รอบรั้วเมืองใต้ : 3 มีนาคม 2565

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/639007

รอบรั้วเมืองใต้ : 3 มีนาคม 2565

วันพุธ ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.

รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม  ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น….นครหาดใหญ่ถึงเวลาที่จะจัดระเบียบ“ทางเท้า”ให้คืนสู่ผู้ใช้“ทางเท้า”ได้หรือยัง หรือจะปล่อยให้ทางเท้าเป็นที่วางจำหน่ายสินค้า ร้านค้าย่อยต่อไปก็ตามใจท่านนายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ ท่าน พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี… ก็คงต้องขอแสดงความเสียใจ กับผู้ประสบ“ชะตากรรม” จาก “พายุหลงฤดู” ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในภาคใต้ตอนล่าง ในพื้นที่ ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส  มีผู้“สังเวย”ชีวิตใน จ.นราธิวาส ทีเดียว 7 ราย ส่วน เรือกสวนไร่นา เสียหายจำนวนมาก “แตงโม” ใน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี กว่า 1,000  ไร่ ลอย“ตุ๊บป่องๆ” เหมือนกับ “หัวใจ”ของเจ้าของ ที่หลุดลอยไปด้วย

….แน่นอน“ภัยธรรมชาติ” ห้ามไม่ได้  โดยเฉพาะ“พายุ” ที่หลงฤดูอย่างที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ประชาชนได้รับความทุกข์ความเดือดร้อนเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ในการช่วยเหลือ เยียวยา ทั้งใน“เฉพาะหน้า” เรื่อง อาหาร น้ำดื่ม หยูกยา  และในระยะยาว คือการ“ฟื้นฟู” อาชีพ ทุนที่จะต้องใช้ในการสร้างผลผลิต เพื่อการดำรงชีพต่อไป….ที่ชัดเจน และเข้าพื้นที่ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที คือ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ระดมสรรพกำลังเท่าที่มีและที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน นำอาหาร น้ำดื่ม สิ่งของจำเป็น ช่วยเหลืออย่างทันท่วงที โดยเฉพาะ“โรงครัวพระราชทาน” ที่สร้างความ“ปลาบปลื้ม” ให้กับ ผู้เดือดร้อน …ตามด้วย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่มี พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์  แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งมี กำลังพล ในเกือบทุกอำเภอ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ระดมกำลังพล และ สิ่งของ ยานพาหนะ ให้การช่วยเหลือ อพยพ ผู้คนอย่างมีประสิทธิภาพ ทันท่วงทีทำให้ไม่มีความสูญเสียมากไปกว่านี้

….และที่เป็น“หน้าที่” โดยตรง คือ ฝ่ายปกครอง ซึ่งที่ “โดดเด่น” ที่สุดคือ สนั่น พงษ์อักษร ผวจ.นราธิวาส “พ่อเมือง” อนาคตไกล ที่ บุกน้ำลุยโคลน เพื่อให้การช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยน้ำท่วมแบบ“ถึงลูกถึงคน” ได้ใจประชาชนไปทั้งเมือง….และสุดท้าย ที่เห็นไปทุกที่ของประเทศไทย ที่ประชาชนประสพภัยพิบัติคือ นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ซึ่งการลงพื้นที่อย่าง“ทันทีทันใด” นอกจากเป็น ตัวแทนของ“รัฐบาล” แล้ว ยังทำให้ข้าราชการในพื้นที่ต้องทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เป็นขวัญและกำลังใจ ให้กับ ทั้งส่วนราชการและประชาชน ที่สำคัญ “ประชาธิปัตย์” พรรคการเมืองที่ “นิพนธ์” สังกัดอยู่ ได้ คะแนนจากประชาชนไปแบบเต็มๆ…..ส่วนในการช่วยเหลือระยะยาวนั้น เป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด ในการสำรวจความเสียหาย ความสูญเสีย ที่ประชาชนได้รับ และ ศอ.บต. ต้องทำหน้าที่ในการ“บูรณาการ” กับ รัฐบาล เพื่อให้แต่ละกระทรวงได้จัดสรรงบประมาณในการช่วยเหลือประชาชน และ“ฟื้นฟู” รวมทั้งการ“ซ่อมสร้าง” ถนนหนทาง, สะพาน และอื่นๆ ที่ ได้รับความเสียหายให้รวดเร็ว

…..น่าเป็นห่วง น่าหนักใจ จากจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อ “โควิด-19” สายพันธุ์ “โอมิครอน” ในพื้นที่ จ.สงขลา, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน และเชื่อว่า หลัง“น้ำลด” จำนวนผู้ติดเชื้อจะสูงกว่านี้ โดยเฉพาะ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ประชาชนต่าง“ผวา” ไม่กล้าที่จะไปไหนมาไหน ยิ่งทำให้เศรษฐกิจการค้าที่“ทรุด”อยู่แล้ว“ทรุด”จน“ซบ” ลงกับพื้นดิน ก็ได้แต่เห็นใจ เจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากแจ้งเตือนกับเตือนให้ประชาชน ระมัดระวังตัว ส่วนที่ ประชาชน “ขวัญกระเจิง” คือการ “วิวาทะ” ระหว่าง ชมรมแพทย์ชนบท” กับ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.“สาธารณสุข” เกี่ยวกับยา“ฟาวิพิราเวียร์” ที่ “หมอชนบท” อ้างว่า ขาดแคลนทั่วประเทศ แต่“หมอหนู” ออกมา “โต้” ว่ามี “เหลือเฟือ” เรื่องนี้ใคร “พูดจริง” และใคร“พูดเท็จ” ไม่รู้ แต่ ชาวบ้านเชื่อว่าเรื่องที่“หมอชนบท” ออกมาให้ข้อมูล เป็น“เรื่องจริง” เพราะคนที่ ตรวจ“เอทีเค” และ “ติดเชื้อ”  กักตัวที่บ้าน ไม่มีการจ่าย“ฟาวิพิราเวียร์” แต่ให้ ทานยาตามอาการ และได้ “ฟ้าทะลายโจร” แทน แสดงว่า“ฟาวิพิราเวียร์” ขาดจริง….นี่คือ “วิกฤต”ของ กระทรวง“สาธารณสุข” และเป็น“วิกฤต”ของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่แท้จริง…. 


ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ 

รอบรั้วเมืองใต้ : 18 มีนาคม 2564 #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/563096

รอบรั้วเมืองใต้ : 18 มีนาคม 2564

วันพฤหัสบดี ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2564, 06.00 น.

รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับนี้ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น….เริ่มต้นด้วยการ แสดงความยินดีกับ บรรดา“นักเลือกตั้ง” ทั้งหลายที่“ผ่านศึก”ในการ“ต่อสู้” ของเวทีผู้บริหารท้องถิ่นระดับเทศบาล ที่มีทั้ง สมหวัง และที่บาดเจ็บ และที่ เป็นหนี้เป็นสิน เพราะนำทรัพย์สินไป จำนอง จำนำ เพื่อใช้ในการ“หาเสียง” ครั้งนี้….สรุปการเลือกตั้งเทศบาล ครั้งนี้ “เงิน” คือ ผู้กำหนดการ แพ้-ชนะ ไม่ใช่ ความเป็นคนดีหรือ ไม่ดี ส่วนนโยบาย ไม่มีความสำคัญอะไรกับการ “กาบัตร” ในคูหา และที่สำคัญกลไก ควบคุมการเลือกตั้ง ถ้ายังหวังให้ กกต. เป็นผู้ควบคุมต่อไป โดยที่ไม่มีการปรับปรุงก็อย่าหวังว่า จะเห็นการเลือกตั้งที่ปลอดจากการใช้เงิน ในชาตินี้…แต่ที่น่าจับตามองในการเลือกตั้งเทศบาลครั้งนี้ คือ พรรคการเมืองหลายพรรคเป็น“นายทุน”ให้ผู้สมัครเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง แสดงว่า นี่คือการจัดตั้งฐานการเมืองของพรรคการเมือง ดังนั้นการที่คิดว่ามีเทศบาล มี อบต.คือการ“กระจายอำนาจ”ให้ประชาชนคิดผิด เพราะแท้จริง อบจ. เทศบาล และ อบต. คือการตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นฐานการเมืองให้พรรคการเมืองเท่านั้น…ที่อเนจอนาถที่สุด ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่การเลือกตั้งเทศบาล มีหลายพื้นที่ต้องซื้อเสียงถึงเสียงละ 3,000-5,000 บาท ต่ำสุด1,000 บาท ทั้งที่บางเทศบาลมีงบพัฒนาไม่ถึง 50 ล้านบาทต่อไป… ส่วนผู้ที่รับเงินใครมา เพื่อไปลงคะแนนเลือกตั้ง เท่ากับคุณ“ขายสิทธิ์”ไปแล้ว วันหน้ามีอะไรที่เดือดร้อน ถ้าเขาไม่ช่วยเหลือในงานด้านการพัฒนา ก็ไม่ต้องโวยวาย เพราะคุณขายสิทธิ์ไปเรียบร้อยแล้ว นั่นเอง….ส่วนนักการเมืองที่ได้เป็นผู้บริหารท้องถิ่นนั้นๆ ถ้ารับปากกับ ประชาชนไว้ในเรื่องอะไร ก็อย่าลืมโดยเฉพาะท้องถิ่นใหญ่ๆ ที่มีการ“ล้มช้าง” เช่น เทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ว่าที่นายกเทศบาลนครหาดใหญ่ รับปากอะไรในตอนหาเสียง ต้องเร่ง ขับเคลื่อนให้เป็น“รูปธรรม” โดยเร็ว…ที่เทศบาลเมืองปัตตานี “ช้างล้ม” เหมือนกัน เมื่อพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ นายก 4 สมัย พลาดท่าเซ่นตำแหน่งให้กับ นิอันนุวา สุไลมาน อดีตพาณิชย์จังหวัดปัตตานี เพราะกลับตัวไม่ทันในวันสุดท้าย ก็ถือเป็นการ“ล้างมือ” ยุติบทบาทท้องถิ่น  วันนี้ “โควิด-19” ยังเป็นเรื่องที่วางใจไม่ได้ แต่สถานบันเทิง ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ยังมีการแอบเปิดเกินเวลาไม่ได้ปิดตอนเที่ยงคืนตามคำสั่งของ ผู้ว่าราชการจังหวัด และหลายแห่ง เป็นผับ แต่แจ้งว่าขายอาหาร ขายเหล้า ลองเดินเข้าไปสั่ง “ข้าวไข่เจียว” เชื่อว่าไม่มี สถานที่เหล่านี้คือ “ผับเถื่อน” ที่ บอกว่าขายอาหาร ขายเหล้า เป็นการ“เลี่ยงบาลี”และมีการ“จ่ายส่วย” ให้เจ้าหน้าที่ วันนี้หาดใหญ่ มีนายอำเภอแล้ว ชวกิจจ์ สุวรรณคีรี อย่านั่งนิ่ง ปล่อยให้“นายทุน” อยู่เหนือ“กฎหมาย” ต้องเร่งตรวจสอบดำเนินการ อย่าให้ชาวบ้านสงสัยว่ามีส่วนใน“ส่วยเถื่อน” ที่ทำให้ตระกูล“สุวรรณคีรี” มัวหมองไปด้วย….ทั้งน้ำมันเถื่อน ทั้งใบกระท่อม จากประเทศมาเลเซีย ยังคงใช้เส้นทางแนวชายแดนด้าน ปาดังเบซาร์ ขนข้ามแดนกันมาได้  ใบกระท่อม เห็น ตชด. จับได้บ้าง แต่น้ำมันเถื่อน ที่ถูกนำผ่านหน้าด่าน หน้าโรงพัก ไม่เคยมีการจับกุม เชาว์ เฉลิมเกียรติ นายด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ และ พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ ภิรมย์รักษ์ ผกก.สภ.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ควร“ใส่ใจ” เรื่องของ“น้ำมันเถื่อน” ให้มาก เพราะนี่คือการทำลายเศรษฐกิจของประเทศ และควรหาเงินเข้ารัฐในยามที่“ถังแตก” ด้วยการ จับกุมผู้ทำผิดกฎหมาย เพื่อนำเงินภาษีเข้ารัฐอย่าบอกนะว่าไม่มี เพราะ วันนี้ มีการตั้งน้ำมันเถื่อนขายกันมากมายในจ.สงขลา….บางหมู่บ้าน ใน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ชาวบ้านยังต้องหยุดงานในวันศุกร์ เพราะแนวร่วมขบวนการบีอาร์เอ็นข่มขู่คนร้านค้าและแหล่งรับซื้อน้ำยางสด หยุดทำการ แม้จะไม่มีเหตุร้าย แต่การที่ทุกคนต้องหยุดทำงานในวันศุกร์ เพราะกลัวถูกทำร้าย หมายถึงพื้นที่นั้นๆ ตกอยู่การควบคุมของขบวนการแบ่งแยกดินแดนแล้วใช่หรือไม่ถ้าใช่ พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค ผบ.พล.ร.5 และ ผบ.ฉก. สงขลา จะแก้อย่างไร 

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์

รอบรั้วเมืองใต้ : 8 ตุลาคม 2563 #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/523529

รอบรั้วเมืองใต้ : 8 ตุลาคม 2563

วันพฤหัสบดี ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.

รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับนี้ผู้เขียนขอเข้าเวร ร่ายข่าวสังคม “ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม” ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพที่เห็นมาอย่างไรก็เขียนไปอย่างนั้น…เริ่มต้นที่ จ.ยะลา ที่เกิดปรากฏการณ์ นักท่องเที่ยว หลั่งไหลไปชม ทะเลหมอก ที่ อัยเยอร์เวง ต.ยะรม อ.เบตง จนทำให้คนในพื้นที่ได้รับ“อานิสงส์” จากการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติกันถ้วนหน้า ทำเอา พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ยิ้มแย้มแจ่มใส กับความสำเร็จของ “เมืองต้นแบบที่ 2” ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ และสิ่งที่กำลังตามมาเพื่อความก้าวหน้าของ “เมืองต้นแบบ” แห่งนี้ คือ สนามบินเบตง ที่สร้างเสร็จและรอเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เดือนธันวาคมนี้แน่นอน…..แม้จะยังไม่มีการกำหนดวันเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ชัดเจนจาก กกต.แต่สนามเลือกตั้งที่ จ.สงขลา ก็ร้อนระอุ เพราะเป็นการ “ชนช้าง” ระหว่าง 2 พรรคร่วมรัฐบาล คือ พลังประชารัฐ และประชาธิปัตย์ ล่าสุด เดชอิศม์ ขาวทอง สส.เขต 5 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศเปิดตัว ว่าที่รองนายก อบจ.สงขลา คือ สุภาพร กำเนิดผล ผู้เป็นคนข้างกาย และผู้สมัคร ส.อบจ.เขต อ.รัตภูมิ คือ วงศ์วชิระ ขาวทอง ซึ่งเป็น “หน่อเนื้อ” ของ สส.เดชอิศม์ โดยความเห็นชอบจาก ไพเจน มากสุวรรณ์ ผู้สมัคร นายก อบจ.สงขลา และถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.เขต 7 สงขลา 3 เสือของพรรคประชาธิปัตย์….กำลังเข้าหน้าฝนของภาคใต้ เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นทุกครั้งกับ ฤดูมรสุมของภาคใต้ นิพนธ์ บุญญามณี จติวเข้ม เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ของกรมการปกครอง เพื่อทำแผนป้องกัน และแผนช่วยเหลือประชาชนที่ประสบกับภัยธรรมชาติให้ทันท่วงที….โยกย้ายในวงการสีกากีครั้งนี้ ภาคใต้ตอนล่างหลายจังหวัดมีการเปลี่ยนตัว ที่ จ.พัทลุง เมือง“คนดุ” เพราะมีคดีอุกฉกรรจ์ เดือนละหลายครั้ง เที่ยวนี้ได้ พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ นายตำรวจมือดี มาเป็น ผบก.ภ.จว.พัทลุง หวังว่าคงจะลดคดีอุกฉกรรจ์ลงได้บ้าง…ที่ จ.ยะลา ก็ได้นายตำรวจ “มือปราบ” พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ มาเป็น ผบก.ภ.จว.ยะลา ที่นี่เป็นเมือง “แนวร่วม” แบ่งแยกดินแดน และเป็นแหล่ง“ยาเสพติด” ของพื้นที่ 3 จังหวัด คงจะได้เห็นฝีมือ “จับใหญ่” ก็คราวนี้แหละ….และที่ จ.สงขลา ก็ได้ “ผู้การคนใหม่” คือ พล.ต.ต.อาซาน จันทร์ศิริ จากเมืองชายฝั่งทะเล “อันดามัน” จ.สตูล มาเปลี่ยน บรรยากาศเป็นชายทะเล“อ่าวไทย” ปัญหาคล้ายกันคือ “เป็นเมืองชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ การท่องเที่ยว เป็นงานที่ต้องส่งเสริม และสินค้าหนีภาษีคือเรื่องที่ต้องปราบปราม แต่ที่น่าหนักใจคือ ผลประโยชน์ จากของหนีภาษี และอบายมุขของเมืองใหญ่ มีคนสีเดียวกันร่วม“เอี่ยว” อยู่ด้วยทุกหนแห่ง หวังว่า ผบก.ภ.จว.สงขลา คนใหม่คงจะ“เอาอยู่”… แม้สถานการณ์ “โควิด-19” ยังไม่คลี่คลาย แต่เทศกาล “กินเจ เจี๋ยะฉ่าย” ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ยังจัดยิ่งใหญ่เหมือนเดิม โต้โผใหญ่คือ สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา ที่มี สุรพล กำพลานนท์วัฒน์ ผู้เป็น นายกสมาคม โดยได้รับการสนับสนุนจาก อบจ.สงขลา เทศบาลนครหาดใหญ่ และ สสส. ปีนี้เริ่มเทศกาลกินเจ วันที่ 16-25 ตุลาคมนี้ เชิญชวนทุกท่านร่วมเทศกาลกินเจเพื่อสุขภาพ และลดการ เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย…

ปรีชา  สถิตย์เรืองศักดิ์

รอบรั้วเมืองใต้ : 1 ตุลาคม 2563 #ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/522076

รอบรั้วเมืองใต้ : 1 ตุลาคม 2563

วันพฤหัสบดี ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.

รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับนี้ผู้เขียนขอเข้าเวรร่ายข่าวสังคม “ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม” ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไรก็เขียนไปอย่างนั้น….เนื่องจากความไม่มั่นคงทางการเมืองของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ 2/2 ยังเป็นเรื่องใหญ่ที่นำพาประเทศไปในทางที่ “เสื่อมทรุด” โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ และเรื่องปากท้องของคนทั้งชาติ ที่ยังมองไม่เห็น แสงสว่าง ที่ปลายอุโมงค์….สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความสงบมากขึ้น เพราะ “บีอาร์เอ็น” ไม่ออกมา ปฏิบัติการใช้ความรุนแรงเหมือนในอดีต แต่ใช้งานมวลชนมากขึ้น แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ต้องยกความดีความชอบให้กับ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งวันนี้ กลายเป็นอดีตแม่ทัพ เพราะได้ขยับขึ้นไปเป็น พลเอกในตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2564..และน่าจะเป็นโชคดีของ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ขึ้นมาเป็น แม่ทัพภาค 4 ในขณะที่ เสียงปืนเสียงระเบิด ลดน้อยลง…เพื่อที่แม่ทัพเกรียง จะได้ทำงานมวลชนได้อย่างเต็มที่ และด้วยลีลาของแม่ทัพเกรียง ที่เข้าถึงมวลชน และเป็นที่ชื่นชอบของ มวลชน เชื่อว่า งานด้านมวลชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้น่าจะไปด้วยดี…. เต็มที่กับงานในพื้นที่ สำหรับ นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย หรือ “มท.2” ว่างจากงานที่กระทรวงเมื่อไหร่ จะต้องลงพื้นที่ เพื่อผลักดันโครงการต่างๆ เพื่อให้จังหวัดสงขลา กับจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ ครม.ให้เป็นผู้กำกับดูแล…เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ประกาศชัดเจนว่า เดือนธันวาคม จะมีการเลือกตั้ง นายกอบจ. สนามเลือกตั้งหลายสนามจึงมีการขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นโดยเฉพาะสนามเลือกตั้ง อบจ.สงขลา ที่เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง ไพเจน มากสุวรรณ ซึ่งมี สส.พรรคประชาธิปัตย์ ให้การสนับสนุน และ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ที่มีสส.พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ส่ง….ในขณะที่สนามเลือกตั้ง เทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ก็เป็นอีกสนามหนึ่งที่ประชาชนให้ความสนใจ ว่า 2 พรรคใหญ่อย่าง พลังประชารัฐ และ ประชาธิปัตย์ จะส่งใครลงสมัครเป็น “นายกเล็ก”ไพร พัฒโน อดีตนายกเทศบาลนครหาดใหญ่ จะลงสมัครอีกหรือไม่ เพราะเรื่องการถูก ป.ป.ช.ฟ้องเรื่องทุจริต ยัง“คาราคาซัง”อยู่ที่ศาลทุจริตคอร์รัปชั่น…ส่วน พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี อดีต ผบช. ตำรวจท่องเที่ยว ที่ประกาศตัวเป็นคนแรกว่าจะเป็น นายกเล็กเทศบาลนครหาดใหญ่ วันนี้ “ถอดใจ” กลับไปเล่นกอล์ฟ สบายกว่าเยอะ…ข่าวว่า ณรงค์พร ณ พัทลุง อดีตปลัดจังหวัดสงขลา หรือ“ปลัดแป้น” ก็เป็น อีกผู้หนึ่ง ที่มีผู้ทาบทามให้เล่นการเมือง สนามเล็กแห่งนี้ ซึ่งถ้าลงสมัครจริงก็จะเป็นทางเลือกใหม่ของคนในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ เพราะชื่อชั้นของปลัดแป้น มีลุ้นอยู่ที่การวางแผน และเครือข่ายในการสนับสนุนเท่านั้น…ยินดีด้วยกับ พล.ต.ต.ชวลิต สุขสุวรรณ นายตำรวจ “มือดี” ที่ได้ขึ้นเป็น ผบก.ตชด.ภาค 4 เพื่อดูแลสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ จรัญ รุ่งมณี นายกสมาคม สื่อท้องถิ่นไทย อดีตนายกสนพท. ดีใจจนเนื้อเต้น….ยินดีด้วยกับผบก.ยะลา คนใหม่ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ซึ่งผู้คิดไม่ดีกับบ้านเมือง ได้ยินชื่อแล้ว หนาวไปตามมากัน…ส่วน ผบก.สงขลา ไม่พลิกโผ ยังคงเป็น พล.ต.ต.อาซาน จันทร์ศิริ ที่ย้ายข้ามห้วยมาจาก จ.สตูล…สำหรับ เอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส ย้ายกลับบ้านไปเป็น ผวจ.สตูล ในปีสุดท้าย คงจะแฮปปี้เอนดิ้ง เพราะไปตามใจปรารถนา….

ส่วนตำแหน่ง ผวจ.นราธิวาส ส่งไม้ต่อให้กับ เจษฎา จิตรรัตน์ รอง ผวจ.ยะลา เพื่อไปสานต่องานพัฒนาที่เป็นงานสำคัญในการสร้างความมั่นคงให้กับพื้นที่….เรื่องของ กลุ่มคัดค้าน โครงการ”เมืองต้นแบบ” หรือ “เมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต” ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา สุดท้าย เอ็นจีโอ ก็ใช้ “ลูกไม้”แบบ เดิมๆ เพื่อการ ขัดขวาง ไม่ไห้มีการพัฒนา นั้นคือ การ ขนพลพรรค มานอนที่หน้าศาลากลาง เพื่อประท้วงการเปลี่ยนผังเมือง นี้คือ”วิชามาร”เดิมๆ ของ เอ็นจีโอ…ก็เห็นใจ จารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ที่ต้องเป็นภาระ ในการ รับมือกับ “วิชามาร” ของ เอ็นจีโอ…. สุรพล กัมพลานนท์วัฒน์ นายกสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา ยังคงเดินหน้าในการจัด”เทศกาล”ต่างๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก็ขอปรบมือรัวๆให้

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์