ทำไมคนบัลแกเรียอายุยืน?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/605294

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 14 เม.ย. 2559 05:01

 

ญาติซื้อโยเกิร์ตยี่ห้อหนึ่งมาทาน ข้างกล่องเขียนว่าบัลแกเรีย ญาติก็เลยถามผมว่าเคยไปบัลแกเรียหรือเปล่า? พอบอกว่าพ่อเคยไป ญาติก็ขอพ่อว่าเล่าให้ฟังหน่อยซี พ่อบอกว่าถ้าจะฟังเรื่องบัลแกเรียให้สนุก ต้องรู้จักจักรวรรดิออตโตมันก่อน

ญาติทำหน้างง ถามว่าทำไมต้องออตโตมัน ไปเกี่ยวอะไรกับพวกตุรกี? พ่อบอกว่า เพราะจักรวรรดิออตโตมัน หรือจักรวรรดิตุรกี เป็นจักรวรรดิอิสลามที่มีอาณาเขตกว้างขวางที่ครอบคลุมดินแดนถึง 3 ทวีป ทั้งเอเชียตะวันตก ยุโรปตะวันออก และแอฟริกาเหนือ จักรวรรดิออตโตมันตั้งเมื่อ พ.ศ.1842 (สมัยพระยาเลอไทย รัชกาลที่ 4 กรุงสุโขทัย) ยืนยาวมาถึง พ.ศ.2465 (สมัยพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 กรุงรัตนโกสินทร์) ครองโลกเป็นเวลานานถึง 623 ปี ประเทศจำนวนไม่น้อยในโลกนี้เคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรออตโตมัน แม้แต่บัลแกเรียก็ตกอยู่นานเกือบ 500 ปี

บัลแกเรียเป็นเอกราชเมื่อ พ.ศ.2451 ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ดันไปเข้าข้างเยอรมนี จึงโดนโซเวียตเข้าไปยึด และโซเวียตสั่งให้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์มาเป็นระบอบสังคมนิยม และให้ใช้ชื่อว่า สาธารณรัฐประชาชนบัลแกเรีย จน พ.ศ.2534 จึงเลิกเป็นสังคมนิยมมาใช้ระบอบประชาธิปไตย และเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นสาธารณรัฐบัลแกเรีย

บัลแกเรียมีพื้นที่ 110,912 ตร.กม. ร้อยละ 33 ของประเทศเป็นป่าและภูเขา ที่เหลือร้อยละ 41 เป็นหุบเขาและที่ราบ คนบัลแกเรียมีประมาณ 8 ล้านคน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายบัลแกเรียออทอดอกซ์ มีมุสลิมอยู่ประมาณร้อยละ 10

ปัจจุบัน ดอกกุหลาบที่ขายกันในยุโรปมักจะมาจากเอธิโอเปีย และเคนยา แต่ในสมัยก่อนย้อนไปในอดีต ดินแดนที่มีชื่อเสียงเรื่องกุหลาบมากก็คือเมืองคานซานกุนของบัลแกเรีย ที่นี่ได้ชื่อว่ามีพันธุ์กุหลาบหลากหลายที่สุดของโลก และมี Valley of Roses หรือหุบเขาแห่งกุหลาบ ตั้งแต่พฤษภาคมไปจนถึงมิถุนายนของทุกปี ผมขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านท่านที่ชอบดอกไม้ไปงาน Bulgarian Rose International Meeting of Journals ซึ่งเป็นงานเทศกาลดอกกุหลาบที่มีนักข่าวมาจากทุกมุมโลก มาชมขบวน
คานิวาลกุหลาบและประเพณีการเก็บกุหลาบแรกแย้มของบัลแกเรีย

ตระเวนไปนอนตามบ้านเรือนผู้คนในบัลแกเรีย ฟังคนเฒ่าคนแก่คุยเรื่องประเทศตนเอง ทุกบ้านจะพูดให้ฟังถึง Turkish yoke หรือแอกของพวกเติร์ก 500 ปี ที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมัน ชาวบัลแกเรียคนไหนที่ไม่ยอมนับถือศาสนาอิสลามจะถูกลดสถานะเป็นพลเมืองชั้น 2 มีหน้าที่รับใช้และตอบสนองความต้องการของนายมุสลิม และต้องเสียภาษีอย่างหนัก

ทุก 5 ปี เด็กและผู้ชายคริสต์ทุก 1 ใน 4 คน ที่มีอายุระหว่าง 10-20 ปี จะถูกคัดให้ไปเป็นข้าราชการของรัฐ และถูกบังคับให้เปลี่ยนศาสนา ถูกส่งไปเข้าโรงเรียนพิเศษเพื่อให้กลับมาเป็นทหารหรือทำงานราชการ ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 เมื่อจักรวรรดิออตโตมันเสื่อมอำนาจและถูกมหาอำนาจตะวันตกบุก ตอนนั้น เศรษฐกิจออตโตมันเสื่อมหนัก คนบัลแกเรียก็ยิ่งถูกบังคับให้ทำงานหนักเพิ่มขึ้นเพื่อผลิตอาหารและสิ่งของ

พ่อผมเคยได้รับการว่าจ้างให้ไปศึกษาและสืบสวนหาความจริงว่าทำไมคนบัลแกเรียถึงอายุยืนยาวมาก? ไปแต่ละหมู่บ้าน จะเห็นคนอายุ 90 ปี 100 ปี นั่งคุยกันเป็นกลุ่มๆ อายุมากแต่สุขภาพแข็งแรง บ้านของคนในชนบทอยู่บนพื้นราบก็จริง แต่เรือกสวนไร่นามักจะไปอยู่บนภูเขาและเนินเขา ผู้คนต้องเดินขึ้นเขาลงเขาทุกวัน วันละหลายกิโลเมตร คนที่นี่ชอบกินผักและของจากป่า พวกสมุนไพรอะไรนี่ก็ทานกันเยอะมาก แถมยังชอบทำโยเกิร์ตทานกันเอง และกินโยเกิร์ตใส่แตงกวา พริกอะไรนี่ก็ชอบทาน บ้านที่พ่อผมไปตระเวนเยือน มักจะเลี้ยงวัวนมเอาไว้ในคอกข้างบ้าน และรีดนมวัวทานกันเองด้วย

คนบัลแกเรียชอบร้องรำฮัมเพลง ไปตามสถานที่หลายแห่ง พบกลุ่มดนตรีร้องเพลงและเต้นไปตามจังหวะพื้นเมือง บัลแกเรียยังเป็นประเทศที่ยังบริสุทธิ์ครับ ขับรถไปตามถนนในชนบท แทนที่จะปลูกต้นไม้อื่น ราชการที่นั่นปลูกแอปเปิ้ลและผลไม้ ใครจะเก็บทานก็ได้ ผู้คนชอบทำอาหารมาจากบ้าน และจอดรถทานกันข้างทาง พอเราเดินผ่าน ก็ชวนให้เข้าไปทานด้วย ชวนจริงๆนะครับ ไม่ใช่ชวนตามมารยาท

อาหารดี อากาศดี อารมณ์ดี ทำให้คนชาตินี้อายุยืนครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ต.ย.การปกครองจีนที่ล่มสลาย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/604797

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 13 เม.ย. 2559 05:01

 

ผู้อ่านท่านเตือนมาว่า อย่าเอาแต่การเมืองการปกครองของพวกตะวันตกมาเขียนให้มากนักเลย ให้เขียนถึงการเมืองการปกครองของพวกเราชาวตะวันออกบ้าง ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ เอาละเริ่มกันเลยนะครับ ผมขอเริ่มจากการเกิดและการล่มสลายของอาณาจักรและจักรพรรดิต่างๆ ซึ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ การเมืองการปกครองของจีนตั้งแต่สมัยมหาอาณาจักรฉิน จนถึงการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน

ชายคนหนึ่งชื่อ หยังเจียน เป็นชนชั้นสูงของราชวงศ์โจวเหนือ ผู้นี้สั่งถอดพระเจ้าโจวจิ้งตี้ซึ่งมีพระชนมายุเพียง 8 พรรษา ออกจากตำแหน่งจักรพรรดิ และขึ้นครองบัลลังก์เอง เปลี่ยนนามแผ่นดินเป็นราชวงศ์สุย ตั้งเมืองหลวงที่ต้าซิ่ง (ปัจจุบันคือ เมืองซีอาน มณฑลส่านซี) หลังจากนั้น คนชั้นสูงหยังเจียนก็กลายมาเป็นพระเจ้าสุยเหวินตี้

พระเจ้าสุยเหวินตี้มีความขัดแย้งในบุคลิกภาพ ภายนอกเน้นเรื่องความมัธยัสถ์ ปฏิบัติพระองค์เป็นตัวอย่าง แต่ในพระราชวังกลับใช้กำลังคนและกำลังทรัพย์มหาศาล แม้ในฉางหลวงและฉางสาธารณะจะสะสมเสบียงอาหารไว้เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อเกิดทุพภิกขภัย พระเจ้าสุยเหวินตี้กลับไม่ยอมเปิดฉางบรรเทาทุกข์ราษฎร ที่แย่ที่สุดเลยก็คือ พระเจ้าสุยเหวินตี้มีนิสัยหวาดระแวง ทำให้ผู้มีความดีความชอบต่อแผ่นดินหลายคนถูกฆ่า หรือถูกปลดจากตำแหน่ง สุดท้ายจึงขาดคนดีคนเก่งทำงาน

