นี่หรือ ประธานาธิบดี?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/618542

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 12 พ.ค. 2559 05:01

 

ทัศนคติของผมต่อนายโรดริโก โรอา ดูเตร์เต ผู้ชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ไม่ค่อยดีนัก พ.ศ. 2532 ขณะเป็นนายกเทศมนตรีเมืองดาเวา นักโทษในเรือนจำที่ดาเวาเกิดจลาจล

ตอนนั้นนักโทษชายก่อจลาจลและข่มขืนผู้หญิง แทนที่เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เสียหาย เป็นเรื่องที่นายดูเตร์เตน่าจะต้องเสียใจและรับผิดชอบในฐานะนายกเทศมนตรี แต่ปรากฏว่า แกเอาเรื่องนี้มาพูดจาปราศรัยหาเสียง

นางสาวแจคเกอลีน เฮมิล ชาวออสเตรเลียซึ่งกำลังเผยแผ่ศาสนาอยู่ในเรือนจำเมืองดาเวาในขณะนั้น ก็เป็นคนหนึ่งที่โดนนักโทษรุมโทรมข่มขืนและฆ่า

การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เมื่อเดือนที่แล้ว นายดูเตร์เตเอาเรื่องนี้มาเล่าบนเวทีปราศรัยหาเสียง

“They raped all of the women. There was this Australian lay minister. When they took them out, I saw her face and I thought, What a pity. They raped her, they all lined up. I was mad she was raped but she was so beautiful. I thought, the mayor should have been first.”

“พวกมันข่มขืนผู้หญิงทุกคน มีนักเผยแผ่ศาสนาชาวออสเตรเลียอยู่ด้วย ตอนที่พาพวกเธอออกมา ผมมองหน้าเธอแล้วก็คิดว่า เธอน่าสงสารจริงๆ พวกมันข่มขืนเธอ จับเธอเรียงคิว ผมคลั่งมากที่เธอโดนข่มขืน เธอช่างสวยอะไรอย่างนี้ ผมคิดว่า นายกเทศมนตรีควรจะได้ข่มขืนเธอเป็นคิวแรก”

คำพูดสะท้อนความคิดของสิ่งที่อยู่ใต้สมองของผู้นำ นี่คือมาตรฐานทางจริยธรรมและศีลธรรมของผู้ที่จะมาเป็นประธานาธิบดีของประเทศที่มีประชากรเกิน 100 ล้าน และผู้คนส่วนใหญ่นับถือคริสต์โรมันคาทอลิกซึ่งมีศีลธรรมสูงและเคร่งครัดในศาสนา ผู้คนที่ฟังดูเตร์เตพูดจาปราศรัยในวันนั้นต่างตลกขบขันและมันไปกับลีลาการพูดจาของดูเตร์เต ผมพยายามนึกถึงเหตุผลว่าทำไมคนจึงสนับสนุนพวกเหยียดเพศเป็นประธานาธิบดี

เมษายน 2559 นายดูเตร์เตคนนี้พูดต่อหน้าคณะนักธุรกิจชั้นนำของประเทศ “I was separated from my wife. I’m not impotent. What am I supposed to do? Let this hang forever? When I take Viagra, it stands up.” ซึ่งไม่เหมาะสมที่ผมจะเอามาแปลนะครับ แกพูดถึงสมรรถภาพทางเพศ เรื่องไวอะกร้า เรื่องนกเขาขัน ซึ่งเรื่องอย่างนี้ไม่ควรนำมาเล่าในที่สาธารณะ

วันเสาร์ที่ผ่านมาหมาดๆ ในการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้าย แกพูดถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนว่า แกจะเลิกนึกถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนไปเลย “Forget the laws on human rights. If I make it to the presidential palace, I will do just what I did as mayor. You drug pushers, hold-up men and do-nothings, you better go out. Because as the mayor, I’d kill you.” ถ้าแกได้เป็นประธานาธิบดีก็จะทำอย่างที่เคยทำตอนที่เป็นนายกเทศมนตรี ใครทำผิดจะแกฆ่าซะให้หมด

ถ้านายดูเตร์เตทำอย่างที่พูดไว้ในตอนปราศรัยหาเสียง ผมว่าฟิลิปปินส์จะเป็นสาธารณรัฐที่ถอยหลังสู่ยุคมืด ไม่ต้องสนใจกฎหมายกันอีกต่อไปแล้ว เมื่อมีคนบอกว่าแกชอบฆ่าคนด้วยกระบวนการนอกศาล แกก็บอกว่า “ถ้างั้นผมจะเอาตัวมันไปอยู่ต่อหน้าผู้พิพากษา แล้วก็ฆ่ามันตรงนั้นเลย ทำแค่นี้ ก็ไม่ใช่นอกศาลแล้ว”

แถมยังขู่ว่า ถ้ารัฐสภาตีรวน แกก็จะสถาปนาระบอบเผด็จการ

กดแป้นคอมพิวเตอร์ถึงตรงนี้ ผมรู้สึกว่าผมกล้ามเนื้อแขนอ่อนแรง มือสั่น ตาเหล่ และเริ่มเห็นภาพซ้อน ผู้อ่านท่านผู้เจริญ ตาผมเริ่มพร่ามัวลงเรื่อยๆ รู้สึกว่าผมอาจจะหมดสติลงไปในเวลาไม่ช้า ขออนุญาตลาท่านทั้งหลายไปก่อนครับ

โอย ผมเขียนต่อไปไม่ไหวจริงๆ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ค้าชายแดนเชื่อมเพื่อนบ้านสู่จีน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/617988

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 11 พ.ค. 2559 05:01

 

12-13 พฤษภาคม 2559 ท่านที่ทำการค้า/การลงทุนชายแดนไทย ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ ผมขอแนะนำให้ท่านไปที่โรงแรมไอ โฮเต็ล นครพนม สองวันนี้มีงานใหญ่ มากันทั้งเจ้าแขวงคำม่วน เจ้าแขวงสะหวันนะเขต ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผวจ.นครพนม/สกลนคร/ มุกดาหาร กรมการค้าต่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าและอุตสาหกรรม สปป.ลาว หอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 หอการค้าและอุตสาหกรรมแขวงคำม่วนและแขวงสะหวันนะเขต ฯลฯ

ใครทำการค้าการลงทุนกับลาวแล้วติดๆขัดๆ ผมว่าโครงการส่งเสริมและขยายการค้าชายแดนเชื่อมโยงเพื่อนบ้านสู่จีนตอนใต้นี่แก้ไขได้ เพราะมีทั้งการประชุมร่วมภาคเอกชนไทย-สปป.ลาว ประธานร่วมของแต่ละกลุ่มของเอกชนจะนำเสนอความเห็นและข้อเสนอเกี่ยวกับความร่วมมือการขยายการค้า/ลงทุน/ขนส่ง ระหว่างกันต่อปลัดกระทรวงและคณะผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ไทย เจ้าแขวงคำม่วน และเจ้าแขวงสะหวันนะเขตของลาว

ส่วนการบรรยายจะมีในวันศุกร์ 09.00-12.00 น. ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “ขยายการค้าชายแดนและการลงทุนไทยผ่านเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ” 13.30-15.30 น. มีสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การค้า (สินค้าอุปโภค/บริโภค) จากแดนไทยสู่ลาว” โดยวิทยากรหน่วยงานสุขอนามัยด่านท่าแขกและด่านสะหวันนะเขต สปป.ลาว + สนง.มาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กรมปศุสัตว์ และกรมวิชาการเกษตร เห็นรายชื่อหน่วยงานของทั้งสองฝั่งแล้ว ผมว่าผู้ลงทุน หรือผู้ที่ค้าขายสินค้าเกษตร ก็คงจะพลาดงานนี้ไม่ได้นะครับ

การค้าการลงทุนสมัยใหม่ต้องศึกษากฎหมายและระบบภาษีให้ชัดเจน อ่านข่าวจากที่ไหนก็ไม่ถูกต้องเป๊ะเท่ากับฟังจากปากของข้าราชการเจ้าของพื้นที่ การจะได้พบและได้ฟังคนระดับผู้ว่าราชการและเจ้าแขวงเป็นเรื่องไม่ง่าย

