ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.

(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กลับมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านและเรียกค่าเช่าบ้านคืนจากผู้ฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้นำเงินค่าเช่าบ้านที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 อนุมัติเบิกจ่ายให้ใช้ไม่หมดสิ้นแล้ว จึงเป็นกรณีที่ผู้ฟ้องควรได้ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านด้วยความเชื่อโดยสุจริต และมิได้แสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง ข่มขู่หรือชักจูงโดยการให้ทรัพย์สินหรือให้ประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และผู้ปฏิบัติราชการแทนผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีคำสั่งอนุมัติให้ผู้ฟ้องคดีเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านได้ตามสิทธิ โดยผู้ฟ้องคดีไม่รู้ถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งดังกล่าว จึงถือว่าผู้ฟ้องคดีได้รับค่าเช่าบ้านมาโดยชอบ เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งให้เรียกคืนเงินค่าเช่าบ้านทั้งหมดอันถือว่าเป็นการเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งเป็นการให้เงินหรือให้ทรัพย์สินหรือให้ประโยชน์ที่อาจแบ่งแยกได้ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 การคืนเงินค่าเช่าบ้านจึงต้องนำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 412 มาใช้บังคับโดยอนุโลม เมื่อผู้ฟ้องคดีได้รับเงินค่าเช่าบ้านมาโดยสุจริตและได้ใช้เงินดังกล่าวไปจนหมดแล้ว ผู้ฟ้องคดีจึงไม่ต้องคืนเงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 51 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง พ.ศ. 2539

ในส่วนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 นั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้แจ้งเพิกถอนสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านของผู้ฟ้องคดีและเรียกคืนเงินที่เบิกจ่ายไปทั้งหมด เป็นกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ปฏิบัติราชการแทนผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 การอุทธรณ์จึงต้องยื่นอุทธรณ์ต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ตามมาตรา 44 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ เมื่อผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ส่งคำอุทธรณ์ไปให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 พิจารณาหากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี ต้องส่งคำอุทธรณ์และความเห็นไปให้ประธานศาลปกครองสูงสุดผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวประกอบกับ ข้อ 2(14) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และมาตรา 78 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ เป็นผู้วินิจฉัยอุทธรณ์แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 กลับทำการพิจารณาและวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีอันเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน และวิธีการอันเป็นสาระ

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

วันอาทิตย์ ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.

(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

หลังจากนั้นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีคำสั่งย้ายผู้ฟ้องคดีไปดำรงตำแหน่งพนักงานคดีปกครองชำนาญการสำนักงานศาลปกครองในส่วนกลาง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2556 เป็นต้นมา

ต่อมาสำนักงานบริหารการเงินและต้นทุนได้ตรวจสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านของข้าราชการฝ่ายปกครองที่สำนักงานศาลปกครองมีคำสั่งบรรจุและแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งที่สำนักงานศาลปกครองในภูมิภาคที่ยังไม่เปิดทำการก่อนระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยค่าเช่าบ้านข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พ.ศ.2545 มีผลใช้บังคับ

หลังจากนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักบริหารการเงินและต้นทุน (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองในการอนุมัติให้ผู้ฟ้องคดีได้แจ้งรับสิทธิเห็นเบิกค่าเช่าบ้าน ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2557 เป็นต้นมา

ต่อมาสำนักงานศาลปกครองจึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว และมีหนังสือแจ้งชะลอการเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านข้าราชการฝ่ายศาลปกครองไว้เพื่อรอผลการตรวจ โดยผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่า ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจำนวน 41 ราย รวมทั้งผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงเห็นชอบให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 แจ้งเพิกถอนการอนุมัติสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านและเรียกคืนเงินค่าเช่าบ้านที่เบิกไปแล้วทั้งหมด

ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงมีหนังสือลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 แจ้งเพิกถอนสิทธิค่าเช่าบ้านของผู้ฟ้องคดีและเรียกคืนเงินที่เบิกจ่ายไปแล้วทั้งหมด ผู้ฟ้องคดีจึงได้อุทธรณ์คำสั่งต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ผ่านผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 พิจารณาแล้วเห็นควรยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีและได้ส่งความเห็นพร้อมเหตุผลไปยังผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เพื่อพิจารณา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 พิจารณาแล้วมีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

วันอาทิตย์ ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.

(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

4.เรื่องสำนักงานศาลปกครองได้มีคำสั่งบรรจุและแต่งตั้งให้ผู้ฟ้องคดีเข้ารับราชการครั้งแรกในต่างจังหวัดแต่ปรากฏว่า ศาลปกครองในส่วนภูมิภาคไม่เปิดทำการ ทางราชการจึงได้ให้ผู้ฟ้องคดีรายงานตัวเข้าปฏิบัติราชการในส่วนกลาง ซึ่งอยู่ในกรุงเทพมหานคร เช่นนี้ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านหรือไม่ หากไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านแล้วจะต้องคืนเงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับไปหรือไม่นั้น

เรื่องนี้ ผู้ฟ้องคดีได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการครั้งแรกเป็นเจ้าหน้าที่ศาลปกครอง 3 สำนักงานศาลปกครองในภูมิภาค 14 (สุพรรณบุรี) แต่ขณะนั้นยังไม่เปิดทำการ เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) จึงมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานศาลปกครองส่วนกลางในวันที่ 24 มกราคม 2544

ต่อมาคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองได้ออกระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยค่าเช่าบ้านข้าราชการฝ่ายปกครอง พ.ศ.2545 มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2545

ผู้ฟ้องคดีจึงได้ยื่นเรื่องขอรับเงินค่าเช่าบ้านต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และได้รับอนุมัติใช้เบิกจ่ายค่าเช่าบ้านตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2545 หลังจากนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีคำสั่งให้ระงับการเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านของข้าราชการที่ได้รับคำสั่งบรรจุครั้งแรกที่สำนักงานศาลปกครองในภูมิภาคที่ยังไม่เปิดที่ทำการไว้ชั่วคราวก่อนตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินทักท้วง

ต่อมาคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองได้พิจารณาและมีมติให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองที่ถูกระงับการเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านได้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งระงับสิทธิการเบิกค่าเช่าบ้านของผู้ฟ้องคดี และให้มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านได้ต่อไป

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

วันอาทิตย์ ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.

(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

ผู้ฟ้องคดีได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวและนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งตามหนังสือสำนักงานศาลปกครองลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2547 (ควรเป็น 2557 มากกว่า 2547) เฉพาะในส่วนที่เพิกถอนสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านของผู้ฟ้องคดีตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2547 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2550 และเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี

ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวหาใช่เป็นการไม่อนุมัติให้ผู้ฟ้องคดีเบิกค่าเช่าบ้านหรือระงับสิทธิการเบิกค่าเช่าบ้านที่มีอยู่แล้ว อันอาจถือเป็นคำสั่งทางปกครองที่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ฟ้องคดีตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 แต่เป็นการเพิกถอนสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านของผู้ฟ้องคดีตามที่ผู้ฟ้องคดีได้รับไปแล้วในอดีต โดยเจตนารมณ์ของการมีคำสั่งดังกล่าว ประสงค์เพียงเพื่อให้ผู้ฟ้องคดีนำเงินค่าเช่าบ้านตามจำนวนที่ผู้ฟ้องคดีได้ใช้สิทธิเบิกไปแล้วโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายคืนแก่สำนักงานศาลปกครอง(ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2)เท่านั้น ดังนั้นการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 โดยผู้อำนวยการสำนักบริหารการเงินและต้นทุนได้มีหนังสือแจ้งผู้ฟ้องคดีเพื่อเพิกถอนสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านและเรียกคืนเงินที่เบิกจ่ายไปทั้งหมด จึงไม่มีผลผู้เป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองกับผู้ฟ้องคดีในอันที่จะก่อเปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ฟ้องคดีที่จะอยู่ในความหมายเป็นคำสั่งทางปกครองตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ แต่อย่างใด ผู้ฟ้องคดีจึงไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่มีสิทธิฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ดังกล่าวได้ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อร.287/2565)

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.

(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

แม้คดีนี้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าผู้ฟ้องคดีไม่เคยใช้สิทธินำหลักฐานค่าผ่อนชำระเงินกู้เพื่อชำระราคาบ้านตามสัญญากู้ยืมเงินกับธนาคารศ. ฉบับลงวันที่ 10 เมษายน 2540 ในท้องที่ที่ไปประจำสำนักงานแห่งใหม่ก็ตาม สัญญาเงินกู้ดังกล่าวก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ถือว่าเป็นสัญญาเงินกู้ฉบับแรกตามหลักเกณฑ์ข้างต้น เมื่อในระหว่างเวลาผ่อนชำระตามสัญญาเงินกู้ฉบับแรกนั้นผู้ฟ้องคดีได้ทำสัญญากู้เงินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ กรมปกครองจำกัด เพื่อไถ่ถอนจำนองบ้านพร้อมที่ดินตามสัญญากู้ยืมเงินกับธนาคารศ.ฉบับลงวันที่ 10 เมษายน 2540 เป็นสัญญาฉบับที่สอง
โดยอาศัยหลักทรัพย์โฉนดที่ดินและบ้านตามสัญญาเงินกู้ฉบับแรกจำนองเป็นประกันจึงเป็นการขยายวงเงินกู้และระยะเวลาการผ่อนชำระเงินกู้จากสัญญาฉบับแรกที่สิ้นสุดลงในวันที่ 10 พฤษภาคม 2555 ออกไปจนถึงเดือนกันยายน 2567 อันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 17 วรรคหนึ่ง(1) แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ และข้อ 23 วรรคหนึ่งของระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้านข้าราชการฯ ประกอบกับข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการควบคุมสัญญาเช่าซื้อและสัญญากู้ยืมเงินเพื่อชำระราคาบ้านที่ค้างชำระเพื่ออยู่เพื่อสิทธิในการเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการฯ ผู้ฟ้องคดีย่อมมีสิทธินำหลักฐานตามสัญญากู้เงินฉบับใดฉบับหนึ่งมาเบิกค่าผ่อนชำระเงินกู้เพื่อชำระราคาบ้านได้เพียงไม่เกินวันที่ 10 พฤษภาคม 2555 เท่านั้น

ผู้ฟ้องคดี จึงไม่มีสิทธินำหลักฐานการชำระเงินกู้กับสหกรณ์ออมทรัพย์กรมการปกครองจำกัด ตามสัญญาลงวันที่ 17 สิงหาคม 2547 ภายหลังวันที่ 10 พฤษภาคม 2555 มาใช้เป็นหลักฐานในการเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการเพื่อชำระเงินกู้ได้อีก ดังนั้น การที่ท้องถิ่นจังหวัดอุบลราชธานี (ผู้ถูกฟ้องคดี) มีคำสั่งตามหนังสือ ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2557 เพิกถอนสิทธิการเบิกค่าเช่าบ้านเพื่อชำระเงินกู้ของผู้ฟ้องคดีจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

(คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่อร.273/2565)

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

วันอาทิตย์ ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.

(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

(2) เรื่อง การขอขยายวงเงินกู้และระยะเวลาผ่อนชำระเงินกู้ซื้อบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านได้หรือไม่

เรื่องนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ฟ้องคดีรับราชการตำแหน่งนิติกรชำนาญการ ปฏิบัติงานในท้องที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ต่อมาผู้ฟ้องคดีได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่อยู่สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดอุบลราชธานี จึงเป็นการเดินทางไปประจำสำนักงานใหม่ในต่างท้องที่โดยไม่ใช่คำร้องขอของตนเอง โดยทางราชการไม่ได้จัดที่พักอาศัยให้ตามหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด กระทรวงการคลังกำหนดและยังไม่มีเคหสถานอันเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือคู่สมรสในท้องที่ที่ไปประจำสำนักงานใหม่ ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการตามมาตรา 7 วรรคหนึ่งแห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้าน พ.ศ.2547 และมีสิทธินำหลักฐานการชำระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชำระเงินกู้มาเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการได้

ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธินำหลักฐานการผ่อนชำระราคาบ้านที่ค้างชำระอยู่ในท้องที่อำเภอเมืองอุบลราชธานี คือหลักฐานตามสัญญากู้ยืมเงินกับธนาคารศ.ฉบับลงวันที่ 10 เมษายน 2540 จำนวน 850,000 บาท ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้นำโฉนดที่ดินพร้อมบ้าน ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จำนองเป็นประกันการชำระหนี้ดังกล่าวที่ผู้ฟ้องคดีใช้เป็นที่อยู่อาศัยและได้อยู่อาศัยจริงมาเบิกค่าเช่าบ้านได้ตามมาตรา 17 แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สิทธิของผู้ฟ้องคดีที่จะนำหลักฐานการผ่อนชำระเงินกู้เพื่อชำระราคาบ้านในท้องที่ไปประจำสำนักงานใหม่ตามสัญญากู้เงินกับธนาคารศ.นั้น ถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขว่าให้เบิกได้เฉพาะบ้านหลังแรกเท่านั้น ทั้งนี้ ตามมาตรา 17 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการฯ และข้อ 23 วรรคหนึ่งของระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ.2549 ประกอบกับข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการควบคุมสัญญาเช่าซื้อและสัญญากู้ยืมเงินเพื่อชำระราคาบ้านที่ค้างชำระอยู่เพื่อสิทธิในการเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ.2545

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

วันอาทิตย์ ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.

(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าท้องที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นท้องที่ที่ไม่เคยมีรถประจำทางคือ รถเมล์หรือรถเอกชนร่วมบริการ (รถตู้โดยสารปรับอากาศ) ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพวิ่งผ่าน จึงต้องฟังว่ารถตู้โดยสารปรับอากาศสาย ต.1/4 ตามที่ผู้ฟ้องคดีอ้างและนำมาใช้ประกอบการเบิกค่าเช่าบ้านดังกล่าว เป็นการวิ่งรับส่งคนโดยสารโดยไม่ได้รับสัมปทานจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ไม่อาจถือได้ว่าท้องที่อำเภอนครชัยศรีมีรถยนต์โดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพให้บริการ ดังนั้น คำสั่งที่ไม่อนุมัติให้ผู้ฟ้องคดีเบิกค่าเช่าบ้านจึงเป็นการชอบด้วยกฎหมายตามข้อ 16 วรรคหนึ่งของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยค่าเช่าบ้านข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พ.ศ.2545 ประกอบข้อ 2 (1) ของประกาศสำนักงานศาลปกครอง เรื่องกำหนดท้องที่ใกล้เคียงกับท้องที่ที่ไปประจำสำนักงานใหม่ ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2545

ในส่วนของคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีคืนเงินค่าเช่าบ้านนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งอนุมัติให้ผู้ฟ้องคดีเบิกค่าเช่าบ้านได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2552 รวมเป็นเงิน 166,350 บาทดังกล่าว เป็นการอนุมัติให้เบิกไปได้โดยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงว่า ท้องที่อำเภอนครชัยศรีมีรถยนต์โดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพให้บริการตามที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างจำนวนเงินค่าเช่าบ้านดังกล่าวตามที่ผู้ฟ้องคดีได้ไปจากทางราชการจึงเป็นการได้มาซึ่งทรัพย์โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ เข้าลักษณะเป็นลาภมิควรได้ ตามมาตรา 406 วรรคหนึ่งแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งไม่มีบทบัญญัติใดให้อำนาจแก่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 สามารถออกคำสั่งทางปกครองเรียกให้ผู้ฟ้องคดีคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่ทางราชการได้ โดยหากผู้ฟ้องคดีไม่ยอมคืนเงินแต่โดยดี สำนักงานศาลปกครองซึ่งเป็นเจ้าของเงินดังกล่าวจะต้องไปใช้สิทธิทางศาลยุติธรรมเพื่อฟ้องเรียกทรัพย์อันเป็นลาภมิควรได้ คืนจากผู้ฟ้องคดีเท่านั้น ไม่อาจใช้มาตรการ บังคับทางปกครองตามคำสั่งดังกล่าวนี้แก่ผู้ฟ้องคดีได้ คำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีคืนเงินค่าเช่าบ้านดังกล่าวจึงไม่อยู่ในความหมายของคำสั่งทางปกครอง ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ผู้ฟ้องคดีจึงไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ที่มีสิทธิฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสั่งให้ผู้ฟ้องคดีคืนเงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับไปแก่ทางราชการ(คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.365/2564)

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

วันอาทิตย์ ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.

(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

ต่อมาสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้มีข้อสังเกตแจ้งสำนักงานศาลปกครองว่า การเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านของข้าราชการศาลปกครองรายนี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามประกาศสำนักงานศาลปกครองเรื่อง กำหนดท้องที่ใกล้เคียงกับท้องที่ไปประจำสำนักงานใหม่ ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2545 เนื่องจากเส้นทางรถปรับอากาศร่วมบริการสาย ต. 1/4 ที่ได้รับสัมปทานจาก ขสมก.และรถขสมก. สาย 515 และสาย 84 ก นั้น ไม่ผ่านท้องที่อำเภอนครชัยศรี เลขาการสำนักงานศาลปกครองจึงมีหนังสือสอบถามองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพขอทราบข้อมูลเส้นทางการเดินรถประจำทางประเภทรถเมล์และรถเอกชนร่วมบริการ (รถตู้ปรับอากาศ) พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว

องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้แจ้งสำนักงานศาลปกครองว่า ท้องที่อำเภอนครชัยศรีไม่มีรถวิ่งผ่าน ผู้อำนวยการสำนักบริหารการเงินและต้นทุน(ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) จึงได้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอนุมัติค่าเช่าบ้านของนาย ก. และให้ส่งคืนเงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับไปโดยไม่มีสิทธิ์ตั้งแต่เดือน มกราคม 2547 ถึงเดือนตุลาคม 2552 นายก.จึงได้อุทธรณ์คำสั่งของสำนักงานศาลปกครองพร้อมกับนำคดีมาฟ้องศาลปกครองขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของสำนักงานศาลปกครองที่เพิกถอนคำสั่งอนุมัติเบิกค่าเช่าบ้านของนาย ก.

ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า

(1) บ้านที่อยู่ระหว่างการเช่าซื้อหรือผ่อนชำระเงินกู้เพื่อชำระราคาบ้านที่ค้างชำระซึ่งข้าราชการพลเรือนจะนำหลักฐานดังกล่าวมาใช้สิทธิ์เบิกค่าเช่าบ้านได้ตามมาตรา 16 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ.2527 หรือตามมาตรา 17 วรรคหนึ่งแห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้าน พ.ศ.2547 ต้องเป็นบ้านที่ตั้งอยู่ในท้องที่ที่ไปประจำสำนักงานใหม่เท่านั้น ไม่อาจนำหลักฐานการเช่าซื้อ หรือผ่อนชำระเงินกู้เพื่อชำระราคาบ้านที่ค้างชำระของบ้านที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับท้องที่ที่ไปประจำสำนักงานใหม่มาใช้สิทธิ์เบิกค่าเช่าบ้านได้

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

วันอาทิตย์ ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.

คอลัมน์ “ราชการแนวหน้า” ได้อ่านหนังสือ “คำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดที่น่าสนใจ” ของปี พ.ศ.2564-2566 แล้วพบว่ามีคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐอันจะเป็นประโยชน์แก่บุคลากรและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะต้องพิจารณาและทำความเห็นเสนอต่อผู้บังคับบัญชาซึ่งเป็นผู้บริหารของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจะต้องพิจารณาและตัดสินใจสั่งการได้อย่างถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายโดยไม่ชักช้า และช่วยลดปัญหาในการตัดสินใจอีกด้วยขอให้เรามาติดตามกันครับ

เรื่อง ค่าเช่าบ้านข้าราชการ

กระทรวงการคลังได้ตราพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการฉบับแรกตั้งแต่ พ.ศ.2527 และมีการแก้ไขเรื่อยมาตั้งแต่ พ.ศ.2532 จนถึง พ.ศ.2556 หลังจากนั้น ก็คงจะต้องติดตามกันว่ามีการปรับปรุงแก้ไขกันอีกหรือไม่ให้เป็นปัจจุบันครับ

ณ เวลานี้เราขอนำคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดมาบอกเล่าสู่กันฟังสำหรับข้าราชการที่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านและข้าราชการที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านดังกล่าว จะได้มีแนวทางประกอบการพิจารณาให้ความเห็นต่อไปครับ

(1) เรื่องการนำหลักฐานการชำระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชำระเงินกู้เพื่อชำระราคาบ้าน มาขอเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการได้หรือไม่

คดีนี้เริ่มตรงที่ นายก. เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งนักวิชาการการเงินและบัญชี 4 ในต่างจังหวัด สังกัดกรมบัญชีกลาง ต่อมา นายก.ได้ย้ายมารับราชการสังกัด สำนักงานศาลปกครองในส่วนกลางที่ กรุงเทพมหานคร นาย ก.ได้กู้เงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์เพื่อซื้อที่ดินพร้อมบ้านที่อยู่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐมใช้เป็นที่อยู่อาศัย พร้อมได้รับอนุมัติเบิกค่าเช่า บ้านหลังดังกล่าว ตั้งแต่เดือนมกราคม 2547

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)

ราชการแนวหน้า : คุณสมบัติทั่วไป และลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะเข้ารับราชการพลเรือน

ราชการแนวหน้า : คุณสมบัติทั่วไป และลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะเข้ารับราชการพลเรือน

ราชการแนวหน้า : คุณสมบัติทั่วไป และลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะเข้ารับราชการพลเรือน

วันอาทิตย์ ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.

(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

สำหรับกรณีเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ศาลล้มละลายกลางได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2545 ให้ข้าราชการรายนี้เป็นบุคคลล้มละลาย ภายหลังจากที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งแล้ว กรณีจึงถือว่าข้าราชการรายนี้ เป็นผู้ขาดคุณสมบัติทั่วไปในการเป็นข้าราชการพลเรือนตาม มาตรา 30(9) แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 (กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น) ซึ่งผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตาม มาตรา 52 จะต้องสั่งให้ข้าราชการพลเรือนผู้นี้ออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนตาม มาตรา 114(3) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว อย่างไรก็ดี เมื่อปรากฏว่าผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตาม มาตรา 52 ไม่ได้มีคำสั่งให้ข้าราชการผู้นี้ออกจากราชการตามบทบัญญัติข้างต้น จนกระทั่งศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2547 ข้าราชการผู้นี้จึงพ้นสภาพจากการเป็นบุคคลล้มละลาย และไม่ถือว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติทั่วไปในการเป็นข้าราชการพลเรือนตาม มาตรา 30(9) อีกต่อไป กรณีจึงไม่อาจสั่งให้ข้าราชการรายนี้ออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ได้และแม้ข้าราชการผู้นี้จะรับราชการต่อมาจนถึงพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มีผลใช้บังคับก็ตาม แต่มาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ก็ไม่ได้บัญญัติให้การเคยเป็นบุคคลล้มละลายนั้นเป็นลักษณะต้องห้ามในการเป็นข้าราชการพลเรือนแต่อย่างใด ประกอบกับข้าราชการผู้นั้นได้เกษียณอายุราชการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2559 จึงไม่มีสภาพการเป็นข้าราชการพลเรือนและไม่มีเหตุที่จะสั่งให้ออกจากราชการได้อีก ดังนั้น ส่วนราชการจึงไม่ต้องดำเนินการอย่างใดสำหรับกรณีนี้ …

(หนังสือสำนักงาน ก.พ.ที่ นร 1011/41 ลงวันที่ 1 มีนาคม 2560 … มีข้อสังเกตว่าแม้จะไม่ต้องดำเนินการประการใดกับข้าราชการพลเรือนรายนี้ได้อีก แต่คงจะต้องพิจารณาว่า เจ้าหน้าที่ผู้ใดที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลแล้วบกพร่องละเลยหรือไม่ตรวจสอบเกี่ยวกับการตกเป็นบุคคลล้มละลายของข้าราชการในสังกัดจนกระทั่งผู้นั้นถูกปลดจากการเป็นผู้ล้มละลาย และทางราชการต้องจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญให้แก่ผู้นั้นอีกนะ)