ปราการสุดท้ายไอเอสอิรัก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ตุ๊ ปากเกร็ด 17 ก.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/724760

 

ทุกการศึกสงครามตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน จะมีจุดเปลี่ยน หรือที่เรียกกันว่า เทิร์นนิ่งพอยต์ “Turning Point” อยู่เสมอ นั่นคือสถานการณ์ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกำลังจะถึงการเพลี่ยงพล้ำ

เฉกเช่นกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอสอิรักในเพลานี้ ที่กำลังเข้าสู่ห้วงเวลาดังกล่าวแล้วหรือไม่ หลังถูกรุกไล่สองทางทำลายฐานที่มั่นเรื่อยมา จนมาถึงสถานที่ตัดสิน “เมืองโมซูล” เมืองหลวงของไอเอส ทางภาคเหนือที่ถูกใช้เป็นจุดสตาร์ตในการขยายอำนาจและความหวาดกลัวตั้งแต่แรกเริ่ม

โดยจากทิศใต้ทัพรัฐบาลอิรัก 30,000 นาย ภายใต้การนำของ พล.ต.นาจิม อัล-จาบูรี ได้บุกมาจ่อคอหอย ตั้งค่ายห่างจากตัวเมืองไปแค่ 60 กิโลเมตร และอยู่ระหว่างปฏิบัติการป่วนกำลัง ตัดเส้นทางเสบียงไอเอส

ขณะที่ทิศตะวันออก-ตะวันออกเฉียงเหนือ กองกำลังผสมชาวเคิร์ดนักรบ “เพชเมอร์กา” กับอาสาสมัครรบพิเศษนานาชาติ รวม 23,000 นาย ภายใต้การนำของ พล.อ.มาห์ซูด บาร์ซานี รุกนำทัพมาตั้งสนามเพลาะ จ้องมองผ่านทะเลทรายอันเวิ้งว้าง ไปในทิศที่ตั้งของโมซูล ซึ่งอยู่ห่างไปแค่ 12 กิโลเมตร

ด้วยขวัญกำลังใจที่เต็มเปี่ยม เหล่าผู้ บัญชาการและทหารหาญต่อต้านไอเอส ต่างมอง ว่า “จากโมซูล เราจะตีต่อไปยังเทล-อาฟาร์ตาม ด้วยเมืองบาจ ทีนี้ไอเอสก็จะถูกขับออกจากอิรักโดยสมบูรณ์ เหลือแต่ฐานที่มั่นในซีเรีย”

อย่างไรก็ตาม ทางการอิรักคาดว่าศึกตัดสินดังกล่าวอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะตลอดการรุกคืบที่ผ่านมา นักรบไอเอสได้ถอนตัวอย่างรวดเร็วไม่ยื้อตั้งรับ แสดงให้เห็นว่ามีการรักษากำลังพลไว้ ประเมินอยู่ที่ 3,000-9,000 คน ขณะที่ตามเส้นทางได้มีการวางกับระเบิดแสวงเครื่อง คาร์บอมบ์ หวังตัดกำลัง

เช่นเดียวกับเพชเมอร์กาที่ระบุว่า ไอเอสยังคงขีดความสามารถในการรบ มีการตีโต้หยั่งเชิง แหย่แนวรบ 30-40 ครั้ง “แต่เราก็ปราบมันทุกครั้ง พระเจ้าอวยพร”

งานนี้เลือดจะหลั่งชโลมทะเลทรายขนาดไหน ใครจะอยู่จะไปย่อมได้รู้กัน กำหนดปฏิบัติ การเป่านกหวีดโรมรัน คือแสงแรกเริ่มวันใหม่ปลายเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้.

ตุ๊ ปากเกร็ด

 

ดินแดนห้ามปล้น “สิทธิ์”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ฤทัยรัช จันทร์เพ็ญ 16 ก.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/723500

 

การเลือกตั้งประธานาธิบดีกาบอง ประเทศซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของทวีปแอฟริกา เสร็จสิ้นในสภาพเลือดสาด วุ่นวายโหวกเหวกไม่พอใจถึงขั้นเผาสำนักงานสมัชชาแห่งชาติ เพราะ มร.ฌอง ปิง ผู้สมัครพรรคฝ่ายค้าน ออกมาประกาศชัยชนะ ต่อมา ปธน.อาลี บองโก กลับอ้างว่า คะแนนของตัวเองเยอะกว่า แม้เพียงปลายคมมีดแค่ 6,000 คะแนน

ซึ่ง มร.มาเธียส ฮุนก์เป ผู้จัดการโครงการบริหารแผ่นดิน ประจำการริเริ่มเปิดสังคมเพื่อแอฟริกาตะวันตก (OSIWA) ที่คอยส่งเสริมรัฐบาลให้มีความโปร่งใสมากขึ้น บอกว่า การเลือกตั้งในระยะหลังๆ ทั้งไนจีเรีย ไอวอรีโคสต์ เบนินและเบอร์กินาฟาโซ ล้วนไม่มีปัญหาความขัดแย้งอะไร

และดูเหมือนการโกงเลือกตั้งก็ยากขึ้นยากขึ้น

สอดคล้องกับคำพูดของ มร.อาบูบาครี เอ็มบอดจิ เลขาธิการทั่วไปของกลุ่มสิทธิมนุษยชนของชาวอัฟกัน RADDHO ที่ว่า กลุ่มประเทศในภาคกลางกับภาคตะวันตกของแอฟริกา เช่น เซเนกัล กานาและเกาะเคป-เวอร์ด ในมหาสมุทรแอตแลนติก แสดงถึงการเลือกตั้งด้วยหลักประชาธิปไตยที่ประสบความสำเร็จ

สังคมพลเมืองที่แข็งแรง ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ให้ความสนใจสอดส่องก่อน–หลังการเลือกตั้ง+สื่อเสรี & พลเมืองเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กระจายข้อมูลข่าวสาร…นี่แหละคือปัจจัยสำคัญที่สุด

ยก ตย. เซเนกัล ซึ่งเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนตอน พ.ศ.2543 ที่ มร.อับดูลลาเย วาเด ผู้สมัครฝ่ายลิเบอรัล ลงสมัครท้าทายอำนาจรัฐ ที่ผูกขาดนาน 40 ปี ปชช.ก็เลือกให้เป็น ปธน.สมใจ 2 สมัย แต่พอปี 2555 กระสันอยากนั่งต่อสมัยที่ 3 ทั้งที่ขัด รธน. และอายุก็ปาไป 85 ปีแล้ว

ปชช.ก็โห่ไล่ผู้นำเหลาเหย่ทันทีอย่างไม่เคยปรากฏ ส่วนพรรคอื่นที่คิดโกงบัตรเลือกตั้ง ก็ต้องเจอกับมหามวลชน ที่ยังคงปักหลักตามคูหาเลือกตั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคะแนนเสียงเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม และไม่เกิดดราม่ากลางทาง แล้วยังกองทัพนักข่าวอีกเป็นโขยง ที่เฝ้ารอรายงานความคืบหน้าเป็นระยะๆๆ ผ่านสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะนักข่าววิทยุ เรียกว่า ไม่มี dead air กันเลย

ตื่นตัวหวง & กลัว “สิทธิ์ตัวเอง” ถูกปล้นซะขนาดนี้…ยอมใจพวกเขาเลย!!

ฤทัยรัช จันทร์เพ็ญ

 

แค่สู้ก็อยู่ได้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์ 15 ก.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/722253

 

ด้วยความที่เป็นคนขยันสู้ชีวิต คุณปู่ ฟิเดนซิโอ ซานเชซ อายุ 89 ปี แม้ลำพังแค่เดินเองยังลำบาก แต่ยังต้องออกมาเข็นรถขายไอศกรีมแท่งตั้งแต่เช้ายันค่ำอยู่ทุกวัน เพราะมีภาระต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูหลานๆ เพราะผู้เป็นแม่ของเด็กซึ่งก็คือลูกสาวคนเดียวของปู่ซานเชซเพิ่งเสียชีวิต และภรรยาคู่ชีวิตของปู่ที่เคยช่วยกันขายไอศกรีมก็มาป่วย

และด้วยเหตุนี้ ผู้คนในย่านลิตเดิล วิลเลจ นครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐฯ จึงคุ้นตากับภาพชายแก่เข็นรถสามล้อขายไอศกรีมแท่ง ค่อยๆเดินยักแย่ยักยันไปตามตรอกซอย

แต่คุณปู่คงไม่ได้สู้ลำพังอีกแล้ว เมื่อมีคนใจดีและประทับใจในความขยันทำมาหากินของคุณปู่ถึงขั้นสะเทือนใจต้องหาทางช่วยเหลือ

เมื่อคิดได้ดังนี้ นาย โจเอล เซอร์วานเตส มาซิอาส เจ้าของร้านอาหารเม็กซิกัน ที่ขับรถผ่านไปเจอเลยแวะอุดหนุนซื้อไอศกรีมจากคุณปู่ซานเชซมา 20 แท่ง

ไม่ใช่แค่ซื้อไอศกรีมอุดหนุนแล้วไปเลย! นายมาซิอาสได้โพสต์ภาพปู่ซานเชซและข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว “ขอยอมรับผู้ชายคนนี้อย่างศิโรราบ” พร้อมตั้งเพจระดมทุนออนไลน์ช่วยเหลือขึ้นเมื่อวันศุกร์ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยตั้งชื่อหน้าเพจว่า “โกฟันด์มี” (Go FundMe) ตั้งเป้าจะระดมทุนให้ได้ 3,000 ดอลลาร์ (ราว 105,000 บาท) แล้วจะมอบให้

แต่ปรากฏว่าผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง ยอดเงินบริจาคได้เกินเป้าไปแล้ว โดย ณ ช่วงเย็นวันที่ 12 ก.ย.ตามวันเวลาท้องถิ่น ยอดเงินบริจาคได้ทะลุเกิน 200,000 ดอลลาร์ (ราว 7 ล้านบาท) ไปแล้ว

คุณปู่ยอดนักสู้บอกว่า &ldquoldquo;ตื่นแต่เช้าและเดินเข็นรถสามล้อขายไอศกรีมตลอดวันไปจนถึง 2 ทุ่ม เพราะต้องหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว” และแม้จะมีคนระดมเงินช่วย เหลือ แต่ปู่ซานเชซยังกำลังใจแข็งแกร่งและเป็นยอดนักสู้ บอกว่า “ไม่มีแผนหยุดทำงานแต่อย่างใด”

หลายคนที่กำลังมีปัญหาและท้อแท้ หากได้อ่านเรื่องราวของปู่ซานเชซแล้ว คงมีกำลังใจต่อสู้ชีวิตขึ้นอีกมากโขเลย…ว่าหรือไม่?

เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์

 

“ฮิกิโคโมริ”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย อานุภาพ เงินกระแชง 14 ก.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/720905

 

…ญี่ปุ่นสำรวจประชากรทั่วประเทศ พบกลุ่มคนอายุ 15-39 ปี เข้าข่าย “ฮิกิโคโมริ”–– Hikikomori จนถึงช่วงเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วมากกว่า 541,000 คน ยังไม่นับรวมถึงกลุ่มคนแบบเดียวกันนี้ที่อายุเกิน 40 ปี เปรียบเทียบกับการสำรวจเมื่อช่วงปี 2553 พบประชากรทุกเพศทุกวัยเข้าข่าย “ฮิกิโคโมริ” มากเกือบ 700,000 คน

อะไรคือ “ฮิกิโคโมริ”…

นิยาม “ฮิกิโคโมริ” คือ การใช้ชีวิตแยกตัวจากสังคม ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องนอน ปฏิเสธความสัมพันธ์โดยตรงกับผู้อื่น หรือแม้กระทั่งคน ในครอบครัว ไม่ทำงานทำการหรือเรียนหนังสือ แต่ละวันหมกมุ่นอยู่กับการเล่นเกม ดูโทรทัศน์หรือหมกมุ่นใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ ระยะเวลาแสดงพฤติกรรมขังตัวเองต้องนานกว่า 6 เดือน บางรายขังตัวเองยาวนานมากกว่า 7 ปี…

นักจิตวิทยาญี่ปุ่นพบกลุ่มคน “ฮิกิโคโมริ” ครั้งแรกเมื่อปี 2541 จึงเริ่มศึกษาหาสาเหตุจนได้ข้อสรุปเบื้องต้นอาจเพราะกลุ่มคนฮิกิโคโมริมีปัญหาความสัมพันธ์กับผู้ปกครองและคนในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมญี่ปุ่นทุ่มเทคาดหวังอย่างมากกับลูกๆ โดยเฉพาะลูกชาย ความคาดหวังมากเกินไปของผู้ปกครอง ทำให้ลูกๆจำนวนมากสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง สูญเสียความเคารพชื่นชมตัวเอง นำมาสู่การขังแยกตัวเองออกจากสังคมในที่สุด ยังไม่นับรวมถึงสาเหตุอื่นๆ อาทิ อกหักหรือมีปัญหากับการอยู่ ร่วมปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในสังคม

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นพบตัวเลขกลุ่มคน “ฮิกิโคโมริ” ส่วนใหญ่อายุระหว่าง 15-39 ปี แต่หลังๆกลุ่มคนอายุ 35-39 ปีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในจำนวนนี้ พบว่า ร้อยละ 34.7 ขังตัวเองนาน เกินกว่า 7 ปี และร้อยละ 28.6 ขังตัวเองนานแล้ว 3-5 ปี กับร้อยละ 12.2 ขังตัวเองแล้วนาน 4-7 ปี

การใช้ชีวิตของคนพวกนี้กลางวันนอน นอนแล้วก็นอน ส่วนกลางคืนเล่นเกม ดูโทรทัศน์หรือแชตออนไลน์ และแวบออกนอกห้องหาของกิน หรือไม่ก็สั่งอาหารออนไลน์ใช้ทุนทรัพย์พ่อแม่ผู้ปกครอง

นักจิตวิทยาญี่ปุ่นศึกษาหาข้อมูลร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากอีก 8 ประเทศ จำนวน 124 คน พบกลุ่มคนลักษณะเดียวกันนี้บ้างในสหรัฐฯ แคนาดา สเปน อังกฤษ อิตาลี ฝรั่งเศส โอมาน เกาหลีใต้ และไต้หวัน แต่ไม่มากเท่าญี่ปุ่น

เชื่อกันว่า ปรากฏการณ์ “ฮิกิโคโมริ” จะเกิดมากขึ้นในหลายประเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมอุตสาหกรรม คนพวกนี้ไม่ใช่ผู้ป่วย ไม่ใช่พวกเกลียดกลัวสังคม แต่คือผู้ได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมและครอบครัว

ทางแก้ปัญหาที่รัฐบาลญี่ปุ่นดำเนินการคือ ใช้สังคมเยาวชนช่วยแก้ไข พร้อมกับปรับเปลี่ยนคุณลักษณะระบบการศึกษาและทัศนคติระบบครอบครัว…

อานุภาพ เงินกระแชง

 

อย่าเรียกว่าดีลสันติภาพ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ตุ๊ ปากเกร็ด 13 ก.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/719790

 

จับมือยิ้มแฉ่งกันไปตามระเบียบ ระหว่างนายจอห์น เคอร์รี รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ กับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย หลังทั้งคู่บรรลุข้อตกลง “สันติภาพ” ในซีเรีย ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

แต่หากดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว คงไม่ถูกต้องที่จะใช้คำว่าสันติภาพแต่อย่างใด น่าจะเรียกว่าข้อตกลง “อย่าล้ำเส้น” กันและกันของสองขั้วมหาอำนาจโลก

เพราะถ้าว่ากันตามเนื้อแท้ ยังไงสหรัฐฯ ก็หนุนกบฏซีเรีย รัสเซียหนุนรัฐบาลบาชาร์ อัล อัสซาด อยู่วันยังค่ำ เพียงแค่ตอนนี้มีตัวแปรที่สามในซีเรีย ที่ทำให้สองฝ่ายต้องมาจับเข่าคุยกัน

นั่นคือ กองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส

ปล่อยเอาไว้คงไม่ดีแน่ สำหรับศัตรูตัวนี้ ที่สร้างปัญหาทางอ้อมอย่างเรื่องผู้อพยพ หรือปัญหาทางตรง แนวคิดหัวรุนแรงอันนำไปสู่การก่อการร้ายทั่วโลกโดยเฉพาะบนผืนแผ่นดินชาติตะวันตก

เป็นหน่อร้ายที่ต้องรีบกำจัด ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะเปิดทางให้ทั้งกองทัพอากาศสหรัฐฯ และรัสเซีย ร่วมกันปูพรมถล่มไอเอสได้เต็มอัตราศึกโดยไม่ต้องกลัวว่าพื้นที่นี้เป็นเขตปฏิบัติการของใคร

ส่วนรายละเอียดที่ว่าให้ฝ่ายกบฏ-รัฐบาลหยุดยิงทั่วประเทศ ถือเป็นของแถมเสียมากกว่า และตามที่ปรากฏกลายเป็นหมันไปตั้งแต่หมึกยังไม่แห้ง กองทัพอากาศไม่ระบุสัญชาติทิ้งระเบิดใส่พื้นที่ยึดครองฝ่ายกบฏ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 100 ศพ ภายในวันเดียวหลังลงนาม

ความพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงสันติภาพในซีเรีย เกิดขึ้นมาแล้วถึง 4 ครั้ง ตั้งแต่เดือน ก.พ.2555 จนถึงเดือน ก.พ.ปีนี้ แต่ล้มเหลวไปทุกครา เพราะไม่มีใครยึดมั่นนำไปปฏิบัติจริงจัง

ดังนั้นหากข้อตกลงรอบใหม่ เมื่อวันที่ 9 ก.พ. จะไร้ค่าไปอีกหนก็คงมิใช่เรื่องแปลก และเอาเข้าจริงตัวชงพล่ามเรื่องสันติภาพ กลับเป็นฝรั่งมังค่า มิใช่คนในชาติซีเรียแต่อย่างใด.

ตุ๊ ปากเกร็ด

 

หนุ่มชอบโชว์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ยูเรนัส 12 ก.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/719075

 

เมื่อสามีไม่หยุดก่อเรื่องฉาวโฉ่จนเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ไปทั่วประเทศ นางฮูมา อาเบดิน คนสนิทของนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตที่จะไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดี จึงตัดสินใจแยกทางกับสามีจอมฉาว นายแอนโทนีย์ ไวเนอร์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครตของสหรัฐฯซะเลย แล้วนางฮูมาก็เก็บตัวเงียบ กระทั่งไปออกงานกับแอนนา วินทัวร์ บก. นิตยสารโวค เพื่อช่วยหาทุนสนับสนุนนางคลินตัน

หลายคนเมื่อได้ยินข่าวนางฮูมาแยกทางกับนายแอนโทนีย์ ก็มีเสียงถอนหายใจโล่งอกตามมา แต่บางรายกลับวิจารณ์นางว่า น่าจะเลิกตั้งนานแล้ว ตั้งแต่นายแอนโทนีย์ยอมรับกับสื่ออย่างไม่เต็มใจนักว่า เป็นผู้ส่งรูปภาพชวนสยิวให้สาวคนอื่น หลังจากตอนแรก อดีต ส.ส.นิวยอร์กรายนี้โกหกว่า เขาไม่ได้เป็นคนส่งภาพ “โชว์เป้าของตัวเอง” ไปให้ใคร และอ้างว่า บัญชีผู้ใช้งานทวิตเตอร์ของเขาถูกแฮก

แต่ความน่าเชื่อถือของนายแอนโทนีย์ก็พังทลายลงทันทีเมื่อถูกขุดคุ้ยจนรู้ความจริงว่า ตัวเขาเป็นคนปล่อยภาพนี้เอง และบัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์ก็ไม่ได้ถูกแฮกสักหน่อย

หลังจากนั้น ชาวประชาจึงหมดความศรัทธาในตัวนายแอนโทนีย์ซึ่งแม้จะเป็นคนพูดเก่ง, โน้มน้าวใจผู้คนได้ยอดเยี่ยมและน่าจะมีอนาคตทางการเมืองอีกยาวไกล แต่การโกหกประชาชนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรับได้

ทางพรรคเดโมแครตจึงพูดคุยกับเขาให้ลาออกไปซะ แต่ข่าวอีกกระแสแจ้งว่า นายแอนโทนีย์ลาออกเอง สิ่งที่จะชี้ให้เห็นคือ เมื่อปี 2011 (พ.ศ.2554) ที่มีเรื่องอื้อฉาวครั้งแรก นางฮูมายังยืนอยู่เคียงข้างเขา นางอาจเชื่อว่า คนเราทำผิดกันได้ และสามารถแก้ตัวได้ด้วยการไปเข้ารับการบำบัดซะ หรือนางอยากแสดงบทบาทเป็นแม่พระซึ่งเป็นภรรยาที่แสนดี ด้วยการมองข้ามเรื่องจิ๊บจ๊อยเพื่ออนาคตด้านอาชีพการงานในวันข้างหน้าก็เถอะ

เมื่อนายแอนโทนีย์หายหน้าไปสองปี เขาก็ฮึดกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กปี 2013 แต่ชาวนิวยอร์กยังไม่ให้อภัยเขาหรือไงไม่ทราบ จึงไม่ได้รับเลือก กลับมาว่างงานอีกครั้ง พอว่างมากๆเข้า คราวนี้อาการเก่ากำเริบ

เขาส่งภาพ “โชว์ความเป็นชาย” ไปให้ หญิงอื่นอีกแล้ว แม้ไม่ได้นอกใจมีชู้ชัดเจน แต่นางฮู มาคงทนไม่ไหว หยุดทำตัวเป็นภรรยา แสนดีแล้วเลิกกับสามี จบการแต่งงานราว6ปี และมีบุตรด้วยกัน 1 คน แต่เพียงเท่านี้ ไม่รู้ทำไงอาการของนายแอนโทนีย์ถึงจะหาย?

ยูเรนัส

 

ของอย่างนี้ว่ากันยาก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์ 10 ก.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/716988

 

นาทีนี้นอกจากนาย โดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ผู้แทนพรรครีพับลิกันเพื่อชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เปิดฉากดวลต่อสู้และตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามแบบถึงลูกถึงคนชนิดเป็นข่าวรายวันแล้ว เห็นจะมีก็แต่นาย โรดริโก ดูเตร์เต ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์คนนี้นี่แหละที่ ดีกรีความมุทะลุดุดันพอสู้กันได้

หลังขึ้นรับตำแหน่งเมื่อปลายเดือน มิ.ย. เขาก็ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในและต่างประเทศกับการใช้วิธีการเด็ดขาดจัดการพวกค้ายาเสพติดจนบางคนถึงกับบอกว่า มีการตั้ง “หน่วยสังหาร” ตาม ปิดบัญชีคนที่เกี่ยวข้องยาเสพติดจนถูกฆ่าตาย
แล้วเกือบ 3,000 คน และหนึ่งในโต้โผที่วิจารณ์เรื่องนี้ก็เป็นผู้แทนพิเศษที่สหประชาชาติหรือยูเอ็นส่งมาสอบสวนและสหรัฐฯ

แต่ทั้งหมดล้วนถูกนายดูเตร์เตโต้สวนกลับจนหน้าชาตามๆกัน อย่างล่าสุดที่เป็นประเด็นร้อนจนกลบความสำคัญของเวทีประชุมใหญ่อาเซียน ที่ สปป.ลาวกันเลย เมื่อดูเตร์เตแถลงออกไมค์ด่าโอบามาหยาบๆคายๆ ก่อนบินมาประชุมอาเซียน ส่วนด่าว่าอย่างไรบ้างนั้น ขอไม่ขยายความต่อเพราะสื่อทุกสำนักเล่นข่าวนี้ทั่วโลก

มูลเหตุที่ทำให้ดูเตร์เตของขึ้น! ก็แค่ถูกสื่อถามเรื่องที่เขาและโอบามาจะพบหารือกันที่ สปป.ลาวและดูท่าว่าจะถูกโอบามาเลกเชอร์! สอนหนังสือเรื่องสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องการปราบคดียาเสพติด ดูเตร์เตออกมาขอโทษในวันต่อมา แต่ทำให้คนถูกด่ายกเลิกกำหนดการคุยเสียแล้วเพราะอะไรคงไม่ต้องบอก

และเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ดูเตร์เตขู่จะออกจากยูเอ็นและหาสมาชิกตั้งองค์กรโลกขึ้นมาใหม่หลังถูกผู้แทนพิเศษของยูเอ็นวิจารณ์เรื่องการเข่นฆ่าผู้เกี่ยวข้องยาเสพติดในฟิลิปปินส์และยังมีอีกหลายกรณี รวมทั้งดูเตร์เตได้ตำหนิสมเด็จพระสันตะปาปา ตอนเสด็จเยือนฟิลิปปินส์เมื่อปีที่แล้ว และมีการปิดการจราจรทำรถติดวินาศสันตะโร…สุดท้ายเขาก็ต้องออกมาขอโทษ (ตามเคย)

อีกกรณีที่พูดแล้วทำให้คนฟังรับได้ยาก! ก็ตอนขึ้นเวทีหาเสียงเลือกตั้งเมื่อเดือน เม.ย.เขาพูดถึงเหตุนักเผยแพร่ศาสนา หรือมิชชันนารีหญิง ชาวออสเตรเลียถูกนักโทษรุมข่มขืนช่วงเกิดจลาจลในคุกเมืองดาเวา ทางภาคใต้เมื่อปี 2532 ที่ตอนนั้นเขาเป็นนายกเทศมนตรีอยู่ โดยพูดติดตลกว่ามิชชันนารีสวยอย่างกับดาราหนัง เสียดายที่เขาไม่ได้เป็นคนแรก ต่อมาเขาแก้ต่างว่าเป็นแค่สไตล์การพูดและถูกคนแปลความหมายผิดไป

ถึงจะเป็นคนสไตล์นี้ แต่เมื่อซาวเสียงคนฟิลิปปินส์แล้ว ยังคงพอใจและสนับสนุนนายดูเตร์เต จนขึ้นแท่นเป็นนักการเมืองที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในเมืองตากาล็อก…แต่ของอย่างนี้ต้องดูกันยาวๆนะ!

เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์

 

รุ่นใหม่ต่อกิ่ง “ชา”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ฤทัยรัช จันทร์เพ็ญ 9 ก.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/716130

 

“ชานมไข่มุก” ถือเป็นเครื่องดื่มราคา บริโภคได้ที่กลายเป็นสินค้าส่งออกจนสร้างชื่อเสียงให้ไต้หวัน ช่วยให้ชาวโลกรู้จักและเลิกสับสนว่า “ไท่หวัน” (Taiwan) กับ “ไทยแลนด์” คือประเทศเดียวกันซะที

และปัจจุบัน คนรุ่นใหม่ก็เริ่มคิดปรับ & เปลี่ยน สูตรชงชาต้นตำรับให้ขึ้นไปสู่ระดับไฮ-เอนด์

ความจริงไต้หวันเป็นประเทศที่ผลิตชามานานกว่า 200 ปี โดยเฉพาะชา “อู่หลง” ใครที่ไปเยือนก็ต้องอุดหนุนซื้อกลับติดไม้ติดมือมา แต่ด้วยปัญหาเรื่องต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับกระแสแฟชั่นฮิตดื่ม “ชานมไข่มุก” ค่อยๆทาบทับรัศมีการจิบชาอู่หลง

เพราะการแต่งสี เติมกลิ่น จนได้รสชาติที่ชื่นชอบ หนักเครื่องไปด้วยนม น้ำตาล แป้งกลมเท่าเม็ดไข่มุกเคี้ยวหนุบหนับ และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ “น้ำชา”…ดูดเคี้ยวหวานอร่อยชื่นใจอย่างเช่นร้านสุดโมเดิร์น “เซี่ยะ เซี่ย” (หมายถึง ขอบคุณ) หนึ่งในธุรกิจที่ “เซี่ยะ หยู– ทุง” อายุ 30 ปี พยายามพลิกกระแสธารให้ซับซ้อนขึ้น เพราะครอบครัวก็เกี่ยวดองค้าขายชามาโดยตลอด และยังปลูกไร่ชาอู่หลงชื่อดังบนภูเขา “ต้าหยูหลิง” กับ “หลี่ชาน”

จากชาอู่หลงธรรมดา ให้มีกลิ่นและรสชาติที่แตกต่างจากสมัยบรรพบุรุษสร้างไว้ ทั้งสเปียร์มิ้นต์ คาโมมายด์ กุหลาบและขิง ขายเป็นแพ็ก 10 ซองและขวดพร้อมดื่ม เรียกความสนใจจากลูกค้าต่างชาติได้ไม่มากก็น้อย สนนราคาแพ็คละ 680 ดอลลาร์ไต้หวัน หรือเป็นเงินไทยก็ 752 บาท ซึ่งน้องเซี่ยะบอกว่า เป็นราคาที่สมเหตุผลแล้วสำหรับชาชั้นยอด และชาของเธอก็เคยเสิร์ฟในงานเทศกาลภาพยนตร์เวนิส งานแฟชั่นกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และเมืองมิลาน ประเทศอิตาลีมาแล้ว ตั้งแต่เปิดขายเมื่อ 2 ปีก่อน

ส่วน มร.เดวิด ฮวง เปิดซาลอนชากลางกรุงไทเป ภายใต้แบรนด์ “Zenique” เป็นชาอู่หลงเพียวๆ ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ แค่ถ้วยเล็กๆก็สตาร์ตที่ราคา 409 ดอลลาร์ไต้หวัน จนถึงราคาไฮโซ้ (เสียงสูง) 1,890 ดอลฯ

มร.หลิน ฉี่–เฉิง ประธานสมาคมชาไต้หวัน เผยว่า ยุคสมัยนี้คนหนุ่มสาวมุงธุรกิจนี้จนกลายเป็นเทรนด์ไปแล้ว เพราะพวกเค้ารู้สึกว่าเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์

“ชา” ไต้หวัน เรื่องชื่อเสียงไม่ต้องพูดถึง คงเหลือแต่การสร้างความต่างบนฐานการตลาดเดียวกันว่า จะ “เอาอยู่” อย่างไรให้ลูกค้าเห็น “ซิกเนเจอร์” แต่ละคนมากกว่า.

ฤทัยรัช จันทร์เพ็ญ

 

“ไอศกรีม” ผูกสัมพันธ์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์ 8 ก.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/714970

 

ขึ้นชื่อว่าการทูตนั้น นอกจากเป็นศาสตร์ที่มีชั้นเชิงและเป็นทางการแล้ว ความจริงใจก็ขาดไม่ได้ต้องมาเต็มๆ หากต้องการไปผูกหรือกระชับสัมพันธ์กับผู้นำหรือประเทศใดๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นไปตามนั้นเสมอไป

ดูอย่างจีนกับรัสเซีย สองประเทศมหาอำนาจ สมาชิกถาวรและมีอำนาจยับยั้งทุก มติในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เลือกใช้การทูตบ้านๆ แบบข้าวหม้อแกงหม้อมาใช้ซึ่งก็ถือว่าได้ผลดียิ่ง

ระหว่างประชุมนอกรอบเวทีสุดยอดผู้นำจี 20 ที่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียงของจีน นายปูตินหิ้ว “ไอศกรีม” หรือในที่นี้ขอเรียกง่ายๆว่า ไอติมรัสเซียแท้ๆ มาเป็น ของฝากส่งถึงมือประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน

“ตามที่สัญญาไว้ ผมนำไอติมมาฝากท่านทั้งกล่องเลยนะ” นายปูตินบอก

ฝ่ายผู้รับกล่าวขอบคุณผู้ให้ยกใหญ่ถึงความกรุณาจริงๆ ก่อนจะบอกว่าค่อยๆ ชื่นชอบรสชาติไอติมรัสเซียขึ้นเรื่อยๆ หลังได้เดินทางไปเยือนรัสเซียหลายครั้งและได้ลองกินมาตลอด ถึงตอนนี้มีซื้อมาเก็บไว้กินที่บ้านกันเลย

“ครีมสดของรัสเซียถือว่าสุดยอดที่สุด และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ไอติมรัสเซียมีรสชาติอร่อยเฉพาะตัว แตกต่างจากของที่อื่นทำ” นายสีกล่าว

ความจริง จีนกับรัสเซียมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นอบอุ่นกันอยู่แล้ว การที่ปูตินนำของขวัญที่เย็นยะเยือกมาฝากเพื่อนผู้นำด้วยกันจึงไม่ผิดกติกาแต่ประการใด

เสียดายหน่อยที่ไอติมที่ผู้นำรัสเซียลงทุนหิ้วไปฝากผู้นำจีนถึงมือนั้น คนที่หิ้วไปไม่ได้บอกว่าเป็นรสชาติอะไร แบบไหน หรือยี่ห้ออะไร หรือใครเคยได้ลองชิมหรือกินไอติมรัสเซียมาบ้างแล้ว วานบอกด้วยก็ ดีนะ…แค่อยากรู้ว่า รสชาติจะอร่อยเหมือนไอติมกะทิสดของบ้านเราหรือเปล่า!!…เหอะๆ

เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์

 

ยุงเล็กๆ ก่อปัญหาใหญ่ๆ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย อานุภาพ เงินกระแชง 7 ก.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/713880

 

…สถานการณ์ไวรัสซิกา (ZIKA) พาหะนำโรคจากยุงลายเพศเมียกัดดูดเลือดมนุษย์หรือสัตว์แบบเดียวกับเชื้อไข้เลือดออก เชื้อไข้ชิคุนกุนยาและเชื้อไข้เหลืองระบาดแล้วมากกว่า 72 ประเทศหรือดินแดน ยกเว้นแคนาดาและชิลีในทวีปอเมริกา องค์การอนามัยโลกคาดหมายว่า เชื้อไวรัสซิกาจะระบาดทั่วโลกทุกพื้นที่ที่พบยุงลาย…

ยังไม่มีวิธีรักษาหรือมีวัคซีนป้องกันการป่วยติดเชื้อไวรัสซิกา นักวิทยาศาสตร์กำลังเร่งทดลองวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ แต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 18 เดือน และกว่าจะใช้วัคซีนได้อย่างปลอดภัยอาจต้องใช้เวลานานกว่า 2-3 ปี

แม้การติดเชื้อไวรัสซิกาก่อเกิดอาการป่วยไม่ร้ายรุนแรง อาจมีไข้เบาๆ เกิดผดผื่นผิวหนัง เยื่อบุตาอักเสบ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อ อาการเหล่านี้จะอยู่นานราว 2-7 วัน และผู้ติดเชื้อไวรัสซิกามากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีอาการป่วย แต่เชื้อไวรัสชนิดนี้มุ่งทำลายล้างสตรีตั้งครรภ์ให้อาจคลอดบุตรเกิดอาการศีรษะและสมองลีบเล็ก

บทสรุปยืนยันปัญหาสตรีติดเชื้อไวรัสซิกาหรือสตรีตั้งครรภ์ติดเชื้อไวรัสคลอดลูกแล้ว มีปัญหาศีรษะและสมองลีบเล็กจริงหรือไม่และรุนแรงขนาดไหนยังต้องใช้เวลาพิสูจน์ชัดอีกนานหลายเดือนหรือหลายปี

เชื้อไวรัสซิกาถูกพบครั้งแรกในป่าซิกาของยูกันดาตั้งแต่ปี 2490 นักวิทยาศาสตร์พบเชื้อไวรัสซิกาในลิง จากนั้นพบเชื้อไวรัสติดถึงมนุษย์ในยูกันดาและแทนซาเนียครั้งแรกเมื่อปี 2495 ลามมาพบเจอเชื้อไวรัสติดถึงมนุษย์แถบเอเชีย อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซียและปากีสถานระหว่างปี 2512-2526 และระบาดใหญ่ครั้งแรกบนเกาะ Yap ในมหาสมุทร แปซิฟิกเมื่อปี 2550 ประชากรบนเกาะแค่ 11,000คน พบติดเชื้อไวรัสซิกามากถึง 73 เปอร์เซ็นต์

โลกตื่นตัวตระหนักภัยจากไวรัสซิกาอีกระลอกเมื่อช่วงปีที่แล้ว บราซิลพบการระบาดของไวรัสซิกาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามด้วยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเมื่อช่วงเดือน พ.ย.

ล่าสุด บราซิลยืนยันเจอทารกป่วยศีรษะและสมองลีบเล็กทั่วประเทศแล้วกว่า 1,835 รายพบผู้ติดเชื้อไวัสซิกาข้อมูลจนถึงวันที่ 2 เม.ย.ปีนี้ 91,387ราย

ถ้าถามว่า ชาวโลกจะป้องกันกำจัดเชื้อไวรัสซิกาให้หมดสิ้นเด็ดขาด ไม่ว่าเร็วหรือช้าได้หรือไม่

คำตอบคือ ยาก เพราะด้วยสภาพอากาศโลกร้อนขึ้น สภาพภูมิศาสตร์เปลี่ยนแปลง สังคมเมืองและความหนาแน่นประชากรมากขึ้น ยิ่งทำให้การป้องกันและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น

ความพยายามใช้สารเคมีกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบางพื้นที่กระทบถึงระบบนิเวศอื่นๆ เช่นที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ คือทำให้ฝูงผึ้งผลิตน้ำผึ้งของเกษตรกรตายไปด้วยหลายล้านตัว อีกทั้งเชื้อ ไวรัสซิกายังฝังตัวไม่แสดงอาการอยู่ในตัวมนุษย์และถ่ายทอดเชื้อไวรัสจากมนุษย์สู่มนุษย์ได้ทางเพศสัมพันธ์ ส่วนการถ่ายทอดเชื้อไวรัสจากน้ำนม มารดาสู่ทารกยังไม่ยืนยัน

หนทางดีที่สุดเวลานี้คือ เรียนรู้ที่อยู่กับไวรัสซิกาอย่างปลอดภัยและหาวิธีตรวจเจอเชื้อไวรัสให้ได้เร็วที่สุดเพื่อตั้งรับอาการป่วยและเร่งคิดค้นวิธีรักษาโรคและคิดค้นผลิตใช้วัคซีนโดยเร็ว…

อานุภาพ เงินกระแชง