นอกจากกฎหมายและภาษี การขยันสร้างความสัมพันธ์ก็จำเป็นครับ ต้องประชุมสัมมนาร่วมกันบ่อยๆ กินข้าวกินปลา เห็นหน้าค่าตา ร้องรำฮัมเพลงร่วมกัน ถึงคราวปัญหาเกิด ก็แก้ไขได้ง่ายนิดเดียว

จีนไม่ค่อยมาประชุมอะไรอย่างนี้ นักธุรกิจและนักลงทุนจีนจึงมีปัญหาบ่อย อย่างเดือนที่แล้ว มีคนจีนถูกโจมตีในลาวหลายพื้นที่ ทั้งโดนระเบิด ทั้งลอบยิง เพียงเดือนเดียว นักลงทุนจีนทั้งตายทั้งบาดเจ็บ จีนเข้ามาสร้างอิทธิพลโดยให้เงินกู้ยืม ให้ความช่วยเหลือและลงทุนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน จีนทุ่มสตางค์ไปเยอะ แต่ไม่ได้สร้างสัมพันธ์ให้คนทั้ง 2 ฝั่งสนิทสนมกันแบบที่ไทยทำ

ที่เมียนมาเองก็มีเรื่อง บริษัทวานเป่าของจีนไปร่วมทุนกับทหารเมียนมาผลิตทองแดงที่เหมืองเล็ตปะด่อง เมืองโมนยวา เขตสะกาย โดยเข้าไปแบบยึดที่ดินชาวบ้าน ทำลายสิ่งแวดล้อม เมื่อคนท้องถิ่นหืออือ ก็โดนตำรวจทหารจับ รัฐบาลพลเรือนของนางซูจีก็กระอักกระอ่วน เพราะจีนเป็นนักลงทุนรายใหญ่ของเมียนมา มีมูลค่าการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติรวมแล้วมากกว่า 15,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์ไทยประชุมกับเพื่อนบ้านชายแดนเป็นประจำ ปัญหาของนักธุรกิจไทยจึงมีน้อยกว่านักธุรกิจชาติอื่น อย่างวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คนเวียดนามประท้วงนักธุรกิจไต้หวันเจ้าของโรงงานเหล็กบริษัทฟอร์โมซาที่ทำให้สารพิษรั่วไหล เป็นผลให้ปลาในทะเลจังหวัดฮาติงตายเป็นเบือ อุตสาหกรรมประมงท้องถิ่นของจังหวัดนี้พังระเนระนาด

นอกจากไทยแล้ว พวกที่เริ่มกระดิกพลิกตัวด้านการระหว่างประเทศอย่างลึกและมั่นคง ผมว่าเป็นรัฐบาลพลเรือนชุดแรกของเมียนมาครับ เมื่อสิบวันก่อน ประธานาธิบดีถิ่นจอและนางซูจี ซึ่งเป็นที่ปรึกษาแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมาไปเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ โดยเลือกไปเยือน สปป.ลาว

นายบุนยัง วอละจิต เป็นประธานประเทศเมื่อเมษายน 2559 ยังไม่เคยต้อนรับผู้นำต่างประเทศคณะไหนเลย รับเมียนมานี่แหละคณะแรก ต่างคนต่างเป็นคนแรกของกันและกัน ดูแนวโน้มแล้ว ผมว่ารัฐบาลพลเรือนชุดแรกของเมียนมา ที่เลือกตั้งด้วยระบอบประชาธิปไตย จะพบความสำเร็จในการพัฒนาความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก

ขอบคุณกรมการค้าต่างประเทศที่จัดโครงการส่งเสริมและขยายการค้าชายแดนเชื่อมโยงเพื่อนบ้านสู่จีนตอนใต้ เพื่อพัฒนาการค้าชายแดน เพิ่มช่องทางและโอกาสทางการตลาดของสินค้าและบริการของไทยใน สปป.ลาว

ผมเชื่อว่าสิ่งต่างๆ ที่ท่านทำ จะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการค้าชายแดนให้กับผู้ประกอบการไทย-สปป.ลาว ขอบคุณครับ ขอบคุณ.
คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ไม่น่าเชื่อ คลินตันจะมาได้ถึงวันนี้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/617473

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 10 พ.ค. 2559 05:01

 

09.00-12.00 น. อังคารวันนี้ พบกันที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 1 สระบุรี ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูดรับใช้ผู้ที่จบ ม.6 และ ปวช.ที่สอบเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจได้เมื่อปีที่แล้ว และกำลังเรียนหลักสูตรนักเรียนนายสิบตำรวจ รุ่น 7/2558 ประสงค์ของผู้เชิญก็คือ ต้องการเตรียมตำรวจไทย 400 นายเหล่านี้ ให้เป็นตำรวจคุณภาพชั้นดียอดเยี่ยมของประชาคมอาเซียน

คนเรานะครับ ถ้าพัฒนาด้วยความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งก็จะไปถึงจุดที่ผู้คนยอมรับ ดูอย่างฮิลลารี โรดัม ซีครับ สมัยเรียนอยู่ที่เวลส์ลีย์ เธอเป็นเด็กไม่ประสีประสา แถมบูชาพวกมีฐานะ นางสาวฮิลลารีจึงไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน

ฮิลลารีมีโอกาสทำกิจกรรมประท้วงสงครามเวียดนาม ความคิดพวกซ้ายก็เข้าไปในสมองของเธอ เมื่อเข้าเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยเยล ปรัชญาการเมืองของฮิลลารีก็มาทางซ้ายเต็มตัว พอรู้ตัวว่าอุดมการณ์ของตนมาทางด้านนี้ เธอก็ต้องย้ายมาสมัครเป็นสมาชิกเดโมแครต ซึ่งเป็นพรรคที่เห็นอกเห็นใจคนจน มีนโยบายเพื่อคนจนมากกว่าพวกคนรวยและคนชั้นสูง

ที่เยลนี่เองครับ นางสาวฮิลลารี โรดัม พบกับนายคลินตัน และแต่งงานกัน เธอจึงใช้ชื่อนามสกุลว่าฮิลลารี คลินตัน ต่อมานายคลินตันได้เป็นผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอ ผู้ว่าการคลินตันแอบเอางานรัฐมาให้เมียซึ่งทำงานในสำนักงานทนายความเอกชนทำ จึงตกเป็นข่าวใหญ่ทำลายชื่อเสียงสองผัวเมียเสียจนป่นปี้

ตอนที่นายคลินตันเป็นเพียงผู้สมัครประธานาธิบดีเมื่อ พ.ศ.2535 มีคนไปค้นเบื้องหลังการทำมาหากินของสองผัวเมียมาโจมตี โพลก็ออกมาเยอะ บางโพลถามว่า นางคลินตันเป็นตัวเสริมหรือถ่วงสามี? โพลสมัยนั้นออกมาว่า “เป็นตัวถ่วง”

มีอยู่โพลหนึ่งถามว่า นางคลินตันจะทำหน้าที่สุภาพสตรีหมายเลข 1 ได้ดีขนาดไหน? ผลโพลใน พ.ศ.2535 ก็คือ ดีเยี่ยม 10% ดี 36% ธรรมดา 24% และเลว 9%

ผิดกับบุชผู้พ่อ ซึ่งประกาศสงครามอ่าวกับอิรักและเป็นฝ่ายชนะ นายบุชเป็นฮีโร่ ได้รับความนิยมสูงมาก ทุกคนมั่นใจว่า ยังไงซะ บุชจะต้องชนะได้เป็นประธานาธิบดีต่อเป็นสมัยที่ 2 แหงแก๋ ไม่มีใครเสียเวลาไปชำเลืองหางตามองผู้สมัครของพรรคเดโมแครตเลย

ทุกคนมองว่า ผู้สมัครฝั่งเดโมแครตก็สมัครไปยังงั้นนั่นแหละ ทั้งนายบิล คลินตัน, นายพอล ซองกา และนายเจอร์รี บราวน์ โพลต่างๆก็มีผลสำรวจออกมาว่า ประชาชนคนที่สังกัดพรรคเดโมแครตไม่พอใจผู้สมัครทั้ง 3 คนของตนมากขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่งผู้สมัครที่มีชื่อว่านายคลินตันนี่ คนนี้ยิ่งหนัก โดนข้อหาหนีเกณฑ์ทหาร ซึ่งก่อนหน้านั้น สหรัฐฯต้องเกณฑ์คนหนุ่มไปรบเวียดนาม บทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เขียนกันใหญ่ว่า นายคลินตันหนีทหาร แล้วจะมาเป็นประธานาธิบดีซึ่งต้องเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ยังไง?

คนจำนวนไม่น้อยมีทัศนะว่า สองผัวเมีย ทั้งนายและนางคลินตัน เป็นพวกพูดปด เชื่อถือไม่ได้ ไม่จริงใจ ในขณะที่ประธานาธิบดีบุชนำประเทศไปชนะสงครามอ่าว แต่ผู้ท้าชิงจากเดโมแครตดันหนีทหาร หากมีศึกสงคราม ประธานาธิบดีจะเอาความชอบธรรมที่ไหนไปสั่งทหาร?

พ.ศ.2535 สองคนผัวเมียนี่ตอบคำถามได้ไม่เก่ง แถมยังชอบแขวะชอบขวิด ตอนไปหาเสียงที่โคโลราโด มีคนถามเรื่องหนีทหาร นายคลินตันตอบว่า “คนโคโลราโดและคนตะวันตกไม่สนใจเรื่องนี้ ที่สนใจ ผมก็เห็นมีแต่พวกสื่อ เพราะพวกนี้ต้องทำข่าว คนออกเสียงทั่วไปไม่ให้ราคา คนอเมริกันสนแต่เพียงว่า ใครจะมาแก้ไขปัญหาว่างงาน การศึกษา และเศรษฐกิจของประเทศ”

ตอบอย่างคลุมเครือและตอบได้อย่างไม่ฉลาดขนาดนี้ นายคลินตันยังมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯได้นานตั้ง 2 สมัย 8 ปี

แถมนางคลินตัน ที่ยืนลอยหน้าอยู่กับสามีในวันนั้น

ยังมาสมัครประธานาธิบดีในวันนี้

29 ปีที่ผ่านไป

สองผัวเมียพัฒนาไปได้ไกลจริงๆครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ทรัมป์ (2016) อาจเหมือนเปอโรต์ (1992)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/617009

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 9 พ.ค. 2559 05:01

 

ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งผมรู้จักดี ท่านเลิกเข้าประชุมเรื่องประชาคมอาเซียนทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่า “ผมทำแทบตาย แต่สุดท้ายก็มีความรู้สึกว่าโดนหลอก ดูเหมือนว่ารัฐบาลไทยและอีกของ 9 ประเทศ ไม่ต้องการประชาคมอาเซียนจริงๆ”

ทว่าตำรวจไทยไม่เลิก เพราะตำรวจไทยรู้ว่าพหุภาคีและการเปิดเสรีทำให้ผู้ร้ายทำงานได้ซับซ้อนขึ้น ผู้ร้ายมีพื้นที่ปฏิบัติการได้กว้างขวางขึ้น ใครจะเลิกศึกษา แต่ตำรวจไทยกลับเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น
อังคารพรุ่งนี้ 09.00-12.00 น. พล.ต.ต.ธวัชชัย ยิ่งเจริญสุข ผบก.ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 1 เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “ตำรวจไทยกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน” รับใช้นักเรียนนายสิบตำรวจ รุ่น 7/2558 จำนวน 400 นายที่ศูนย์ฝึกฯ ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี

เสาร์ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา พวกเราตามพ่อไปพูดที่กระบี่โดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG241 เที่ยวบินนี้มีคนอเมริกันนั่งมาด้วย ผู้ที่นั่งติดกับผมคือ Mr.Matthew Baker ส่วนคนนั่งแถวหน้าเป็น Senior Director ของ FELD Entertainment ที่ทำพวก Disney On Ice เพราะนั่งติดกัน ก็เลยคุยและแลกนามบัตรกัน เมื่อถูกถามว่า 8 พฤศจิกายนที่จะถึง พวกคุณจะเลือกใคร? ท่านเหล่านี้ตอบเหมือนกันว่า “ทรัมป์”

ผมว่าการเมืองอเมริกันลอกการเมืองไทยมากขึ้นนะครับ บางคนไม่เลือกนาย ก. เพราะไม่ชอบนาง ข. ไม่อยากให้นาง ข. ชนะ

การสำรวจที่ทำโดยรอยเตอร์พบว่า คนเลือกนายทรัมป์นั้น ร้อยละ 47 เลือกเพราะไม่อยากให้นางคลินตันเป็นประธานาธิบดี ที่ชอบนโยบายการเมืองของนายทรัมป์ มีเพียงร้อยละ 43 ที่ชอบเป็นการส่วนตัวมีเพียงร้อยละ 6

คนเลือกนางคลินตันเพราะไม่อยากให้นายทรัมป์เป็นผู้นำมากถึงร้อยละ 46 ที่ชอบนโยบายมีเพียงร้อยละ 40 ส่วนอีกร้อยละ 11 ชอบเป็นการส่วนตัว

เขียนถึงนายทรัมป์ ทำให้นึกได้ว่า ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกามีมหาเศรษฐีเข้ามาข้องแวะอยู่หลายครั้ง ตอนที่อดีตประธานาธิบดีคลินตันลงสนามแข่งขันครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2535 ตอนนั้น มีเศรษฐีคนหนึ่งที่รวยระดับเดียวกับทรัมป์ลงแข่งขันด้วย ผู้อ่านท่านยังจำนายเอช รอส เปอโรต์ ได้ไหมครับ? นายเปอโรต์เป็นเจ้าของอิเล็กทรอนิกส์ ดาตา ซิสเท็ม ที่ตอนหลังขายกิจการให้บริษัทเยนเนอรัลมอเตอร์ส และสมัยนั้น แกเป็นเศรษฐีอันดับที่ 14 ของสหรัฐฯ ด้วยทรัพย์สิน 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

นายเปอโรต์กับนายทรัมป์เป็นเศรษฐีที่ 1.ชอบทำอะไรแผลงๆ เหมือนกัน และ 2.แข่งกับพวกคลินตันเหมือนกัน เปอโรต์แข่งกับนายคลินตันเมื่อ พ.ศ.2535 ส่วนนายทรัมป์แข่งกับนางคลินตันเมื่อ พ.ศ.2559 ห่างกัน 24 ปี

ประวัติทำอะไรแผลงๆของนายทรัมป์มีให้อ่านเต็มอินเตอร์เน็ต ท่านที่เป็นคอการเมืองท่านทราบดีอยู่แล้ว แต่บางท่านอาจจะลืมความบ้าของนายเปอโรต์ ที่ครั้งหนึ่งแกทนความล่าช้าของรัฐบาลอเมริกันไม่ไหว แกจึงใช้เงินส่วนตัวจ้างคอมมานโดบุกเข้าไปในอิหร่านเพื่อชิงตัวประกันคนอเมริกันที่ถูกกักตัวอยู่ตอนพระเจ้าชาร์ถูกโค่นอำนาจเมื่อ พ.ศ.2522

ตอนสมัครประธานาธิบดี เปอโรต์ประกาศนโยบายว่าจะตัดเงินประกันสังคมออกจากผู้รับที่ไม่ต้องการเงินจริง (ซึ่งก็คือคนรวย)เปอโรต์โม้ว่า วิธีนี้จะช่วยประหยัดเงินของชาติได้มากถึงปีละ 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

พ.ศ.2535 อเมริกามีหนี้ 4 ล้านล้านดอลลาร์ นายเปอโรต์ประกาศว่าจะตัดงบประมาณทหารออกให้หมด หรือออกเกือบหมด และจะเอาเงินที่ตัดจากงบประมาณไปบวกกับเงินที่ตัดจากประกันสังคม เพื่อเอาไปใช้ผ่อนหนี้ที่รัฐบาลมีอยู่

ความแผลงและนโยบายที่แปลกแหวกแนวของนายเปอโรต์ยังมีอีกเยอะและคนอเมริกันก็ชอบเสียด้วย ทำให้ในเปร้สซิเด้นเชียล ดี เบต หรือการโต้วาทีระหว่างผู้สมัครเข้าแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี 3 คนในยกแรกเมื่อ 11 ตุลาคม 2535 คนที่ได้คะแนนที่หนึ่งจากทุกสำนักคือนายเปอโรต์ ตามมาด้วยนายคลินตัน และที่สาม เป็นนายบุชผู้พ่อ