เมื่อพระเจ้าสุยเหวินตี้สวรรคต หยังก่วง โอรสองค์รองขึ้นครองราชย์ เป็นพระเจ้าสุยหยังตี้ และองค์นี้นี่เองครับ ที่ทำให้ราชวงศ์สุยล่มในระยะเวลาอันสั้น พระเจ้าสุยหยังตี้สถาปนาเมืองลั่วหยังเป็นราชธานีตะวันออกที่ต้องเกณฑ์ราษฎรมากถึง 2 ล้านคนมาก่อสร้างในแต่ละเดือน และเพื่อความสะดวกในการประพาสภาคใต้ พระเจ้าสุยหยังตี้ สั่งให้เกณฑ์แรงงานหลายล้านคนไปขุดคลองทงจี้ฉว์ คลองซานหยังตู๋ คลองเจียงหนานเหอ นอกจากนั้น ยังเกณฑ์แรงงานมาสร้างถนนหลวงและซ่อมกำแพงเมืองจีนอีก

พระเจ้าสุยหยังตี้ครองราชย์อยู่สิบกว่าปี แต่วันเวลานาทีที่พำนักอยู่ในเมืองหลวงรวมกันทั้งหมดแล้ว กลับมีไม่ถึง 1 ปี พระองค์ชอบเสด็จ ประพาสต่างเมือง ซึ่งในขบวนตามเสด็จแต่ละครั้ง จะมีนางสนม ขุนนางทั้งฝ่ายบู๊ ฝ่ายบุ๋น และคนรับใช้มากถึง 1-2 แสนคน ขบวนเรือในการเสด็จแต่ละครั้งมีมากกว่า 5 พันลำ แล่นต่อกันยาวถึง 200 กว่าลี้ ใช้คนลากเรือมากกว่า 8 หมื่นคน ทั้งสองฝั่งคลองมีทหารประจำการคอยอารักขามากกว่า 2 แสนคน เมืองรายทางเสด็จจะต้องดูแลถวายอาหารและเครื่องใช้ ซึ่งขุนนางและราษฎรในท้องถิ่นต้องตระเวนจัดหากันมาด้วยความยากลำบากแสนเข็ญ

ความต้องการแผ่แสนยานุภาพ พระเจ้าสุยหยังตี้ไปตีเกาหลีถึง 3 ครั้ง เกณฑ์ทหารมากถึง 3 ล้าน แต่ก็แพ้ทุกครั้ง แม้แต่สตรีก็ต้องเป็นทหาร ช่างฝีมือยืนอยู่ในน้ำตลอดวันเพื่อเร่งสร้างเรือรบ ท่อนล่างของช่างฝีมือแช่น้ำจนเป็นแผลเน่าเปื่อยตาย

แม้เกิดทุพภิกขภัย แต่ราชสำนักก็ไม่เคยเปิดฉางหลวงช่วยเหลือ เมื่อราษฎรไม่มีกิน จึงนัดรวมตัวกันต่อต้าน ขุนนางตามหัวเมืองก็ก่อกบฏและสังหารพระเจ้าสุยหยังตี้ ราชวงศ์สุยยืนยาวได้นานเพียงแค่ 37 ปี (ค.ศ.581-618) ก็ถึงกาลล่มสลาย

นักประวัติศาสตร์จีนวิเคราะห์ตรงกันว่า ราชวงศ์สุยพังเพราะมัวแต่ก่อสร้างสิ่งต่างๆ ที่ล้วนมีขนาดใหญ่โตโอฬาร ราษฎรอดอยากยากแค้นแสนลำเค็ญก็ไม่สนใจ ยังคงใช้ทรัพย์มหาศาลในการเสด็จ ประพาสตามหัวเมือง

สมัยพระเจ้าสุยเหวินตี้ พระองค์ยกเลิกกองกำลังทหารท้องถิ่น และรวบอำนาจมาไว้ที่ศูนย์กลาง จนมาถึงสมัยพระเจ้าสุยหยังตี้ เมื่อผู้คนอดอยากก่อจลาจล ส่วนท้องถิ่นก็ไม่มีใครมีอำนาจควบคุม ส่วนกลางก็อ่อนแอ สุดท้ายสถานการณ์ก็ลงเหว

เรื่องส่วนท้องถิ่น ส่วนภูมิภาค และส่วนกลาง ทำให้การปกครองบริหารราชการแผ่นดินพังมาเยอะหลายประเทศแล้วครับ ผมอ่านประวัติศาสตร์ก็พบว่า ยุคใดที่พระเจ้ากรุงจีนให้ความสำคัญกับท้องถิ่น ในยุคนั้นบ้านเมืองมักสงบสุขและรุ่งเรือง

ในยุคที่พระเจ้ากรุงจีนไม่ให้เกียรติท้องถิ่น ส่งคนจากส่วนกลางไปปกครองในภูมิภาคโดยที่ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้คนในท้องถิ่นนั้น ยุคนั้นก็มักจะมีปัญหา

มนุษย์ก็คือมนุษย์ จะอยู่ตรอกซอกมุมไหนของโลกก็มีความชอบและไม่ชอบเหมือนกัน และก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องเวลา

จะห้าพันปีที่แล้วหรือปัจจุบันทุกวันนี้

มนุษย์ล้วนไม่ชอบผู้ปกครองเผด็จการ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

มีแต่คนหนุนเรื่องการศึกษา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/604320

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 12 เม.ย. 2559 05:01

 

วันหยุดก่อนสงกรานต์ ผมอัพเดตความรู้ด้านการศึกษาของหลายประเทศ แล้วก็พบความสัมพันธ์ระหว่างการทุ่มเทให้การศึกษากับความเจริญของประเทศ

ประเทศหนึ่งซึ่งผมไปเยือนมาหลายครั้ง และพบว่ามีความเจริญมั่นคงทุกด้าน นั่นคือ ราชอาณาจักรสวีเดน ที่นี่มีกฎหมายการศึกษาที่ชัดเจนมาก เด็กอายุ 6 ปี มีสิทธิที่จะเข้าเรียนในชั้นประถมศึกษาได้ ถ้าผู้ปกครองต้องการ ทุกเทศบาลในประเทศนี้จะต้องจัดสถานที่ดูแลเด็กหลังโรงเรียนเลิกที่เรียกว่า fritidshem ที่หมายถึง สถานดูแลเด็กช่วงเวลาว่าง ที่รับเด็กตั้งแต่เริ่มเข้าชั้นเตรียมประถมไปจนถึงเด็กอายุ 12 ปี

สิทธิประโยชน์ของนักเรียนนักศึกษาทุกระดับ ได้รับการเขียนไว้ตายตัว เช่นในระดับประถมศึกษา ค่าเล่าเรียนฟรี อุปกรณ์การศึกษาฟรี อาหารกลางวันฟรี บริการด้านการเดินทางไป-กลับฟรี ดูแลด้านสุขภาพร่างกายของนักเรียนฟรี ดูแลเรื่องสุขภาพฟันให้ฟรี มีประกันอุบัติเหตุให้นักเรียนฟรี ฯลฯ

สิ่งที่นักเรียนชั้นเตรียมอุดมศึกษาของสวีเดนได้รับก็คือ ไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน เทศบาลจัดอาหารกลางวันไว้ให้ฟรี กฎหมายเกี่ยวกับโรงเรียนระบุเอาไว้เลยว่า นักเรียนระดับเตรียมอุดมศึกษาจะต้องได้รับหนังสือเรียน เครื่องเขียน เครื่องมือ และอุปกรณ์อื่นที่จำเป็นสำหรับการเรียนฟรี ดูแลรักษาสุขภาพฟรี ได้รับเงินสนับสนุนการศึกษาในรูปของเงินช่วยเหลือการศึกษา และมีเงินกู้เพื่อการศึกษาในระดับนี้ด้วย

บ้านของนักเรียนเตรียมอุดมศึกษาของสวีเดน ถ้าอยู่ห่างจากโรงเรียนเกิน 6 กิโลเมตร นักเรียนจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าเดินทางประจำวัน ถ้านักเรียนต้องไปโรงเรียนที่ตั้งอยู่นอกเขตเทศบาลที่ตนพำนักพักอาศัยอยู่ เทศบาลของตนต้องเป็นผู้ออกเงินช่วยค่าที่พัก เทศบาลส่วนใหญ่จะทำประกันอุบัติเหตุให้กับนักเรียน ซึ่งส่วนใหญ่จะคุ้มครองเฉพาะวันที่ไปโรงเรียนและคุ้มครองการเดินทางระหว่างบ้านไปโรงเรียนเท่านั้น

สำหรับการศึกษาระดับปริญญาตรี โท เอก นักศึกษาที่พักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรสวีเดนอยู่แล้ว หรือมาจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป และสวิตเซอร์แลนด์ จะไม่เสียค่าเล่าเรียน แต่จะต้องจ่ายค่าหนังสือ และค่าอุปกรณ์การเรียน และนักศึกษาชั้นปริญญาตรี โท เอก จะได้รับ “เงินสนับสนุนการศึกษา”

