เดินเกมเร็ว!ทรัมป์-ปูติน ต่อสายคุย จับมือปรับสัมพันธ์ ร่วมกันปราบไอซิส

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 15 พ.ย. 2559 11:39

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/783706

 

โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ต่อสายโทรศัพท์คุยกันแล้ว เห็นพ้องควรปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียให้กลับคืนสู่ภาวะปกติ รวมถึงความร่วมมือกันปราบปรามกลุ่มสุดโหด ไอซิส

เมื่อ 15 พ.ย.59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความเคลื่อนไหวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ผู้นำชาติมหาอำนาจอีกชาติหนึ่ง ซึ่งได้โทรศัพท์มาถึงทรัมป์ เพื่อพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียทันที หลังทรัมป์คว้าชัยเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา และก่อนหน้านี้ มีรายงาน ทรัมป์ ได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ผู้นำชาติมหาอำนาจในเอเชียไปแล้ว

ทำเนียบวังเครมลิน ในกรุงมอสโก แถลงว่า ประธานาธิบดีปูตินและนาย ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีใหม่สหรัฐฯ จะพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับรัสเซียให้กลับคืนสู่ระดับปกติ โดยประธานาธิบดีปูตินยังมุ่งหวังให้ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการดำเนินการตามแผนงานต่างๆของการเลือกตั้ง โดยทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียเปิดเผยด้วยว่า ทรัมป์และปูตินยังได้หารือถึงสถานการณ์ในซีเรีย พร้อมกับเห็นพ้องตรงกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ในขณะนี้อยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจอย่างยิ่ง ทั้งที่ความจริง สหรัฐฯ และรัสเซียได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันมานานถึง 210 ปี ในปี 2560 ที่จะถึงนี้ ด้วยเหตุนี้จึงควรที่จะกระตุ้นให้กลับมาสู่หลักปฏิบัติ และความร่วมมือเพื่อสร้างประโยชน์ซึ่งกันและกัน


ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย

ทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย แถลงด้วยว่า ทรัมป์และปูติน ตกลงที่จะคงการติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ และเตรียมจะพบปะหารือกันในวันต่อๆ ไป อย่างไรก็ตาม บีบีซี รายงานว่า วังเครมลินไม่ได้แจ้งแน่ชัดว่าทรัมป์หรือประธานาธิบดีปูติน ใครเป็นผู้ต่อสายโทรศัพท์ไปคุยก่อนในครั้งนี้ แต่ด้านสำนักงานของทรัมป์ ระบุว่าทางวังเครมลินได้โทรศัพท์มาหาทรัมป์ และประเด็นที่พูดคุยกันมีหลายเรื่อง อาทิ ความท้าทาย และภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้าย รวมถึงยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ โดยทรัมป์ยังบอกกับปูตินว่า เขาต้องการที่จะมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนกับประเทศและประชาชนชาวรัสเซีย  ขณะที่เว็บไซต์ มิร์เรอร์ยังรายงานด้วยว่า ทรัมป์ และปูติน ประกาศที่จะร่วมมือกันปราบปรามกลุ่มติดอาวุธ รัฐอิสลาม หรือไอซิส พร้อมทั้งเห็นตรงกันว่าการหารือระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซีย ควรอยู่บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน รวมทั้งไม่แทรกแซงก้าวก่ายกิจการภายในของกันและกัน ด้วย

ทั้งนี้ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ได้แสดงความเป็นมิตรกับรัสเซียมาตั้งแต่ช่วงที่เขาหาเสียงแล้ว โดยสถานีโทรทัศน์ในรัสเซียได้กล่าวถึงชัยชนะของทรัมป์ในการเลือกตั้งเหนือนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตว่า ทรัมป์ คือ ‘คนของประชาชน’ อีกทั้งชาวรัสเซีย ส่วนใหญ่ยังมองทรัมป์ว่า เขาเป็นนักปฏิบัติ และเป็นนักธุรกิจที่รัสเซียสามารถทำธุรกิจร่วมด้วยได้.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

จ่าย1$ก็พอ! ทรัมป์ ลั่น ไม่รับเงินเดือน 4แสน$ หลังรับตำแหน่งปธน.ปีหน้า

ทรัมป์โชว์ทีเด็ด ต่อสายคุยผู้นำจีน-สี จิ้นผิง ประกาศขอเงินเดือน1เหรียญ

 

คุ้มกันเข้ม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 15 พ.ย. 2559 07:38

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/783512

 

ตำรวจนครนิวยอร์กวางกำลังรักษาความปลอดภัยรอบอาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ย่านแมนฮัตตัน ตึกที่พักหรูของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังยังมีผู้ชุมนุมไม่พอใจผลเลือกตั้งรวมตัวนับพันคนอยู่หน้าตึก.

 

สื่อนอกปล่อยภาพหลุด ‘มิก-31’ ที่ซีเรีย ลือรัสเซียอาจส่งมาปฏิบัติการ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 15 พ.ย. 2559 07:32

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/783492

 

ภาพจากทวิตเตอร์ @syrianmilitary เผยให้เห็นมิก-31 ฟ็อกซฮาวด์ ร่อนลงจอดที่ฐานทัพอากาศ เคมิม ในเมืองลาตาเกีย และภาพมิสไซล์ เอเอ-9 อามอส ที่เป็นหมัดเด็ดอยู่คู่กัน จนเป็นที่สงสัยว่า รัสเซียอาจส่ง บ.สกัดกั้นพิสัยไกลมาวางกำลัง…

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2559 อ้างภาพจากทวิตเตอร์ @syrianmilitary สื่อท้องถิ่นด้านการทหารของซีเรีย ที่เผยภาพใหม่ที่เป็นหลักฐานชี้ว่า กองทัพรัสเซียได้เสริมกำลังทางอากาศชุดใหม่มายังซีเรีย หลังจากมีภาพของเครื่องบินขับไล่สกัดกั้น มิกโกยัน กูเรวิช มิก-31 ฟ็อกซฮาวด์ (MIG-31 Foxhound) ร่อนลงจอดที่ฐานทัพอากาศเคมิม ในเมืองลาตาเกีย ทางตะวันตกเฉียงใต้ของซีเรีย โดยก่อนหน้านี้ไม่มีหลักฐานว่ากองทัพรัสเซียส่งเครื่องบินสกัดกั้นพิสัยไกลสมรรถนะสูงแบบนี้มาก่อน


ภาพจากทวิตเตอร์ @syrianmilitary

ภาพที่ปรากฏว่ามีมิก-31 ปฏิบัติการในซีเรีย คือ รูปเครื่องบินขับไล่ที่กำลังลงจอดที่สนามบิน และเห็นแพนหางดิ่งของมิก-31 พร้อมทั้งร่มหน่วงชะลอความเร็วตอนลงจอด และอีกภาพเป็นภาพของอาวุธปล่อยอากาศ-สู่-อากาศพิสัยไกลแบบ เอเอ-9 อามอส (AA-9 Amos) อาวุธหลักที่ติดได้เฉพาะเครื่องบิน มิก-31 โดยภาพที่ได้มา ถ่ายโดยช่างภาพ ชื่อ B.Salami


ภาพจากทวิตเตอร์ @syrianmilitary

มิโกยัน-กูเรวิช มิก-31 ออกแบบโดยอดีตสหภาพโซเวียตเดิม ในช่วงที่ยังมีสงครามเย็นระหว่าง 2 ขั้วมหาอำนาจของโลก ต่างพัฒนาอาวุธเพื่อขึ้นมาจัดการกับค่ายคู่แข่ง โดยเมื่อทางสหรัฐอเมริกาเริ่มพัฒนาเครื่องบินสอดแนมพิสัยไกล ความเร็วสูงอย่าง เอสอาร์-71 แบล็กเบิร์ด ทำให้สหภาพโซเวียตในยุคนั้นจำเป็นต้องมีเครื่องบินสกัดกั้นพิสัยไกลความเร็วสูง เพื่อที่จะรับมือการรุกล้ำน่านฟ้าทางตอนเหนือ และด้านตะวันออกไกลของประเทศ และนั่นคือความจำเป็นที่ต้องใช้งานเครื่องบินสกัดกั้นอย่าง มิก-31 ที่มีหมัดเด็ดเป็นอาวุธปล่อย อากาศ-สู่-อากาศ พิสัยไกลแบบ เอเอ-9 อามอส ที่ลอกแบบมาจาก อาวุธปล่อยอากาศ-สู่-อากาศพิสัยไกล เอไอเอ็ม 54 ฟินิกส์ ของสหรัฐฯ ที่ใช้กับเอฟ-14 ทอมแคท ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่มีประจำการในกองทัพอากาศอิหร่าน ด้วยเช่นกัน


เครื่องบินขับไล่สกัดกั้น มิกโกยัน กูเรวิช มิก-31 ฟ็อกซฮาวด์

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันมาจากทางกองทัพรัสเซียว่า ได้มีการนำเอา มิก-31 เข้ามาปฏิบัติการในซีเรีย มีแต่ข่าวก่อนหน้านี้ถึงการนำเอาเครื่องบินขับไล่ที่ทันสมัยอย่าง ซู-35 มาวางกำลัง หลังจากเหตุเครื่องบินซู-24 ถูกเอฟ-16 ของกองทัพอากาศตุรกียิงตก เนื่องจากถูกระบุว่าเครื่องบินของรัสเซียล่วงล้ำน่านฟ้า และการนำเอาเครื่องบินโจมตีแบบ ซู-34 มาใช้เป็นกำลังหลักในการทิ้งระเบิด ถล่มฐานที่มั่นของกลุ่มไอซิสในซีเรีย

ที่มา : combataircraft

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัสเซียยันเอง! ส่ง ‘ซู-35’ บินรบเจ๋งสุดในกองทัพเข้าซีเรีย เชื่อตอบโต้ตุรกี

 

ทรัมป์โชว์ทีเด็ด ต่อสายคุยผู้นำจีน-สี จิ้นผิง ประกาศขอเงินเดือน1เหรียญ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 15 พ.ย. 2559 05:40

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/783481

 

“โดนัลด์ ทรัมป์” เปิดปากผ่านสื่อเป็นครั้งแรกหลังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง เตรียมขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา โชว์ใจป้ำ ประกาศไม่ขอรับเงินเดือนประจำตำแหน่ง 4 แสนดอลลาร์ต่อปี แต่จะรับแค่ 1 ดอลลาร์ พร้อมยืนยันนโยบายสร้างกำแพงกั้นพรมแดนเม็กซิโก เนรเทศแรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยเน้นกลุ่มมีประวัติอาชญากรรม นอกจากนี้ยังต่อสายคุยกับ “สี จิ้นผิง” ผู้นำจีน ชมเป็นคนสุขุม เอาจริงเอาจัง ขณะเดียวกันกล่าวถึงผู้ชุมนุมต่อต้านเพราะยังไม่รู้จักตัวเขาดีพอ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าบรรยากาศการเมืองในประเทศสหรัฐอเมริกา ภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 45 เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งผลปรากฏว่าพลิกล็อกผลโพล เมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีปากจัดวัย 70 ปี จากพรรครีพับลิกัน คว้าคะแนนคณะผู้เลือกตั้งเกินเกณฑ์ 270 เสียง ชนะนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตวัย 69 ปี ที่กลับได้คะแนนดิบจากประชาชนหรือป๊อปปูล่าร์โหวตมากกว่า จนนำไปสู่กระแสความไม่พอใจจากผู้สนับสนุนนางฮิลลารี และจัดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ต่อต้านชัยชนะของนายทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่รอขึ้นสู่อำนาจแทนนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 44 ในวันที่ 20 ม.ค. ปีหน้า

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ หรือวันที่ 14 พ.ย. ตามเวลาไทย บรรยากาศการประท้วงต่อต้านนายทรัมป์ยังคงคึกคักในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่ว่าบริเวณหน้าตึกทรัมป์ ทาวเวอร์ ย่านแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก ที่มีฝูงชนมากกว่า 1,000 คน มารวมตัวกัน เช่นเดียวกับผู้ชุมนุมหลัก 200-300 คน ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย และในนครลอสแอนเจลิส นครซานฟรานซิสโก และเมืองซาคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนีย

ส่วนเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน การชุมนุมได้เป็นไปอย่างสงบ หลังจากที่เมื่อคืนวันที่ 12 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ได้เกิดความรุนแรงระหว่างการชุมนุม ฝูงชนบุกทุบกระจกห้างร้าน ขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีการยิงปืน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน และถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว 71 คน นอกจากนี้ การประท้วงต่อต้านนายทรัมป์ยังมีขึ้นในต่างประเทศ ที่กรุงเม็กซิโก ซิตี้ ประเทศเม็กซิโก และที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

วันเดียวกัน รายการ “ซิกตี้ มินิตส์” (60 Minutes) ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส สหรัฐฯ ได้ถ่ายทอดบทสัมภาษณ์นายทรัมป์ ที่ออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรกหลังจากได้รับเลือกเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยนายทรัมป์กล่าวถึงการชุมนุมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า พวกเขายังไม่รู้จักตนดี พร้อมตอบข้อซักถามที่ว่าชาวอเมริกันกลัวการขึ้นเป็นประธานาธิบดีของนายทรัมป์ ว่าอย่ากลัว เราจะนำประเทศของเราให้กลับมายิ่งใหญ่ กระนั้นตนรู้สึกเสียใจหลังจากได้ยินข่าวว่า ชาวละตินอเมริกันและชาวมุสลิมในสหรัฐฯถูกก่อกวนคุกคาม ขอให้หยุดการกระทำเช่นนี้ได้แล้ว

จากนั้นนายทรัมป์ชี้แจงถึงนโยบายช่วงหาเสียง เรื่องต่อต้านแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย โดยยืนยันว่าจะสร้างกำแพงกั้นพรมแดนเม็กซิโกแน่นอนแต่บางส่วนอาจจะสร้างได้แค่รั้วกั้น ส่วนแรงงานผิดกฎหมายที่เชื่อว่ามีประมาณ 2-3 ล้านคนในสหรัฐฯ จะต้องถูกเนรเทศหรือลงโทษจำคุก โดยทางการจะมุ่งเป้าไปที่ต่างด้าวมีประวัติอาชญากรรม สมาชิกแก๊ง หรือกระบวนการค้ายาเสพติด กระนั้นหลังสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ เราก็พร้อมจะต้อน รับคนที่ดีๆ เข้ามา ขณะที่เรื่องการขอให้อัยการพิเศษเปิดสอบสวนนางฮิลลารี คลินตัน ต่อกรณีการใช้เซิร์ฟเวอร์จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ส่วนตัว สุ่มเสี่ยงต่อข้อมูลลับราชการรั่วไหลนั้น ขอเก็บไปคิดก่อน

ส่วนเรื่องการแต่งงานของคนรักร่วมเพศ นายทรัมป์ระบุว่าตนไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร ออกเป็นกฎหมาย ศาลสูงสุดได้ตัดสินไปแล้ว เรื่องจบไปแล้ว ขณะที่การแต่งตั้งคนมาประจำตำแหน่งคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดนั้น ตนจะเลือกผู้พิพากษาที่มีจุดยืนพิทักษ์สิทธิการใช้ชีวิต ต้องเป็นผู้พิพากษาที่ต่อต้านการทำแท้ง และเห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญมาตรา 2 ว่าด้วยสิทธิการครอบครองอาวุธปืน ซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า ตำแหน่งคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุด 1 ใน 9 คน ที่ว่างเว้นมานาน จากการเสีย ชีวิตของผู้พิพากษาแอนโตนิน สกาเลีย และวุฒิสภาที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ได้สกัดกั้นไม่ให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แต่งตั้งคนใหม่มาแทน

นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังกล่าวว่า ตนจะไม่รับเงินเดือนประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จำนวน 400,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี (ประมาณ 14 ล้านบาท) แต่ตามกฎหมายตนจะต้องรับอย่างน้อย 1 ดอลลาร์ ทำให้ตนมีเงินประจำตำแหน่งผู้นำ 1 ดอลลาร์ต่อปี ส่วนทีมงานใหม่ในทำเนียบขาว นายทรัมป์ได้แต่งตั้งนายไรซ์ พรีบุซ ประธานคณะกรรมการบริหารพรรครีพับลิกัน ที่มีความสนิทสนมกับนายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็น หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว ขณะที่นายสตีเฟน เบนนอน ผู้บริหารทีมหาเสียงของนายทรัมป์ ซึ่งเป็นคนเดินเกมนโยบายสุดโต่ง ตั้งแต่การต่อต้านทำแท้ง ต้านชาวมุสลิม ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าฝ่ายวางกลยุทธ์ประจำทำเนียบขาว

ต่อมาในวันเดียวกัน นายทรัมป์ ได้โทรศัพท์หารือกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน โดยนายทรัมป์ได้ขอบคุณคำอวยพรของนายสี จิ้นผิง ที่กล่าวตอนชนะการเลือกตั้ง จากนั้นทั้งสองได้กล่าวแลก เปลี่ยนความนับถือซึ่งกันและกัน พร้อมเชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศจะมีความสัมพันธ์ที่เข้มแข็ง ขณะที่นายทรัมป์ได้กล่าวภายหลังการสนทนาว่า นายสี จิ้นผิง เป็นคนที่เอาจริงเอาจัง และมีมารยาทสุขุม แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ขณะนั้น

ส่วนสำนักข่าวรอยเตอร์ ได้พยายามสัมภาษณ์ความเห็นเกี่ยวกับชัยชนะการเลือกตั้งของนายทรัมป์ จากระดับแกนนำกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆ โดยนายอาบู โอมาร์ โคราซานี ผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอส ระบุว่านายทรัมป์เป็นคนบ้า และความเกลียดชังต่อชาวมุสลิมของนายทรัมป์ก็จะเอื้อต่อการเกณฑ์นักรบของเรามากขึ้น เราตามบรรยากาศการเลือกตั้งสหรัฐฯ มาตลอด และไม่คิดว่าชาวอเมริกันจะขุดหลุมฝังตัวเอง ขณะที่แกนนำระดับสูงของกองกำลังติดอาวุธตาลีบัน ผู้ไม่ขอเอ่ยนาม กล่าวว่าติดตามแถลงการณ์ต้านชาวมุสลิมของนายทรัมป์มาตลอด และเชื่อว่าหากนายทรัมป์ทำอย่างที่หาเสียงไว้ ก็จะส่งผลให้กลุ่มหัวรุนแรงต่างๆ ทั่วโลกพากันฉวยโอกาส ส่วนกลุ่มก่อการร้ายสากลอัล-เคดา ยังไม่ออกแถลงการณ์ใดๆต่อผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯครั้งนี้

 

ประมวลภาพ ‘ซุปเปอร์มูน’ ทั่วโลก พระจันทร์ส่องสว่าง สวยงามตระการตา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 15 พ.ย. 2559 05:25

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/783472

 

ซุปเปอร์มูลที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส

ผู้คนทั่วโลกกำลังติดตามชมปรากฏการณ์ ซุปเปอร์มูน ครั้งพิเศษ ที่พระจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 68 ปี ซึ่งหากพลาดครั้งนี้ต้องรออีก 18 ปี กว่าพระจันทร์จะเข้าใกล้โลกมากขนาดนี้อีกครั้ง…

ผู้คนทั่วโลกกำลังติดตามชมปรากฏการณ์ ‘ซุปเปอร์มูน’ หรือปรากฏการณ์ที่พระจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุดใน 1 รอบวงโคจรของดวงจันทร์ และตรงกับวันพระจันทร์เต็มดวงพอดี ซึ่งในครั้งนี้ถือเป็นครั้งพิเศษสุด เนื่องจากดวงจันทร์เขาใกล้โลกมากกว่าซุปเปอร์มูนครั้งใดๆ ที่เคยเกิดขึ้นในช่วง 68 ปีที่ผ่านมา หรือนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 โดยสามารถมองเห็นดวงจันทร์มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 14% และสว่างกว่าปกติถึง 30%


ซุปเปอร์มูนปรากฏให้เห็นใกล้เทพีเสรีภาพ ในนครนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ซุปเปอร์มูนจะส่องสว่างในทวีปเอเชียมากที่สุดในช่วงเย็นวันจันทร์ที่ 14 พ.ย. และพระจันทร์จะโคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุดที่ระยะ 356,509 กม. ในเวลา 11:21 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช หรือราว 18:21 น. ตามเวลาไทย ขณะที่สามารถมองเห็นได้ชัดที่สุดในอเมริกาเหนือในช่วงเช้ามืดหรือก่อนรุ่งสางวันจันทร์ ส่วนที่สหราชอาณาจักรจะมีโอกาสเห็นในช่วงเย็นวันจันทร์

หากพลาดชมปรากฏการณ์ซุปเปอร์มูนครั้งนี้ ชาวโลกจะไม่ได้เห็นพระจันทร์เข้าใกล้โลกขนาดนี้อีกจนกว่าจะถึงวันที่ 25 พ.ย. ปี พ.ศ. 2577 ซึ่งจะเข้ามาใกล้โลกมากกว่าครั้งนี้อีก ที่ระยะห่าง 356,445 กม.


ซุปเปอร์มูนส่องแสงสุขสว่างเหนือวิหารแห่งเทพอพอลโล ที่เมืองโบราณ โครินธ์ ประเทศกรีซ

ชนเผ่ามาซาอี ใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูซุปเปอร์มูน ซึ่งหาดูได้ยาก ที่หมู่บ้านโอโลอิกา ในเขตอนุรักษ์ชอมโปล เมืองมากาดี บริเวณชายแดนเคนยา-แทนซาเนีย

ซุปเปอร์มูนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เหนือเรือไม้ที่ประดับประดาไฟสวยงามในงานแข่งเรือหรือพระบรมราชวัง ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา

ดวงจันทร์สีขาวดวงใหญ่ลอยเหนือสำนักงานแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่งของจีน

แสงของซุปเปอร์มูนส่องลอยกลุ่มเมฆลงมาเหนือรูปปั้นของวลาดิเมียร์ เลนิน ผู้ก่อตั้งสหภาพโซเวียต ในคาซัคสถาน

ปรากฏการณ์ซุปเปอร์มูนบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆของกรุงอังการา ประเทศตุรกี

คู่รักคู่หนึ่งยืนชม ซุปเปอร์มูน ที่ลอยขึ้นเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ข้างโบสถ์ในเมือง เคป เกรโก ทางตะวันออกของไซปรัส

สองสาวยืนดูซุปเปอร์มูนบนฟ้ากรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส

ดวงจันทร์ดวงโตลอยขึ้นเหนือพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย

ดวงจันทร์ส่องสว่างเหนือมัสยิดในกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน

ภาพรูปปั้นแห่ง วินสตัน เชอร์ชิล บนอาคารกระทรวงต่างประเทศมาซิโดเนีย ในกรุง สโกเปีย โดยมีซุปเปอร์มูนเป็นฉากหลัง

ซุปเปอร์มูนส่องแสงสีส้มลอดกลุ่มเมฆลงมาในเขตธนาคาร ในนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี

ซุปเปอร์มูนถูกเมฆบดบัง หลังอาคาร อักบาร์ ทาวเวอร์ ในแคว้นบาเซโลนา ประเทศสเปน

จรวดโซยูซ ของรัสเซีย ซึ่งจัดนำลูกเรือกลุ่มใหม่ไปส่งที่สถานีอวกาศนานาชาติ ถูกติดตั้งฐานปล่อยยานอวกาศ ไบโคนูร์ เมื่อ 14 พ.ย. โดยมีซุปเปอร์มูนเป็นฉากหลัง

ดวงจันทร์สีส้มส่องสว่างที่หมู่บ้านเล็กๆ ชื่อ อูเฮว ทางเหนือของประเทศสเปน

จันทราสีส้มลอยเหนืออนุสาวรีย์ เกตเวย์ อาร์ก ในเมืองเซนต์ หลุยส์ ในรัฐมิสซูรีของสหรัฐฯ

ดาวจันทร์สีส้มปรากฏเบื้องหลังยอดของโบสถ์เซนต์ สตีเฟน ในกรุงเวียนนา ของออสเตรีย

ดวงจันทร์ดวงโตลอยให้เห็นใกล้กับอาคาร ยูนิเครดิต ทาวเวอร์ ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี

ซุปเปอร์มูนสีแดงฉานลอยให้เห็นบนท้องฟ้ากรุงเตหะราน ของอิหร่าน
 

บินขับไล่ ‘มิก-29’ รัสเซีย ตกในเมดิเตอร์เรเนียน นักบินดีดตัวปลอดภัย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 15 พ.ย. 2559 03:45

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/783436

 

เครื่องบินขับไล่ มิก-29 ของประเทศรัสเซีย ตกในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ขณะฝึกซ้อมบิน อย่างไรก็ตาม นักบินสามารถดีดตัวหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ มิก-29 ของประเทศรัสเซีย ตกในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในขณะที่นักบินพยายามนำเครื่องลงจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบิน ‘แอดไมรัล คุซเนตซอฟ’ ซึ่งเป็นหนึ่งในกองเรือรบของรัสเซียที่ถูกส่งไปประจำการใกล้ชายฝั่งประเทศซีเรีย


เรือบรรทุกเครื่องบิน แอดไมรัล คุซเนตซอฟ

กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่า สาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคระหว่างการฝึกซ่อมบิน โดยเครื่องตกขณะอยู่ห่างจากเรือบรรทุกเครื่องบินเพียงไม่กี่กม. ส่วนนักบินสามารถดีดตัวออกจากเครื่องไดอย่างปลอดภัย และได้รับการช่วยเหลือโดยหน่วยกู้ภัยแล้ว

“สุขภาพของนักบินไม่อยู่ในอันตราย” กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าว และเสริมว่า เขาพร้อมขับเครื่องบินอีกครั้งแล้ว

 

อัยการสวีเดนเข้าสอบปากคำ ‘อัสซานจ์’ ที่สถานทูตเอกวาดอร์ในลอนดอน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 15 พ.ย. 2559 03:05

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/783421

 

หัวหน้าอัยการสวีเดน เดินทางสอบปากคำ จูเลียน อัสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์จอมแฉ ‘วิกิลีกส์’ ถึงสถานทูตเอกวาดอร์ในกรุงลอนดอน ที่เขาขอลี้ภัยมาตั้งแต่ปี 2012 เพื่อหลบข้อกล่าวหาข่มขืนผู้หญิงคนหนึ่ง…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 14 พ.ย. หัวหน้าอัยการสวีเดน เดินทางเยือนสถานทูตเอกวาดอร์ในกรุงลอนดอน เพื่อเข้าสอบปากคำ จูเลียน อัสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์จอมแฉ ‘วิกิลีกส์’ เกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ว่าเขาข่มขืนผู้หญิงชาวสวีเดนคนหนึ่งเมื่อปี 2010 ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่เขาปฏิเสธมาตลอด

ข่าวระบุว่า น.ส.อินกริด อิสเกรน หัวหน้าอัยการสวีเดนเข้าไปนั่งฟังอัยการเอกวาดอร์ถามคำถามต่างๆ ต่อนายอัสซานจ์ เกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการข่มขืน ที่เกิดขึ้นระหว่างที่เขาเดินทางเยือนกรุงสตอกโฮมส์ เมื่อเดือนส.ค. 2010 ก่อนที่น.ส.อิสเกรน และสารวัตร เซซิเลีย เรเดลล์ ของสวีเดน จะเดินทางกลับในเวลา 13:30น. ตามเวลาท้องถิ่นโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ต่อสื่อ แต่คาดกันว่าพวกเธอจะมาสอบปากคำนายอัสซานจ์ต่อเนื่องหลายวัน


อินกริด อิสเกรน หัวหน้าอัยการสวีเดน

ทั้งนี้ หลังจากถูกเจ้าหน้าที่สวีเดนกล่าวหาในคดีข่มขืน นายอัสซานจ์ก็ปฏิเสธไม่เดินทางไปสวีเดนเพื่อรับการสอบปากคำ เนื่อจากกังวลว่าเขาจะถูกส่งตัวไปสหรัฐอเมริกา เพื่อดำเนินคดีเกี่ยวกับกรณีที่เว็บไซต์วิกิลีกส์ของเขา แฉข้อมูลลับทางทหารของสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับสงครามอัฟกานิสถานและอิรัก ก่อนที่เขาจะขอลี้ภัยในสถานทูตเอกวาดอร์ ในกรุงลอนดอนในปี 2012 และอาศัยอยู่ที่นั่นนับแต่นั้น

เจนนิเฟอร์ โรบินสัน ทนายความของนายอัสซานจ์ บอกกับสำนักข่าวบีบีซีในวันจันทร์ว่า ลูกความของเธอไม่ได้ซ่อนตัวในสถานทูตเอกวาดอร์ แต่เขาจะไม่ไปสวีเดนเพราะเขาเสี่ยงที่จะสูญเสียสถานะผู้ลี้ภัยในสถานทูตเอกวาดอร์ “สวีเดนปฏิเสธไม่ยอมรับประกันว่าจะไม่ส่งตัวเขาไปสหรัฐฯ” เธอยังกล่าวหาทางการสวีเดนว่าเตะถ่วงคดีไม่ให้คืบหน้าด้วย

ขณะที่สำนักข่าว พีเอ เผยแพร่แถลงการของอัยการสวีเดน การสอบสวนคดีของนายอัสซานจ์ยังคงเป็นความลับ ส่วนนายแพร์ ซามูเอลสัน ทนายอีกคนหนึ่งของนายอัสซานจ์ กล่าวว่า ลูกความของเขามีความสุขมากที่ในที่สุดเขาก็ได้มีโอกาสให้ถ้อยคำของเขาแก่เจ้าหน้าที่สวีเดน

 

เปิดโผ บ.ยาเข้าถึงรากหญ้า “แกล็กโซสมิทไคลน์” รั้งที่ 1

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 15 พ.ย. 2559 02:10

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/783267

 

รายงาน “ดัชนีการเข้าถึงยารักษาโรค” จัดทำโดยกองทุนการเข้าถึงยารักษาโรค สำนักงานอยู่ที่กรุงอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์ และจัดอันดับบริษัทผู้ผลิตยาชั้นนำ 20 แห่งทั่วโลกทุก 2 ปี เผยแพร่เมื่อ 14 พ.ย. พบว่า ผู้ผลิตยารายใหญ่พัฒนาวิธีการเข้าถึงยาสำหรับคนยากจนในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาได้ดีขึ้น แต่ยังจำเป็นต้องเพิ่มผลิตภัณฑ์ยาที่เข้าถึงได้ให้มากขึ้นด้วย โดยบริษัท แกล็กโซสมิทไคลน์ (GSK) จากสหราชอาณาจักร ยังครองอันดับ 1 ในการเข้าถึงยาเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ตามด้วยบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จากสหรัฐฯ บริษัท โนวาติส จากสวิตเซอร์แลนด์ และบริษัท เมิร์ค เคจีเอเอ จากเยอรมนี

นายจายัสรี ไอเยอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของกองทุนฯ เผยว่า ผู้ผลิตยาเริ่มจัดการปัญหาดังกล่าวได้มากขึ้น แต่ยังต้องปรับแก้การตั้งราคาขายยา และยังมีช่องว่างของตัวยาที่ยังจำเป็นต้องเข้าถึงอีกมาก หลังติดตามตัวยา 850 ประเภทสำหรับการรักษาโรคที่เป็นภาระค่าใช้จ่ายมากที่สุดในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางถึงรายได้ต่ำพบว่า มีเพียง 44 ตัวยาที่ตั้งราคาให้ซื้อหาได้.

 

หวังเพชรบลูไดมอนด์ 8.01 กะรัตทำเงินอื้อซ่า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 15 พ.ย. 2559 01:50

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/783262

 

สถาบันประมูลซอธบีร่วมกับโนเบิล เจเวลส์ นำเพชรสีน้ำเงิน “สกาย บลู ไดมอนด์” น้ำหนัก 8.01 กะรัต ออกมาประมูลวันที่ 16 พ.ย. ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คาดว่าเคาะราคาประมูลตลาดได้ถึง 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 885 ล้านบาท และถือเป็นเพชรสีน้ำเงินอีกเม็ดหนึ่งที่ใหญ่สุดตั้งแต่จัดการประมูลเครื่องเพชร ซึ่งนำมาทำเป็นเครื่องประดับแหวนคาร์เทียร์ โดยทางสถาบันอัญมณีแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (GIA) จัดอันดับความสะอาดของเนื้อเพชรสีธรรมชาติจากทั้งหมด 11 ระดับให้อยู่ในเกรด VVS 1 หรือเกือบสมบูรณ์แบบ ถือว่ามีตำหนิขนาดเล็กมากเมื่อมองด้วยกล้องขยาย 10 เท่า ซึ่งยากมากที่จะมองเห็น

นอกจากนี้ เพชรสีน้ำเงินยังเป็นอัญมณีที่หายากเป็นพิเศษ โดยเมื่อเดือน พ.ย.ปีกลาย นายโจเซฟ เหลา นักธุรกิจชาวฮ่องกง ทุ่มเงินซื้อเพชรสีน้ำเงินน้ำหนัก 12.03 กะรัต ในราคา 48.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 1,700 ล้านบาท กลายเป็นการซื้อขายเพชรสีน้ำเงินในขณะนั้นที่มีราคาแพงที่สุดในโลก กระทั่งในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เพชรสีน้ำเงินเม็ดใหญ่ที่สุดในโลก 14.62 กะรัต ที่เรียกว่า “เดอะ ออพเพนไฮเมอร์ บลู” ทำลายสถิติขายไปด้วยราคา 57.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 2,000 ล้านบาท ส่วนนายเหลาตั้งชื่อเพชรที่ตนซื้อว่า “เดอะ บลู มูน แห่ง โจเซฟฟีน” ตามชื่อลูกสาววัย 7 ขวบ หลังซื้อเพชรสีชมพูน้ำหนัก 16.08 กะรัต ในราคา 25.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 1,000 ล้านบาทไปก่อนหน้า 1 วัน.

จ่าย1$ก็พอ! ทรัมป์ ลั่น ไม่รับเงินเดือน 4แสน$ หลังรับตำแหน่งปธน.ปีหน้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 14 พ.ย. 2559 17:45

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/783002

 

โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดใจให้สัมภาษณ์สื่อครั้งแรก หลังชนะเลือกตั้ง ลั่น ไม่ขอรับเงินเดือน 4 แสนดอลลาร์ หลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปีหน้า แต่จะขอรับแค่ ดอลลาร์เดียว ตามที่กฎหมายบังคับไว้

เมื่อ 14 พ.ย. 59 สื่อต่างประเทศรายงานครึกโครม นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เปิดใจให้สัมภาษณ์ กับสื่อเป็นครั้งแรก หลังคว้าชัยชนะเลือกตั้ง ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯอย่างพลิกความคาดหมาย อีกทั้งยังมีม็อบฝูงชนในหลายเมืองออกมาประท้วงไม่ยอมรับเขาเป็นประธานาธิบดี โดยทรัมป์ ประกาศว่าเขาจะไม่รับเงินเดือนในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่สูงถึง 400,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 14 ล้านบาท) หลังกระทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า แต่จะขอรับแค่เพียง 1 ดอลลาร์ (35 บาท) ตามที่กฎหมายบังคับกำหนดไว้เท่านั้น

ทรัมป์ ซึ่งได้เปิดบ้านของเขาที่ย่านแมนฮัตตัน ในมหานครนิวยอร์ก บันทึกรายการ 60 Minutes โดยมีเลสลีย์ สตาห์ล จากสถานีโทรทัศน์ CBS เป็นผู้ดำเนินรายการและถือเป็นการให้สัมภาษณ์สื่อครั้งแรกหลังชนะเลือกตั้ง โดยในระหว่างการให้สัมภาษณ์ ทรัมป์ยังได้พูดถึงนโยบายสุดโต่งของเขาหลายเรื่องที่เคยพูดไว้จนสร้างความฮือฮาและหวาดหวั่นให้แก่ชาวอเมริกันและชาวโลกในช่วงหาเสียง โดยทรัมป์ กล่าวยืนยันว่าเขาจะสร้างกำแพงกั้นชายแดนระหว่างสหรัฐฯกับเม็กซิโก เพื่อป้องกันคนลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่ก็อาจมีการพิจารณาถึงความเหมาะสมมากขึ้น เพราะบางพื้นที่ใช้วิธีการสร้างรั้วกั้นชายแดนก็คงพอแล้ว


เจอม็อบออกมาชุมนุมต่อต้าน ไม่ยอมรับโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี

ขณะเดียวกัน ทรัมป์ นักธุรกิจมหาเศรษฐีจากรัฐนิวยอร์ก ซึ่งไม่เคยมีตำแหน่งใดๆทางการเมืองมาก่อนเลย แต่กลับคว้าชัยเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯยังบอกว่าเขาได้ทบทวนถึงแผนการเนรเทศคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย 3 ล้านคนที่มีประวัติก่อคดีอาญา ออกนอกประเทศทันทีที่เข้าไปนั่งบริหารประเทศในทำเนียบขาว เพียงแต่ทรัมป์ไม่ได้อธิบายถึงแแผนการของเขาเกี่ยวกับคนต่างชาติที่อพยพเข้าเมืองมาอยู่ในสหรัฐฯประมาณ 9 หรือ 10 ล้านคนที่ไม่มีเอกสารอย่างถูกต้องว่าจะทำอย่างไรต่อไป โดยทรัมป์เพียงแต่ย้ำถึงความจำเป็นในการป้องกันพรมแดนของสหรัฐฯ ก่อนจะดำเนินนโยบายในเรื่องอื่นๆ


โดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมด้วยนางเมลาเนีย ทรัมป์ ภริยา และบุตรชาย ในวันประกาศชัยชนะเลือกตั้ง

ข่าวแจ้งว่า ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ ทรัมป์ยังกล่าวชื่นชมนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งชิงประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ด้วยว่า นางฮิลลารีเป็นคนเข้มแข็งมากและเก่งมาก ถึงแม้ในช่วงหาเสียง ทรัมป์จะพูดโจมตีนางฮิลลารีอย่างรุนแรง ส่วนนางเมลาเนีย ภริยาของทรัมป์ ยังได้กล่าวถึงนางมิเชล โอบามา ภริยาของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งนางได้มีโอกาสพบพูดคุยระหว่างที่ทรัมป์ได้รับเชิญจากประธานาธิบดีโอบามาให้ไปยังทำเนียบขาวเมื่อ 10 พ.ย. หลังชนะเลือกตั้งว่า นางมิเชล เป็นเจ้าบ้านที่มีมารยาท และสง่างาม เธอไม่รู้สึกอึดอัดใจระหว่างได้พบกันเลย.

ที่มา mirror.co.uk

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

เดือด ม็อบต้านทรัมป์ ที่พอร์ตแลนด์ โดนยิงเจ็บ 1 ตร.ต้องใช้แก๊สน้ำตาสลาย