเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ‘มีความสับสนมาก’ ขณะที่ พอล อดัมส์ ผู้สื่อข่าวบีบีซี ประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี ชี้ว่า น้ำเสียงของทรัมป์เกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ที่เคยพูดไว้ตอนหาเสียง ได้เร่ิมอ่อนลงนับตั้งแต่เขาชนะเลือกตั้งเหนือนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต.

 

แอปเปิล เตือนลูกค้าไอจูนส์ ลบทิ้งทันที ‘สแกม อีเมล’ ให้จ่ายค่าเพลง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 พ.ย. 2559 14:41

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/785921

 

บริษัทแอปเปิล ออกคำเตือนลูกค้า ลบ ‘สแกม อีเมล’ บอกให้จ่ายเงินค่าโหลดเพลงจากไอจูนส์ ทิ้งทันที ชี้เป็นการปล่อยอีเมลปลอมของพวกมิจฉาชีพ เพื่อหวังดักข้อมูลส่วนตัว ทั้ง Username Password รวมทั้งข้อมูลด้านบัตรเครดิต

เมื่อ 17 พ.ย.59 เว็บไซต์ เทเลกราฟ รายงาน บริษัทแอปเปิล  บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของโลก ออกคำเตือนให้ลูกค้าของบริษัทแอปเปิลที่ใช้บริการ ไอจูนส์ (iTones) บนแอพสโตร์ ลบ ‘สแกม อีเมล’ (Scam Email) อ้างว่าพวกเขาต้องเสียค่าธรรมเนียมในการดาวน์โหลดเพลงบนไอจูนส์เป็นเงินกว่า 20 ปอนด์ (ราว 860 บาท) จนเรื่องนี้ถูกนำมาพูดถึงบนโลกออนไลน์ เนื่องจากบรรดาลูกค้าที่ใช้บริการไอจูนส์ พากันบ่นว่าพวกตนได้รับอีเมลจากบริษัทแอปเปิลว่าได้ใช้บริการไอจูนส์ สโตร์ ดาวน์โหลดเพลงเป็นจำนวนเงินถึง 23.34 ปอนด์

ข่าวแจ้งว่าดูเหมือนจุดประสงค์ของเรื่องนี้ คือต้องการให้ลูกค้าแอปเปิลที่ตกเป็นเหยื่อคลิกเข้าไปในอีเมลเพื่อจัดการยกเลิกไม่ให้หักเงินค่าบริการ Apple Music แบบอัตโนมัติ แต่ความจริงแล้ว พวกมิจฉาชีพซึ่งได้ปล่อยสแกมอีเมลเหล่านี้เข้าไปในเว็บไซต์ของเหยื่อ ลูกค้าแอปเปิล มีความต้องการเจาะเข้าไปในข้อมูลรายละเอียดส่วนตัวของลูกค้าเหล่านั้น

เว็บไซต์ เทเลกราฟ ระบุว่า วิธีการแบบนี้บนโลกออนไลน์ เรียกว่า ‘phishing’ หรือการปล่อยอีเมลปลอม ซึ่งเป็นการหลอกลวง หรือเป็นภัยทางอินเทอร์เน็ตชนิดหนึ่ง เพื่อหวังให้ผู้ใช้งานเกิดความสับสนและทำธุรกรรมต่างๆ บนเว็บไซต์ จนทำให้ถูกดักข้อมูลและบันทึกไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็น Username, Password หรืออีเมล ด้วยเหตุนี้ วิธีที่จะป้องกันสแกม อีเมล ได้ดีที่สุดคือ การลบอีเมลที่ไม่น่าไว้วางใจเหล่านั้นทิ้งทันที และต้องมั่นใจว่า คุณไม่ได้คลิกเข้าไปในลิงค์ต่างๆ ที่คุณไม่มั่นใจว่ามันถูกส่งมาจากที่ไหนกันแน่

ขณะเดียวกัน อีเมลหรือลิงค์ต่างๆ ที่ถูกส่งเข้ามาในเว็บไซต์ที่ไม่ได้เป็นเว็บไซต์ของแอปเปิลโดยตรง ถือว่าถูกส่งมาจากแหล่งอื่นๆ มากกว่าแอปเปิล ถึงแม้ว่ามันอาจจะดูเหมือนว่าถูกส่งมาจาก ไอจูนส์ สโตร์ของแอปเปิลก็ตาม โดยบริษัทแอปเปิลไม่เคยขอให้ลูกค้าให้ข้อมูลส่วนตัวหรือรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการชำระเงิน รวมทั้ง หมายเลขบัตรเครดิต และ Password ผ่านทางอีเมล หรือแมสเสจข้อความแต่อย่างใด.

 

ทรัมป์โฉ่อีก-ลูกเขยจุ้นจ้าน บีบออกทีมดูแลความมั่นคง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 17 พ.ย. 2559 05:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/785396

 

“บันคีมูน” เลขาฯยูเอ็น หวัง “โดนัลด์ ทรัมป์” ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 45 จะใส่ใจข้อตกลงสากล ทั้งข้อตกลงปารีส เพื่อลดปัญหาโลกร้อน รวมถึงข้อตกลงเรื่องอาวุธนิวเคลียรแต่ “เกาหลีเหนือ-ซีเรีย” เชียร์ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ หลังจากนี้จะหันมาญาติดีด้วย ขณะเดียวกันส่องการตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ส่อป่วน หลังเสียงแตก เหตุ “ทรัมป์” เล็งดึงคนสนิท-ผู้สนับสนุน-พวกอนุรักษ์สุดขั้วที่มานั่งตำแหน่งสำคัญ แถมสื่อปูด ทีมดูแลความมั่นคงของทรัมป์ถูกลูกเขยบีบให้ออก 2 ราย จนว่าที่ผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ต้องทวีตแจง ทุกคนยังทำงานประสานกันดี ด้านการประท้วงต้านว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ สุดอื้อฉาว ยังลุกลามไปหลายเมือง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 16 พ.ย. ว่า กระแสต่อต้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีผู้อื้อฉาว ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา จากพรรครีพับลิกัน ซึ่งชนะเลือกตั้งเมื่อ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น กลุ่มนักเรียนมัธยมปลายหลายร้อยคนจากโรงเรียนในย่านแมนฮัตตันและควีนส์พากันผละห้องเรียนออกมาเดินขบวนประท้วงที่หน้าตึก “ทรัมป์ ทาวเวอร์” ซึ่งทรัมป์กำลังประชุมตั้งคณะรัฐมนตรีอยู่ข้างใน โดยผู้ประท้วงตะโกนคำขวัญต่างๆ เช่น “ไม่เอาคู คลักซ์ แคลนซ์” (กลุ่มผิวขาวสุดโต่ง) “ไม่เอาฟาสซิสม์” และ “ไม่เอาพวกเหยียดผิว”

ขณะที่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวง กลุ่มนักเรียนมัธยมปลายหลายร้อยคนก็ผละห้องเรียนออกมาประท้วงเช่นกัน เริ่มต้นเดินขบวนที่หน้าโรงแรมเปิดใหม่ของทรัมป์ จากนั้นเดินไปที่เดอะมอลล์ สภาคองเกรส ทำเนียบขาว และศาลสูงสุดหรือศาลฎีกา รวมทั้งชูแผ่นป้ายเขียนข้อความต่างๆ เช่น “ชีวิตคนผิวดำก็สำคัญ” และ “ไม่ใช่ประธานาธิบดีของฉัน” ขณะที่นักเรียนโรงเรียนมัธยมปลาย “วู้ดโรว์ วิลสัน” ก็รณรงค์ทางสื่อสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย โดยกล่าวว่า ต้องการส่งสารบอกทรัมป์ว่า “เขาไม่ สามารถแบ่งแยกพวกเราได้”
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 พ.ย. กลุ่มนักเรียนมัธยมปลายในหลายรัฐ รวมทั้งที่นครลอสแอนเจลิส และเมืองโอ๊กแลนด์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน เมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน และเมืองซิลเวอร์สปริง รัฐแมรีแลนด์ ก็ออกมาเดินขบวนประท้วงต่อต้านนายทรัมป์เช่นกัน ขณะที่การประท้วงของฝูงชนทั่วไปยังมีอยู่ต่อเนื่องในหลายเมืองทั่วสหรัฐฯ แต่ส่วนใหญ่เป็นไปด้วยความสงบ

นอกจากนี้ กลุ่มอาศัยในอพาร์ตเมนต์ 3 แห่งที่มีชื่อว่า “ทรัมป์ เพลส” ในนครนิวยอร์ก กว่า 600 คน ที่เกลียดชังนายทรัมป์ พากันลงชื่อทางออนไลน์ ขอให้ปลดป้ายชื่อ “ทรัมป์ เพลส” ลง ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จ เจ้าของอพาร์ตเมนต์ยอมเปลี่ยนชื่ออาคารใหม่ ขณะที่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ แสดงความหวั่นวิตกว่า รัฐบาลของนายทรัมป์จะเป็นรัฐบาลที่ต่อต้านวิทยาศาสตร์มากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ดูจากท่าทีต่างๆของเขา รวมทั้งประกาศจะถอนตัวจากข้อตกลงปารีส ซึ่งมีเป้าหมายต่อสู้โลกร้อน โดยชี้ว่าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ระบุว่าโลกร้อนขึ้นเพราะน้ำมือมนุษย์นั้นเป็นนวนิยายที่ถูกกุแต่งขึ้นโดย “จีน” เพื่อลดศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรมสหรัฐฯ นอกจากนี้ นายไมค์ เพนซ์ ว่าที่รองประธานาธิบดีคนใหม่ ก็ปฏิเสธทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ลส์ ดาร์วิน ซึ่งเป็นรากฐานของชีววิทยายุคใหม่

ด้านนางบาร์บารา บ็อกเซอร์ วุฒิสมาชิกแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย พรรคเดโมแครต ได้ยื่นร่างกฎหมายที่จะให้ยกเลิกการใช้ระบบ “คณะผู้เลือกตั้ง” ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังผลการนับคะแนนใน 49 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐ ปรากฏว่า นายทรัมป์เป็นผู้ชนะเพราะได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งมากกว่านางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งแห่งพรรคเดโมแครต แต่เขากลับแพ้คะแนน “ป๊อปปูลาร์ โหวต” หรือคะแนนเสียงรวมของผู้ไปออกเสียงทั้งประเทศ

ส่วนการประชุมว่า ด้วยสภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลง ที่เมืองมาราเกช ประเทศโมร็อกโก เมื่อวันที่15 พ.ย. นายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แสดงความหวังว่านายทรัมป์จะไม่นำสหรัฐฯถอนตัวจากข้อตกลงปารีสเพื่อต่อสู้โลกร้อน นอกจากนี้ ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลองด์ แห่งฝรั่งเศส ยัง เรียกร้องให้ทรัมป์เคารพข้อตกลงปารีสซึ่งเปลี่ยนแปลงกลับไม่ได้ และไม่เชื่อว่าทรัมป์จะล้มเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ 6 ชาติมหาอำนาจทำไว้กับอิหร่าน ขณะที่โฆษกของรัฐบาลเกาหลีเหนือแถลงว่า เกาหลี เหนือไม่สนใจว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่สนใจว่าจะสหรัฐฯจะเลิกนโยบายเป็นปฏิปักษ์กับเกาหลีเหนือหรือไม่มากกว่า

วันเดียวกัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกัน ได้ลงมติเอกฉันท์เลือกนายพอล ไรอัน เป็นประธานสภาผู้แทนอีกสมัย หลังพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้ง ได้ครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา ขณะที่นายทรัมป์ และนายไมค์ เพนซ์ หารือกันอย่างเคร่งเครียดเรื่องการตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งเริ่มมีอุปสรรคเพราะความเห็นไม่ตรงกัน รวมทั้งกรณีที่ทรัมป์เลือกนายสตีฟ แบนนอน อดีตผู้บริหารของเว็บไซต์ข่าว “บรีทบาร์ท” ซึ่งถูกมองว่าเป็นพวกอนุรักษนิยมเชิดชูคนผิวขาวสุดขั้ว ขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมยุทธศาสตร์ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังจะดึงคนสนิทคือนายสตีฟ มนูชิน นักลงทุนในตลาดหุ้นวอลสตรีตมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และดึงนายวิลเบอร์ รอสส์ มหาเศรษฐีนักลงทุน ซึ่งสนับสนุนเขามายาวนาน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ด้วย

ส่วนประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งอยู่ในระหว่างการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งสุดท้ายก่อนหมดวาระการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ในต้นปีหน้า กล่าวระหว่างการเยือนกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เตือนให้ระวังกระแส “ชาตินิยมแบบดิบหยาบ” หลังนายทรัมป์ชนะเลือกตั้งอย่างพลิกความคาดหมาย ซึ่งกระแสดังกล่าวยังเกิดขึ้นเมื่อสหราชอาณาจักรลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรป (อียู) และกำลังเบ่งบานในหลายประเทศในยุโรป อนึ่ง ระหว่างการเยือนกรุงเอเธนส์ มีกลุ่มผู้ประท้วงฝ่ายซ้ายกว่า 3,000 คนไปเดินขบวนประท้วงโอบามาด้วย จนตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาและระเบิดแสงสลายฝูงชน

นอกจากนี้ สื่อสหรัฐฯยังรายงานว่า นางบีเวอร์ลีย์ วาลิง นายกเทศมนตรีเมือง “เคลย์” เมืองเล็กๆ ในรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ถูกโจมตีและกดดันอย่างหนักจนต้องลาออกแล้ว หลังแสดงท่าทีดูหมิ่นนางมิเชล โอบามา สตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ ภริยาของประธานาธิบดีโอบามา ต้นเหตุเกิดจากนางพาเมลา แรมซีย์ เทเลอร์ ผู้อำนวยการบริษัท “เคลย์ เคาน์ตี้ ดีเวลลอปเมนต์ คอร์ป.” โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก หลังนายทรัมป์ ซึ่งมีนางเมลาเนีย อดีตนางแบบสาวสวยเป็นภริยา ชนะเลือกตั้งว่า “คงจะสดชื่นที่จะมีสตรีหมายเลข 1 ที่มีระดับ สวย งามสง่า ในทำเนียบขาว ฉันเบื่อลิงใส่ส้นสูงเต็มทีแล้ว” ซึ่งนางวาลิงได้เข้าไปโพสต์แสดงความเห็นสนับสนุนว่า “เธอทำให้ฉันมีความสุข แพม”

ขณะที่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ประเทศที่เกิดสงครามนองเลือดมากว่า 5 ปี ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษต่อสถานีโทรทัศน์ “อาร์ทีพี” ของโปรตุเกสเมื่อวันที่ 15 พ.ย.ว่า ตนหวังว่านายทรัมป์จะเป็นพันธมิตรกับซีเรียในการต่อสู้การก่อการร้าย ทรัมป์จะเป็น “พันธมิตรโดยธรรมชาติ” ถ้าทำตามสัญญาขณะหาเสียงว่าจะต่อสู้การก่อการร้าย ก่อนหน้านี้ทรัมป์ยังเคยพูดว่าเป็นเรื่องบ้าบอที่จะต่อต้านทั้งกองทัพรัฐบาลซีเรียและกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) และว่าการต่อสู้กับรัฐบาลซีเรียอาจนำไปสู่สงครามกับรัสเซีย อย่างไรก็ตาม อัสซาดยังสงสัยว่าทรัมป์จะทำตามคำสัญญาหรือไม่ ตนยังไม่ตัดสินเขาตอนนี้

ขณะเดียวกัน นายทรัมป์ ออกมากล่าวปกป้องกระบวนการส่งผ่านอำนาจและคัดเลือกผู้ที่จะมาร่วมคณะรัฐมนตรีที่มีข่าวว่าเริ่มมีความขัดแย้งและเห็นไม่ลงรอยกัน โดยทวีตข้อความในบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัว ยืนยันทีมงานยังทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มก้อนดี ตนเป็นคนเดียวที่รู้ว่าใครได้รับเลือกในตำแหน่งไหนอย่างไร ด้านนายรูดอล์ฟ กุยเลียนี อดีตนายกเทศมนตรีมหานครนิวยอร์ก ผู้เป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษาของนายทรัมป์ช่วงหาเสียงเลือกตั้งและยังเป็นตัวเต็งได้เป็น รมว.ต่างประเทศคนใหม่ของสหรัฐฯ ระบุด้วยว่าการเตรียมการส่งผ่านอำนาจของประธานาธิบดีเป็นกระบวนการยุ่งยากซับซ้อนเสมอและหากเกิดมีความบกพร่องก็ถือเป็นธรรมดา

ก่อนหน้านี้ สื่อสหรัฐฯรายงานว่าสมาชิกระดับสูง 2 คนของทีมส่งผ่านอำนาจ ซึ่งดูแลด้านความมั่นคงแห่งชาติของนายทรัมป์ถูกบีบให้ออกจากทีม โดยมีนายจาเรด คุชเนอร์ ลูกเขยนายทรัมป์อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แต่นายทรัมป์ไม่ได้ระบุชัดถึงเรื่องดังกล่าว

ด้านเดนเซล วอชิงตัน พระเอกผิวสีชื่อดังแห่งวงการฮอลลีวูดที่มีผลงานเรื่องล่าสุดเป็นแนวคาวบอยย้อนยุค “7 สิงห์แดนเสือ” (The Magnificent Seven) ต้องให้ตัวแทนออกมาแถลงข่าวปฏิเสธหลังถูกปลอมบัญชีเฟซบุ๊กของเขาเอง แล้วโพสต์แสดงความชื่นชมนายทรัมป์อย่างออกหน้า และมีคนแชร์ข้อความต่อมากกว่า 22,000 ครั้ง นับแต่วันที่ 14 พ.ย. ระบุเนื้อหาที่โพสต์ในเฟซบุ๊กเป็นการแต่งเรื่องขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์

 

เม็กซิโกยกระดับการช่วยเหลือพลเรือนในสหรัฐฯ หลังทรัมป์ชนะเลือกตั้ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 พ.ย. 2559 05:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/785511

 

ชาวเม็กซิโกในสหรัฐฯ เดินขบวนประท้วงต่อต้านทรัมป์

เม็กซิโกออกมาตรการใหม่หลายอย่าง เพื่อให้ความช่วยเหลือชาวเม็กซิโกในสหรัฐฯ ที่อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายไล่ผู้อพยพผิดกฎหมายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลเม็กซิโกเผยแพร่รายการมาตรการต่างๆ ซึ่งมีเป้าหมายในการช่วยเหลือชาวเม็กซิโกที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา จากการตกเป็นเหยื่อของสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า การล่วงละเมิดและการฉ้อโกง ที่อาจเกิดขึ้นในยุคการปกครองของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า

มาตรการดังกล่าวของเม็กซิโกมี อยู่ภายใต้ชื่อ ‘เราอยู่กับคุณ’ ประกอบด้วยขั้นตอนเร่งด่วน 11 ขั้น รวมทั้งการตั้งฮอตไลน์ 24 ชั่วโมง และเตือนพลเรือนให้หลีกเลี่ยงสถานการณ์ความขัดแย้งใดๆ ขณะที่ กระทรวงต่างประเทศเม็กซิโก ระบุว่า พวกเขาจะเพิ่มจำนวนการนัดหมายที่สถานกงสุล เพื่อให้แน่ใจว่าพลเมืองของพวกเขาจะได้รับเอกสารที่จำเป็น เช่น หนังสือเดินทาง หรือสูติบัตร

นอกจากนี้ กระทรวงต่างประเทศจะออกแอพพลิเคชั่น ซึ่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการอพยพ และรายละเอียดการติดต่อสำหรับสถานกงสุลเม็กซิโกในสหรัฐฯ ด้วย

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของเม็กซิโกเกิดขึ้นเพียงสัปดาห์เดียว หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยมหาเศรษฐีจากนิวยอร์กผู้นี้มีแผนจะเนรเทศ หรือจับกุมผู้อพยพผิดกฎหมายหลายล้านคนในอเมริกา สร้างความกังวลแก่ชาวเม็กซิกันที่อาศัยอยู่ในแดนลุงแซม เนื่องจากในกลุ่มผู้อพยพผิดกฎหมายกว่า 11 ล้านคนในสหรัฐฯ มีจำนวนมากที่เป็นชาวเม็กซิกัน

 

รัสเซียดำเนินการถอนตัวจาก ‘ศาลอาญาระหว่างประเทศ’ ชี้ไม่เที่ยงธรรม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 พ.ย. 2559 23:20

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/785291

 

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ออกคำสั่งถอนตัวจากสนธิสัญญาก่อตั้งศาลอาญาระหว่างประเทศแล้วเมื่อวันพุธ โดยใช้ว่าไม่มีความเที่ยงธรรม…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันพุธที่ 16 พ.ย. ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งประเทศรัสเซีย ออกคำสั่งฝ่ายบริหาร (executive order) ภายใต้อำนาจประธานาธิบดี เพื่อดำเนินการถอนชี่อรัสเซีย ออกจาก ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (Rome Statute of the International Criminal Court) โดยกล่าวหาว่าไม่มีความเที่ยงธรรม

รัสเซียลงนามในธรรมนูญกรุงโรมฯ เมื่อปี 2000 แต่ไม่เคยให้สัตยาบัน หมายความว่ารัสเซียไม่สามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกภายใต้เขตอำนาจในการตัดสินคดีของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัสเซียเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ ไอซีซี ออกมาระบุว่าการควบรวมแคว้นไครเมียของยูเครนโดยรัสเซียเมื่อปี 2014 เป็นการใช้อาวุธช่วงชิง พวกเขายังเริ่มตรวจสอบข้อหาอาชญากรรมสงคราม ที่กระทำโดยกองทัพรัสเซียและจอร์เจีย ระหว่างที่ทั้งสองประเทศทำสงครามกันเป็นระยะเวลาสั้นๆ ในปี 2008 ด้วย

หลังประธานาธิบดีปูตินออกคำสั่งฝ่ายบริหารในวันพุธ กระทรวงต่างประเทศรัสเซียก็ออกแถลงการณ์ระบุเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “น่าเสียดายที่ ศาลอาญาระหว่างประเทศ ไม่มีความเที่ยงธรรมต่อความหวังที่ผูกมัดกับพวกเขา และไม่ได้เป็นองค์กรอิสระเพื่อความยุติธรรมระหว่างประเทศอย่างแท้จริง” “ตลอดระยะเวลาการทำงาน 14 ปี ไอซีซีประกาศคำตัดสินคดีเพียง 4 ครั้ง และใช้จ่ายงบประมาณไปกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ”

ด้านนาย ดีมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียบอกกับผู้สื่อข่าวว่า การตัดสินใจถอนชื่อรัสเซียออกจากธรรมนูญกรุงโรมฯ มีขึ้นเพื่อประโยชน์ของประเทศ และเป็นการทำให้เป็นทางการเท่านั้น เพราะมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้นในเรื่องอำนาจการตัดสินคดี

ทั้งนี้ ประเทศในทวีปแอฟริกา เช่น แอฟริกาใต้และแกมเบีย อาจตอบรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัสเซีย เนื่องจากทั้งสองประเทศเพิ่งประกาศถอนตัวออกจาก ไอซีซี อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างการเยาะเย้ยบรรทัดถานระหว่างประเทศของรัสเซียเท่านั้น


โดนัลด์ ทรัมป์

อนึ่ง ประเทศส่วนใหญ่ในแอฟริกาและยุโรปยังคงให้การสนับสนุนศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นศาลถาวรเพื่อตัดสินคดีอาชญากรรมสงครามระหว่างแห่งแรก แต่หลายประเทศอาจต้องเผชิญแรงกดดันทางการทูตที่มากขึ้นจากสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ผู้จะรับตำแหน่งในปีหน้า เนื่องจากเขามีท่าทีว่าจะลดความสำคัญของนโยบายความร่วมมือระหว่างประเทศลง

 

ทรัมป์ ดับเรื่องวุ่น ลูกเขยไม่เกี่ยว ปลด 2 แกนนำจากทีมงาน ถ่ายโอนอำนาจ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 พ.ย. 2559 18:58

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/785161

 

ทรัมป์ ดับกระแสข่าววุ่นๆ ในเรื่องตั้งทีมถ่ายโอนอำนาจในทำเนียบขาว ยันเป็นคนตัดสินใจเองที่จะเลือกใครมาร่วมในรัฐบาลและตำแหน่งอื่นๆ หลังสื่อมะกัน เผย สมาชิกระดับสูง 2 คน โดนปลดจากทีมรับมอบงานด้านความมั่นคง เพราะจาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยและที่ปรึกษาคนสนิททรัมป์ อยู่เบื้องหลัง

เมื่อ 16 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศจับตาความเคลื่อนไหวของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งอยู่ในช่วงฟอร์มทีมที่ปรึกษา และเฟ้นหาผู้ที่จะเลือกมาดำรงตำแหน่งในรัฐบาลของเขา ภายหลังกระทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้าว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ทรัมป์ ได้ปกป้องถึงกรณีที่มีข่าวออกมาว่า มีสมาชิกอาวุโสสองคนของพรรครีพับลิกันถูกบีบบังคับให้ออกไปจากทีมงานถ่ายโอนอำนาจด้านความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์

บีบีซีแจ้งว่า ทรัมป์ได้แต่งตั้งนายไมค์ เพนซ์ คู่หูชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของเขาแทนนายคริส คริสตี ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ ให้มาทำหน้าที่หัวหน้าทีมงานถ่ายโอนอำนาจในทำเนียบขาว ขณะที่นิวยอร์ก ไทมส์ สื่อในสหรัฐฯ  เผยว่า นายจาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขย และยังเป็นที่ปรึกษาคนสนิทของทรัมป์ คือผู้อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนตัวหัวหน้าทีมงานถ่ายโอนอำนาจของทรัมป์ในครั้งนี้


นายคริส คริสตี ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวไม่ได้เป็นหัวหน้าทีมรับมอบงานถ่ายโอนอำนาจของทรัมป์แล้ว

ขณะที่ รายงานของนิวยอร์ก ไทมส์ ยังเผยว่า นายไมค์ โรเจอร์ส อดีตประธานคณะกรรมการของสภาคองเกรสและข่าวกรอง ได้ประกาศลาออกจากการอยู่ในทีมงานถ่ายโอนอำนาจด้านความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ เมื่อวันอังคารที่ 16 พ.ย. ขณะที่ นายแมทธิว ฟรีดแมน สมาชิกอีกคนในทีมก็ถูกปลดจากตำแหน่งดังกล่าวเช่นกัน

นิวยอร์ก ไทมส์ รายงาน ว่า นายคริสตี ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์เคยเป็นอัยการสูงสุดประจำรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งเคยเป็นผู้ส่งฟ้อง นายชาร์ลส์ คุชเนอร์ บิดาของนายจาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขย ในคดีเลี่ยงภาษี เมื่อปี 2547 จนส่งผลต่ความสัมพันธ์ระหว่างนายคริสตี กับจาเร็ด คุชเนอร์


โดนัลด์ ทรัมป์ และจาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขย

ข่าวแจ้งว่า ส่วนสาเหตุที่นายโรเจอร์ส ถูกกดดันให้ลาออกจากทีมรับมอบงานด้านความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ เป็นเพราะมีคนคิดกันว่าเขาสนิทสนมใกล้ชิดกับนายคริสตี ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ ขณะที่นายฟรีดแมน ก็เคยพูดปกป้องนายพอล มานาฟอร์ต ซึ่งเคยเป็นผู้จัดการฝ่ายหาเสียงของทรัมป์ ที่ลาออกไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ท่ามกลางข่าววุ่นวาย สมาชิกระดับสูง 2 คน โดนบีบให้ออกไปจากทีมรับมอบงานบริหารด้านความมั่นคงแห่งชาตินั้น ในที่สุด ทรัมป์ได้ออกมาพยายามดับข่าววุ่นๆ นี้ ผ่านทางทวิตเตอร์ว่า กระบวนการตั้งทีมทำงานของเขาเป็นไปอย่างดีมาก และเขาเป็นผู้ตัดสินใจในการตั้งคนมาร่วมในรัฐบาลและในตำแหน่งอื่นๆ เขาคือคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะแต่งตั้งใครขึ้นมารับตำแหน่งดี.

 

กีวีผวา ดินไหวไม่หยุดเกือบ 2พันครั้ง เรือรบออสซี่ แคนาดา มะกันช่วยอพยพ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 พ.ย. 2559 16:15

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/785037

 

สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหวนิวซีแลนด์ ตรวจวัดพบเกิดแผ่นดินไหวสั่นสะเทือนตามมาแล้วเกือบ 2 พันครั้ง หลังเกิดธรณีพิโรธใหญ่ขนาด 7.8 ขณะที่เรือรบสหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย กำลังมุ่งหน้ามาช่วยอพยพผู้คนออกจากเมืองไคคอราได้รับความเสียหายหนัก

เมื่อ 16 พ.ย.59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพเรือออสเตรเลีย แคนาดา และสหรัฐฯ กำลังส่งเรือรบมุ่งหน้ามาช่วยในการอพยพชาวนิวซีแลนด์ ออกจากเมืองไคคอรา บนเกาะใต้ ซึ่งได้รับความเสียหายหนักสุดจากเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 7.8 เมื่อ 13 พ.ย. และยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกกว่าพันครั้ง นอกจากน้ัน ถนนสายไครสต์เชิร์ชมายังเมืองไคคอราบางช่วงไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เนื่องจากแผ่นดินไหวทำให้เกิดเหตุดินถล่มลงมาจากภูเขาลงมาบนถนน จนชาวเมืองไคคอราหลายพันคนต้องติดอยู่ในเมือง ขณะที่ระบบสาธารณูปโภคก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก นอกจากนั้น ยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากยังเมืองไคคอรา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในเรื่องการมาดูวาฬ

บีบีซีแจ้งว่า เรือรบ HMNZS Canterbury ของนิวซีแลนด์ ถูกส่งมาถึงเมืองไคคอราแล้ว ขณะที่เรือ HMNZS Wellington เริ่มภารกิจสำรวจใต้ท้องทะเล ขณะที่เรือรบของแคนาดา HMC Vancouver, เรือ HMAS Darwin ของออสเตรเลีย และเรือพิฆาต USS Sampson ของสหรัฐฯ กำลังมุ่งหน้ามายังเมืองไคคอรา เพื่อช่วยอพยพผู้คนด้วย


เรือรบ USS Sampson ของสหรัฐฯ

สำหรับเรือรบของแคนาดา ออสเตรเลีย และสหรัฐฯได้มายังเมืองโอ๊คแลนด์ บนเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี ของการก่อตั้งกองทัพเรือนิวซีแลนด์ แต่เรือรบทั้ง 3 ลำ ได้เปลี่ยนมาปฏิบัติภารกิจช่วยอพยพผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวแทน โดยนายเกอร์รีย์ บราวน์ลี รมว.กลาโหมของนิวซีแลนด์ กล่าวว่า การเสนอความช่วยเหลือดังกล่าวของกองทัพเรือทั้ง 3 ประเทศ ทำให้รู้สึกมีกำลังใจ ขณะที่กองทัพเรือสิงคโปร์และญี่ปุ่นก็ได้เสนอพร้อมจะส่งเรือรบมาช่วยอพยพผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวเช่นกัน


บ้านใกล้เมืองไคคอรา พังเสียหายหมดทั้งหลัง ทำให้ หลุยส์ เอ็ดการ์ ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้าน เสียชีวิต

วันเดียวกัน ตามรายงานของ ‘GeoNet’ สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลนิวซีแลนด์ ระบุว่า นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ได้เกิดแผ่นดินไหวแล้วอย่างน้อย 1,823 ครั้ง ขณะที่บริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมจากเหตุแผ่นดินไหว ‘ทอนคินและเทย์เลอร์’ ได้รับการว่าจ้างจากรัฐบาลนิวซีแลนด์มาประเมินค่วามเสียหายที่เมืองไคคอรา เผยกับบีบีซีว่า ความเสียหายของเมืองไคคอราอยู่ในขั้น ‘หายนะ’ เพียงแต่อาคารบ้านเรือนของประชาชนไม่ได้รับความเสียหายมากนัก


ดินถล่มลงมาจากภูเขาลงบนถนน ไฮเวย์ สายสำคัญ หลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ ขนาด 7.8 อีกทั้งยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ระทึก แผ่นดินไหวกีวี ทำเขื่อนกั้นแม่น้ำแตก เตือนปชช.รีบอพยพขึ้นที่สูง

 

เดนเซล วอชิงตันเซ็ง เหยื่อข่าวปลอมในเฟซบุ๊ก แชร์ระเบิด เชียร์ ทรัมป์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 พ.ย. 2559 14:41

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/784921

 

เดนเซล วอชิงตัน ดาราดังมะกัน เหยื่ออีกรายของมรสุมข่าวปลอมบนเฟซบุ๊ก ประกาศตนชัด เชียร์โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี จนถูกแชร์อย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ เจ้าตัวมอบหมายพีอาร์แจงสื่อ บอกเป็นข่าวปลอม 100%

เมื่อ 16 พ.ย. สำนักข่าวบีบีซีรายงานถึง กระแสข่าวปลอมบนเฟซบุ๊ก โซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่บนโลกออนไลน์ กำลังเป็นปัญหาของทีมงานและผู้บริหารเฟซบุ๊ก หลังโดนร้องเรียนและถูกกล่าวหาว่า ข่าวปลอมบนเฟซบุ๊กได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน ชนะเลือกตั้ง ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ นั้น ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ย.59 เดนเซล วอชิงตัน นักแสดงชายชื่อดังในสหรัฐฯ กลายเป็นคนดังล่าสุด ที่เจอข่าวปลอมบนเฟซบุ๊ก มีข้อความเขียนเชียร์สนับสนุนทรัมป์ และข่าวปลอมนี้ในเฟซบุ๊กของเดนเซล วอชิงตันโดนนำไปแชร์ต่ออย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์

บีบีซีแจ้งว่า เฉพาะหน้าเฟซบุ๊กเพจ American News ได้มีการแชร์ข่าวปลอมดังกล่าวบนเฟซบุ๊กของเดนเซล วอชิงตันไปแล้วกว่า 22,000 ครั้ง นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยข้อความบนเฟซฯ ของแดนเซล ได้เขียนเชียร์ทรัมป์ไว้ว่า ‘พวกเราจำเป็นต้องการงานที่มากขึ้น..มากขึ้น เขาได้จ้างพนักงานมากกว่าเดิมมาตลอด จ้างคนมากกว่าเดิม มากเกินกว่าที่ผมรู้มาในโลกนี้’ โดยข่าวปลอมบนเฟซฯของแดนเซล ดังกล่าวยังโจมตีประธานาธิบดีบารัค โอบามาด้วยว่า เป็นพวก ‘ต่อต้านคริสเตียน’


เดนเซล วอชิงตัน นักแสดงชายชื่อดังแห่งฮอลลีวูด

หลังจากแดนเซล วอชิงตัน โดนข่าวปลอมบนเฟซบุ๊กและถูกแชร์อย่างแพร่หลายนั้น นายอลัน ไนร็อบ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของดาราดังได้กล่าวกับบีบีซีว่า เนื้อหาในเฟซฯ ปลอม 100% แต่ก็มีผู้ใช้เฟซบุ๊กบางส่วนยังเชื่อว่า เป็นเรื่องจริง

ทั้งนี้ ข่าวปลอมบนเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นสื่อสัมคมออนไลน์ใหญ่สุดบนโลกโซเชียล ได้กลายเป็นประเด็นร้อนมาตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จนทำให้แม้แต่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอคนดังของเฟซบุ๊กยังได้โพสต์ข้อความแสดงความกังวลในเรื่องนี้ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก บอกว่า มีข่าวเพียงน้อยมากที่เป็นข่าวปลอม แต่เรื่องเลวร้ายก็คือยากจะแยกแยะว่าข่าวใดเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอม ขณะที่มีข่าวจาก Buzzfeed news ออกมาด้วยว่า เฟซบุ๊กมีการตั้งทีมงานอย่างไม่เป็นทางการในการแก้ปัญหาจัดการกับข่าวปลอมบนเฟซฯ บนเฟซบุ๊กอยู่.