รัฐบาลสวีเดนสนับสนุนการศึกษาผู้ใหญ่และการศึกษาสำหรับประชาชน ซึ่งมีทั้งการศึกษาผู้ใหญ่ในระดับประถมศึกษา (9 ชั้น) ระดับเตรียมอุดมศึกษา สำหรับผู้มีความพิการทางสมอง และการสอนภาษาสวีเดนสำหรับคนต่างชาติ

สวีเดนยังมีพวกการศึกษาเสริมที่แยกเป็นอิสระจากการศึกษาในระบบ รัฐบาลให้ความช่วยเหลือกลุ่มต่างๆ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้การศึกษาเสริมนี้อย่างมาก การศึกษาเสริมนิยมทำเป็นกลุ่ม บางกลุ่มก็ตั้งเพื่อมุ่งให้การศึกษากับวัยรุ่น บางกลุ่มก็ให้ผู้ใหญ่ กลุ่มพวกนี้จะเรียนด้านศิลปกรรม ดนตรี การละคร การออกแบบ การฝีมือ การสื่อสาร การบิน การดูแลสัตว์ การอนามัยและการรักษาสุขภาพ ฯลฯ

การศึกษาเสริมสอนกันเป็นกลุ่มย่อย เรียกว่า studiecirkel ในบ้านเราก็ต้องคนมีสตางค์เท่านั้นล่ะครับ ถึงจะมีกำลังเรียนได้ อย่างโรงเรียนสอนพิเศษด้านดนตรีตามห้างสรรพสินค้า แต่ที่สวีเดน ใครตั้งกลุ่มสอนสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ถือว่าผู้นั้นเสียสละ รัฐบาลรีบเอาสตางค์ไปช่วยเหลือ ผู้เรียนก็ไปเรียนได้โดยไม่ต้องเสียเงิน

บางประเทศตัดคณะกรรมการการศึกษาระดับอำเภอและจังหวัดเพื่อจะรวบอำนาจไว้กับผู้ว่าราชการ ซึ่งเป็นการบริหารราชการส่วนภูมิภาค เพราะผู้มีอำนาจต้องการที่จะสั่งซ้ายหันขวาหันได้โดยตรงจากส่วนกลาง

ผิดกับแนวโน้มการบริหารการศึกษาโลก ซึ่งหันมาเน้นการกระจายอำนาจ อย่างที่สวีเดนนี่ กระจายทุกระดับ ที่นี่มีแม้แต่สภาการศึกษาประชาชนที่ทำหน้าที่จัดเงินช่วยเหลือให้วิทยาลัยการศึกษาประชาชน และสหพันธ์การศึกษาประชาชน

ประเทศที่ประสบความสำเร็จ ผู้คนทั้งประเทศมักจะบ้าการศึกษา บ้าการเข้าอบรมสัมมนา อย่างสวีเดน มีสหพันธ์การศึกษาเป็นองค์กรอิสระ เป็นขบวนการประชาชนทำหน้าที่ให้การศึกษาแก่ประชาชนทั่วไป แต่ละกลุ่มก็จะมีแนวความคิดและแนวทางการสอนของตนเอง อย่างกลุ่ม ABF ยึดแนวคิดของขบวนการผู้ใช้แรงงาน

แต่ละปี สหพันธ์การศึกษาเหล่านี้จัดกลุ่มการศึกษามากถึง 3 แสนกลุ่ม มีประชาชนคนสวีเดนเข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 2 ล้านคน แต่ถ้าเป็นโปรแกรมด้านวัฒนธรรม ปีหนึ่งก็จัดกันประมาณ 2.5 แสนครั้ง มีคนเข้าร่วมประมาณ 15 ล้านคน

อ่านการศึกษาของสวีเดนไปได้ไม่กี่หน้า ผมต้องรีบเอาน้ำแข็งโปะตาครับ เพราะตาร้อนผ่าวด้วยความอิจฉาคนที่นั่น

ยังมีอีกหลายประเทศครับที่มุ่งเน้นเรื่องการศึกษาเหลือเกิน พยายามให้คนเข้าถึงการศึกษาได้ง่ายและให้ต้นทุนทางการศึกษาถูก.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
http://www.nitipoom.media
http://www.facebook.com/nitipoom.thailand

หน้ากากหลุดกันหลายคน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/603842

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 11 เม.ย. 2559 05:01

 

กรุงสุโขทัยเป็นราชธานีเมื่อ พ.ศ.1762 จนถึงวันนี้ 797 ปี อีกเพียง 3 ปี ราชอาณาจักรไทยก็จะมีอายุครบ 800 ปี ถ้าเราช่วยกันรักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เราก็สามารถตั้งเป้าหมายให้ประเทศของเราอยู่ยาวนานไปจนถึงพันปีได้

สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เมื่อรวมกับ 1.ประชาธิปไตยสากล 2.ความยุติธรรมสูงสุด 3.การศึกษามาตรฐาน 4.ระบบสหกรณ์และการกระจายความมั่งคั่งเป็นธรรม และ 5.การปกครองท้องถิ่นเข้มแข็ง ก็จะทำให้ไม่มีแผ่นดินไหนในโลกน่าอยู่เท่ากับประเทศไทยของเราอีกแล้วครับ

Heaven เฮฝ-‘น หมายถึง ฟ้า หรือ สวรรค์

Haven เฮ-เฝิน หมายถึง ท่าเรือ ที่กำบังคลื่นลม หรือ ที่พักพิง

ปานามา เปเปอร์สกำลังดัง ก็เลยทำให้คำว่า tax haven ที่หมายถึง ที่หลบเลี่ยงภาษี พลอยดังไปด้วย ผมฟังวิทยุและดูโทรทัศน์ มีหลายท่านที่พูดโดยใช้คำผิดว่า tax heaven แถมยังแปลเสียด้วยว่า สวรรค์ของนักหลบเลี่ยงภาษี เมื่อผู้พูดต้นทางเพี้ยน ก็พลอยให้ความรู้ความเข้าใจของผู้คนในประเทศเพี้ยนตามไปด้วยนะครับ

ที่มโนหนักไปยิ่งกว่านั้นก็คือ มีผู้คนวิเคราะห์ว่าการเปิดเผยของปานามา เปเปอร์สครั้งนี้ ทำโดยซีไอเอและสหรัฐอเมริกา ทำเพื่อจะดิสเครดิตปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และนายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน แถมยังท้าเสียอีกว่าให้ไปดูในแฟ้มลับของบริษัทกฎหมาย มอสแซ็ก ฟอนเซกา หรือที่เรียกกันว่า ปานามา เปเปอร์ส ก็จะพบแต่เศรษฐีและนักการเมืองรัสเซียและจีนเสียเป็นส่วนใหญ่

ขอเรียนนะครับ ว่าแฟ้มลับปานามา เปเปอร์ส มีเอกสารมากถึง 11.5 ล้านฉบับ ที่อ่านกันนี่ เป็นการตรวจสอบที่ยังไม่ทั้งหมด ผมเชื่อว่าจะต้องมีเศรษฐีและนักการเมืองอเมริกันแน่นอน

แต่ในความเป็นจริง แหล่งให้บริการหลบเลี่ยงภาษีไม่อยากได้ลูกค้าที่เป็นชาวอเมริกันนักเท่าใดดอกครับ เพราะกลัวรัฐบาลสหรัฐฯไล่บี้

หนึ่งในบรรดาหน่วยงานที่เข้มแข็งและตามกัดตามบี้ที่สุดในโลกก็คือ IRS ที่ย่อมาจาก Internal Revenue Service หรือสำนักงานสรรพากรของสหรัฐฯ ธนาคารของประเทศใดชาติไหนก็ตาม ไม่ให้ความร่วมมือเมื่อ IRS เข้าไปขอข้อมูลเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของลูกค้าชาวอเมริกัน ก็จะถูกรัฐบาลอเมริกันเล่นงาน

รัฐบาลอเมริกันเอาจริงเอาจังกับการฟ้องร้องจับกุมขุมขังคนอเมริกันที่หลบเลี่ยงภาษี นอกจากนั้นยังแก้ไขกฎหมายอีกมากมายหลายฉบับเพื่อให้เข้าถึงเส้นทางของการเงินของผู้คน เพราะนอกจากพวกเศรษฐีจะเอาเงินลับพวกนี้ไปซ่อนเพื่อไม่ให้ต้องเสียภาษีแล้ว ก็ยังเป็นเงินที่มาจากการทำผิดกฎหมาย เช่น ค้าอาวุธ ค้ายาเสพติด คอร์รัปชัน ฯลฯ ถูกนำไปซ่อนอีกด้วย

ปานามาเป็นประเทศที่อยู่ทางใต้สุดของอเมริกากลางติดกับประเทศคอสตาริกาและโคลอมเบีย มีประชากรเพียง 3.3 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นพวกเมสติโซที่ผสมกันระหว่างผิวขาวชาวยุโรปและชน พื้นเมืองอินเดียน มีคนสเปนอยู่เกิน 10% ผู้คนในประเทศนี้จึงใช้ภาษาสเปน

คนอเมริกันใช้ภาษาอังกฤษ พวกเศรษฐีอเมริกันจึงไม่นิยมไปเปิดกิจการออฟชอร์ในประเทศที่ใช้ภาษาอื่นอย่างในปานามา แต่ไปเปิดในที่ที่มีแหล่งหลบเลี่ยงภาษีที่ใช้ภาษาอังกฤษอย่างในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน หรือหมูเกาะเคย์แมน มากกว่า

เศรษฐีอเมริกันที่มีชื่ออยู่ในปานามา เปเปอร์ส จึงมีอยู่เพียงไม่กี่รายที่เราๆ ท่านๆ รู้จักกันก็มีแต่ เดวิด เกฟเฟน ผู้ร่วมก่อตั้งอไซลัม เร็คคอร์ดส์ และสตูดิโอภาพยนตร์ดรีมเวิร์คส์ เอสเคจี

ท่านที่ตามเรื่องปานามา เปเปอร์ส กรุณาอย่าเพิ่งสรุปนะครับ ว่าเศรษฐีอเมริกันมีธรรมาภิบาล มีความโปร่งใสทางการเงินมากกว่าเศรษฐีชาติอื่น หรืออย่าวิเคราะห์ด้วยการนำไปโยงกับเรื่องที่รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการดิสเครดิตผู้นำรัสเซียและจีน

สหรัฐอเมริกาประกอบไปด้วยรัฐต่างๆ มากมายถึง 50 รัฐ แต่ละรัฐก็มีกฎหมายภายในของตนเอง หลายรัฐอนุญาตให้บุคคลธรรมดาเปิด shell company เฌ็ล คอมพานี ซึ่งเป็นบริษัทเปลือกนอกที่ไม่ได้ทำธุรกรรมอะไรอย่างแท้จริงในรัฐของตนเองได้ เช่น รัฐเดลาแวร์ หรือรัฐไวโอมิง ทำให้คนพวกนี้สามารถเลี่ยงกฎธนาคารสหรัฐฯ เรื่องรู้จักตัวตนของลูกค้า และทำให้ลูกค้าสามารถจะเคลื่อนย้ายเงินอย่างเงียบๆได้

เรื่องปานามา เปเปอร์สนี่ รัฐบาลและประชาชนคนไทยอย่าปล่อยให้เงียบหายไปนะครับ ถ้าแกะกันดีๆ ปานามา เปเปอร์สจะช่วยทำให้หน้ากากของหลายคนร่วง จะทำให้สังคมไทยของเราสะอาดขึ้นถ้าเราปราบพวกนี้ได้ พฤติกรรมดูดความมั่งคั่งจากชนบทไปซ่อนไว้ในต่างประเทศของเศรษฐีไทยหลายกลุ่มก็จะหยุดลง.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

รวยจากวิกฤติเศรษฐกิจ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/602352

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 8 เม.ย. 2559 05:01

 

1 ใน 164 สายตระกูลของสุลต่านสุลัยมาน อดีตเจ้าเมืองสงขลา คือนางจัต ณ พัทลุง แต่งงานกับคุณพิทักษ์ธนกิจ บุตรของพระยาวรพุฒิโภคัย (ชุ่ม) ผู้สืบเชื้อสายน้องสาวของพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) มีบุตรชื่อสมพงษ์ สุวรรณสุภา

ด.ช.สมพงษ์เกิด พ.ศ.2465 จบมัธยมปลายที่พัทลุง ก่อนมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง เป็นผู้จัดการสหกรณ์ตรัง ภายหลังเข้ากรุงเทพฯ และรับหนังสือจากศูนย์ศึกษากฎหมายนครหลวงมาจำหน่ายให้นักศึกษารามคำแหง ตามด้วยการผลิตชีตคำบรรยายรายชั่วโมงในชื่อ รามสาส์น ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น นิติสาส์น แต่นักศึกษารามคำแหงหลายแสนคนรู้จักคุณสมพงษ์ในนาม ลุง ชาวใต้

รามคำแหงทำการสอนครั้งแรกเมื่อ 2 สิงหาคม 2514 จนถึงปัจจุบัน 45 ปี ตำนานของศูนย์บริการวิชาการเอกชนหน้ารามคำแหงมี 3 คน คือ เจ้วรรณ 5G, ลุง ชาวใต้ และติวเตอร์หมู ภายหลังทายาท ย้ายไปตั้งภูมิลำเนาอยู่ในสหรัฐอเมริกา แต่ลุง ชาวใต้ ก็ยังดำเนินธุรกิจ และยังอยู่ในความทรงจำของอดีตนักศึกษารามคำแหงเป็นล้านคน

ลุง ชาวใต้ เสียชีวิตเมื่อ 4 เมษายน 2559 ด้วยวัย 94 ปี สวดอภิธรรมศพที่วัดเทพลีลา หน้ารามคำแหง และจะฌาปนกิจในวันเสาร์พรุ่งนี้ 15.00 น.

ผู้อ่านท่านที่เคารพ ไอซ์แลนด์เป็นชาติแรกในยุโรปตะวันตกที่ขอความช่วยเหลือทางการเงินจากไอเอ็มเอฟเพื่อไปกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจ ตอนนั้นไอซ์แลนด์เกือบจะล้มละลาย เพราะรัฐบาลต้องเข้าไปอุ้มกิจการธนาคารใหญ่ๆ 3 อันดับแรกของประเทศ ซึ่งมีปัญหาขาดสภาพคล่อง ตลาดหลักทรัพย์ไอซ์แลนด์ตอนนั้น ต้องหยุดซื้อขายเพราะภาวะตลาดไม่ปกติอยู่บ่อยๆ บางวันตลาดหุ้นดิ่งลงแรงถึง 77%

คนไอซ์แลนด์ทุกข์มาก ต่างช่วยกันแก้ไขปัญหาของประเทศด้วยความระมัดระวัง แม้ว่าขณะนี้ จะพ้นวิกฤตแล้ว แต่ก็ยังทิ้งร่องรอยความเสียหายเอาไว้มากมาย นักธุรกิจจำนวนไม่น้อยล้มละลาย หลายคนมีความเชื่อว่านักการเมืองบางคนอาจจะมีประโยชน์ทับซ้อนกับการกู้เงินไอเอ็มเอฟ

เรื่องนี้เหมือนกับการกู้เงินไอเอ็มเอฟมาแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของไทยเมื่อ พ.ศ.2540 ผู้อ่านท่านที่ตามเบื้องหลังเบื้องลึกอย่างละเอียด ก็คงจะทราบนะครับว่า มีผู้คนในรัฐบาลสมัยต่อๆมา ได้รับประโยชน์ไปหลายหมื่นล้านบาท เอาไปแบ่งสันปันส่วนกัน รัฐมนตรีบางคนอิ่มพุงกางจนเลิกเล่นการเมืองไปเลย บางคนไม่เคยมีบทบาท เพราะไม่มีเงินมาใช้จ่ายในการดำเนินงานการเมือง แต่หลังจากวิกฤติไอเอ็มเอฟ ก็กลายเป็นนักการเมืองเศรษฐีอู้ฟู่ แต่สมัยนั้น อินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลาย ใครแอบเอาสตางค์ที่โกงประเทศชาติบ้านเมืองไปซุกซ่อนในต่างประเทศ ก็ยากที่สังคมจะรู้

พ.ศ.2551 ไอซ์แลนด์กู้เงินไอเอ็มเอฟ

พ.ศ.2552 พรรคก้าวหน้าได้หัวหน้าคนใหม่ อายุแค่ 35 ปี เป็นอดีตนักเรียนทุนชีฟนิ่งของรัฐบาลสหราชอาณาจักรเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ภายหลังหัวหน้าพรรคคนนี้ กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของไอซ์แลนด์ คือเป็นนายกฯ เมื่ออายุเพียง 38 ปีเท่านั้น

คนไอซ์แลนด์เชื่อมาตลอดว่านายกรัฐมนตรีหนุ่มรูปหล่อความรู้ดีของตนคนนี้เป็นคนดี และเข้ามาแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจโดยไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เริ่มมาทะแม่งๆ เมื่อโทรทัศน์สวีเดนมาสัมภาษณ์เมื่อ 3 เมษายน 2559 นายกฯ กุนน์ลอจสันก็ให้สัมภาษณ์ประกาศว่า ตนและครอบครัวไม่มีส่วนเกี่ยวดองหนองยุ่งกับบริษัทต่างประเทศ ทรัพย์สินต่างๆทุกอย่างของข้าได้มาอย่างถูกต้อง และได้รับการเผยแพร่ต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส แต่พอถูกถามหนักเข้า แกก็วอร์กเอาต์ เดินหนีไปดื้อๆ

โชคดีของประชาชนคนไอซ์แลนด์ แต่เป็นโชคร้ายของนายกรัฐมนตรีกุนน์ลอจสัน ที่ปานามา เปเปอร์สรั่ว ทุกคนถึงได้รู้แจ่มแท้แน่ชัด ว่าไอ้นายกฯ คนดีคนนี้ มีพันธบัตรธนาคารไอซ์แลนด์ดิกมูลค่าเป็นล้านดอลลาร์ ล้วนได้มาในระหว่างวิกฤติเศรษฐกิจไอซ์แลนด์ เฮ้ย ไอ้คนดีนี่มันหากินกับความทุกข์ยากของคนทั้งประเทศ

ไอซ์แลนด์เป็นแสนคน ออกมาประท้วงไอ้คนดีกันเต็มถนน ต่างตะโกนก้องร้องด่าให้ลาออก นายกุนน์ลอจสันยืนกรานว่าข้าไม่ลา แถมยังไปขอให้ประธานาธิบดีใช้อำนาจประกาศยุบสภา แต่ประธานาธิบดีไม่เล่นด้วย บั้นปลายท้ายที่สุด นายกุนน์ลอจสันต้องลาออก แต่ก็ยังเล่นแง่ว่า อ้า ข้าขอลาออกแต่เพียงแค่ชั่วคราวนะ

นายกุนน์ลอจสันน่าจะมาปรึกษานักการเมืองไทยในเรื่องการซ่อนเงินที่โกงได้จากการขายทรัพย์สินของคนไทยไปให้ฝรั่งมังค่าในราคาแสนถูกนะครับ ว่าท่านเอาไปซ่อนไว้ที่ไหนยังไง ถึงปลอดภัยราบเรียบเงียบจังจนกระทั่งถึงบัดนี้.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ขอบคุณปานามา เปเปอร์ส

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/601892

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 7 เม.ย. 2559 05:01

 

ข้อมูลมหึมา 2.6 เทราไบต์ หรือ 11.5 ล้านฉบับ บรรจุข้อมูลความลับทางการเงินที่ถูกเปิดเผยออกมาสู่สาธารณชน ส่งผลให้สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลก และไปในทุกวงการ ทั้งแวดวงธุรกิจ การเมือง บันเทิง หรือแม้แต่แวดวงกีฬา

ต้นทางของปานามา เปเปอร์สคือ บริษัทกฎหมายมอสแซ็ค ฟอนเซกา สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในปานามาและมีสำนักงานตั้งอยู่ 35 แห่งทั่วโลก เป็นบริษัทที่รับจัดตั้งบริษัทนอกอาณาเขต ที่เราเรียกว่าออฟชอร์

ปานามา เปเปอร์ส เป็นข้อมูลทางการเงินที่สะสมไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2520 จนถึงปลายปี 2558 ถูกเปิดโปงออกมาโดยเครือข่ายผู้สื่อข่าวสอบสวนนานาชาติ ร่วมกับสื่อต่างๆ อย่าง นสพ. ซุดดอยช์ ไชตุง ของเยอรมนี นสพ. เดอะการ์เดียน และบีบีซี ของอังกฤษ

การตีแผ่ข้อมูลของปานามา เปเปอร์ส ทำให้เราตาสว่างถึงการตั้งบริษัทในต่างประเทศของคนระดับผู้นำประเทศ อภิพญามหาเศรษฐี รวมทั้งคนที่มีชื่อเสียงที่เป็นนักร้อง นักกีฬาระดับโลก ไปจนถึงกลุ่มอาชญากรและมาเฟียข้ามชาติ ที่ตั้งบริษัทไว้นอกประเทศเพื่อการหลบเลี่ยงภาษี เพื่อฟอกเงิน

การจดทะเบียนตั้งบริษัทขึ้นมาบังหน้าในแดนสวรรค์แห่งการเลี่ยงภาษีที่กฎหมายในประเทศอาจจะสาวไปไม่ถึงมีมากมายหลายแห่งกระจายกันอยู่ในดินแดนต่างๆ ที่นิยมกันมากก็เห็นจะเป็นหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น ซึ่งไม่มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม และยังไม่มีภาษีสำหรับนิติบุคคล นอกจากนั้น ก็มักจะไปจดกันที่ปานามา บาฮามาส ฯลฯ

ผู้อ่านท่านผู้เจริญ เรื่องนี้อาจจะไม่กระทบอะไรใครดอกหรอกครับ หากไม่มีรายชื่อของผู้นำประเทศ หรือมหาเศรษฐีคนสำคัญไปมีส่วนเกี่ยวดองหนองยุ่ง แต่เพราะปานามา เปเปอร์ส ดันเปิดเผยชื่อบุคคลระดับโลกที่มีญาติพี่น้อง ลูกหลาน หรือแม้แต่คนสนิทซึ่งเข้าไปมีเอี่ยวเกี่ยวพันกับปานามา เปเปอร์ส ทั้งอดีตผู้นำของอียิปต์ ประธานาธิบดีฮอสนีย์ มูบารัค อดีตผู้นำลิเบียผู้ล่วงลับ พันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ไปจนถึงผู้นำที่ยังคงอยู่ในตำแหน่งอย่าง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย รวมไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายอาง วง วัฒนา ของกัมพูชา

แม้แต่ดาราในวงการบันเทิง ก็ดันไปมีชื่ออยู่ในปานามา เปเปอร์ส ด้วย ทั้งเฉินหลง หรือ แจ็คกี้ ชาน อมิตาป ปัจจันกับไอศวรรยาไรย์ ลูกสะใภ้ และลิโอเนล เมสซี นักฟุตบอลระดับโลกทีมชาติอาร์เจนตินา ก็ดันติดร่างแหเรื่องการเลี่ยงภาษีในสเปนอีกด้วย

ผู้ที่มีชื่อเข้าไปพัวพันกับข้อมูลชุดนี้ต่างก็ดาหน้าออกมาปฏิเสธ ว่าไม่มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย หรือไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของพ่อ ของแม่ ของลูก ของญาติโกโหติกา เพื่อนสนิทมิตรสหายใดๆทั้งสิ้น

แต่หน่วยงานของประเทศทางยุโรปก็เริ่มขยับกันแล้วครับ รัฐบาลอังกฤษได้ขอสำเนาเอกสารปานามา เปเปอร์ส เพื่อนำไปตรวจสอบข้อมูลในด้านการหลบเลี่ยงภาษี

อัยการฝรั่งเศสเริ่มสืบสวนขั้นต้นในเรื่องการเลี่ยงภาษี และทางโฆษกกระทรวงการคลังของเยอรมนีก็จะมีการดำเนินการต่อจากข้อมูลที่ได้รับจากปานามา เปเปอร์ส

สมัยก่อนตอนยังไม่มีอินเตอร์เน็ต คนรวย คนมีอำนาจ นึกอยากทำอะไรยังไงก็ได้ แต่ละคนซ่อนหางของตัวเองไว้ได้อย่างมิดชิด คนเลวจึงแสแสร้งแสดงตนว่าเป็นคนดีได้อย่างตลอดรอดฝั่ง คนเลวจำนวนไม่น้อยนอกจากจะปิดความชั่วของตนไว้ได้อย่างราบรื่นแล้ว ยังถือโอกาสไปทำลายเกียรติยศชื่อเสียงของคนอื่นที่เข้าไปขัดขวางการกระทำชั่วของตน

ปานามา เปเปอร์ส ทำให้เราตาสว่างได้ไม่แพ้วิกิลีกส์ ที่เผยแพร่ภาพวีดิโอที่ถูกบันทึกเมื่อ 12 กรกฎาคม 2550 ที่แสดงภาพการโจมตีทางอากาศต่อกรุงแบกแดดโดยกองทัพสหรัฐฯ ที่ทำให้มีพลเรือนชาวอิรักเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

นอกจากนั้น ก็ได้เปิดเอกสารลับที่ไม่เคยถูกเผยแพร่มากกว่า 76,900 ฉบับ เกี่ยวกับปฏิบัติการของสหรัฐฯในอัฟกานิสถาน และในเดือนตุลาคม 2550 ก็ได้เผยแพร่เอกสารลับกว่า 400,000 ฉบับเกี่ยวกับสงครามอิรัก

ปลายเดือนพฤศจิกายน 2553 ได้เผยแพร่โทรเลขเอกสารลับและเอกสารปกปิดทางการทูต กว่า 100,000 หน้าของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา

คนทั้งโลกก็จึงตาสว่าง ขอขอบคุณทั้งวิกิลีกส์และปานามาเปเปอร์สครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

บรูไนใช้กฎหมายชารีอะฮฺ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/601329

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 6 เม.ย. 2559 05:01

 

การเยือนบรูไน 26-28 มีนาคม 2559 ของ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ มีนายฮัมบาลี บิน อับดุล เราะห์มาน และนายอัฟเฟนดี บิน–ฮัมดัน พูดถึงกฎหมายอิสลามหลักชารีอะฮฺอยู่ในรัฐธรรมนูญให้พ่อผมฟัง และแนะนำว่า อย่าไปสนใจในบทลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัดมือ ปาหิน เฆี่ยน ฯลฯ อะไรพวกนี้เลย เพราะนักท่องเที่ยวหรือคนที่จะเข้ามาทำงานในบรูไน ไม่มีใครที่จะเข้ามาทำผิด นอกจากพวกอาชญากร

นายฮัมบาลียังพูดถึงการดำเนินคดีตามกฎหมายชารีอะฮฺว่า จะต้องปรากฏหลักฐานการกระทำผิดอย่างชัดเจน ต้องมีพยานที่น่าเชื่อถือและเห็นเหตุการณ์การกระทำผิดที่ว่าถึง 4 คน จึงจะสามารถดำเนินคดีได้ ประมวลกฎหมายอาญาอิสลามจะมีผลบังคับใช้เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม และจะครอบคลุมถึงคนที่ไม่ใช่มุสลิมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดต่อผู้เป็นมุสลิมด้วย

คดีที่เกิดขึ้นในบรูไนจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ประเภทแรก เป็นคดีเกี่ยวกับการกระทำผิดที่เกี่ยวเฉพาะกับกฎหมายอิสลาม เช่น การละทิ้งศาสนา การละเลยต่อการละหมาดวันศุกร์ ฯลฯ คดีเหล่านี้จะถูกดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงศาสนา อัยการอิสลาม และศาลศาสนาอิสลาม

ประเภทที่สอง เป็นคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดทับซ้อนทั้งต่อกฎหมายทั่วไป และกฎหมายอิสลาม การดำเนินคดีจะทำโดยหน่วยงานจากกระทรวงศาสนาและกระบวนการยุติธรรมปกติ

ขอเรียนรับใช้ให้ทราบโดยทั่วกันนะครับ ในประชาคมอาเซียนของเรา มีบรูไนนี่แหละเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวที่ได้ประกาศนำกฎหมายชารีอะฮฺมาบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว ผู้อ่านท่านที่จะ ไปบรูไน ไม่ว่าจะไปทำมาค้าขาย ไปลงทุน ร่วมทุน หรือแม้แต่ไป ท่องเที่ยวก็ต้องมีความเข้าใจในเรื่องศาสนา วัฒนธรรม และประเพณีอิสลาม ไม่เช่นนั้นอาจจะมีปัญหาด้านคดีความที่ถูกลงโทษตามกฎหมายอิสลาม

ชารีอะฮฺเป็นกฎหมายที่มีการกำหนดไว้ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน และในหะดีษหรือแนวทางปฏิบัติของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ซึ่งเขียนถึงการทำผิดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการลักขโมย การปล้น การทำร้ายร่างกาย การผิดประเวณี การกล่าวหาผู้อื่นว่าผิดประเวณี การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การกระทำที่ขัดต่อหลัก ศาสนาอิสลาม ฯลฯ การกระทำผิดพวกนี้ มีบทลงโทษต่างกัน บางอย่างก็ถูกเฆี่ยน ถ้าถูกจับได้ว่าลักขโมยก็จะถูกตัดมือ ถูกจับได้ว่ามีชู้ ก็จะถูกนำไปปาหินจนเสียชีวิต เรื่องอย่างนี้นี่ละครับที่ผมอยากจะขอเตือน ว่าให้ผู้ไปเยือนบรูไนมีความระวังให้มาก

แต่ก่อน บรูไนใช้ระบบกฎหมายพื้นฐานที่มาจากกฎหมายจารีต ประเพณีของอังกฤษ แต่สมเด็จพระราชาธิบดี ฮัสซานัล โบลเกียห์ ทรงผลักดันกฎหมายชารีอะฮฺ ตั้งแต่ พ.ศ.2539 โดยบังคับใช้ในคดีมรดก คดีครอบครัว คดีเล็กคดีน้อย และบังคับใช้กฎหมายชารีอะฮฺทั้งประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อ 1 พฤษภาคม 2557

ตอนที่ประกาศใช้กฎหมายชารีอะฮฺใหม่ๆ บรูไนโดนวิพากษ์วิจารณ์จากประเทศต่างๆเยอะครับ คนดังระดับโลกจากตะวันตกเรียงหน้ากันออกมาโจมตีถึงความรุนแรงของการลงโทษ จำนวนไม่น้อยงัดเอาเรื่องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานมาพูดคุย

สมเด็จพระราชาธิบดีทรงโต้ตอบว่า “ในประเทศของท่าน ท่านมีสิทธิเสรีภาพด้านการแสดงความคิดเห็น สื่อ การนับถือศาสนา และอื่นๆ สิ่งเหล่านี้ปรากฏในรัฐธรรมนูญในประเทศของท่าน เป็นระบบการเมืองการปกครอง อัตลักษณ์ประจำชาติและวิถีชีวิตของท่าน ในประเทศของข้าพเจ้า เราใช้วัฒนธรรมมลายู อิสลาม และ ระบบกษัตริย์ เราจะใช้หลักกฎหมายศาสนาอิสลาม หลักชารีอะฮฺ อิสลามปรากฏในรัฐธรรมนูญของเรา เป็นอัตลักษณ์ประจำชาติของเรา เป็นสิทธิและวิถีชีวิตของเรา…

…เราอาจจะพบจุดอ่อนในกฎหมายและระบบการปกครองของท่าน ท่านอาจจะพบจุดอ่อนในกฎหมายและระบบการปกครองของเราเช่นกัน แต่บรูไนคือ ประเทศของเรา ประเทศของท่านมีกฎหมาย คุ้มครองเกย์ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับโลกของท่านที่ท่านอาศัยอยู่ เราก็มีสิทธิเช่นเดียวกับท่านที่จะปฏิบัติเพื่อแสดงความเป็นมุสลิมในดุนยาและอาคิเราะห์ (โลกนี้และโลกหน้า) ที่เราเคารพศรัทธา”

ผมเชื่อว่า ในอนาคตจะมีประเทศในโลกนี้ประกาศใช้กฎหมายชารีอะฮฺเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ในขณะที่โลกเล็กลงเรื่อยๆ การเดินทางติดต่อสื่อสารมีมากขึ้น ท่าน หรือลูกหลานของท่านอาจจะต้องเดินทางไปประเทศที่ใช้กฎหมายชารีอะฮฺเข้าสักวัน การหาความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจเป็นเรื่องจำเป็น เพื่ออนาคตที่ไม่ประมาทครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ต้องปล่อยให้ ปชต. มีพัฒนาการ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/600785

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 5 เม.ย. 2559 05:01

 

เช้าวันนี้ 09.00-12.00 น. กรมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “การสร้างศักยภาพการ บริหารในบริบทอาเซียน” ที่สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น ปทุมธานี

บ่าย 13.00-16.00 น. คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ พูด “วิสัยทัศน์ท้องถิ่นเปรียบเทียบ” สถานที่เดียวกัน แต่คนละกลุ่ม

ผมไปร่วมฟังการอภิปรายงานสัมมนาปริญญาโทของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อแห่งหนึ่ง ได้ฟังอาจารย์พูดว่า ประชาธิปไตยของกัมพูชาอ่อนแอ ท่านพูดถึงการเมืองกัมพูชาในด้านลบทั้งหลักการความเสมอภาค หลักนิติธรรม หลักสิทธิและเสรีภาพ หลักการภราดรภาพ หลักการด้านตัวแทน และหลักการอื่นๆ

การเมืองกัมพูชาจะถูกมองอย่างไรก็ตาม แต่อย่างหนึ่งซึ่งเราต้องชมการเมืองกัมพูชาก็คือ คนกัมพูชารู้อนาคตว่าตนเองจะมีส่วนไป หย่อนบัตรเลือกตั้งเพื่อกำหนดรัฐบาลของตนเองในครั้งต่อไปได้เมื่อใดหลังสงครามรบกลางเมือง กัมพูชาก็มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกระหว่าง 23-28 พฤษภาคม 2536 ตอนนั้น ประเทศมีชื่อว่า State of Cambodia หรือรัฐแห่งกัมพูชา มีพรรคการเมืองลงแข่งขัน 20 พรรค แต่ที่ดังๆมี 3 พรรค คือ พรรคประชาชนกัมพูชาของฮุน เซน พรรคฟุนซินเปกของเจ้านโรดมรณฤทธิ์ และพรรคประชาธิปไตยเสรีพุทธของนายซอน ซาน

น่าเสียดายที่การเลือกตั้งทั่วไปใน พ.ศ.2536 พรรคที่ได้รับความนิยมและเคยเป็นรัฐบาลระหว่าง พ.ศ.2518-2522 ประกาศไม่ร่วมการ เลือกตั้ง แถมยังประกาศจะขัดขวางและโจมตีการเลือกตั้ง ไม่ให้ประชาชนในเขตอิทธิพลของตนร่วมในกระบวนการเลือกตั้ง พรรคที่ว่าคือ พรรค กัมพูชาประชาธิปไตยของเขมรแดง

พ.ศ.2536 กัมพูชาไปหย่อนบัตรเลือกตั้ง 4,267,192 คน ทั้งสภา มี ส.ส.ได้ 120 คน พรรคฟุนซินเปก (58 คน) พรรคประชาชนกัมพูชา (51 คน) พรรคประชาธิปไตยเสรีพุทธ (10 คน) และพรรคมอลินากานักต่อสู้เขมรเพื่ออิสรภาพ (1 คน)

การเมืองเขมรจะวุ่นวายยังไงก็แล้วแต่ แต่อีก 5 ปีต่อมา ก็มีการ เลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 2 ขอเรียนว่าเป็นช่วง 5 ปีพอดี คือ 26 กรกฎาคม 2541 คราวนี้มีเพียง 3 พรรคเท่านั้นที่ได้ ส.ส. คือ พรรคประชาชนกัมพูชา 64 คน พรรคฟุนซินเปก 43 คน และพรรคสมรังสี ซึ่งเป็นพรรคใหม่ได้มา 15 คน คนมาลงคะแนนทั้งหมด 5,057,679 คน

การเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีการซื้อเสียง แข่งกันบริจาคเงินให้วัดและหมู่บ้าน แจกของขวัญผ่านสภากาชาดกัมพูชา แจกอาหารเพื่อให้คนมา หาเสียง มีระบบหัวคะแนนเกณฑ์คนมาฟังคำปราศรัย แม้ว่าการเลือกตั้งจะเป็นสีเทา แต่ก็ไม่มีการปฏิวัติล้มเลิกการเลือกตั้ง เพราะต้องการให้มีพัฒนาการด้านประชาธิปไตยภายในประเทศ

รัฐบาลอยู่ครบ 5 ปี จึงมีการเลือกตั้งครั้งที่ 3 เมื่อ 27 กรกฎาคม 2546 ครั้งนี้พ่อผมนำทีมเปิดเลนส์ส่องโลกไปตระเวนดูและถ่ายทำการ เลือกตั้งทั้งในกรุงพนมเปญ และในต่างจังหวัด มีประชาชนมาหย่อนบัตร 5,168,837 คน มี 3 พรรคที่มี ส.ส. คือ พรรคประชาชนกัมพูชาได้ 73 คน พรรคฟุนซินเปก 26 คน และพรรคสมรังสี 24 คน

หลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคกัมพูชาประชาธิปไตยของพวก เขมรแดงหายไปจากการเมืองกัมพูชาเลย ไม่ลงเลือกตั้งก็เหี่ยว ชื่อหายไป บั้นปลายท้ายที่สุด ไม่มีอิทธิพล และผู้นำเขมรแดงที่มีชีวิตอยู่ก็โดนลากตัวไปดำเนินคดี

การเมืองเขมรพัฒนามากขึ้น รัฐบาลก็อยู่จนครบ 5 ปี และ มีการเลือกตั้งวันเดียวเป๊ะกับการเลือกตั้งเมื่อ 5 ปีที่แล้วคือ 27 กรกฎาคม 2551 เดิมการเมืองเขมรให้ความสำคัญกับการแอบแจกเงิน และแจกของ รวมทั้งใช้ระบบหัวคะแนน แต่การเลือกตั้งครั้งที่ 4 นี่ ประชาธิปไตยเริ่มออกดอกผล การซื้อเสียงก็ยังมีอยู่ แต่ทุกพรรคเปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับการติดป้ายหาเสียง การแจกเอกสารแนะนำพรรค ผู้สมัครและผลงาน มีการจัดเวทีปราศรัย มีการรณรงค์ผ่านสื่อ ฯลฯ

ครั้งนี้คนกัมพูชาออกมาหย่อนบัตรมากถึง 6,010,277 คน มีเพียง 5 พรรคที่ได้ ส.ส. คือ พรรคประชาชนกัมพูชา (90 คน) พรรคสมรังสี (26 คน) พรรคสิทธิมนุษยชน (3 คน) พรรคนโรดมรณฤทธิ์ (2 คน) พรรคฟุนซินเปก (2 คน)

5 ปีเป๊ะอีกเช่นกัน กัมพูชามีการเลือกตั้งครั้งที่ 5 เมื่อ 28 กรกฎาคม 2556 คราวนี้มีคนมาลงคะแนน 6,627,159 คน การเมืองกัมพูชาพัฒนา เข้าสู่ระบบการเมือง 2 พรรคคือ พรรคประชาชนกัมพูชา (ส.ส. 68 คน) พรรคกู้ชาติกัมพูชา (55 คน)

คนกัมพูชาเป็นชาติหนึ่งที่รู้อนาคตของการเลือกตั้งของประเทศตนเอง ซึ่งครั้งต่อไปสิทธิในการเปลี่ยนรัฐบาลของพวกตนจะมีขึ้นในกลาง พ.ศ.2561

ในขณะที่คนบางชาติยังไม่รู้อนาคตของตนเองเลยครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

อาลัย…ผู้รวมชาติเยอรมนี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/600402

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 4 เม.ย. 2559 05:01

 

พิษณุโลกเช้าจันทร์วันนี้คึกคักหน่อยครับ เพราะผู้นำเกษตรกร 500 คน + เกษตรกร ผู้เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพปลูกข้าวจาก 9 อำเภอ 3,050 คน จะมาฟัง ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ซึ่งรับเชิญจากนายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายก อบจ.พิษณุโลก พูด “สถานการณ์การผลิตและส่งออกสินค้าของเกษตรกรไทยในอนาคต” ที่หอประชุมศรีวชิรโชติ มรภ.พิบูลสงคราม อ.เมือง จ.พิษณุโลก เวลา 08.00-12.00 น.

เปิดฟ้าส่องโลกขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยต่อการอสัญกรรมของ ฯพณฯ ฮันส์ ดีทริช เกนเชอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน เมื่อช่วงค่ำของวันพฤหัสบดี 31 มีนาคม 2559

ถ้าไม่มี ฯพณฯ ฮันส์ ดีทริช เกนเชอร์ ก็คงจะไม่มีการรวมประเทศเยอรมนีเมื่อ 3 ตุลาคม 2532 ซึ่งประกอบไปด้วยดินแดนของอดีตสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมัน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน และเบอร์ลิน

เยอรมนีเป็นประเทศขนาดใหญ่ของยุโรปตอนกลางที่หลังจาก สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ถูกแบ่งออกเป็นเยอรมนีตะวันตกกับเยอรมนี

ตะวันออก (สาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมัน)พ.ศ.2476-2482 ฮิตเลอร์สามารถสร้างเยอรมนีที่ฟุบจากการแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 กลับมามีเสถียรภาพได้ สภาวะว่างงานเริ่มลดลง เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น คนเริ่มรักฮิตเลอร์กันทั้งประเทศ จากนั้น ฮิตเลอร์ก็ไปเอาดินแดนที่เยอรมนีเสียไปในอดีตคืน เช่น ไปนำแคว้นซาร์มาสู่อ้อมอกของคนเยอรมันได้อีกครั้งเมื่อ พ.ศ.2478

เพราะแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ประเทศชนะจึงจำกัดอาวุธและกองทัพของเยอรมนี ด้วยการจับเยอรมนีเซ็นสนธิสัญญาแวร์ซาย คนเยอรมันเสียใจเรื่องนี้มาก พอได้แคว้นซาร์คืนมาปุ๊บ ฮิตเลอร์ก็เริ่มปราศรัยด่าสนธิสัญญาแวร์ซายปั๊บ สมัยนั้นไม่มีคำปราศรัยใดที่จะโดนใจคนเยอรมันได้มากเท่าคำปราศรัยของฮิตเลอร์อีกแล้ว

พ.ศ.2479 ฮิตเลอร์ยึดแคว้นไรน์แลนด์ อีก 2 ปีต่อมา ฮิตเลอร์สั่งผนวกออสเตรีย และยึดแคว้นซูเดเทนจากเชโกสโลวะเกีย ฮิตเลอร์เริ่มนโยบายต่อต้านคนยิว โดยเริ่มลิดรอนสิทธิพลเมืองชาวเยอรมันเชื้อสายยิวทีละขั้นตอน พวกยิวหนีออกนอกประเทศกันเยอะ เยอรมนีสมัยนั้นเสียคนเก่งไปมาก ใครที่ต่อต้านนาซีถูกลงโทษหมด ฮิตเลอร์สร้างกฎหมายออกมาลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้คน ทำให้ปัญญาชน ศิลปิน และนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก ต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ

พ.ศ.2482 ฮิตเลอร์นำเยอรมนีเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการบุกโปแลนด์ อังกฤษและฝรั่งเศสก็ประกาศสงครามต่อเยอรมนี สงครามโลกครั้งที่ 2 รบกันนานเกือบ 6 ปี คนเสียชีวิตไป 55 ล้านคน แรกๆเยอรมนีชนะตลอด

หลังจาก พ.ศ.2485 เยอรมนีเริ่มแพ้และเสียดินแดนที่ยึดครอง เรื่องนี้ทำให้ฮิตเลอร์เริ่มคลั่งขึ้น เริ่มเพิ่มความทารุณโหดร้าย โดยเฉพาะนโยบายการแก้ปัญหาของชาวยิวครั้งสุดท้าย ทำให้คนยิวตายไปมากถึง 6 ล้านคน

ไม่ใช่ไม่มีคนเยอรมันมองภัยตรงนี้ไม่ออกนะครับ ในขณะที่คนทั่วไปเชียร์ฮิตเลอร์ว่าทำสิ่งที่ถูกแล้ว ดีแล้ว มีทหารกลุ่มหนึ่งมองเห็นว่าการกระทำของฮิตเลอร์นำเยอรมนีไปสู่หายนะ ก็พยายามยึดอำนาจ แต่ก็ล้มเหลว ฮิตเลอร์จึงหันกลับมาค้นหาพวกต่อต้านนาซี เมื่อเจอแล้วก็เอาไปฆ่าทิ้งมากกว่า 4,000 คน

ระบอบนาซีสิ้นสุดเมื่อกองทัพรัสเซียกำลังบุกกรุงเบอร์ลินเมื่อ 2488 ทำให้ฮิตเลอร์ฆ่าตัวตาย หลังจากนั้น ผู้คนจำนวนไม่น้อยถูกนำไปพิจารณาคดีนูเรมเบิร์กข้อหาร่วมวางแผนก่อสงครามและข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

เยอรมนีถูกแบ่งเป็น 2 ประเทศ กำแพงเบอร์ลินถูกสร้างขึ้นมา เมื่อ พ.ศ.2504 เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป คนเยอรมันเริ่มอยากจะรวมประเทศ มีการแสดงออกโดยการชุมนุมกันเดินขบวนเรียกร้องให้มีการรวมเยอรมนีตามเมืองต่างๆ

ช่วงนี้นี่แหละครับ ที่ ฯพณฯ ฮันส์ ดีทริช เกนเชอร์ รมว.ต่างประเทศ บินไปพบนายกอร์บาชอฟ ผู้นำโซเวียตหลายครั้ง แถมบินไปคุยกับสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส จนมีการลงนามในสนธิสัญญา Two-plus-Four Treaty หรือสนธิสัญญาสองบวกสี่ ว่าด้วยการรับรองการรวมประเทศเยอรมนี

รัฐบาลเยอรมันตะวันตกและเยอรมันตะวันออกทำลายกำแพงเบอร์ลินลงในเดือนมกราคม 2533

3 ตุลาคม 2534 มีการรวมชาติเป็นประเทศใหม่ชื่อว่า สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี รัฐมนตรีต่างประเทศยังมีชื่อว่า นายฮันส์ ดีทริช เกนเชอร์

31 มีนาคม 2559 ฯพณฯ ฮันส์ ดีทริช เกนเชอร์ จากโลกนี้ไปอย่างสงบ ด้วยอายุ 89 ปี

ขอแสดงความอาลัยอย่างสูงครับ.
คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

โซเชียลมีเดียช่วยฮุนเซน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/598898

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 1 เม.ย. 2559 05:01

 

สถาบันกรมพระจันทบุรีนฤนาถ สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “การวิเคราะห์และการสังเคราะห์ (Analytical and Synthesis Thinking) เพื่อการนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจภาคบริการ” รับใช้ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งพาณิชย์จังหวัด อำนวยการระดับสูง รุ่นที่ 1 จำนวน 50 คน เสาร์พรุ่งนี้ 13.00-16.00 น. ที่โรงแรมริชมอนด์ จ.นนทบุรี

เดี๋ยวนี้ผมกลายเป็นแฟนสมเด็จฮุนเซน ทางโซเชียลมีเดียไปแล้วครับ แม้ว่าฟังภาษาเขมรไม่ค่อยออก แต่ก็ชอบดูท่าทางและการพูดของ ฮุนเซน ซึ่งแต่เดิมต้องดูตามโทรทัศน์ดาวเทียมช่องต่างๆ แต่เดี๋ยวนี้มีการถ่ายทอด real time สดๆทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ Samdech Hun Sen, Cambodian Prime Minister ซึ่งมีคนกดไลค์แล้ว 3,499,403 คน ทั้งคนกัมพูชาและชาวต่างประเทศ โซเชียลมีเดียทำให้ โทรทัศน์ช่องต่างๆของกัมพูชาลดความนิยมลงไปมาก คนมีการศึกษาและพวกคนรุ่นใหม่ดูทุกอย่าง หนัง ละคร เพลง การปราศรัยหาเสียง ฯลฯ ผ่านทางโซเชียลมีเดียกันส่วนใหญ่

การเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาครั้งล่าสุดเมื่อ 28 กรกฎาคม 2556 พรรคต่างๆของกัมพูชาต่างแย่งเวลาออกอากาศในสถานีโทรทัศน์ 3 แห่ง เป็นสถานีของรัฐ 2 แห่ง คือช่อง TVK และ CTN อีกช่องหนึ่งเป็นช่องเอกชนที่มีลูกสาวฮุนเซนเป็นผู้บริหารสถานี คือช่อง Bayon News TV ทุกพรรคการเมืองเร่งออกอากาศตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคม 2556 พรรคที่ได้เวลาไปมากก็ไม่พ้นพรรคประชาชน (CPP) ส่วนพรรคอื่นๆก็ได้กันประปราย

ผลการเลือกตั้ง พรรคประชาชนกัมพูชาได้เสียงประชาชน 3,235,969 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 48.83 ได้ ส.ส. 68 คน ลดไปจาก การเลือกตั้งเมื่อ 27 กรกฎาคม 2551 ถึง 22 คน (พ.ศ.2551 พรรคประชาชนได้ 3,492,374 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 58.11 ได้ ส.ส. 90 คน) พรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ได้ 2,946,176 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 44.46 ได้ ส.ส. 55 คน ได้เพิ่มมาจากการเลือกตั้ง พ.ศ.2551 จำนวน 26 คน

การเลือกตั้งของกัมพูชาได้พัฒนาเป็นระบบ 2 พรรค แบบสากล อย่างสมบูรณ์ เพราะการเลือกตั้ง พ.ศ.2556 พรรคอื่นๆไม่ได้ ส.ส.เลย แม้แต่พรรคฟุนซินเปก (FP) ที่หัวหน้าพรรคคือ พระธิดาในสมเด็จนโรดม– สีหนุ ที่มีพระนามว่า นโรดม อรุณ รัสมี เป็นพรรคเก่าที่ตั้งขึ้นพร้อมกับพรรคประชาชนเมื่อ พ.ศ.2536 และส่งผู้สมัครทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง (23-28 พ.ค.2536, 26 ก.ค.2541, 27 ก.ค.2546, 27 ก.ค.2551 และ 28 ก.ค.2556) ก็ไม่มี ส.ส.แม้แต่คนเดียว

พรรคสันนิบาตเพื่อประชาธิปไตย (LDP) พรรคแห่งชาติกัมพูชา (CNP) พรรคต่อต้านความยากจนเขมร (KAPP) พรรคพัฒนาเศรษฐกิจเขมร (KEDP) และพรรคสาธารณรัฐประชาธิปไตย (DRP) ก็ไม่มีพรรคไหนได้ ส.ส.เช่นกัน

คนกัมพูชามาลงคะแนนทั้งหมด 6,627,159 คน ส.ส.ทั้งสภามี 123 คน พรรคของฮุนเซนได้ 68 คน พรรคของสม รังสี ได้ 55 คน ห่างกันเพียง 13 คนเท่านั้น เป็นที่รู้กันนะครับ ว่าโดยแท้ที่จริงในระหว่างการนับคะแนนพรรคของสม รังสี นำมาตลอด แต่พอถึงใกล้จะหมดเวลา ก็มีการพักโฆษณายาวมาก การนับคะแนนในช่วงพักโฆษณา ประชาชนทั้งประเทศจึงไม่ได้เห็น พอโฆษณาเสร็จ อ้าว พรรคของฮุนเซนนำซะแล้ว

ผู้คนก็ประท้วงกันน่าดู การชุมนุมประท้วงในเดือนตุลาคม 2556 มีคนร่วมขบวนประท้วงมากกว่า 50,000 คน แต่ละวันที่มีการชุมนุม ผู้คนชนกัมพูชาเอาเงินใส่กล่องบริจาคให้พรรคกู้ชาติกัมพูชาของสม รังสี ไม่ต่ำกว่าวันละ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเงินไทยประมาณ 650,000 บาท ทุกคนประกาศว่าอยากเห็นความยุติธรรมเกิดขึ้นในกัมพูชา แต่สุดท้ายทุกอย่างก็จบลงอย่างที่ฮุนเซนต้องการ

ตั้งแต่ พ.ศ.2556 เป็นต้นมา คะแนนของฮุนเซนลดฮวบฮาบ นักวิเคราะห์ทั้งของกัมพูชาและนานาชาติต่างเขียน พูด เป็นทางเดียวกันว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า สม รังสี ชนะได้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน สม รังสี เองก็ใช้โซเชียลมีเดียโกยคะแนนจากคนชั้นกลาง สะสมคะแนนจากคนชั้นล่าง จนดูเหมือนว่าฮุนเซนแพ้แน่นอน

ที่ปรึกษาฮุนเซนกลับลำทัน เปิดเฟซบุ๊กและช่องทางโซเชียลมีเดียประเภทอื่นให้ฮุนเซน และค่อยๆสะสมคะแนน จนทุกวันนี้ฮุนเซนกลับมาได้รับความนิยมมากกว่าเก่า คนเข้ามาชมฮุนเซนขณะปราศรัยสดในแฟนเพจเป็นภาษาเขมรมาก แต่ผมอ่านไม่ออกดอกครับ ที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ ก็เยอะ เช่น My real hero. วีรบุรุษที่แท้จริงของข้าพเจ้า The best Prime Minister. นายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด Our great leader. ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของเรา

เมื่อ 2 ปีก่อน เปิดฟ้าส่องโลกทำนายว่าสม รังสี จะชนะ ฮุนเซนจะแพ้ในการเลือกตั้ง พ.ศ.2561

ถ้าสถานการณ์ในโซเชียลมีเดียเป็นอย่างนี้

ผมขอกลับคำทำนายทายทักครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand