“ลาเวนเดอร์” กับประโยชน์น่ารู้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/561987

โดย นายเกษตร 14 ม.ค. 2559 05:01

 

ไม้ต้นนี้ เป็นพืชพื้นเมืองในแถบเมดิเตอร์เรเนียนแล้วกระจายปลูกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส บัลแกเรีย อังกฤษ และเขตร้อนทั่วโลก ทุกส่วนของต้น “ลาเวนเดอร์” ไม่ว่าจะเป็นต้นกิ่งก้านใบและดอกจะมีกลิ่นหอมแรงแบบเฉพาะตัว จึงถูกนำไปสกัดเป็นสารระเหยแปรรูปเป็นนํ้าหอมกลิ่น “ลาเวนเดอร์” และเครื่องหอมชนิดต่างๆ ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก

นอกจากนั้น ยังเชื่อกันว่ากลิ่นหอมของต้น “ลาเวนเดอร์” มีคุณสมบัติช่วยในการบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ลดอาการอักเสบ ปวดประสาท รักษาแผลไฟไหม้นํ้าร้อนลวกให้หายเร็วขึ้นและมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย ในต่างประเทศนิยมหักเอากิ่งจากต้น “ลาเวนเดอร์” 2-3 กิ่ง มัดรวมกันเป็นกำๆ ฟาดกับพื้นเบาๆ พอให้กลิ่นหอมกระจายออกเพื่อใช้ไล่แมลงหรือยุงที่รบกวนได้ดีมาก ต้นใบและดอกนำไปตากแห้งหรืออบแห้งตามกรรมวิธีผลิต เป็นชาชงกับนํ้าร้อนดื่มสร้างกลิ่นหอม ช่วยให้ผู้ดื่มรู้สึกผ่อนคลายดียิ่งนัก

อย่างไรก็ตาม คนที่มีอาการแพ้กลิ่นหอมจากเกสรดอกไม้ทุกชนิดต้องหลีกเลี่ยง เนื่องจากกลิ่นหอมของต้น “ลาเวนเดอร์” มีความเข้มข้นสูง โดยเฉพาะคนเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และสตรีมีครรภ์ เป็นต้น

ลาเวนเดอร์ LAVENDULA ANGUSTIFOLIA MILL หรือ LAVENDULA OFFICINALIS อยู่ในวงศ์ RABIATAE, LAMIACEAE เป็นพืชล้มลุกอายุหลายปี สูง 1-1.5 ฟุต ใบเดี่ยวออกตรงกันข้ามรูปรี ปลายแหลม โคนสอบ ขอบหยักลึก ใบมีกลิ่นหอมแรง ดอกเป็นช่อตามซอกใบ ดอกขนาดเล็กสีม่วง “ผล” ทรงกลม ผลขนาดเล็กมีเมล็ด ในต่างประเทศ นิยมปลูกในทุ่งกว้าง เรียกว่าทุ่ง “ลาเวนเดอร์” มีต้นขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 2 แผง “ป้าแอ๊ด-คุณขวัญ” ราคาสอบถามกันเองครับ.

“นายเกษตร”

“ละมุดยักษ์สาลี่” ทูอินวันหวานกรอบ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/561503

โดย นายเกษตร 13 ม.ค. 2559 05:01

 

ละมุดชนิดนี้ มีที่มาของสายพันธุ์โดยเกษตรกรชาวเวียดนามได้นำเอาเมล็ดของละมุดฝรั่งสายพันธุ์ดีพันธุ์หนึ่งไปเพาะเป็นต้นกล้าจำนวนมาก แล้วนำเอาต้นไปปลูกเลี้ยงจนต้นโตมีดอกติดผลและขยายพันธุ์ด้วยวิธีต่างๆต่ออีกหลายวิธี เพื่อเปลี่ยนแปลงพันธุ์ตั้งแต่ตอนกิ่งโดยตรง ทาบกิ่งและเสียบยอดกับตอละมุดพื้นเมือง นำต้นปลูกเลี้ยงจนต้นโตมีดอกและติดผลอีกครั้งจน กลายเป็นละมุดพันธุ์ใหม่อย่างถาวร มีลักษณะผลแตกต่างจากผลของละมุดพันธุ์เดิมอย่างชัดเจน คือ ผลจะมี 2 ลักษณะ ได้แก่ ผลกลมแป้นเล็กน้อยกับผลกลมรียาว และขนาดของผลจะใหญ่ขึ้น รสชาติหวานกรอบ เนื้อไม่เละแม้สุกเต็มที่ รับประทานอร่อยมาก จากนั้นเกษตรกรชาวไทยได้ซื้อพันธุ์นำเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์ขายในบ้านเรานานแล้ว ในชื่อ “ละมุดยักษ์สาลี่” ได้รับความนิยมจากผู้ซื้อไปปลูกเพื่อรับประทานในครัวเรือน และปลูกเพื่อเก็บผลขายได้คุ้มค่าอย่างแพร่หลายเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน

ละมุดยักษ์สาลี่ หรือที่นิยมเรียกกันอีกชื่อว่า ละมุดเวียดนาม อยู่ในวงศ์เดียวกับละมุดทั่วไปคือ SAPOTACEAE มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นไม้ยืนต้น สูง 3-5 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเวียนสลับถี่บริเวณปลายกิ่ง ปลายใบแหลม โคนมน ดอก ออกเป็นช่อกระจุกที่ซอกใบใกล้ปลายยอด ดอกมีขนาดเล็กสีขาวนวล มีกลีบดอก 5 กลีบ “ผล” มี 2 รูปแบบคือ ทรงกลมแป้นเล็กน้อยและกลมรียาว ผลมีขนาดใหญ่โตเต็มที่ มีนํ้าหนักเฉลี่ยระหว่าง 3 ผลต่อ 1 กิโลกรัมตามที่กล่าวข้างต้น ซึ่งบางครั้งในต้นเดียวสามารถติดผลได้ 2 ลักษณะ ทั้งแบบผลกลมแป้นและกลมรียาว เรียกว่า “ทูอินวัน” เป็นเรื่องแปลกมาก รสชาติหวานกรอบ เนื้อไม่เละ รับประทานอร่อยยิ่งนัก ใน 1 ผลจะมีเมล็ด 3-5 เมล็ดเท่านั้น มีดอกและติดผลเกือบทั้งปี เวลาติดผลจะดกเต็มต้นน่าชมมาก ขยายพันธุ์โดยทั่วไปด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง และเสียบยอด

ใคร ต้องการกิ่งตอนที่เป็นพันธุ์แท้ติดต่อ “คุณวิเชียร บุญเกิด” เกษตรกรดีเด่นด้านพืชสวนประจำปี 54 ของจังหวัดกำแพงเพชร ที่บ้านเลขที่ 161/2 หมู่ 1 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร โทร.08-5244-1699 ราคาสอบถามกันเองครับ.

“นายเกษตร”

“มะขามป้อมสิริมงคล” กับที่มาพันธุ์ใหญ่ดกทั้งปี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/561009

โดย นายเกษตร 12 ม.ค. 2559 05:01

 

มะขามป้อมชนิดนี้ เกิดจากการผสมเกสรโดยธรรมชาติ ระหว่างมะขามป้อมพื้นเมืองของไทยกับมะขามป้อมยักษ์จากประเทศอินเดีย แล้วเอาเมล็ดไปเพาะเป็นต้นกล้าจำนวนหลายเมล็ด แล้วนำต้นไปปลูกเลี้ยงจนต้นโตมีดอกและติดผล จากนั้นก็ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งโดยตรง ทาบกิ่ง และเสียบยอด นำต้นไปปลูกเลี้ยงจนต้นโตมีดอกและติดผลอีกทอดหนึ่ง ปรากฏว่ามีอยู่หลายต้นมีขนาดของต้นแตกต่างไปจากต้นพ่อและแม่คือ ปลูกในกระถางขนาดใหญ่หรือปลูกในบ่อซีเมนต์ต้นจะสูง 2-3 เมตร สามารถมีดอกและติดผลดกเต็มต้น หลังปลูกเพียง 2 ปีแค่นั้น

ที่สำคัญ คือขนาดของผลจะมีขนาดใหญ่ นํ้าหนักเฉลี่ยระหว่าง 18 ผล ต่อ 1 กิโลกรัม ซึ่งถ้าหากเป็นผลของมะขามป้อมสายพันธุ์พื้นเมืองทั่วไป จะต้อง 30 ผลขึ้นไปจึงจะมีนํ้าหนักได้ 1 กิโลกรัม ผลอ่อนเป็นสีเขียวใส เมื่อแก่จะเป็นสีเหลืองทอง เมล็ดเล็ก ฉ่ำนํ้า ติดผลดกเต็มต้น รสชาติดี เหมือนกับผลมะขามป้อมทั่วไปทุกอย่าง เจ้าของผู้พัฒนาพันธุ์มั่นใจว่าเป็นมะขามป้อมพันธุ์ใหม่ จึงตั้งชื่อว่า “มะขามป้อมสิริมงคล” ดังกล่าว

มะขามป้อมสิริมงคล หรือ AMBLIC-MYROBALAN PHYL-LANTHUS AMBLIC LINN. อยู่ในวงศ์ EUPHORBIACEAE ต้นปลูกลงดินสูงเต็มที่ไม่เกิน 3-5 เมตร (ปกติต้นมะขามป้อมพันธุ์พื้นเมืองจะสูง 10-15 เมตร) ติดผลดกเต็มต้นตลอดทั้งปี ผลมีขนาดใหญ่ตามที่กล่าวข้างต้น ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด

ใคร ต้องการต้นที่เป็นพันธุ์แท้ติดต่อ “สวนณัฐพนธ์ฟาร์ม” โทร. 08-6383-3061, 08-6347-9749 หรือที่งานเกษตรแฟร์ ม.เกษตรฯ บางเขน กทม. บริเวณล็อก บี 87-88, บี 195-196, บี 261-262 และ บี 327-328 วันที่ 29 ม.ค.-6 ก.พ.59 เป็นกิ่งตอนด้วยระบบเสียบยอด มีรากแก้วดีทุกต้น ปลูกได้ในดินทั่วไป เหมาะจะปลูกเพื่อเก็บผลรับประทานในครัวเรือนและปลูกเพื่อเก็บผลขายราคากิโลกรัมหลายบาท ราคาของต้นสอบถามกันเองครับ.

“นายเกษตร”

“กระเทียม” แก้แผลสด เลือดไม่หยุด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/560621

โดย นายเกษตร 11 ม.ค. 2559 05:01

 

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย รู้ไว้ประเทืองปัญญา สามารถนำไปใช้ก่อนพบแพทย์ให้รักษา ซึ่งหากใครเกิดอุบัติเหตุถูกของมีคมหรือเป็นแผลสดเลือดไหลไม่หยุดให้เอา “กระเทียม” สดปอกเปลือกล้างน้ำให้สะอาด ใช้มีดฝานเป็นแว่นบางๆ นำไปปิดทับแผลให้เต็มแล้วใช้ผ้าสะอาดพันไว้ ไม่นานเลือดจะหยุดได้ จากนั้นก็เอาออกไม่อันตรายอะไร นิยมใช้กันมาแต่โบราณแล้ว

กระเทียม หรือ ALLIUM SATIVUM LINN. อยู่ในวงศ์ ALLIACEAE ในงานวิจัยพบว่า “กระเทียม” มีบทบาทลดไขมันในเส้นเลือด รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันเลือดจับตัวเป็นลิ่ม รักษาโรคความดันโลหิตสูง สาร “อัลลิซิน” มีแนวโน้มทำให้ระดับของ “คอเลสเทอรอล” ในเลือดลดลงด้วย ใบสดของ “กระเทียม” มีสารจำพวกวิตามินเกลือแร่ต่างๆเยอะ ที่โดดเด่นคือเบต้าแคโรทีน

ครับ หนังสือ “สมุนไพรไม้ดอกไม้ประดับหายาก” เล่มที่ 5 ของ “นายเกษตร” พิมพ์จำกัดหมดแล้วหมดเลย ไม่วางขายที่ไหน ราคาเล่มละ 600 บาท บวกค่าส่งกลับเล่มละ 30 บาท ส่งธนาณัติซื้อสั่งจ่าย “คุณนงลักษณ์ ศรีอัชรานนท์” ตู้ ปณ.48 ปณ.สามแยกลาดพร้าว กทม. 10901 หรือสอบถามผลิตภัณฑ์สมุนไพร กระเทียมโทนแคปซูล ผสมสมุนไพรหลายอย่างแก้หอบหืด แก้ถุงลมโป่งพอง, ว่านชักมดลูกแคปซูล ช่วยให้มดลูกกระชับ แก้คาวปลา ดับกลิ่นเหม็นในสตรี แก้ต่อมลูกหมากอักเสบไส้เลื่อนในบุรุษ, เพชรสังฆาตแคปซูล แก้ริดสีดวงทวาร, ยาลดเบาหวานแคปซูล ทำจากสมุนไพรกว่า 5 ชนิด, น้ำมัน 12 ประดง ใช้ภายนอกห้ามกิน ฆ่าเชื้อสมานแผล แก้เริม งูสวัด สะเก็ดเงิน ชันนะตุ แพ้เหงื่อ, ยาแก้ริดสีดวงจมูกแคปซูล ทำจากสมุนไพรหลายชนิด, ครีมโลดทนง รักษาสิวฝ้า รูขุมขนตีบลง, ยาต้มคลายเส้นไม้เท้าเฒ่าอาลี แก้ปวดเมื่อย แก้เกาต์ ลดเบาหวาน, คอลลาเจนบริสุทธิ์เป็นผงทาหน้า ช่วยให้ผิวหน้ากระชับ, ตรีผลาแคปซูล ลดไขมันในเส้นเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์, ดีบัวแคปซูล ช่วยขยายหลอดเลือดไปเลี้ยงสมองหัวใจ, แห้วหมูแคปซูล ผสมสมุนไพรหลายอย่าง ลดความดันโลหิต และอื่นๆ โทร. 0–2275–2692 ครับ.

“นายเกษตร”

“ขนุนแดงสุริยา” หวาน กรอบอร่อยปลูกคุ้ม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/559321

โดย นายเกษตร 8 ม.ค. 2559 05:01

 

ขนุนชนิดนี้ เป็นสุดยอดของ ขนุนเนื้อสีจำปาสายพันธุ์แท้ ที่มีการปลูกทดสอบพันธุ์อยู่นานกว่า 10 ปีแล้ว เป็นขนุนที่มีความทนทานต่อโรคพันธุ์ไม้ได้ดีและทนความแห้งแล้งด้วย เป็นขนุนพันธุ์เบา มีดอกติดผลได้ง่ายและติดผลดกอย่างสม่ำเสมอ ผลโตเต็มที่มีนํ้าหนัก 8-20 กิโลกรัมต่อผล สามารถติดผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เนื้อผลมีความหนาประมาณ 0.5-1.2 ซม. สีของเนื้อสวยเป็นสีแดงเข้มจึงถูกตั้งชื่อว่า “ขนุนแดงสุริยา” รสชาติหวานกรอบไม่เละมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รับประทานอร่อยมาก ให้เนื้อเยอะมากกว่า 52 เปอร์เซ็นต์ของนํ้าหนักผล เมื่อผลแก่จัดจะไม่แตกอ้า มีรางวัลชนะเลิศงานประกวดขนุนจำปาวันเกษตรประจำปีของ จ.ปราจีนบุรี มาถึง 4 ปีซ้อน กำลังเป็นที่นิยมปลูกเพื่อเก็บผลกินในครัวเรือนและปลูกเพื่อเก็บผลแกะเนื้อขายอย่างแพร่หลายในปัจจุบันคุ้มค่ามาก ราคากิโลกรัมละหลายบาท

ขนุนแดงสุริยา หรือ ARTOCARPUS HETEROPHYLLUS LAMK. อยู่ในวงศ์ MO-RACEAE มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับต้นขนุนทั่วไปทุกอย่าง ติดผลได้ปีละ 2 ครั้ง ตามที่กล่าวข้างต้น ขยายพันธุ์ด้วยระบบเสียบยอดกับตอขนุนพื้นเมือง การปลูกระหว่างต้น และระหว่างแถวห่างกัน 6×6 เมตร ขุดหลุมลึกและกว้างประมาณ 60×60 ซม. ใส่ปุ๋ยคอกผสมกับดินที่ขุดขึ้นมาให้เต็มหลุม จากนั้นนำเอาต้น “ขนุนแดงสุริยา” ลงปลูกให้ดินปากถุงเสมอกับหน้าดิน อย่าปลูกลึกเพราะจะทำให้ต้นเจริญเติบโตได้ช้า รดนํ้า 1-2 วันครั้ง ใส่ปุ๋ยคอกทุกๆ 3 เดือน สลับกับการใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 ทุกๆ 2 เดือน จะทำให้ “ขนุนแดงสุริยา” ติดผลชุดแรกหลังปลูกเพียง 3 ปีเท่านั้น

ใคร ต้องการ “ขนุนแดงสุริยา” พันธุ์แท้ติดต่อตรง “คุณประภาส สุภาผล” 33/4 หมู่ 7 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โทร.08-8533-2299 หรือไปซื้อที่งานไทยแลนด์เมก้าโชว์ อิมแพค เมืองทองธานี บริเวณ ฮอลล์ 5 บูธ “สวนประภาสไม้ผล” ระหว่างวันที่ 9-17 ม.ค.59 ราคาสอบถามกันเองครับ.

“นายเกษตร”

“งิ้ว” เกสรอร่อยสรรพคุณดี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/558714

โดย นายเกษตร 7 ม.ค. 2559 05:01

 

งิ้ว พบขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วไปในประเทศไทย พบมากที่สุดทางภาคเหนือ ชาวเหนือรู้จัก “งิ้ว” เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะมีขึ้นเองตามป่าธรรมชาติแล้วยังนิยมปลูกไว้ในบริเวณบ้านกันอย่างแพร่หลายมาแต่โบราณเพื่อใช้ประโยชน์เป็นอาหาร คือ เกสรตัวผู้จากดอกของ “งิ้ว” นำไปตากแห้งโรยในขนมจีนนํ้าเงี้ยวหรือปรุงเป็นแกงแครับประทานอร่อยมาก ซึ่งอาหารทั้ง 2 อย่างจะขาดเกสรของดอก “งิ้ว” ไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด

ในทางสมุนไพร และการใช้ประโยชน์อื่นๆ ราก นำไปต้มกับนํ้าจนเดือดดื่มเป็นยาทำให้อาเจียนเพื่อขับและถอนพิษต่างๆออกจากร่างกาย เปลือกต้น ใช้ทำเชือก ยาง จากต้นแก้ท้องร่วงได้ เนื้อไม้ทำฟืน ทำฝาบ้าน หีบใส่ของ ผลิตเป็นของเล่นเด็กๆแบบยุคโบราณหลายอย่าง ซึ่งในยุคปัจจุบันไม่พบเห็นอีกแล้ว ทำก้านไม้ขีด กล่องไม้ขีด ไม้จิ้มฟัน ทำไม้อัด เยื่อกระดาษใบแห้งหรือสด ตำทาแก้บวมชํ้าดีมาก ดอกแห้ง ปรุงเป็นยาทาระงับปวดและแก้พิษได้

งิ้ว หรือ BOMBAX CEIBA LINN อยู่ในวงศ์ BOMBACA CEAE มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 10-20 เมตร ลำต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลม กิ่งแขนงแผ่กางออกเกือบตั้งฉากกับลำต้น ใบเป็นใบประกอบแบบนิ้วมือ ออกเรียงสลับ มีใบย่อย 5-7 ใบ รูปรี ดอก ออกเป็นช่อกระจุก 3-5 ดอกที่ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงเป็นรูปถ้วย 3-4 แฉกไม่เท่ากัน กลีบดอก 5 กลีบเป็นสีแดง ปลายกลีบม้วนออก ซึ่งอีกชนิดดอกเป็นสีเหลือง แต่ละดอกมีเกสรตัวผู้เป็นกระจุกติดกันเป็นกลุ่ม และเกสรดังกล่าวนำไปตากแห้งเป็นอาหารตามที่กล่าวข้างต้น “ผล” รูปรี หรือรูปขอบขนานคล้ายผลนุ่น มีเมล็ดสีดำจำนวนมากหุ้มด้วยปุยนุ่นสีขาว ดอกออกเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ทุกปี และจะทิ้งใบก่อนจะมีดอกทุกครั้ง ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด มีชื่อเรียกอีกคือ นุ่นนาง งิ้วแดง ปักมี้ (จีน) งิ้วป่า งิ้วปงแดง และ งิ้วบ้าน มีดอกแห้งขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 24 แผง “คุณหล้า-คุณโอม” ครับ.

“นายเกษตร”

“แม็กนั่ม” หอมกลิ่น ดอกพะยอม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/558220

 

แม็กนั่ม เป็นกล้วยไม้ดินที่มีถิ่นกำเนิดจาก ประเทศฟิลิปปินส์ พบขึ้นตามป่าร้อนชื้นทั่วไป โดยจะขึ้นอยู่ตามพื้นที่ราบหรือตามซอกผาหินตามเชิงเขาเป็นกอขนาดใหญ่หลายๆกอในแต่ละแห่งที่พบกระจายทั่วบริเวณใกล้เคียง เวลามีดอกเป็นช่อยาวคล้ายดอกหญ้าดูงดงามแปลกตายิ่ง และดอกจะส่งกลิ่นหอมกระจายโชยเข้าจมูกคล้ายกลิ่นดอกไม้ป่าจากท้องทุ่งหรือกลิ่นจะหอมเหมือนกลิ่นดอกพะยอมของไทยทำให้รู้สึกสดชื่นดีมาก

ในประเทศไทย มีผู้นำเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์นานหลายปีแล้ว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า DENDROCHILUM MAGNUM มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นกล้วยไม้ดินจำพวกที่มีการเจริญทางด้านข้าง ได้แก่ กล้วยไม้ที่มีเหง้าส่วนทอดเลื้อยหรือไหล เมื่อต้นเจริญเติบโตเต็มที่แล้วสามารถแตกต้นใหม่หรือหน่อใหม่จากโคนกอหรือตามลำข้อได้ มีด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์ เช่น สกุลหางแมงเงา สกุลสิงโต สกุลนํ้าต้น สกุลกะเรกะร่อน เป็นต้น ลำต้นหรือลำลูกกล้วยของ “แม็กนั่ม” เป็นรูปทรงกลมปลายเรียวแหลม สูงประมาณ 1.5-2.5 นิ้วฟุต ลำต้นเป็นสันชัดเจน ใบออกเวียนสลับที่ปลายยอดลำต้น ใบเป็นรูปแถบยาวปลายแหลม โคนติดกับลำต้น

ดอก ออกเป็นช่อแทงขึ้นจากโคนลำต้น ก้านช่อดอกยาวประมาณ 1 ฟุต ดอกขนาดเล็กจำนวนมากสีเหลืองอมเขียวออกรอบแกนช่อดอกช่วงปลายช่อยาวประมาณ 7–8 นิ้วฟุต ช่อดอกโค้งงอลง เวลามีดอกดกและดอกบานพร้อมกันจะดูสวยงามพร้อมส่งกลิ่นหอมเป็นที่ประทับใจยิ่งตามที่กล่าวข้างต้น ดอกออกเกือบทั้งปี ขยายพันธุ์ด้วยการแยกต้น

ปัจจุบัน “แม็กนั่ม” มีต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 2 แผง “ป้าแอ๊ด-คุณขวัญ” ราคาสอบถามกันเอง ปลูกได้ในทุกสภาพอากาศ ส่วนใหญ่นิยมปลูกลงกระถางขนาดใหญ่เพื่อให้ต้นแตกเป็นกอเต็มที่ เมื่อถึงเวลามีดอกจำนวนมากจะดูสวยงามและส่งกลิ่นหอมกระจายทั่วบริเวณใกล้เคียงเป็นที่ชื่นใจครับ.

“นายเกษตร”

“มะนาวกินเนื้อ” กับที่มาพันธุ์เนื้ออร่อย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/557904

โดย นายเกษตร 5 ม.ค. 2559 05:01

 

หลายคน อยากทราบว่า “มะนาวกินเนื้อ” เป็นอย่างไร ซึ่งตามหลักฐานระบุว่ามีถิ่นกำเนิดเดิม จากประเทศอินเดีย แล้วกระจายปลูกในเขตร้อนทั่วโลก ส่วนสายพันธุ์ที่นิยมปลูกในประเทศ ไทยเชื่อว่ามาจากประเทศจีน นิยมปลูกตามหมู่บ้านชาวเขาทั่วไป มีชื่อเรียกแตกต่างกันคือ จีนฮ่อเรียก เซียนหยินหรือเชียงเหย่น แม้วเรียกชาเย็ง ลัวะเรียกเดี๊ยะโซย, แผละโซ้ย กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกโมโรสะหรือมะนาวแม้ว ในภาคกลางเรียก ส้มมะละกอ บางพื้นที่เรียก “มะนาวกินเนื้อ” และภาคใต้เรียกว่า ส้มมะนาว

มะนาวกินเนื้อ CITRON หรือ CITRUS MEDICA L. VAR.MEDICA. อยู่ในวงศ์ RUTACEAE เป็นไม้ยืนต้น สูง 5-8 เมตร กิ่งก้านมีหนามแหลม ใบเดี่ยวออกเรียงสลับเหมือนกับใบมะนาวหรือใบมะกรูด ดอกออกเป็นดอกเดี่ยวๆ หรือเป็นช่อ 3-5 ดอก ตามซอกใบและปลายยอด มีกลีบดอก 4 กลีบ สีขาวหรืออาจมีสีม่วงปนเล็กน้อย ใจกลางดอกมีเกสรสีเหลืองจำนวนมาก ดอกมีกลิ่นหอม “ผล” รูปกลมรี ผลโตเต็มที่ขนาดเท่ากับผลมะละกอป่าหรือผลมะละกอพันธุ์โบราณ ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่หรือสุกเป็นสีเหลือง เปลือกผลหนา ผิวผลขรุขระเหมือนผลมะกรูด เนื้อในสีขาวคล้ายเนื้อมะละกอ ไม่มีน้ำ บางผลมีเมล็ด 1-2 เมล็ด หรือไม่มีเมล็ดเลย ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและตอนกิ่ง รสชาติของเนื้อเย็นกรอบมันมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นน้ำมะนาว รับประทานอร่อยมาก นิยมปอกเปลือกสับฝานปรุงเป็นส้มตำได้ หรือหั่นเป็นชิ้นเล็กๆจิ้มน้ำผึ้งกินสดๆหวานหอมดีมาก ปรุงเป็นอาหารคาวหวานได้หลากหลายอย่าง ที่สำคัญเก็บในตู้เย็นได้นาน 1–3 เดือน

ใคร ต้องการต้นแท้ติดต่อ ป้าไก่–ลุงแดง “สวนทับผึ้งพันธุ์ไม้” 42/2 หมู่ 1 ต.ทับผึ้ง อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย โทร.08–3877–3827, 08–0285–6919 กับที่งานไทยแลนด์เมก้าโชว์ อิมแพค เมืองทองธานี ฮอลล์ 5 วันที่ 9-17 ม.ค.59 และงานประกวดกล้วยไม้สกุลช้าง ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย วันที่ 12-20 ม.ค.59 ราคาสอบถามกันเองครับ.

“นายเกษตร”

“เกสรบัวหลวง” แก้ขี้หลงขี้ลืม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/557447

โดย นายเกษตร 4 ม.ค. 2559 05:01

 

สวัสดีปีใหม่ ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ปัจจุบัน คนหันมาใส่ใจในการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะสมุนไพร เป็นทางเลือกที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย และ “เกสรบัวหลวง” เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ สามารถช่วยแก้อาการขี้หลงขี้ลืม แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นอัลไซเมอร์ได้ คือให้เอา “เกสรบัวหลวง” แห้ง 1 หยิบมือ กับ มะตูม แห้ง 3 แว่น และ ตะไคร้แกง สด 3 ต้นไม่เอาใบ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ดื่มวันละ 1 แก้ว ก่อนอาหารเช้า ประมาณ 1 อาทิตย์จะดีขึ้นและเห็นผลอย่างชัดเจน สามารถต้มดื่มเรื่อยๆได้ ไม่อันตรายอะไร คนอายุ 70 ปี ต้มดื่มได้

บัวหลวง หรือ NELUMBO NUCIFERA GAERTN. อยู่ในวงศ์ NELUMBONACEAE กลีบดอกเป็นยาฝาดสมาน เหง้าเป็นยาเย็น “ดีบัว” หรือต้นอ่อนในเมล็ดสีเขียวออกฤทธิ์ขยายเส้นเลือดไปเลี้ยงสมอง หัวใจ เกสรเข้ายาหอมบำรุงหัวใจ เป็นส่วนหนึ่งในเกสรทั้ง 5 ทั้ง 7 และทั้ง 9

ครับ หนังสือ “สมุนไพรไม้ดอกไม้ประดับหายาก” เล่มที่ 5 ของ “นายเกษตร” สี่สีทั้งเล่ม พิมพ์จำนวนจำกัด ไม่วางขายที่ไหน ราคาเล่มละ 600 บาท บวกค่าส่งกลับเล่มละ 30 บาท ส่งธนาณัติซื้อสั่งจ่าย “คุณนงลักษณ์ ศรีอัชรานนท์” ตู้ ปณ.48 ปณ.สามแยกลาดพร้าว กทม. 10901 หรือสอบถามผลิตภัณฑ์สมุนไพร ดีบัวแคปซูล ช่วยขยายหลอดเลือดไปเลี้ยงสมอง หัวใจ, ตรีผลาแคปซูล ลดไขมันในเส้นเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์, น้ำมันงาบริสุทธิ์ ทาผิว หมักผม อม 1 ช้อนก่อนนอนบ้วนทิ้งดูดสารพิษ, น้ำมัน 12 ประดง ใช้ภายนอกห้ามกิน ฆ่าเชื้อสมานแผล แก้เริม งูสวัด สะเก็ดเงิน แพ้เหงื่อ, ยาแก้ริดสีดวงจมูกแคปซูล และแก้น้ำมูกไหลมีกลิ่นเหม็น, ครีมโลดทนง รักษาผิวฝ้ารูขุมขนตีบลง, คอลลาเจนบริสุทธิ์ เป็นผงทาหน้าช่วยให้ผิวหน้ากระชับ, แชมพูสูตร 5 ชนิด บำรุงรากผม ขจัดรังแค, สเปรย์ฉีดบำรุงรากผม ทำจากสมุนไพรหลายชนิด, ยาต้มคลายเส้นไม้เท้าเฒ่าอาลี แก้ปวดเมื่อย แก้เกาต์ ลดเบาหวาน, ยาบำรุงไตแคปซูล ไม่ใช่รักษาไต, ยาลดเบาหวานแคปซูล ผสมสมุนไพรหลายชนิด และอื่นๆ โทร.0–2275–2692 ครับ.

“นายเกษตร”