แต่ผลการเลือกตั้งปีนั้น นายคลินตันเป็นผู้ชนะ

การเลือกตั้งปีนี้ ผมว่าผลก็อาจจะออกมาคล้ายกัน.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

เรื่องยุ่งอีนุงตุงนัง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/615711

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 6 พ.ค. 2559 05:01

 

เสาร์พรุ่งนี้ ผู้อ่านท่านที่เป็นชาวกระบี่และจังหวัดใกล้เคียง 09.00 -12.00 น. พบกันที่โรงแรมมารีไทม์ ปาร์ค แอนด์ รีสอร์ท นอกจากจะพูดเรื่อง “สหกรณ์ออมทรัพย์ไทย” แล้ว ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ จะรับใช้ “แนวโน้มการทำธุรกิจในอนาคต” อีกด้วย

อีกไม่นาน ก็จะมีคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการที่กรุงเฮก เกี่ยวกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ที่ฟิลิปปินส์เสนอต่อศาลอนุญาโตตุลาการภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ซึ่งจีนไม่เห็นด้วย และบอกว่าข้าจะไม่เข้าร่วมในกระบวนการอนุญาโตตุลาการ จีนตะโกนก้องร้องยืนยันว่า อธิปไตยเหนือดินแดนของข้าเป็นเรื่องที่อยู่นอกเขตอำนาจของศาลอนุญาโตตุลาการตามอนุสัญญาสหประชาชาติที่ว่า

เรื่องนี้น่าติดตามครับ เพราะนี่หมายถึงความสงบสุขหรือความวุ่นวายขายปลาช่อนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ทะเลาะกัน ก็เป็นเรื่องการแข่งขันอ้างสิทธิกัน ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ในทะเลเท่านั้น แต่ยังเป็นการอ้างสิทธิเหนือน่านน้ำทางทะเล โดยอ้างจากฝั่งของเกาะต่างๆ ของแต่ละฝ่าย รวมทั้งที่จีนยืนกระต่ายขาเดียว อ้างสิทธิประวัติศาสตร์ด้วย

หากศาลอนุญาโตตุลาการมีความเห็นว่า ศาลไม่มีอำนาจในการพิจารณาข้อพิพาท เรื่องทางศาลก็จบนะครับ ส่วนเรื่องการต่อสู้แย่งชิงสิทธิในทะเลจีนใต้ทางด้านอื่นๆ ผมว่ายังไงก็จะยังมีอยู่ต่อไป

ถ้าศาลอนุญาโตตุลาการตัดสินว่า ศาลมีอำนาจในการพิจารณาข้อพิพาท สิ่งที่จะต้องนำมาพิจารณาต่อไปก็จะเป็นประเด็นน่านน้ำประวัติศาสตร์ และถ้าศาลยอมรับน่านน้ำประวัติศาสตร์ เรื่องกรรมสิทธิ์เหนือเกาะและน่านน้ำในทะเลจีนใต้ก็คงตัดสินได้ไม่ยาก ประเด็นที่จะเหลือเป็นปัญหาต่อไป ผมว่าจะเป็นปัญหาการแบ่งเขตเศรษฐกิจจำเพาะระหว่างฝ่ายต่างๆ

จีนบอกว่า ข้ามีกรรมสิทธิ์ ข้าขออ้างสิทธิประวัติศาสตร์ของจีนในทะเลจีนใต้ แต่สิทธิประวัติศาสตร์ของจีนไม่เป็นที่ยอมรับ เพราะมีการประท้วงจากหลายประเทศ ศาลจึงอาจจะไม่รับน่านน้ำประวัติศาสตร์ของจีนในทะเลจีนใต้ ตอนนี้ก็มีหลายประเทศที่ช่วยกันสร้างทฤษฎีใหม่เพื่อใช้ต่อต้านจีนว่า สิทธิประวัติศาสตร์ใช้อ้างเฉพาะน่านน้ำที่ติดหรือใกล้กับฝั่ง และกฎหมายระหว่างประเทศก็ไม่เคยกำหนดขอบเขตการใช้หลักสิทธิประวัติศาสตร์

ถ้าศาลไม่รับสิทธิประวัติศาสตร์ในคดีนี้ ศาลก็อาจจะสั่งให้แบ่งน่านน้ำ หลังจากนั้น จีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และบรูไนก็จะต้องมาเจรจาแบ่งพื้นที่ตามหลักการแบ่งเขตเศรษฐกิจจำเพาะและไหล่ทวีป

ก่อนที่จะเจรจาแบ่งน่านน้ำ ทุกประเทศก็ต้องมานั่งชุมนุมสุมหัวคุยกันเรื่องกรรมสิทธิ์เหนือเกาะต่างๆซะก่อน เกาะไหนมีคนอยู่ก็อ้างเขตเศรษฐกิจจำเพาะและ/หรือไหล่ทวีปได้เลย ส่วนเกาะที่ไม่มีคนอาศัยก็ต้องอ้างทะเลอาณาเขตได้เพียง 12 ไมล์ทะเล

ถ้าตกลงกันไม่ได้ แต่ละประเทศก็ต้องเข้าไปสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เพื่อจะใช้แสดงความเป็นเจ้าของเกาะและสร้างสิทธิในการอ้างเขตเศรษฐกิจจำเพาะต่อไป

นึกไม่ออกนะครับ ว่าสถานการณ์จะบานปลายออกไปมากขนาดไหน ถ้าศาลไม่ยอมรับสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นหลังจากที่มีการประท้วง หรือหลังจากที่มีการแข่งขันการอ้างสิทธิแล้ว การเจรจาปัญหากรรมสิทธิ์ของเกาะและการแบ่งน่านน้ำก็จะยากมากขึ้นไปอีก

ถ้าจีนแพ้ ผมขอทำนายทายทักว่า จีนอาจจะถอนจากการเป็นภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ และจีนก็จะเดินตามรอยสหรัฐฯ เพราะสหรัฐฯเป็นประเทศที่อยู่นอกอนุสัญญานี้ สหรัฐฯ นักเลงโตบอกว่า การอยู่นอกอนุสัญญานั้นดีกว่าการเป็นภาคี แต่ไม่ทำตามคำตัดสินกฎหมายทะเล สหรัฐฯบอกว่า ข้าไม่ขอร่วมเป็นภาคี เพราะข้าต้องการทำในสิ่งที่ข้าจะรักษาผลประโยชน์ของข้า ตามวิธีที่ข้ากำหนดเท่านั้น

ถ้าจีนแพ้ นอกจากอาจจะถอนตัวจากการเป็นภาคีที่ผมเรียนรับใช้ไปในย่อหน้าข้างบนแล้ว ผมขอทำนายทายต่อว่า จีนจะไม่ถอน ทหารออกจากเกาะต่างๆ “ข้าไม่ถอนซะอย่าง ฟิลิปปินส์จะทำอะไรข้าได้ จะไปร้องเรียนคณะมนตรีความมั่นคงฯ บังคับให้ข้าปฏิบัติตามคำตัดสิน ก็เชิญ ร้องเรียนก็ร้องไป ทว่าข้าจะไม่ทำตาม เพราะว่า อ้า ข้าเป็นยักษ์ใหญ่”

นอกจากจะเข้าควบคุมการใช้พื้นที่ในทะเลจีนใต้+ห้ามเรือประมงต่างชาติเข้ามาในน่านน้ำแล้ว จีนยังจัดให้คนจีนไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ 130 แห่ง ใครอยากจะไปเที่ยวก็ต้องไปลงเรือที่เกาะไหหลำ และนั่งเรือลงไปทางใต้ 300 กว่ากิโลเมตร

ผู้อ่านท่านผู้เจริญเห็นเค้าแห่งความยุ่งยากในภูมิภาคของเราแล้วหรือยังครับ?

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

จีนแยกอาเซียนเป็นเสี่ยงๆ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/615192

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 5 พ.ค. 2559 05:01

 

3 ชั่วโมงของเช้าวันนี้ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูดรับใช้ข้าราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นอกจากเรื่องไทยในประชาคมอาเซียนแล้ว 1 ชั่วโมงหลังจะรับใช้เรื่อง Start up และแนวโน้มเศรษฐกิจและ

สังคมของโลกสากลในอนาคต หากผู้คนในท้องถิ่นชนบทไทยไม่สนใจเรื่องพวกนี้บ้าง การส่งเสริมของราชการก็ไร้ประโยชน์ เป็นการปฏิบัติราชการที่ตกโลก สิ้นเปลือง การปฏิบัติราชการแทนที่จะเพิ่มโอกาส กลับทำให้ประชาชนและประเทศเสียโอกาส 09.00-12.00 น. พบกันที่สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น ปทุมธานี ครับ

รมว.ต่างประเทศจีนบินไปพบผู้นำกัมพูชา ลาว และเมียนมา เมื่อสัปดาห์ก่อน จากนั้นก็มาแถลงที่เวียงจันทน์ว่า จีนมี consensus หรือความเห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์กับกัมพูชา ลาว และบรูไน 4 ข้อในประเด็นจีนใต้ว่า…

ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ที่เกี่ยวกับเกาะแก่งทั้งหลาย ไม่ใช่ประเด็นระหว่างจีนกับอาเซียนในภาพรวม ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะต้องแก้ไขหรือเจรจาระหว่างคู่กรณีโดยตรง พวกเราทั้ง 4 ประเทศ (จีน กัมพูชา ลาว และบรูไน) ไม่เห็นด้วยกับที่ประเทศใดจะพยายามบังคับให้อีกประเทศหนึ่งทำตามวาระของตน เราทั้งหลายเคารพในสิทธิอันชอบธรรมของรัฐอธิปไตยที่จะเลือกแก้ไขข้อพิพาทภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ

ผมว่าแถลงการณ์ที่เวียงจันทน์ครั้งนี้ ทำให้อาเซียนเริ่มแตก อาเซียนมีสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ เราทั้ง 10 ประเทศเคยแถลงเพื่อยืนยันจุดยืนว่า แม้ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้จะเป็นการเจรจาระหว่างคู่กรณี (เช่น จีนกับเวียดนาม หรือจีนกับฟิลิปปินส์) แต่อาเซียนกับจีนก็จะต้องมีกลไกการป้องกันปัญหาและแก้ไขข้อพิพาทร่วมกัน

จีนดิ้นเรื่องอธิปไตยเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ จีนแย่งเกาะพวกนี้กับเวียดนามและฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศเล็กชาติน้อยด้อยกำลังกว่าตนเยอะ จะพิจารณาด้านไหนก็สู้จีนไม่ได้ ทั้งสองประเทศจึงจำเป็นจะต้องไปลากอเมริกาเข้ามายุ่ง ถึงขนาดอเมริกาเคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะปกป้องฟิลิปปินส์ด้วยอาวุธนิวเคลียร์

ที่อเมริกาสัญญากับฟิลิปปินส์นี่ก็เป็นปัญหานะครับ เพราะประชาคมอาเซียนมีสนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ห้ามชาติภาคีเกี่ยวข้องโดยตรงหรือทางอ้อมกับอาวุธนิวเคลียร์ทั้งในประเทศและนอกประเทศของตน

อเมริกาก็ดิ้นที่จะหยุดยั้งจีนให้ได้ พยายามแม้กระทั่งไปยุฟิลิปปินส์ให้ไปร้องกับศาลโลก จนอีกไม่นานนี้แหละครับ ก็จะมีคำวินิจฉัยจากอนุญาโตตุลาการที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ เรื่องการตีความในข้อกล่าวอ้างของจีนเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนใต้

รมว.ต่างประเทศจีนไปพบนางซูจี ซึ่งเป็นที่ปรึกษาแห่งรัฐและ รมว.ต่างประเทศเมียนมา แต่ตอนที่ออกมาแสดงฉันทามติ กลับมีแต่จีน บรูไน กัมพูชา และลาว

อ้าว แล้วเมียนมาหายไปไหน?

ผมว่าเมียนมาที่บริหารประเทศโดยรัฐบาลพลเรือนในปัจจุบัน คงไม่ต้องการทำอะไรเลอะเทอะเปรอะปะ เมียนมาจึงหนีเรื่องฉันทามติอันแสนแปลกแหวกแนวนี้

ถ้าอนุญาโตตุลาการที่กรุงเฮกตีความเรื่องกรรมสิทธิ์บนหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ไม่เป็นไปตามที่จีนต้องการ ผมคิดว่าจีนอาจจะดื้อตาใสและอาจจะถูไถโดยยกเรื่องฉันทามติจีนและอาเซียนอีก 3 ประเทศเอาออกมาอ้างข้างๆคูๆก็เป็นไปได้

การเมืองระหว่างประเทศในขณะนี้เล่นกันแรงขึ้น รัฐบาลของประเทศไหนเลือกข้างผิด ก็มีโอกาสที่จะพาชาติและประชาชนตกเหว ผู้เล่นได้ใจประชาคมโลกในปัจจุบันก็คือรัฐบาลของเมียนมา เมียนมาเลือกไม่เข้าข้างใคร ไม่อยู่ฝ่ายไหน เมียนมาคบค้าสมาคมกับทุกชาติอย่างมีสติ สถานะของประเทศที่เคยตกต่ำก็กลับสูงเด่นขึ้นทุกวัน

มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมโกรธเมียนมาอยู่ในตอนนี้ก็คือ บทความในหนังสือพิมพ์ Myanmar Times ฉบับวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ซึ่งมีการขึ้นหัวเสียใหญ่โตว่า “Lessons from a dictatorial neighbour”

แปลเป็นไทยก็น่าจะได้ความว่า

“บทเรียนจากประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นเผด็จการ”

หนังสือพิมพ์เมียนมาโจมตีว่าไทยเป็นประเทศเผด็จการ

คนเขียนอาจจะลืมไป ว่าประเทศของตนก็เป็นเผด็จการอยู่ตั้งนานหลายสิบปี เป็นเผด็จการจนลูกหลานอดอยากปากแห้ง ไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน จนต้องเดินทางมาทำงานในบ้านเรา

ที่เมียนมาดูหมิ่นถิ่นแคลนไทยว่าเป็นเผด็จการนี่

ผมรับไม่ได้นะครับ

เรื่องนี้ต้องถึงครูอังคณาแน่นอน.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ทำไมรัสเซียไม่ล้ม?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/614697

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 4 พ.ค. 2559 05:01

 

หลายคนสงสัยว่า รัสเซียโดนเล่นงานเรื่องราคาน้ำมันมาเป็นเวลานานเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ทำไมรัสเซียยังไม่ตาย? ใครช่วยรัสเซีย? ขอเรียนนะครับ ว่ารัสเซียและจีนเป็นประเทศสมาชิกสำคัญขององค์การความร่วมมือซ่างไห่ ตอนที่รัสเซียเข้าไปยึดไครเมียและเข้าไปช่วยพวกแบ่งแยกดินแดนในยูเครน สหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับรัสเซียหวังจะให้รัสเซียลำบาก อดอยากยากแค้นและเลิกมีพฤติกรรมเข้าไปช่วยพวกแบ่งแยกดินแดน

ราคาน้ำมันตก+โดนคว่ำบาตร ทำให้รัสเซียโงนเงนโอนเอนเหมือนคนจะตายแหล่มิตายแหล่ แถมค่าเงินรูเบิลก็ร่วงลงไปมากกว่าเท่าตัว ในห้วงช่วงเวลามหาวิกฤตินี่เอง ก็มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย พระเอกที่ว่านี่คือ จีน ครับ

จีนตั้งโครงการสับเปลี่ยนเงินจำนวน 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯกับรัสเซีย จีนทำอย่างนี้เพราะต้องการให้เศรษฐกิจรัสเซียโงหัวได้ จีนให้เงินหยวนกับรัสเซีย รัสเซียให้เงินรูเบิลกับจีนในมูลค่าเท่ากัน รัสเซียได้เงินจีนมาประคองตนเองโดยที่ไม่ต้องกู้ โดยที่ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย

การสับเปลี่ยนเงินระหว่างเงินตราที่ใช้ชำระหนี้ระหว่างประเทศได้ กับเงินตราที่ใช้ชำระหนี้ระหว่างประเทศไม่ได้ นี่คือการที่มหามิตรที่มีเงินตราที่เข้มแข็งได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือประเทศที่ขาดเงินตราต่างประเทศหรือประเทศที่มีเงินตราซึ่งไม่สามารถชำระหนี้ระหว่างประเทศได้

ได้เงินหยวนของจีนมา 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เศรษฐกิจรัสเซียจึงเข้มแข็งและสามารถต่อสู้กับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกได้ ได้จีนเข้ามาช่วยในครั้งนี้ ทำให้รัสเซียยังเข้มแข็งพอที่จะเข้าไปเกี่ยวดองหนองยุ่งกับปัญหาของยูเครน เรื่องจีนช่วยรัสเซียนี่ทำให้อเมริกาและพวกตะวันตกยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ ไม่รู้จะแกล้งรัสเซียต่อยังไง

อเมริกาส่งทหารมายุ่มย่ามในมหาสมุทรแปซิฟิก เพราะต้องการจะเล่นงานจีน เมื่อจีนช่วยรัสเซียให้ยังมีกำลังวังชา อเมริกาก็จำเป็นต้องดึงทหารของตนจากภูมิภาคมหาสมุทรแปซิฟิกและแถวฟิลิปปินส์ให้ไปอยู่ในยุโรป เพื่อใช้ต่อสู้กับรัสเซีย ทำอย่างนี้จีนก็สบายตัวขึ้น

ปัญหาเกิดขึ้นที่รัสเซียปุ๊บ จีนก็ต้องรีบกระโจนเข้าไปช่วยปั๊บ เพราะจีนมีประสบการณ์รู้ว่าทิ้งปัญหาไว้นานไม่ได้ เนื่องจากรัสเซียเป็นประเทศใหญ่มีประชากร 145 ล้านคน ถ้ารัสเซียล่ม ภูมิภาคเอเชียกลางก็จะพลอยมีปัญหาไปด้วย และกลุ่มประเทศเอเชียกลางเหล่านี้ หลายประเทศมีพรมแดนประชิดติดกับจีน ถ้าประเทศรอบๆ จีนล่ม จีนนี่ล่ะครับที่จะมีปัญหามากที่สุด

เพราะรู้ว่าสหรัฐฯ จะต้องเล่นงานตัวเองแน่ในอนาคตไม่วันใดก็วันหนึ่ง ในห้วงช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จีนจึงเพิ่มงบประมาณทางทหารมากกว่าร้อยละ 10 ต่อปี เมื่อ พ.ศ. 2558 จีนประกาศงบประมาณทางทหาร 141.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลายประเทศในโลกเห็นตัวเลขก็อ้าปากค้าง แต่อเมริกาบอกว่า ตัวเลข 141.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นี่ไม่ใช่ของจริง จีนยังซ่อนงบประมาณทางทหารของตนเอาไว้ในค่าใช้จ่ายทางด้านอื่น

ถ้าเป็นประเทศอื่นนะครับ มีงบประมาณทางทหารสูงถึงขนาดนี้ก็คงจะไม่ไหว แต่เศรษฐกิจของจีนก็ยังสามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายทางทหารได้ แถมยังมีอัตราเพิ่มทางเศรษฐกิจสูงจนสามารถสะสมเงินตราต่างประเทศไว้ได้มากถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลายท่านยังเที่ยวพูดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯสูงกว่าจีน แต่ถ้ามามองในแง่การคำนวณตามอำนาจซื้อจริงแล้ว ในเวลานี้ ก็ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจจีนจะใหญ่กว่าของสหรัฐฯแล้วในความเป็นจริง

สหรัฐฯ เสียอีกที่ต้องตัดงบประมาณทางทหารเป็นจำนวนมากติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี ต้องลดงบประมาณสำหรับอาวุธนิวเคลียร์ ต้องตัดจำนวนหัวรบนิวเคลียร์และจรวดให้เหลือน้อยมากที่สุดเท่าที่จำเป็น ผู้อ่านท่านยังจำได้นะครับ เมื่อ พ.ศ. 2553 อเมริกาไปทำความตกลง The Strategic Arms Reduction Treaty กับรัสเซีย ที่ให้ลดหัวรบนิวเคลียร์และจรวดที่ติดตั้งพร้อมใช้ยิงจาก 1,790 หัวรบให้เหลืออย่างมากแค่ 1,550 หัวรบ ภายในปี พ.ศ.2561

แหม ผมเขียนเสียเพลินครับ ว่าจะตอบผู้อ่านท่านที่เคารพเรื่องทำไมรัสเซียไม่ล้ม เขียนเลยมาถึงเรื่องอเมริกาด้วย ต้องขอโทษท่านผู้อ่านด้วยครับ วันหน้าขอมารับใช้เรื่องนี้กันต่อ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ใครทำให้สวนผลไม้ตาย?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/614172

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 3 พ.ค. 2559 05:01

 

พ.ต.อ.นิคม พลประสิทธิ์ ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 24 จำกัด และชมรมสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภาคใต้ เชิญนายร้อยตำรวจ น.บ., ร.บ. รุ่นเดียวกัน คือรุ่น 15 ที่ชื่อ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของสหกรณ์ออมทรัพย์ไทย” รับใช้คณะกรรมการสหกรณ์ของตำรวจภูธรและ ตชด. ทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ ที่โรงแรมเมอริไทม์ พาร์ค แอนด์สปา รีสอร์ท จ.กระบี่ 09.00-12.00 น. ของ 7 พฤษภาคม 2559

2 ปีที่ผ่านมา พ่อผมสนทนากับนายสุเทพ น้อยไพโรจน์ หรือลุงหมี อธิบดีกรมชลประทานซึ่งเป็นศิษย์ วปอ.2555 ด้วยกันบ่อยมาก หัวข้อที่สนทนาก็มักจะเป็นเรื่องแหล่งน้ำในจังหวัดจันทบุรี และตราด ซึ่ง 2 จังหวัดนี้เป็นเมืองหลวงของผลไม้ของไทย

ชาวสวนผลไม้ชาวจันท์และชาวตราดเก่งในเรื่องการผลิตผลไม้คุณภาพทั้งทุเรียน เงาะ มังคุด ลำไย ลองกอง และกล้วยไข่ เกษตรสองจังหวัดมีรายได้จากการจำหน่ายผลไม้มากกว่า 5 หมื่นล้านบาทต่อปี และสองจังหวัดที่ว่านี้ ก็เป็นพื้นที่ที่มีปริมาณฝนตกเป็นอันดับต้นๆของประเทศ

สมัยก่อนตอนที่ยังไม่มีการทำลายป่าต้นน้ำ ยังไม่มีการทำสนามกอล์ฟขนาดใหญ่ตามที่ลาดเชิงเขาซึ่งเป็นต้นน้ำ เมืองจันท์เมืองตราดไม่เคยขาดน้ำในหน้าแล้ง ทว่าตั้งแต่สนามกอล์ฟเกิด ขอเรียนว่าจันทบุรีและตราดขาดแคลนแหล่งน้ำต้นทุนที่มีปริมาณมากพอในการจะทำสวนผลไม้ให้ได้คุณภาพ

หนึ่งในปัจจัยของการทำสวนผลไม้ให้ประสบความสำเร็จก็คือ แหล่งน้ำต้นทุน โดยเฉพาะทุเรียนและลำไย ต้องใช้น้ำมากถึงประมาณ 500 ลิตรต่อต้นต่อวัน ถ้าน้ำน้อยกว่านี้ผลผลิตก็ไม่มีคุณภาพ ภัยแล้งจัดที่เกิดขึ้นขนาดต้นไม้ต้องยืนต้นตายเคยเกิดในจันทบุรีและตราดเมื่อ พ.ศ.2534 แล้วก็ปีนี้ล่ะครับ พ.ศ.2559

พวกเราตระเวนไปดูสวนทั้งในอำเภอสอยดาว โป่งน้ำร้อน เขาคิชฌกูฏ แก่งหางแมว ท่าใหม่ มะขาม และขลุง เห็นชาวสวนยืนดูต้นไม้แห้งตายแล้วสงสารครับ บางคนถึงขนาดร้องไห้เพราะกว่าจะประคองให้ต้นผลไม้ผลิดอกออกผล ก็ต้องดูแลเหมือนลูกกันมายาวนานเกิน 5-6 ปี

กรมชลประทานและหน่วยงานราชการอื่นจัดรถบรรทุกน้ำและเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือเกษตรกรกันอย่างรีบเร่ง แต่ช่วยเหลือกันไม่ได้ทุกพื้นที่ดอกครับ

จะแก้ไขปัญหาน้ำแล้งให้ได้ผล ก็จำเป็นต้องมีการพัฒนาแหล่งน้ำที่เหมาะสมกับการทำสวนผลไม้ ที่ดีที่สุดก็คือ ต้องสร้างอ่างเก็บน้ำไว้ตอนบนของแต่ละพื้นที่เพื่อเก็บกักปริมาณน้ำที่มีจำนวนมากในฤดูฝนเพื่อเอาไว้ใช้ในฤดูแล้ง

ผู้คนจำนวนไม่น้อยตำหนิติเตียนกรมชลประทานว่า ทำไมไม่สร้างอ่างเก็บน้ำไว้ให้เพียงพอ? ขอเรียนนะครับว่า กรมชลประทานที่มีลุงหมีเป็นอธิบดีนั้น วางแผนงานไว้หมดแล้ว ออกแบบอะไรไว้พร้อมหมด “แต่สร้างไม่ได้” เพราะพื้นที่ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า กรมชลประทานจะสร้างก็ต้องได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ จะเข้าไปสร้างอ่างเก็บน้ำ จำเป็นจะต้องมีการออก พ.ร.บ.เพิกถอนพื้นที่ก่อน จึงจะสามารถอนุญาตให้ใช้พื้นที่ในการก่อสร้างได้

การตำหนิติเตียนกรมชลประทานนั้น ผมว่าตำหนิไม่ถูกคนครับ เพราะตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสงวนและรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คนที่จะพิจารณาให้ความเห็นในการอนุญาตเป็นคณะกรรมการ 2 ชุด ซึ่งคณะกรรมการส่วนใหญ่แต่งตั้งจากคนภายนอกที่เป็นเอ็นจีโอ และมีความเห็นเชิงอนุรักษ์เป็นพื้นฐาน การขออนุญาตจึงผ่านได้ยากมาก บางเรื่องต้องใช้เวลานานเป็นสิบปี

ไปดูพื้นที่อุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในจันทบุรีและตราด ผู้อ่านท่านอย่านึกว่าเป็นป่าทั้งหมดนะครับ ผมไปดูมาหลายรอบแล้ว จากป่ากลายเป็นสวนผลไม้ไปเกือบทั้งหมด ถูกผู้คนบุกรุกและเข้าไปทำสวนผลไม้เป็นเวลามากมายหลายปีมานานแล้ว

ถ้าเราสามารถสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ถูกบุกรุกทำลายไปแล้วได้ ความสมบูรณ์ของป่าไม้และอาหารของสัตว์ป่าก็จะเพิ่มมากขึ้นเพราะจะมีน้ำสมบูรณ์ตลอดทั้งปี

น่าสร้างครับ ต้องสร้างครับ

คนที่ทำให้ต้นไม้ตายไม่ใช่รัฐมนตรี ไม่ใช่อธิบดี

ผู้อ่านท่านคงตาสว่างแล้วนะครับ ว่าใคร?

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

อเมริกาไม่เคยจริงใจกับใคร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/613802

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 2 พ.ค. 2559 05:01

 

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “สถานการณ์โลกกับบทบาทการพัฒนาท้องถิ่น” รับใช้นักบริหารงานการคลัง 90 คน ที่สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น จ.ปทุมธานี 09.00-12.00 น. 5 พฤษภาคม 2559

มีผู้คนขอให้ผมวิเคราะห์ว่าทำไมระยะหลังมานี้ อเมริกาไม่ค่อยเกรงใจปากีสถาน ผมขอตอบเลยนะครับ เพราะปากีสถานหมดประโยชน์สำหรับอเมริกาแล้ว และอเมริกาคิดว่าอินเดียน่าจะเป็นประเทศที่ให้ประโยชน์แก่ตัวเองมากกว่าปากีสถาน

สมัยก่อนตอนที่สหภาพโซเวียตยึดครองอัฟกานิสถาน อเมริกาก็หนุนพวกตอลีบานและสร้างอุซามะ บินลาเดน ขึ้นมาเพื่อสู้กับโซเวียต สมัยนั้นอเมริกาต้องเอาใจปากีสถาน เพราะต้องใช้แผ่นดินของปากีสถานเป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธเพื่อให้ฝ่ายต่อต้านโซเวียตเข้าไปในอัฟกานิสถาน จนในที่สุด โซเวียตต้องออกจากอัฟกานิสถานในฐานะของผู้แพ้

สมัยที่ยังมีสหภาพโซเวียต อินเดียคบค้าสมาคมเป็นหนึ่งมิตรชิดใกล้กับสหภาพโซเวียตซึ่งเป็นศัตรูของอเมริกา ในขณะเดียวกัน อินเดียกับปากีสถานก็รบกันเพราะเรื่องแคว้นแคชเมียร์ อเมริกาเลือกปากีสถานเพื่อซัดกับอินเดียและกับโซเวียต

24 ธันวาคม 2534 สงครามเย็นสงบจบลงอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วยความพ่ายแพ้ของสหภาพโซเวียต อเมริกาจึงไม่ต้องการปากีสถานที่ไปต่อต้านอินเดียแล้ว เพราะสหภาพโซเวียตที่เป็นมิตรสนิทของอินเดียไม่มีตัวตนแล้ว และอเมริกาก็ไม่ต้องพึ่งแผ่นดินปากีสถานเพื่อลำเลียงอาวุธเข้าไปให้ฝ่ายต่อต้านโซเวียตในอัฟกานิสถานแล้ว

ศัตรูของอเมริกาหลังจาก พ.ศ.2535 มา ก็มีแต่จีนนั่นแหละที่โตขึ้นเรื่อยๆ แต่จีนนี่ก็ใกล้ชิดกับปากีสถาน มีทั้งพรมแดนประชิดติดกัน แถมยังคบกันสนิทเสียอีก อเมริกาจึงใช้ปากีสถานไปต่อต้านจีนไม่ได้ แต่อินเดียเป็นประเทศที่มีปัญหาพรมแดนกับจีน เคยรบกับจีนแล้วก็แพ้จีน อินเดียจึงแค้นฝังหุ่นกับจีน อเมริกาจึงเลือกใช้อินเดียไปต่อต้านจีน การคบค้าสมาคมกันของอเมริกา จีน อินเดีย และปากีสถาน จึงกลับตาลปัตร กลายเป็นว่าตอนนี้อเมริกาคบอินเดีย ส่วนจีนไปคบปากีสถาน เดี๋ยวนี้อเมริกาไม่ให้ความช่วยเหลือทางทหารและเศรษฐกิจแก่ปากีสถานเหมือนอย่างที่เคยให้ในสมัยสงครามเย็นแล้วครับ ทำให้ปากีสถานต้องไปขอความช่วยเหลือจากจีน

ใครเป็นปากีสถานก็คงจะต้องโกรธ เพราะรับใช้อเมริกามานาน แต่พอได้รับประโยชน์สมความมุ่งมาดปรารถนาแล้ว อเมริกาก็ทิ้งปากีสถาน ทิ้งเฉยๆยังไม่พอ ยังหันไปให้การสนับสนุนอินเดียซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตของปากีสถานอีกด้วย

และโอกาสการแก้แค้นของปากีสถานก็มาถึง เมื่ออเมริกาโดนโจมตีตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ที่นิวยอร์ก เมื่อ 11 กันยายน 2544 อเมริกาต้องไปไล่ล่าอุซามะ บินลาเดน ในแผ่นดินอัฟกานิสถาน คราวนี้ปากีสถานจึงเก็บค่าลำเลียงยุทธปัจจัยผ่านปากีสถานสูงมาก บางครั้งรัฐบาลปากีสถานก็ไม่ให้เครื่องบินอเมริกันบินผ่าน เครื่องบินอเมริกันต้องไปบินอ้อมโดยใช้เส้นทางอากาศผ่านรัสเซียและต้องไปอ้อนวอนประเทศในเอเชียกลางขอบินผ่าน

ผู้อ่านท่านคงจะได้ยินข่าวนะครับ ว่าอุซามะ บินลาเดน ศัตรูเบอร์หนึ่งของอเมริกาก็มาหลบลี้หนีภัยอยู่ในแผ่นดินปากีสถานนี่เอง ตอนหลังอเมริกาก็เข้าไปบุกฆ่าโดยไม่มีการขออนุญาตรัฐบาลปากีสถาน เรื่องนี้ก็ยังทำให้สองประเทศมองหน้ากันไม่สนิท

ธรรมชาติของอเมริกาก็เป็นอย่างนี้นี่เองครับ คบกับใครก็หวังเฉพาะผลประโยชน์ พอไม่มีประโยชน์ก็ถีบทิ้ง ดูกรณีของปากีสถานนี่ ชัดเจนที่สุด

หลายคนยังชอบพูดว่า อเมริกาคือมหามิตรของไทย ตามทัศนะของผมนะครับ อเมริกาไม่น่าจะมีความคิดอย่างนั้นเลย ถึงตอนนี้นโยบายรัฐบาลไทยพาประเทศไปใกล้ชิดสนิทสนมกับจีนและรัสเซีย ผมว่าอเมริกาจึงน่าจะเริ่มปฏิบัติกับเราคล้ายๆกับตอนที่ปากีสถานไปคบกับจีนใหม่ๆ ใครคบสนิทกับจีน อเมริกามองไม่ดีทั้งนั้นแหละครับ

ถ้าอยากเข้าใจอเมริกาดีก็ต้องไปอ่านความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับปากีสถาน เมียนมา และเกาหลีเหนือ ครับ

ประเทศขนาดกลางและเล็กที่โดนอเมริกาเล่น ผมไม่เคยเห็นว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้อย่างดีสักประเทศเดียว ไม่ว่าจะเป็นปากีสถาน เกาหลีเหนือ เวเนซุเอลา ฯลฯ

ลองไปดูประเทศที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศเทียร์ 3 ของกฎหมาย TVPA หรือกฎหมายต่อต้านการค้ามนุษย์ก็ได้ครับ

ต่างอยู่แบบถูลู่ถูกัง

หลายประเทศผู้คนกำลังจะจมน้ำตายกันทั้งประเทศ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

รางวัลของคนจน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/612413

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 29 เม.ย. 2559 05:01

 

ธนาคารแห่งประเทศไทย (สำนักงานตะวันออกเฉียงเหนือ) + สภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น + หอการค้าจังหวัดขอนแก่น + คณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยขอนแก่น + สมาคมธุรกิจการ ท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่น + ชมรมธนาคารจังหวัดขอนแก่น + สมาคม ATSME ขอนแก่น + สมาคมศิษย์เก่า MBA มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “การค้าการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน” รับใช้นักธุรกิจขอนแก่น 300 คน ที่หอประชุมคณะวิทยาการจัดการ มข. 13.00-16.00 น. ของเสาร์พรุ่งนี้

ยังมีนักวิชาการที่ไม่รู้เรื่องการเมืองบางคนคิดว่า ผู้ยากจน คนด้อยโอกาสที่ยอมเสียเวลาไปหย่อนบัตรเลือกตั้งนั้น เป็นเพราะได้รับอามิสสินจ้าง ซึ่งไม่จริงเสมอไปนะครับ ในห้วงช่วง 7-8-9 พฤศจิกายน 2558 แรงงานเมียนมาในไทยนับหมื่นเรือนแสนลางานเดินทางกลับประเทศเพื่อไปเลือกตั้ง โดยที่ไม่มีใครจ่ายสตางค์ แรงงานเมียนมารู้ว่าอนาคตของตนนั้นขึ้นอยู่กับนโยบายและการบริหารชาติบ้านเมืองของรัฐบาลเลือกตั้ง

คนเมียนมาซื้อหวยถูก เพราะเลือกผู้คนที่มาเป็นรัฐบาลได้ถูกต้องของจริง วันนี้ ไม่เฉพาะคนเมียนมาเท่านั้นที่ชื่นชม แต่ คนทั้งโลกชื่นชมนางซูจี ซึ่งทันทีที่มีอำนาจ ท่านประกาศหลัก ปฏิบัติชัดเจน ห้ามข้าราชการและนักการเมืองตั้งคนใกล้ชิดและ ญาติโกโหติกามาเป็นผู้ช่วย เป็นคณะทำงาน การแต่งตั้งต้องทำด้วยระบบคุณธรรม เสียงไชโยโห่ร้องซ้องสรรเสริญดังก้องไปทั้งโลก นี่ล่ะครับ คือรางวัลของคนยากจนที่ไปลงคะแนนออกเสียงเลือกตั้ง

ในขณะที่หลายประเทศผู้บริหารฉวยโอกาสในห้วงช่วงที่ตนและพวกมีอำนาจ รีบบรรจุแต่งตั้งลูกหลานและเครือญาติเข้าไปสู่ระบบราชการและการเมือง

สถานะของเมียนมาในสังคมโลกปัจจุบันทุกวันนี้ขยับขึ้นเรื่อยๆ ภาพลักษณ์ของเมียนมาคือ ประเทศที่มีการเมืองและการบริหารที่มีความโปร่งใสในระบบคุณธรรมสากล แม้ว่าระบบอุปถัมภ์ของทหารเก่าจะยังมีอยู่บ้าง แต่น้ำดีที่ทยอยไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ได้ไล่น้ำเสียออกไปให้มีความเจือจางลง สุดท้ายก็จะเป็นน้ำใหม่ที่ใสสะอาด

แม้แต่พวกสื่อเมียนมาก็ยังตามความโปร่งใสที่เกิดขึ้นมาใหม่ในประเทศไม่ทัน สำนักงานประธานาธิบดีของเมียนมาออกประกาศว่า มีกลุ่มบริษัทสื่อเอาเงินมามอบให้แก่ผู้ช่วยส่วนตัวของเจ้าหน้าที่คนสำคัญเป็นรางวัลในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เป็นเงิน 5 ล้านจ๊าตหรือ 4,237 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 148,000 บาท

เอาเงินมาให้ปุ๊บ ผู้ช่วยฯ ก็แจ้งไปทางสำนักงานประธานาธิบดีปั๊บ สำนักงานประธานาธิบดีประกาศทันทีว่า กลุ่มบริษัทสื่อนี้ละเมิด ไม่เคารพนโยบายการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน เพราะรัฐบาลเมียนมาชุดที่มาจากการเลือกตั้งอนุญาตให้ข้าราชการรับของขวัญได้ในมูลค่าไม่เกิน 1 แสนจ๊าต หรือ 85 ดอลลาร์ เป็นเงินไทย 2,975 บาท

แต่การละเมิดครั้งนี้ รัฐบาลเมียนมาจะยังไม่กล่าวโทษร้องทุกข์เพราะถือเป็นการละเมิดครั้งแรกและยังอยู่ในห้วงช่วงผ่อนผัน เงินของขวัญ 5 ล้านจ๊าตที่เอามาให้ ผู้ช่วยฯปฏิเสธรับ สำนักงานประธา– นาธิบดีจึงจะนำไปมอบให้กระทรวงสวัสดิการสังคม บรรเทาทุกข์ และตั้งถิ่นฐานใหม่เพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับน้ำประปา

มีวิจัยหลายฉบับเกี่ยวกับผู้ไปลงคะแนนออกเสียงเลือกตั้ง ผมอ่านผลศึกษาที่ได้ คนรวย คนที่อยู่ในสถานะชั้นสูงทางสังคมไม่ค่อยไปเลือกตั้ง เพราะจะได้รัฐบาลประเภทไหนมาก็ไม่กระทบกับความมั่งคั่งของตนเอง

คนที่รู้เรื่องการเมืองของแท้และเป็นกลุ่มคนที่ไปหย่อนบัตรลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นสัดส่วนมากกว่าคนกลุ่มอื่น คือพวกคนยากคนจน คนด้อยโอกาสในสังคม เพราะสถานะความเป็นอยู่ของตนเองนั้นขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล

เรื่องเมียนมานี่เห็นได้ชัดครับ แม้แต่ในเขตทหาร ซึ่งมีทหารมากกว่าพลเรือน ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคตัวแทนทหารยังได้คะแนนแพ้ยับเยิน

ในประเทศไทย ผู้คนชนส่วนใหญ่เป็นชาวไร่ชาวนา เมื่อก่อนขายข้าวได้ตันละเป็นหมื่น วันนี้บางแห่ง 5 พันยังขายไม่ได้

ผมเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าของไทย คนไทยที่ยากจน คนด้อยโอกาสจะไปกำหนดอนาคตของตนเองกันอย่างถล่มทลาย

ผมไม่เชื่อว่า การซื้อเสียงจะใช้ได้ในปัจจุบัน.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand