“กล้วยกระบุง” ปลูกอนุรักษ์แปรรูปคุ้ม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย นายเกษตร 20 เม.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/607642

 

กล้วยชนิดนี้ นิยมปลูกเฉพาะถิ่นในแถบจังหวัดภาคกลางของประเทศไทยมาแต่โบราณแล้วเวลาติดผลเป็นเครือขนาดใหญ่จะมีหวีหนาแน่นมาก แต่ละหวีจะมีผลเบียดกันเยอะอีกด้วย ทำให้ปลูกในยุคสมัยก่อนตัดเครือลงมาแยกหวีใส่กระบุงและล้นกระบุงไม่พอใส่ เพราะมีจำนวนหวีและผลจำนวนมากนั่นเอง ชาวบ้านในยุคสมัยนั้นจึงพากันเรียกกล้วยชนิดนี้ว่า “กล้วยกระบุง” ดังกล่าวและเรียกกันเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน

รูปทรง ของผลจะกระเดียดไปทางรูปทรงของกล้วยหอม แต่เนื้อในกลับมีรสชาติเหมือนกล้วยน้ำว้าทุกอย่าง เพียงแต่จะมีรสเปรี้ยวเจือปนไม่หวานแบบเพียวๆเหมือนกล้วยน้ำว้าทั่วไปเท่านั้น จึงทำให้ “กล้วยกระบุง” ในยุคสมัยนั้นไม่ได้รับความนิยมรับประทานกันนัก ส่วนใหญ่จะปลูกไว้เก็บผลเอาไปแปรรูปและปลูกเพื่ออนุรักษ์ไม่ให้สูญพันธุ์เท่านั้น ปัจจุบันพบว่ามีหน่อหรือต้น “กล้วยกระบุง” วางขายพร้อมมีเครือติดหวีของจริงโชว์ให้ชมด้วย จึงแนะนำให้รู้จักอีกตามระเบียบ

กล้วยกระบุง เป็นไม้ล้มลุก ทุกส่วนมียาง มีเหง้า และเหง้าจะมีตาแตกหน่อได้ ส่วนที่อยู่เหนือดินที่คล้ายลำต้นเรียกว่าลำต้นเทียม หรือ “หยวก” เกิดจากกาบใบที่ยาวเรียงซ้อนกันอยู่และอัดกันแน่น ซึ่ง “กล้วยกระบุง” อยู่ในกลุ่มที่เป็นพันธุ์ผสมที่มีลักษณะค่อนไปทางกล้วยตานี ลำต้นเทียมสูงไม่เกิน 3.5 เมตร ก้านช่อดอกไม่มีขน ใบประดับปลีเป็นรูปไข่ค่อนข้างป้อม ด้านบนสีแดงอมม่วง มีนวล ด้านล่างสีแดงเข้ม หนึ่งเครือจะมี 10-12 หวี และในหนึ่งหวีจะมีผล 10-16 ผล ผลรูปรียาว มีเหลี่ยม ก้านผลสั้น เปลือกค่อนข้างหนา ซึ่งทรงผลโดยรวมจะคล้ายผลกล้วยหอม ผลดิบสีเขียว เมื่อสุกเป็นสีเหลือง เนื้อในสีขาวหรืออมส้มเล็กน้อย รสชาติเปรี้ยวปนหวานเล็กน้อยเหมือนรสชาติกล้วยน้ำว้าทุกอย่างตามที่กล่าวข้างต้น

เคยมีต้นหรือหน่อขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับสวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ แผง “คุณปราณี” ตรงกันข้ามธนาคารออมสิน ปัจจุบันจะมีขายหรือไม่ต้องสำรวจดู ราคาสอบถามกันเองครับ.

นายเกษตร

 

“ขนุนเพชรเนื้อทอง” หวานหอมดกราคาดี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย นายเกษตร 19 เม.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/607189

 

การปลูกต้นไม้หนึ่งต้น จะช่วยสร้างระบบนิเวศให้ดีขึ้นได้ เนื่องจากต้นไม้จะคลายออกซิเจนออกมาในตอนกลางวันทำให้อากาศดีขึ้น 1-2 ตารางเมตรขึ้นไป อยู่ที่ขนาดของต้นไม้ที่ปลูก ถ้าต้นใหญ่จะให้ออกซิเจนเยอะเป็นเงาตามตัว ซึ่งในช่วงนี้ใกล้จะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ผู้ปลูกจึงเสาะหาไม้ผลไปปลูกอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะ “ขนุนเพชรเนื้อทอง” เนื่องจากปลูกแล้วสามารถเก็บผลกินในครัวเรือนหรือเก็บผลผ่าแกะเนื้อขายได้ราคาดีอีกด้วยนั่นเอง

ขนุนเพชรเนื้อทอง เกิดจากการเอาเมล็ดของขนุนพันธุ์ดีที่สุด แต่จำไม่ได้ว่าเป็นพันธุ์อะไรจำนวนเกือบร้อยเมล็ดไปเพาะเป็นต้นกล้าแล้วแยกปลูกเลี้ยงจนต้นโตมีดอกและติดผล ปรากฏว่า เมื่อนำเอาผลสุกผ่าแกะเนื้อแทบไม่มียางติดมือเลย ยวงหุ้มเมล็ดเป็นสีเหลืองเข้มหรือเหลืองทอง เนื้อหนา 0.5-1.2 ซม.เมล็ดและไส้กลางเล็ก เนื้อกรอบหวานหอมไม่เละรับประทานอร่อยมาก วัดความหวานของเนื้อได้ประมาณ 24-28 องศาบริกซ์ น้ำหนักผลโตเต็มที่ระหว่าง 13-20 กิโลกรัม ให้เนื้อสุก 53 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักผล เชื่อว่าเป็นขนุนกลายพันธุ์เลยปลูกทดสอบความนิ่งของพันธุ์อยู่หลายวิธี ทุกอย่างยังคงที่ จึงตั้งชื่อว่า “ขนุนเพชรเนื้อทอง” ดังกล่าว และเคยได้รับรางวัลชนะเลิศในงานเกษตรที่ จ.ปราจีนบุรี ถึง 2 ปีซ้อน

ลักษณะของ “ขนุนเพชรเนื้อทอง” เหมือนกับขนุนทั่วไปทุกอย่าง เป็นขนุนพันธุ์เบาปลูกแล้วโตเร็วติดผลง่ายและติดผลดกไม่ขาดต้นอย่างต่อเนื่องหรือเกือบทั้งปี จึงเหมาะที่จะปลูกเพื่อเก็บผลรับประทานในครัวเรือนหรือเก็บผลแกะเนื้อขายได้ราคาดีตลาดผลไม้ใหญ่ๆ ต้องการเยอะ

ใคร ต้องการต้นพันธุ์ของแท้ที่ขยายพันธุ์ด้วยระบบเสียบยอด ปลูกแล้วโตเร็วติดผลง่ายและติดผลดกตามที่กล่าวข้างต้น ติดต่อ “สวนสมศักดิ์การเกษตร” 93 หมู่ 6 ต.ไม้เด็ด อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี โทร.08-1942-4916, 08-4561-5277 มีวิธีปลูกแจกให้ด้วย ต่างจังหวัดส่งทางไปรษณีย์ได้ ราคาสอบถามกันเองครับ.

นายเกษตร

 

“ก้ามปูหลุด” แก้ข้อปวดบวมแผลไฟไหม้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย นายเกษตร 18 เม.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/606815

 

ไม้ต้นนี้ มีขายทั่วไปและ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเม็กซิโก ถูกนำเข้ามาปลูกเป็นไม้ประดับในบ้านเรานานแล้ว มีชื่อว่า TRADES CANTIA ZEBRINA HORT.EXBOSSE ชื่อพ้อง ZEBRINA PENDULA SCHNIZL.ชื่อสามัญ WANDERING JEW อยู่ในวงศ์ COMMELINACEAE เป็นพืชคลุมดินใบ 2 สี สวยงามน่าชมมาก

สรรพคุณทางสมุนไพร ใบสด จำนวนตามต้องการใช้แต่ละครั้ง ตำพอละเอียดพอกจุดที่ข้อบวมและปวดวันละครั้งตอนไหนก็ได้ 1-2 อาทิตย์จะดีขึ้นและหายได้ ทั้งต้นรวมรากสดตำพอละเอียดใส่เหล้าขาว 28 หรือ 40 ดีกรีก็ได้เล็กน้อยเอาทั้งน้ำและเนื้อพอกบริเวณแผลถูกไฟไหม้วันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น จะทำให้ไม่ปวดแสบปวดร้อนแผลหายได้เร็วขึ้น

ครับ หนังสือ “สมุนไพรไม้ดอกไม้ประดับหายาก” เล่มที่ 5 ของ “นายเกษตร” ไม่วางขายที่ไหน หมดแล้วหมดเลย ราคาเล่มละ 600 บาท บวกค่าส่งเล่มละ 30 บาท ส่งธนาณัติซื้อสั่งจ่าย “คุณนงลักษณ์ ศรีอัชรานนท์” ตู้ ปณ.48 ปณ.สามแยกลาดพร้าว กทม.10901 หรือสอบถามผลิตภัณฑ์สมุนไพร น้ำมัน 12 ประดง ใช้ภายนอกฆ่าเชื้อสมานแผล แก้เริม งูสวัด สะเก็ดเงิน แก้คันและแพ้เหงื่อ, ยาแก้ริดสีดวงจมูกแคปซูล แก้น้ำมูกไหลมีกลิ่นเหม็น, กระเทียมโทนแคปซูล แก้หอบหืด แก้ถุงลมโป่งพอง, ยาลดเบาหวานแคปซูล มีโคกกระออมผสมด้วย, เพชรสังฆาตแคปซูล แก้ริดสีดวงทวาร, ดีบัวแคปซูล ขยายหลอดเลือดไปเลี้ยงสมองหัวใจ, ตรีผลาแคปซูลดไขมัน ในเส้นเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์, ว่านชักมดลูกแคปซูล ช่วยให้มดลูกกระชับ ดับกลิ่นเหม็นคาวปลาในสตรีและแก้ต่อมลูกหมากอักเสบ ไส้เลื่อนในบุรุษ, ยาต้มคลายเส้นไม้เท้าเฒ่าอาลี แก้ปวดเมื่อย แก้เกาต์ ลดเบาหวาน, คอลลาเจนบริสุทธิ์ เป็นผงทาหน้าช่วยให้ผิวหน้ากระชับ, ครีมโลดทนง รักษาสิวฝ้ารูขุมขนตีบลง, แชมพูสูตร 5 ชนิด บำรุงรากผม ขจัดรังแค แก้คันศีรษะ, สเปรย์ฉีดบำรุงรากผม หลังสระผมเสร็จใหม่ๆ, ข่อยขัดรักแร้ดับกลิ่นเต่า รักแร้หายดำคล้ำและอื่นๆ โทร.0-2275-2692 ครับ.

นายเกษตร

 

“กล้วยน้ำว้ากาบขาว” ผลสวยเนื้ออร่อย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย นายเกษตร 15 เม.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/605723

 

กล้วย เป็นไม้ผลที่นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายมาแต่โบราณและในประเทศไทยมีหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่ง “กล้วยน้ำว้ากาบขาว” เป็นสายพันธุ์หนึ่งที่นิยมปลูกเฉพาะถิ่น ในแถบจังหวัดราชบุรี ไม่แพร่หลายเหมือนกล้วยน้ำว้าพันธุ์ดั้งเดิมที่มีผลวางขายเป็นหวีๆ ตามตลาดทั่วไป โดย “กล้วยน้ำว้ากาบขาว” มีชื่อวิทยาศาสตร์เฉพาะเหมือนกล้วยน้ำว้าคือ MUSA SAPIENTUM L. อยู่ในวงศ์ MUSACEAE จัดเป็นกล้วยในกลุ่มเป็นพันธุ์ผสมที่มีลักษณะค่อนไปทางกล้วยตานี

ลำต้นเทียม หรือต้นสูงไม่เกิน 3.5 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 15 ซม.กาบลำต้นด้านนอกเป็นสีเขียวอ่อน มีปื้นเล็กน้อย ด้านในเป็นสีเขียวอ่อนหรือสีค่อนข้างขาว ก้านใบมีร่องค่อนข้างแคบ เส้นกลางใบสีเขียว

ก้านช่อดอกไม่มีขน ใบประดับปลีรูปไข่ค่อนข้างป้อม ปลายม้วนงอขึ้น ปลายป้าน ด้านบนเป็นสีแดงอมม่วง มีนวลสีขาว ด้านล่างเป็นสีแดงเข้ม เครือขนาดใหญ่และยาวมาก โดย ในหนึ่งเครือจะมีหวีไม่น้อยกว่า 10-12 หวี หวีหนึ่งมี 10-16 ผล ผลมีขนาดใหญ่มีเหลี่ยมเล็กน้อย ก้านผลสั้น เปลือกผลหนา ผลอ่อนสีเขียว เมื่อสุกเป็นสีเหลืองอมส้มตามภาพประกอบคอลัมน์ เนื้อในเป็นสีขาว ไส้กลางสีเหลือง สีชมพูหรือสีขาว จึงทำให้กล้วยน้ำว้าแบ่งได้เป็นกล้วยน้ำว้าเหลือง กล้วยน้ำว้าแดง และกล้วยน้ำว้าขาว เป็นต้น รสชาติของ “กล้วยน้ำว้ากาบขาว” จะหวานหอมรับประทานอร่อยมาก ติดผลตามฤดูกาล ขยายพันธุ์ด้วยหน่อ

ปัจจุบัน “กล้วยน้ำว้ากาบขาว” มีต้นหรือหน่อวางขาย เกือบทั่วไปที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ ราคาแต่ละแผงไม่เท่ากันหรืออยู่ที่ขนาดของต้นและหน่อ ผู้ซื้อจะต้องเดินสำรวจสอบถามก่อนตัดสินใจซื้อไปปลูก ปลูกได้ในดินทั่วไป เหมาะจะปลูกเพื่อเก็บผลกินในครัวเรือน หรือเก็บขายเชิงพาณิชย์ได้คุ้มค่ามากครับ.

นายเกษตร

 

“มะขามป้อมแป้นสยาม” พันธุ์ไทยต้นเตี้ยดกผลใหญ่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย นายเกษตร 14 เม.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/605347

 

มะขามป้อม เป็นไม้ผลทนแล้งได้ดี และ “มะขามป้อมแป้นสยาม” เป็นสายพันธุ์ไทยแท้ๆที่เกิดจากเกษตรกรชื่อ “จุ่น คงมันธี” ได้เก็บเอาผลติดเมล็ดของมะขามป้อมที่พบขึ้นในป่าธรรมชาติเขตพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งขนาดของผลโตเท่าปลายนิ้วหัวแม่มือผู้ใหญ่ เป็นขนาดของผลมะขามป้อมไทยทั่วไปจำนวนเกือบร้อยเมล็ดไปเพาะเป็น ต้นกล้าแล้วแยกต้นปลูกเลี้ยงจนต้นโต มีดอกและติดผล ปรากฏว่าความสูงของต้นเตี้ย 1-2เมตร สามารถมีดอกและติดผลขนาดใหญ่โตเท่าลูกปิงปองได้แล้ว รูปทรงของผลกลมแป้นน่าชมมาก น้ำหนักผล 20-25 ผลต่อ 1 กิโลกรัม เชื่อว่าเป็นมะขามป้อมกลายพันธุ์และขยายพันธุ์ปลูกทดสอบความนิ่งอยู่หลายวิธี จนแน่ใจว่ากลายพันธุ์ถาวรแล้วจึงตั้งชื่อว่า “มะขาม ป้อมแป้นสยาม” ดังกล่าว

มะขามป้อมแป้นสยาม หรือ EM–BLIC MYROBALAN PHYLLAN THUSEMBLICA LINN. อยู่ในวงศ์ EUPHORBIACEAE เป็นไม้พุ่มเตี้ยสูงไม่เกิน 3 เมตร ดอกเป็นสีเหลืองนวล “ผล” กลมแป้น ผลขนาดใหญ่เกือบเท่าลูกปิงปองตามที่กล่าวข้างต้น ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่จัดเป็นสีเขียวอ่อน ฉ่ำน้ำ เนื้อผลรสชาติเปรี้ยวปนฝาด ติดผลดกเต็มต้นตามฤดูกาลคือระหว่างเดือนมกราคม ต่อเนื่องไปจนถึงผลแก่จัดระหว่างเดือนเมษายนของทุกปี ขยายพันธุ์ทั่วไปด้วยเมล็ด

จัดเป็นมะขามป้อมพันธุ์ไทยแท้ๆ ที่เหมาะจะปลูกเพื่อเก็บผลใช้ประโยชน์ในครัวเรือนและเก็บผลขายได้คุ้มค่ามาก เนื่องจากต้นเตี้ยติดผลดกโดยธรรมชาติ และทนแล้งได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันผลมีราคาถึงกิโลกรัมละประมาณ 100 บาท หากนำไปแปรรูปเป็นมะขามป้อมแช่อิ่มจะเพิ่มราคาไม่น้อยกว่า 200 บาท

ใคร ต้องการต้นพันธุ์แท้ ติดต่อ “สวนณัฐพนธ์ฟาร์ม” 48/4 หมู่ 7 ต.โคกไม้ลาย อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี โทร.08–6383–3061, 09–5593–2468 ราคาสอบถามกันเอง ต่างจังหวัดสามารถส่งทางไปรษณีย์ได้ด้วยครับ.

“นายเกษตร”

 

“มะปรางไข่หวาน” เนื้อหวานราคาดี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย นายเกษตร 13 เม.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/604847

 

มะปรางชนิดนี้ มีต้นวางขายมีป้ายชื่อติดไว้ว่า “มะปรางไข่หวาน” พร้อมมีภาพถ่ายผลจริงโชว์ให้ชมด้วย ผู้ขายบอกที่มาของชื่อและที่มาของสายพันธุ์ไม่ได้ แต่ยืนยันว่าเนื้อหวานอร่อยราคากิโลกรัมละหลายร้อยบาทเท่านั้น ซึ่งมะปรางทั่วไปมีหลายพันธุ์มีทั้งผลเล็กและใหญ่ รสชาติจะแตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ โดยมะปรางนิยมปลูกกันมาตั้งแต่กรุงสุโขทัยเป็นราชธานีแล้ว ต่อมาได้กระจายพันธุ์ปลูกลงมาสู่ภาคกลางตั้งแต่ จ.อ่างทอง จ.นนทบุรี และแถบใกล้เคียงก่อนจะปลูกไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปตามแหล่งที่ปลูก ซึ่ง “มะปรางไข่หวาน” จัดอยู่ในจำนวนนั้นด้วย

มะปรางไข่หวาน เป็นไม้ยืนต้น สูง 10-15 เมตร ใบเดี่ยว ออกตรงกันข้ามเป็นคู่ๆรูปรี ปลายแหลม โคนมน ใบอ่อนเป็นสีม่วงแดง ดูคล้ายกับใบมะม่วง ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก ลักษณะเป็นดอกสมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยงสีเขียวอมเหลือง กลีบดอกมี 4 กลีบ เป็นสีเหลืองสด มีเกสรตัวผู้ 10 อัน ดอกบานได้นาน 3-5 วันก่อนจะร่วง “ผล” รูปกลมรี ปลายเรียวเล็กน้อย ผลอ่อนสีเขียวหรือเขียวอ่อน และจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หรือสีเหลืองอมส้มเมื่อผลสุก เนื้อหนา รสหวาน อาจมีรสเปรี้ยวปนเล็กน้อยตามแต่ละสายพันธุ์ที่กล่าวข้างต้น มี 1 เมล็ด ติดผลดกปีละครั้งตามฤดูกาล ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง และเสียบยอด

ความแตกต่างของรสชาติระหว่างมะปรางกับมะยงชิดทั่วไปคือ มะยงชิดปอกเปลือกแล้วกินเนื้อจะมีรสหวาน เพราะเปลือกมะยงชิดมีรสเปรี้ยว ซึ่งถ้ากินทั้งเปลือกจะหวานปนเปรี้ยว ส่วนมะปรางปอกเปลือกกินเนื้อจะหวานเพียงอย่างเดียวล้วนๆ

ปัจจุบัน “มะปรางไข่หวาน” มีต้นขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 11 แผง “คุณหมู” โทร.08–1861–6644 ราคาสอบถามกันเอง เหมาะจะปลูกเพื่อเก็บผลกินในครัวเรือนหรือเก็บผลขายกิโลกรัมละหลายบาทครับ.

“นายเกษตร”

 

“มะม่วงพระยาลืมเฝ้า” ดกหวานพอดี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย นายเกษตร 12 เม.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/604404

 

มะม่วงชนิดนี้ เป็นพันธุ์ไทยโบราณที่นิยมปลูกเฉพาะถิ่นในแถบภาคกลางมาช้านานแล้ว โดยเฉพาะ จ.นนทบุรี และย่านตลิ่งชัน เขตบางกอกน้อย ฝั่งธนบุรี กทม. ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า เวลามะม่วงดังกล่าวติดผลจะดกเต็มต้นน่าชมยิ่ง ถ้าหากผู้ปลูกไม่มีคนคอยเฝ้าหรือดูแลจะถูกคนขโมยสอยเก็บเอาผลไปจนเกลี้ยงต้น เลยถูกเรียกชื่อว่า “มะม่วงพระยาลืมเฝ้า” ดังกล่าว และถูกเรียกกันเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้

ส่วนรสชาติ ของเนื้อสุกเท่าที่ได้ทดลองกินปรากฏว่า มีรสหวานหอมใช้ได้ แต่จะไม่ถึงกับหวานจัด หากรับประทานกับข้าวเหนียวมูนจะมีรสชาติหวานได้แบบพอดีเลย เนื้อในผลสุกมีสีสวยไม่เละ ผลดิบผู้ที่เคยกินบอกว่า เนื้อกรอบรสเปรี้ยวปนมันปอกเปลือกแล้วฝานเป็นชิ้นบางๆจิ้มน้ำปลาหวานหรือพริกเกลือป่นอร่อยมาก

มะม่วงพระยาลืมเฝ้า เป็นไม้ยืนต้น สูง 10-15 เมตร ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับถี่บริเวณปลายยอด ใบรูปรีแกมรูปใบหอก ปลายแหลม โคนมน ใบจะคล้ายใบมะม่วงชื่อแม่ลูกดก สีเขียวสด ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก ดอกเป็นสีเหลืองนวล มีกลิ่นหอม “ผล” มีรูปทรงใกล้เคียงกับผลของมะม่วงแม่ลูกดก ผลดิบรสเปรี้ยวปนมันหรือเปรี้ยวจัด สมัยก่อนนิยมสับทำยำมะม่วงหรือสับละเอียดเอาไปขยำกับพล่าเนื้อเพิ่มรสเปรี้ยวไม่ต้องใช้น้ำมะนาวรับประทานหอมอร่อยมาก ผลสุกเนื้อเป็นสีเหลืองเข้มมีเสี้ยนน้อย ไม่เละแม้สุกงอม เมล็ดบางและลีบติด
ผลง่ายและติดผลดกตามฤดูกาลทุกปีอย่างสม่ำเสมอแม้ต้นจะมีอายุหลายปีก็ยังคงติดผลดกเหมือนเดิม ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและตอนกิ่ง

มีต้นแท้ขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 17 แผง “นายดาบสมพร” โทร.08–6605–4945 ราคาสอบถามกันเอง ปลูกได้ในดินทั่วไป เหมาะจะปลูกเพื่อเก็บผลกินในครัวเรือนหรือเก็บผลขายได้คุ้มค่ามากครับ.

“นายเกษตร”

 

“หญ้างวงช้าง” ไม่มีต้นขายสรรพคุณดี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย นายเกษตร 11 เม.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/603909

 

หญ้างวงช้าง ไม่มีต้นขาย เนื่องจาก มีขึ้นเองตามธรรมชาติในที่รกร้างว่างเปล่าข้างทางทั่วไป มีสรรพคุณทางสมุนไพรหลายอย่าง เช่น ทั้งต้นแบบสดรวมราก 1 ต้นหั่นต้มกับน้ำประมาณ 1.5 ลิตร จนเดือด ดื่มครั้งละ 3 ส่วน 4 แก้ว วันละ 3-4 เวลา ตอนไหนก็ได้ จะช่วยละลายนิ่วในกระเพาะปัสสาวะให้หายได้ ในตำรายาไทยโบราณระบุว่า ทั้งต้นเป็นยาแก้กระหายน้ำ ละลายก้อนนิ่ว ตำพอกแก้พิษฝี ผสมใบและดอกชมเห็ดไทยกับใบและดอกผักเสียนผีพอกแก้ปวดตามข้อเข่าข้อไหล่ โดยเมื่อรู้สึกร้อนให้เอาเนื้อยาออกวันละ 2 เวลา แล้วทาน้ำมันมะพร้าวต่อจะช่วยให้ดีขึ้นทั้งต้นมีสารกลุ่ม PYRROLIZIDINE ALKALOID เป็นพิษต่อตับควรระวังในการดื่ม สารสกัดจากต้นแห้งแก้อาการอักเสบ และ เพิ่มการเจริญของเนื้อเยื่อแผล

หญ้างวงช้าง หรือ INDIAN HELIOTRO PE HELIOTROPIUM INDICUM (L.) R.BR. อยู่ในวงศ์ BORAGINACEAE

ครับ หนังสือ “สมุนไพรไม้ดอกไม้ประดับหายาก” เล่มที่ 5 ของ “นายเกษตร” ไม่วางขายที่ไหนหมดแล้วหมดเลย ราคาเล่มละ 600 บาท บวกค่าส่งกลับเล่มละ 30 บาท ส่งธนาณัติซื้อสั่งจ่าย “คุณนงลักษณ์ ศรีอัชรานนท์” ตู้ ป.ณ.48 ปณ.สามแยกลาดพร้าว กทม.10900 หรือสอบถามผลิตภัณฑ์สมุนไพร กระเทียมโทนแคปซูล ผสมสมุนไพรหลายอย่างแก้หอบหืด, แก้ถุงลมโป่งพอง, แห้วหมูแคปซูล ลดความดันโลหิตสูง, ยาบำรุงไตแคปซูล ไม่ใช่รักษาไต, เพชรสังฆาตแคปซูล แก้ริดสีดวงทวาร, ดีบัวแคปซูล ขยายหลอดเลือดไปเลี้ยงสมองหัวใจ, ตรีผลาแคปซูล ลดไขมันในเส้นเลือดลดไตรกลีเซอไรด์, น้ำมัน 12 ประดงทาภายนอก ฆ่าเชื้อสมานแผลแก้เริม งูสวัด สะเก็ดเงิน แพ้เหงื่อ, ยาแก้ริดสีดวงจมูกแคปซูล แก้น้ำมูกมีกลิ่นเหม็น, ครีมโลดทนงรักษาสิวฝ้า รูขุมขนตีบลง, แชมพูสูตร 5 ชนิด บำรุงรากผมขจัดรังแคแก้คันศีรษะ, ข่อยขัดรักแร้ ดับกลิ่นเต่า รักแร้หายดำคล้ำ, คอลลาเจนบริสุทธิ์ เป็นผงทาหน้าช่วยให้ผิวหน้ากระชับ, ยาต้นคลายเส้นไม้เท้าเฒ่าอาลี แก้ปวดเมื่อย แก้เกาต์, โลชั่นบำรุงผิวและอื่นๆ โทร.0–2275–2692 ครับ.

“นายเกษตร”

 

“กระท้อนผอบทอง” ดกเนื้ออร่อยขายคุ้ม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย นายเกษตร 8 เม.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/602391

 

กระท้อนชนิดนี้ มีลักษณะประจำพันธุ์คือ เนื้อเป็นปุยฟูและหนานุ่ม สามารถใช้ช้อนตักรับ-ประทานได้จนถึงเปลือก โดยรสชาติจะหวานสนิทไม่มีรสเปรี้ยวหรือฝาดเจือปนเลย ส่วนใหญ่เนื้อเปลือกกระท้อนจะมีรสเปรี้ยวและฝาด จัดเป็นกระท้อนพันธุ์เบา ติดผลง่ายให้ผลผลิตสูงหลังปลูกแค่ 2 ปีเท่านั้นจะเริ่มติดผลเป็นชุดแรก และจะติดผลดกขึ้นเรื่อยๆเมื่อต้นมีอายุได้ 4 ปีขึ้นไปตามภาพประกอบคอลัมน์ นอกจากนั้น “กระท้อนผอบทอง” ยังแตกต่างจากกระท้อนสายพันธุ์อื่นคือ เวลาติดผลจะแก่ได้เร็วกว่าประมาณ 15 วัน ทำให้ผู้ปลูกเก็บผลขายได้ก่อนกระท้อนพันธุ์อื่น สร้างรายได้ก่อนใคร และที่สำคัญเวลาติดผลไม่ต้องห่อผลป้องกันแมลงอีกด้วย น้ำหนักผลเมื่อโตเต็มที่อยู่ระหว่าง 4-6 ขีดต่อผล ผลอ่อนสีเขียว พอผลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองยังไม่ถึงแก่หรือสุกเนื้อในจะหวาน กินได้เลย ผลสุกหรือแก่เป็นสีเหลืองจัด รูปทรงของผลกลมแป้นเล็กน้อยทำ ให้ดูเหมือนกับผอบทองโบราณ จึงถูกตั้งชื่อว่า “กระท้อนผอบทอง” ดังกล่าว ผลสุกสามารถติดอยู่กับต้นได้นานโดยเนื้อในไม่เป็นโรคน้ำหมาก รับประทาน อร่อย เหมือนเดิม

กระท้อนผอบทอง หรือ SANDORI-CUM INDICUMCAR, KOETJAPE-MERR อยู่ในวงศ์ MELIACEAE เป็นกระท้อนสายพันธุ์โบราณ มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมที่ จ.นนทบุรี ถูกนำไปปลูกต่างถิ่นครั้งแรกเมื่อประมาณปี พ.ศ.2505 ที่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี สามารถเจริญเติบโตมีดอกและติดผลดกได้ดีเหมือนปลูกในถิ่นเดิมทุกอย่างและติดผลดกมากตามที่ระบุข้างต้น ส่วนต้นแม่เดิมที่ จ.นนทบุรีนั้นถูกน้ำท่วมตายในเวลาต่อมา ขยายพันธุ์ทั่วไปด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง เสียบยอด และติดตา

ใคร ต้องการกิ่งตอนด้วยระบบติดตาต้นแท้ ติดต่อ “คุณประภาส สุภาผล” 33/4 หมู่ 7 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โทร.08-8533-2299 หรือ “สวนณับธิดาพันธุ์ไม้” โทร.08-0646-4699 ราคาสอบถามกันเอง ปลูกได้ทุกภาคของประเทศ ไทย เหมาะจะปลูกเก็บผลกินในครัวเรือน หรือเก็บผลขายได้คุ้มค่ามากครับ.

“นายเกษตร”

 

“สมอพิเภก” คุณค่าดี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย นายเกษตร 7 เม.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/601940

 

ไม้ต้นนี้ เป็นไม้มีขึ้นเฉพาะถิ่นในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยพบขึ้นตามป่าธรรมชาติในทุกๆภาค และในยุคสมัยก่อนนิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายตามวัดวาอาราม เนื่องจากเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ใบดกหนาแน่นให้ร่มเงาดีมากนั่นเอง มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ TERMINALIA BELLIRICA (GAERTN) ROXB ชื่อสามัญ BELERIC MYROBALAN อยู่ในวงศ์ COMBRETACEAE เป็นไม้ยืนต้น ผลัดใบ สูง 20-35 เมตร กิ่งอ่อนมีขน ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับรูปไข่กลับหรือรูปรี ปลายมนหรือเป็นติ่งสั้น โคนสอบเป็นรูปลิ่ม ผิวใบด้านบนมีขนสีน้ำตาลอ่อน เมื่อใบโตเต็มที่ขนจะหลุดและหายไป บริเวณกลางก้านใบจะมีตุ้ม 1 คู่

ดอก ออกเป็นช่อเดี่ยวๆตามซอกใบหรือตามกิ่งก้าน ปลายช่อดอกห้อยลง ช่อยาว 10-15 ซม. มีกลีบเลี้ยงขนาดเล็กจำนวน 5 แฉก ไม่มีกลีบดอก มีเกสรตัวผู้ 10 อัน ดอกเป็นสีขาวแกมเหลืองอ่อน “ผล” รูปกลมหรือรี มีพูตื้นๆ 5 พู ผิวผลมีขนสีน้ำตาลหนาแน่น มีเมล็ด 1 เมล็ด ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด มีชื่อเรียกอีกคือ ลัน, สมอแหน, สะคู้, แหน, แหนขาว, แหนต้น, สมอใหญ่ และ ลูกหมอพ่อยักษ์

ประโยชน์ เปลือกต้นใช้ฟอกหนังย้อมผ้าให้สีเขียวขี้ม้า เนื้อไม้ก่อสร้างบ้านเรือน ทำหีบเครื่องมือเกษตรและต่อเรือ

ทางสมุนไพร ผลอ่อนมีรสเปรี้ยวกินแก้ไข้ แก้ลม ผลแก่รสฝาดแก้โรคตา บำรุงธาตุ แก้ไข้ แก้ริดสีดวงทวาร เมล็ดในกินแก้บิด ใบสดตำพอกบาดแผลสด เปลือกต้นต้มน้ำดื่มขับปัสสาวะ รากแก้โลหิตพิการทำให้ร้อน

ปัจจุบันต้น “สมอพิเภก” มีขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 21 แผง “คุณพร้อมพันธุ์” ราคาสอบถามกันเอง ปลูกได้ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย สามารถสร้างระบบนิเวศได้ดีครับ.

“นายเกษตร”