ภัยแล้ง มหันตภัยของมนุษยชาติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/591594

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 17 มี.ค. 2559 05:01

 

พฤหัสบดีวันนี้ เช้า 09.00-12.00 น. ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “อาเซียนกับการเตรียมความพร้อมของข้าราชการสามจังหวัดชายแดนภาคใต้” รับใช้ข้าราชการจากยะลา ปัตตานี และนราธิวาส

250 คน ที่โรงแรมบีพี แกรนด์ทาวเวอร์

พฤหัสบดีวันนี้เช่นเดียวกัน มีตัวแทนนักวิชาการจากมาเลเซีย และไทยพูดรับใช้บุคลากรทางการศึกษา 1,800 คน ที่หอประชุม มรภ.ยะลา 10.00-12.00 น. นักวิชาการมาเลเซียคือ Professor Dr. Mustofar Kasem และ 13.00-15.00 น. นักวิชาการไทยคือ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ ทั้ง 2 คนพูดเรื่องเดียวกัน “เทคโนโลยีล้ำหน้า การศึกษาเอกชนล้ำยุค” แต่คนละเวอร์ชั่น คนละวิสัยทัศน์ ท่านใดสนใจเชิญฟังครับ

ข่าวไทยรัฐออนไลน์เขียนถึง ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต ที่วิเคราะห์ความเสียหายภาคเกษตรกรรมที่เป็นผลมาจากภัยแล้ง ว่าอยู่ที่ระดับ 19,460-20,000 ล้านบาท รายได้เกษตรกรลดลง 3,430 บาทต่อครัวเรือนต่อปี ความเสียหาย

ต่อรายได้เกษตรกรจากภัยแล้งรวม 24,353-25,000 ล้านบาท รวมความเสียหายต่อผลผลิตการเกษตรและรายได้เกษตรกร 43,813-45,000 ล้านบาทภัยแล้งไม่ใช่เป็นภัยพิบัติเฉพาะในไทยดอกครับ เสียงโอดโอยโหยหวนดังที่สุดตอนนี้มาจากทวีปแอฟริกา อเมริกากลาง ออสเตรเลีย และใครจะนึกครับ ไทย กัมพูชา และเวียดนามโดนภัยแล้งหนักไม่แพ้ทวีปแอฟริกาด้วย

นอกจากมีภัยแล้งแล้ว เวียดนามยังเจอปัญหาน้ำทะเลซึมเข้ามาอย่างรุนแรง พื้นที่จำนวนไม่น้อยต้องหยุดการปลูกข้าว แถมไม่มีน้ำบริโภค

สมัยก่อนน้ำทะเลซึมเข้ามาในพื้นดินแค่ 10-20 กม. แต่ในตอนนี้ ซึมลึกเข้ามาในพื้นดินไกลถึง 90 กม. หลายจังหวัดโดนน้ำทะเลซึมมากถึง 3 ใน 4 ของพื้นที่ทั้งหมด และโชคร้ายที่พื้นที่ส่วนใหญ่ที่โดนภัยแล้งและน้ำทะเลซึม เป็นพื้นที่สำคัญที่ใช้ปลูกข้าวของเวียดนามเสียด้วย ปัญหาที่ตามต่อมาก็คือ ภาวะข้าวยากหมากแพง

ไทยมีปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ผมว่านี่เป็นโอกาสที่เราจะต้องพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ด้วยการนำยางพาราไปผลิตเป็นวัสดุเพื่อกันน้ำซึมลงไปใต้ดิน หน้าฝนของประเทศเหล่านี้ มีฝนตกหนักมาก บางแห่งถึงขนาดมีน้ำท่วม น้ำหลาก แต่อ่างเก็บน้ำมีไม่เพียงพอ ที่รัฐทมิฬนาฑูของอินเดีย แก้ไขภัยแล้งด้วยการขุดอ่างเก็บน้ำชุมชนไว้ทุกหมู่บ้าน เดี๋ยวนี้การขุดบ่อไม่ยากครับ เพราะมีรถแบ็กโฮที่ใช้ขุดแป๊บเดียวก็เสร็จ แต่ปัญหาอยู่ที่น้ำซึมลงไปใต้ดิน คนอินเดียใช้ขี้วัวยาพื้นอ่าง

ผมว่าขี้วัวแพ้ยางพารากันน้ำซึม ยางพารากันน้ำซึมลงดินจะขายได้ดีไปทั้งโลกอย่างแน่นอนครับ ยิงปืนนัดเดียวนกตกลงมาทั้งฝูง ได้ทั้งแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ และได้ทั้งการแก้ไขปัญหาน้ำไม่พอใช้ในหน้าแล้ง

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคของไทย ตอนนี้ก็มีโครงการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 12 สิงหาคม 2559 ซึ่งมีกิจกรรมเพื่อชุมชน และสังคมหลายกิจกรรม ที่ผมอ่านแล้วชอบมากก็คือ ตอนนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสร้างฝายชะลอน้ำ

ฝายชะลอน้ำของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคใช้คอนกรีตที่ชำรุด เสื่อมสภาพแล้วมาสร้าง พวกเสาไฟฟ้า เสาตอม่อ คอน เอามาออกแบบให้มีความแข็งแรงทนทานต่อการกัดเซาะของน้ำในฤดูน้ำหลาก ให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่

ฝายชะลอน้ำพวกนี้นี่ล่ะครับ จะช่วยฟื้นฟูสภาพป่าไม้บริเวณต้นน้ำลำธาร และนำความชุ่มชื้นมาสู่แผ่นดิน ฟื้นฟูระบบนิเวศ

ฝายที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสร้างนี้ ช่วยกักเก็บน้ำไว้เพื่อเป็นแหล่งน้ำสำหรับใช้ในการอุปโภคบริโภคของมนุษย์และสัตว์ป่า เลี้ยงสัตว์และการเกษตรกรรม

ผมเห็นด้วยครับ กับการหันมาทำ CSR ด้วยการสร้างฝายชะลอน้ำ และถ้าจะให้ดี อยากให้พัฒนาการทำ CSR ไปจนถึงการสร้างอ่างเก็บน้ำ

ถ้า แฮ่ๆจะให้รับผิดชอบต่อปากท้องเกษตรกรร่วมชาติด้วย ก็ต้องปูพื้นอ่างเก็บน้ำด้วยวัสดุที่ทำมาจากยางพารา

อ่างเก็บน้ำหรือฝายชะลอน้ำ ยังมีพื้นที่พื้นผิวน้ำที่ทำให้น้ำระเหยไปได้มาก ที่สหรัฐฯ อิสราเอล และอีกหลายประเทศ ค้นคว้าพัฒนาจริงจังกับการเก็บน้ำใต้ดิน ในช่วงที่ฝนตกเยอะ หรือในช่วงที่หิมะละลายอย่างเร็ว ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการเก็บน้ำใต้ดินมีความรู้ที่ระบายน้ำลงไปในชั้นดินต่างๆ และดูดขึ้นมาใช้ในหน้าแล้ง

ถ้าเราทำ CSR ถึงขนาดเจาะรูเอาน้ำเข้าไปเก็บไว้ใต้ดินได้

ภัยแล้งก็จะกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆไปเลยครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

เจือง เติ๊น ซาง บุกแอฟริกา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/591093

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 16 มี.ค. 2559 05:01

 

ความใฝ่ฝันของคนจบปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ และนิติศาสตร์ ก็คือเป็นปลัดอำเภอ ซึ่งขณะนี้กรมการปกครองกำลังเปิดรับคนที่จะสอบเป็นเจ้าพนักงานปกครองปฏิบัติการ (ปลัดอำเภอ)

นอกจากนั้น สำนักงาน ก.พ. ยังสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปประจำปี 2559 สำหรับผู้มีวุฒิ ปวช., ปวท., ปวส., ปริญญาตรี และโท (ทุกสาขา) สนใจเชิญเข้าไปดูที่ http://www.facebook.com/nitipoomtutormoo ในนั้นมีบริการด้านข้อมูลครับ

ขณะที่ท่านที่เคารพจับไทยรัฐฉบับนี้ขึ้นอ่าน นายเจือง เติ๊น ซาง ประธานาธิบดีของเวียดนามก็กำลังเยือนประเทศโมซัมบิก แทนซาเนีย และอิหร่านอย่างเป็นทางการ

เวียดนามเป็นประเทศที่มีข้อตกลงทางการค้าทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคีกับ 55 ประเทศทั่วโลก ทั้งประเทศเล็กชาติน้อย และบุกทุกด้านไม่ว่าการเกษตร พลังงาน ท่องเที่ยว ก่อสร้าง คมนาคมและขนส่ง

บรรดาประเทศในกลุ่มอาเซียน ตอนนี้เวียดนามบุกแรงที่สุด นอกจากนั้น ยังให้ทุนนักศึกษาประเทศในทวีปแอฟริกาเข้ามาเรียนในเวียดนามเป็นจำนวนมาก มองเวียดนามในขณะนี้ เหมือนเวียดนามลอกเลียนเกาหลีใต้เมื่อตอนที่จะเริ่มแข่งกับญี่ปุ่น

ย้อนหลังไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ญี่ปุ่นชนะเกาหลีแทบทุกเรื่อง ห่างชั้นกันไม่เห็นฝุ่น และก็ไม่มีใครนึกดอกครับ ว่าวันหนึ่ง สินค้าหลายประเภทของเกาหลีจะชนะสินค้าของญี่ปุ่น เหมือนเวียดนามกับจีน ตอนนี้ใครก็ยอมรับ ว่าการค้าของจีนไปไกลกว่าเวียดนามเยอะ เวียดนามชนะจีนยาก แต่เวียดนามก็พยายามชิงตลาด และเริ่มชิงได้หลายที่

20 ปีที่แล้ว รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ไปที่ไหนจะได้รับการต้อนรับจากรัฐบาลของประเทศนั้นอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ทวีปแอฟริกา เพราะรัฐบาลจีนเข้าไปช่วยสร้างทำเนียบประธานาธิบดี โรงพยาบาล สนามกีฬา ถนนหนทาง เขื่อน สะพาน ฯลฯ สร้างเสร็จก็เอาพ่อค้าจีนเข้าไปคาไว้ในแต่ละประเทศหลายพันคน จนแทบทุกเมืองหลวงจะมีไชน่าทาวน์ใหญ่บ้างเล็กบ้าง

แต่คนจีนชอบกินรวบ ไปทำลายธุรกิจของคนท้องถิ่น ไปซื้อธุรกิจท้องถิ่นแล้วก็ปิดไว้เฉยๆไม่เปิดดำเนินกิจการ ซื้อกิจการคนท้องถิ่นไปเพียงเพื่อตัดคู่แข่ง เมื่อคู่แข่งท้องถิ่นพังแล้ว คราวนี้ธุรกิจจีนก็เริ่มแสดงความโหด ธุรกิจของคนจีนในปัจจุบันจึงถูกต่อต้านจากคนท้องถิ่นอย่างรุนแรงในหลายแห่ง

เมื่อบวกกับคุณภาพสินค้าจีนที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ภาพลักษณ์ ของจีนลงเหว ถนนหนทางที่สร้างไว้ก็พังในระยะเวลาสั้นกว่าที่ควรจะเป็น

จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจไม่ทราบ แต่เบอร์ 1 ของเวียดนามขยันเดินทาง ไปทุกภูมิภาคของโลก และได้รับการต้อนรับอย่างดีแทบทุกแห่ง แม้แต่บริษัทโทรคมนาคมของเวียดนามที่ชื่อ Viettel ก็เริ่มจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทขนาดใหญ่ของประเทศต่างๆ และเริ่มทยอยเปิดตัว

น่าเสียดายโอกาสของประเทศไทยครับ อย่างกับโมซัมบิกนี่ พวกเราไปกันตั้งแต่ พ.ศ.2543 ตอนนั้นน้ำท่วมใหญ่โมซัมบิกในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพริทอเรียและพ่อผมยังนำเงินของกระทรวงการต่างประเทศไปช่วยรัฐบาลโมซัมบิก

พ.ศ.2543 จีนกับเวียดนามยังไม่รู้จักโมซัมบิก แต่มีคนไทย 97 คนไปทำงานสร้างเบ้าหลอมผลิตแร่อะลูมิเนียมในป่าของโมซัมบิกแล้ว

อีก 9 ปีต่อมา พ.ศ.2552 คนไทย 240 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากจังหวัดจันทบุรี เข้าไปลงหลักปักฐานธุรกิจซื้ออัญมณีในอำเภอกลางป่าลึกของโมซัมบิกได้อย่างค่อนข้างมั่นคงแล้ว

พ.ศ.2554 พวกเรายังได้เชิญนางเอสเปอร์รันซา บีแอส รมว.ทรัพยากรธรณีของโมซัมบิก มาบรรยายเรื่องนโยบายการค้าการลงทุน ที่โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ซึ่งในครั้งนั้น พ่อของผมยังได้ร่วมขึ้นบรรยายด้วย

5 ปีที่แล้ว เวียดนามยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจโมซัมบิกมากมายขนาดนี้ ตอนนั้น ใครๆก็คิดว่าไทยน่าจะเป็น 1 ในประเทศที่ประสบความสำเร็จที่สุดในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาใต้ ร่วมกับสิงคโปร์และมาเลเซีย

เพราะความไม่ต่อเนื่องของผู้คนทางซีกรัฐบาล ทำให้คนไทยเริ่มเสียโอกาส แต่ละเวลานาที คนไทยเริ่มเห็นอนาคตของคนเวียดนามว่ามีแนวโน้มที่จะได้ขึ้นแท่นเป็นเบอร์ใหญ่ของการค้าการลงทุนในทวีปแอฟริกา

ไม่น่าเชื่อครับ ว่าเวลาผ่านไปไม่ถึง 5 ปี

ประเทศของเราจะหงอยมากอย่างนี้.
คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ถ้าทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/590536

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 15 มี.ค. 2559 05:01

 

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์+กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด“ความท้าทายของสินค้าเกษตรไทยในเวทีโลก” รับใช้ข้าราชการระดับสูง 120 คน อังคารวันนี้ 13.00-16.00 น. ที่โรงแรมรามาการ์เด้น ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ

สมัยก่อน เราชอบเรียนการเลือกตั้งอเมริกันจากอาจารย์ที่มีประวัติเดินทางไปดูการเลือกตั้งด้วยตนเอง ไม่ว่าจะไปสมัยฟอร์ด คาร์เตอร์ เรแกน หรือบุช ทว่าตั้งแต่ยุคคลินตันจนถึงยุคโอบามา ผมว่าคนที่บินไปตระเวนดูการหาเสียงด้วยตัวเอง จะรู้ซอกแซกสู้พวกที่อยู่หน้าจอทีวีดูถ่ายทอดสดและฟังวิเคราะห์ไม่ได้ เพราะพวกที่ดูอยู่หน้าจอทีวี รับข้อมูลได้หลากหลายกว่าเยอะ

ตอนนี้ สิ่งที่คอการเมืองติดกันงอมแงมก็คือ การถ่ายทอดการหาเสียงสดของโดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ ผมเองก็ดูจากช่องฟอกซ์นิวส์ตลอดครับ ยิ่งมีการประท้วงต่อต้าน คนยิ่งหันมาดูความมันส์จากคำปราศรัยของทรัมป์กันมากขึ้น พอมีคนชูป้ายประท้วง ทรัมป์ก็จะบอกว่า เอามันออกไป ผู้สนับสนุนของทรัมป์ก็จะโห่ สนุกยิ่งกว่าดูมวยบวกฟุตบอลบวกเทนนิส มันส์ครับ มันส์จริงๆ

เสาร์ที่แล้ว ทรัมป์ยกเลิกการปราศรัยหาเสียงที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ นครชิคาโก เพราะมีกลุ่มต่อต้านมารวมตัวกันเยอะ การยกเลิกทำให้ทรัมป์ได้คะแนนเพิ่ม ในแง่ที่ว่า แม้ว่าแกจะเป็นมุทะลุสุดโต่ง แต่ก็ยังเป็นห่วงเรื่องความรุนแรง

ความที่อยู่กับการเมืองมาเกือบจะ 30 ปี เป็นนักธุรกิจ นักเขียน ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ เจ้าของกิจการการประกวดนางงามจักรวาล ฯลฯ ทำให้คนอเมริกันชินกับทรัมป์ ความที่เห็นทรัมป์ตามสื่อหลากหลาย ทำให้บางคนรู้สึกเหมือนกับว่าทรัมป์เป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของครอบครัว ผมดูการสัมภาษณ์คนจนที่เคยหนุนเด็มโมแครต แต่ตอนนี้ กระโจนข้ามฟากหันมาหนุนทรัมป์ที่อยู่ค่ายรีพับลิกัน เพราะชอบที่ทรัมป์พูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา ไม่ปิดบัง

แต่ก็เริ่มมีโทรทัศน์เอาคนที่กลัวว่าทรัมป์จะได้เป็นประธานาธิบดีมาออกรายการ คนพวกนี้กลัวว่า ทรัมป์จะทำให้ตำแหน่งประมุขของรัฐและประมุขของฝ่ายบริหารของสหรัฐฯกลายเป็นตำแหน่งของตลกโลก

ในอังกฤษตำแหน่งทั้งสองนี่แยกกัน สมเด็จพระราชินีทรงดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐ ส่วนนายกรัฐมนตรีอังกฤษเป็นประมุขของฝ่ายบริหาร แต่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาควบทั้งสองตำแหน่ง เป็นทั้ง Chief of State ประมุขของรัฐ และ Chief Executive ประมุขฝ่ายบริหาร

คำพูดคำจาของทรัมป์สนุก ตื่นเต้น เร้าใจตอนหาเสียง แต่ตอน ที่ทรัมป์จะกล่าวคำปราศรัยในฐานะประมุขของรัฐ พวกนี้สงสัยว่าแกจะพูดได้ยังไง

ประธานาธิบดีสหรัฐฯยังเป็นประมุขทางการทูต Chief Diplomat เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด Commander–in–Chief ยังมีบทบาทในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ Chief Legislature ประธานาธิบดีเป็นคนกล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับสถานะของประเทศที่เรียกว่า State of the Union Address ต่อหน้าการประชุมร่วมของสภาคองเกรสในช่วงต้นปีทุกปี เพื่อเสนอโครงการต่างๆ ที่ฝ่ายบริหารจะนำเสนอต่อฝ่ายนิติบัญญัติ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีอำนาจวีโต้ ถ้าไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายที่ผ่านสภาคองเกรสมาแล้ว ด้วยการไม่ลงนามในร่างกฎหมายและส่งคืนไปให้สภาคองเกรสพร้อมด้วยข้อคัดค้าน ความแรงของทรัมป์ทำให้คนกลัว เมื่อแกจะต้องไปทำหน้าที่สำคัญพวกนี้

ท่านเหล่านั้นยังกลัวและสงสัยต่อไปอีกว่า ถ้าทรัมป์ได้รับการเสนอชื่อเพื่อลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการแล้ว แกจะจัดสรรตำแหน่งต่างๆให้กับผู้ที่จงรักภักดีต่อพรรคยังไงและแกจะดำเนินตาม Party Platform หรือแผนการดำเนินงานของพรรคได้ดีขนาดไหน แกเก่งปราศรัยหาเสียงมันส์ๆเพียงอย่างเดียวหรือเปล่า?

ประธานาธิบดีของสหรัฐฯทุกคน ตั้งแต่จอร์จ วอชิงตัน จนถึงบารัค โอบามา ถูกนักจิตวิทยาแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ซึ่งมีทั้ง Active-Positive, Active-Negative, Passive-Positive และ Passive-Negative ใครถูกจัดอยู่ในพวกไหนบ้าง วันหน้าผมจะมาอธิบายรับใช้กัน วันนี้ขอโทษที่หน้ากระดาษไม่พอครับ

แต่ที่แน่ๆเลยก็คือ พวกจิตวิทยาเริ่มงง เพราะถ้าทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขึ้นมาจริงๆ แกก็จะไม่เข้าพวกทั้งสี่อย่างนี้เลย นักจิตวิทยาอาจจะต้องจัดประธานาธิบดีประเภทที่ 5

ที่อาจจะเป็นประธานาธิบดีประเภทบ้าๆบอๆก็ได้ครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

โปรดให้โอกาสผู้ต้องราชทัณฑ์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/590070

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 14 มี.ค. 2559 05:01

 

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “มิติใหม่ของไทยภายใต้บริบทประชาคมอาเซียน” รับใช้ข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม ข้าราชการศาลยุติธรรม ลูกจ้างในศาลอุทธรณ์ภาค 7 และผู้สังเกตการณ์ 120 คน ที่ห้องประชุมสัตตภาคพิจารณ์ ชั้น 6 ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ถ.รัชดาภิเษก เขตจตุจักร กทม. 09.00-12.00 น. จันทร์วันนี้

พุธของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิไปพูดให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ทั้งชายหญิงจำนวนรวมหลายพันคน ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี เป็นครั้งที่ 2 การไปเยือนเรือนจำครั้งนี้ทำให้ได้ข้อมูลว่า ผู้ต้องราชทัณฑ์จำนวนไม่น้อย เมื่อพ้นโทษแล้ว ก็ออกไปสู่สังคมเดิม คบเพื่อนกลุ่มเดิม กลับ ไปใช้ชีวิตแบบเดิม สุดท้ายทำความผิดซ้ำ กลับเข้าเรือนจำเหมือนเดิม

หลังจากสนทนากับนายไพฑูรย์ อำพันธ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษมีนบุรีอยู่หลายครั้ง ก็ได้ความคิดว่า จะต้องมี “หลักสูตรอบรมสำหรับอาชีพสมัยใหม่” เข้าไปสอนในเรือนจำ โดยเริ่มสอนผู้ต้องราชทัณฑ์ต้นแบบชายที่ใกล้พ้นโทษ 30 คน และหญิง 30 คน เมื่อพ้นโทษแล้ว ก็จะช่วยกันหางาน เพื่อให้พ้นจากสังคมเดิม และไม่ให้กลับมาสู่เรือนจำอีก

เบื้องต้น พ่อผมตั้งใจจะเข้าไปสอนการถ่ายทำสารคดี การเขียนบท การตัดต่อภาพยนตร์ การตัดต่อคลิป และการทำโฆษณาเพื่อลงโซเชียลมีเดีย ปัจจุบันโลกเข้าสู่ระบบดิจิทัล โทรทัศน์มีหลายพันนับหมื่นช่องทั่วโลก ทั้งโลกจึงต้องการคนที่อยู่ในกระบวนการการผลิตภาพยนตร์ คลิปข่าวและคลิปโฆษณาอะไรพวกนี้เป็นจำนวนมาก

ผู้ต้องราชทัณฑ์ที่สำรวจเมื่อ 1 มีนาคม 2559 ทั่วประเทศ เป็นชาย 273,492 คน หญิง 44,483 คน รวม 318,272 คน จากจำนวน ผู้ต้องราชทัณฑ์ทั้งหมด มีผู้ที่ต้องราชทัณฑ์คดี พ.ร.บ.ยาเสพติดมากถึง 221,857 คน คิดเป็นร้อยละ 69.71 ตัวเลขกลมๆ ก็ตีไปร้อยละ 70 ตัวเลขนี้ทำให้พูดได้นะครับว่า อันตรายใหญ่ของประเทศของเราคือ “ยาเสพติด”

นอกจากพ่อผมและคณะแล้ว เรายังต้องการผู้ที่จะอุทิศเวลาเข้าไปสอนในเรือนจำอีกจำนวนหนึ่ง ผลัดกันเข้าไปสอนเพื่อให้เกิดความหลากหลายและความชำนาญในอาชีพหลายด้าน ท่านใดสนใจที่จะร่วมกันเข้าไปสอนเพื่อพัฒนาผู้ต้องราชทัณฑ์ให้มีอนาคตที่ดีขึ้นหลังจากพ้นโทษออกมาแล้ว กรุณาติดต่อไปที่ Line Official ID กด @LGJ0596P นอกจากคนที่มีความชำนาญในด้านการถ่ายทำตัดต่อแล้ว ก็ยังต้องการผู้สอนอาชีพอื่น รวมถึงผู้บริหารทีมงานที่จะเข้าไปจัดการการสอนและฝึกอบรมอีกด้วย

บางสถาบัน บางกลุ่ม บางสมาคม รับแต่คนเก่งหรือคนมีทรัพย์ แต่ทิ้งคนด้อยโอกาส กดคนที่เคยทำผิดพลาด เพราะสังคม ปิดกั้นโอกาส จึงทำให้คนเหล่านั้นกลับไปสู่สภาพเดิมอีก และก็ทำผิดซ้ำอีก

การไปพูดให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ครั้งที่ 2 ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี คณะของพ่อผมได้พบกับครูสาวชาวบราซิล เคนยา และอเมริกัน ผู้เป็น อาสาสมัครเข้าไปสอนภาษาอังกฤษและวัฒนธรรมนานาประเทศให้ผู้ต้องราชทัณฑ์หญิง คณะของพ่อสังเกตการณ์อยู่พักหนึ่ง ก็พบว่าการสอนได้ผล และนี่คือประโยชน์ของแท้ สำหรับการให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ออกมาใช้ชีวิตปกติหลังจากที่พ้นโทษแล้ว

คนผู้ต้องราชทัณฑ์ส่วนใหญ่ “ชั่วเคยมี ดีเคยผ่าน” ชีวิตของพวกเขาจึง “ตกผลึก” มองโลกได้ครบทุกมิติ ทั้งดี ทั้งร้าย ถ้าเรา ปล่อยปละละเลย ผู้ต้องราชทัณฑ์เหล่านี้ก็จะกลายเป็นกำลังพลเสื่อมของประเทศ เป็นตัวลบที่ทำให้เราต้องแก้ปัญหากันอีกไม่จบสิ้น แต่ถ้าเรามุ่งมั่นพัฒนา คนเหล่านั้นจำนวนหนึ่งก็จะกลายเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ

งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2559 มี 2.72 ล้านล้านบาท งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงยุติธรรมมี 2.3 หมื่น ล้านบาท เฉพาะกรมราชทัณฑ์ใช้งบประมาณสูงถึง 1.2 หมื่นล้านบาท และก็มีแนวโน้มจะสูงเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ภาษีของประชาชนอีกเป็นจำนวนมากที่อยู่ในรูปของงบประมาณในหน่วยงานราชการอื่นเพื่อใช้ในการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด เห็นตัวเลขแล้วก็เสียดายเงินครับ

ถ้าเราไม่สร้างอาชีพที่มีรายได้มั่นคงและทันสมัยให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ก่อนพ้นโทษ คนเหล่านี้บางส่วนก็จะกลับเข้าไปในเรือนจำอีก สร้างปัญหาที่มีขนาดใหญ่ขึ้นไปอีก

สังคมให้โอกาสคนพร้อม แต่ผลักไสไล่ส่งคนมีปัญหา

ลองแก้ไขปัญหาของคนมีปัญหาจริงจังซีครับ

ผมเชื่อว่า จะทำให้ประเทศของเราน่าอยู่ขึ้นครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

จีนทุ่มเทศึกษาเส้นทางสายไหม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/588744

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 11 มี.ค. 2559 05:01

 

ศุกร์วันนี้ 09.00-12.00 น. สมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรปรับตัวอย่างไรต่อกระแสและแนวโน้มเศรษฐกิจสังคม และวัฒนธรรมของนานาประเทศ” ที่โรงแรมอีสเทิร์นแกรนด์ พาเลซ พัทยา ชลบุรี

เสาร์พรุ่งนี้ 13.00-16.30 น. ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ พูด “การบริหารจัดการ แบบบูรณาการของเศรษฐกิจโลก” รับใช้นักศึกษาปริญญาโท-เอก ที่ตึกบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น

รัฐบาลจีนสั่งทุ่มเทศึกษาเพื่อจะรื้อฟื้นอิทธิพลของตนตามเมืองที่เคยค้าขายในอดีตเมื่อพันสองพันปีที่แล้ว เริ่มตั้งแต่เกาหลี ญี่ปุ่น ฉางอัน หลันโจว เหลียงโจว ตุนฮวง ซินเจียง เมืองตอนใต้ ของทะเลทรายโกบี เมืองเล็กเมืองน้อยชานเทือกเขาเทียนซาน ทะเลทรายทาคลามาคัน เข้าไปเมืองต่างๆ ทางเทือกเขาปาร์มี เข้าเมืองซามาร์คันด์ ลงมาอาณาจักรอิหร่านที่เตหะรานและเข้าแบกแดดของอิรัก บางเส้นทางไปไกลถึงคอนสแตนดิโนเปิล บาง เส้นทางลงมาทะเลทรายอาหรับ บางเส้นทางเข้ามาอินเดีย ทางทะเลก็ศึกษาจากกวางโจว อ้อมลงมาทะเลจีนใต้ ผ่านช่องแคบมะละกา และไปชนที่ทะเลอาหรับ

ไม่มีใครทราบดอกครับว่าใต้สมองของผู้นำรัฐบาลจีนคิดอะไร เอกสารต่างๆที่ค้นเจอมาอยู่แล้วและที่ค้นเจอใหม่ๆ ก็มีหลายหมื่นนับแสนชิ้น จะศึกษากันอย่างไรจึงจะหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามเมืองหลักๆของเส้นทางสายไหม เช่น เมืองซามาร์คันด์ ที่ตั้งอยู่แถวหุบเขาอันสมบูรณ์และแม่น้ำเซเรฟชาน

เมืองซามาร์คันด์นี้น่าสนใจมากครับ ใครอยากรู้เรื่องเส้นทางสายไหม บินไปลงที่กรุงทาชเคนต์เมืองหลวงของอุซเบกิสถาน แล้วนั่งรถต่อไปอีก 290 กิโลเมตร ที่ปลายด้านตะวันตกของเทือกเขาอัลไตซาน ที่นี่มีอาคารในสมัยกลางในยุคที่เส้นทางสายไหมเฟื่องฟู มีอนุสาวรีย์และมัสยิดมากมายหลายแห่ง รวมทั้งหลุมฝังศพของอาร์เมียร์ ติมูร์ ผู้ซึ่งเคยปกครองจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ในตอนปลายของคริสต์ศตวรรษที่ 14

อีกเมืองหนึ่ง ซึ่งผมขอแนะนำให้ท่านไปเยือนหากมีโอกาสก็คือบูคารา ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของอุซเบกิสถาน ทางตะวันออกของแม่น้ำอามูดาร์ยา ท่านต้องนั่งรถจากเมืองซามาร์คันด์ไปทางทิศตะวันตก 225 กิโลเมตร ที่นี่มีมัสยิดหลายแห่ง และเคยเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม

สมัยก่อนตอน 139 ปีก่อนหน้านี้ ไม่มีใครเคยใช้คำว่าเส้นทางสายไหมนะครับ คนที่ใช้คนแรกก็คือบารอนเฟอร์ดินาน ฟอน ริชโทเฟน ชาวเยอรมันที่ไปทำงานสำรวจถ่านหินและท่าเรือในจีนเพียงแค่ 4 ปี ระหว่าง พ.ศ.2411–2415 กลับมาแล้วก็เขียนหนังสือ เขียนแผนที่ และก็ใช้คำว่าเส้นทางสายไหมเป็นครั้งแรก

ครอบครัวผมสัมผัสเมืองในประเทศต่างๆที่อยู่บนเส้นทางสายไหมระหว่าง พ.ศ.2534-2558 เป็นเวลาเกือบ 25 ปีครับ ที่พวกเราไปๆกลับๆกันหลายรอบ หลายประเทศ ทำให้ทราบว่าโลกรู้เรื่องในอดีต ของเมืองพวกนี้ในรูปของการบันทึกบนกระดาษ ซึ่งประดิษฐ์ได้เมื่อ 2,200 ปีที่แล้ว บันทึกบางอย่างทำอยู่บนไม้ ผ้าไหม ซึ่งส่วนใหญ่ก็ขุดได้จากหลุมฝังศพที่ฝังอยู่ใต้ทะเลทรายอันแห้งแล้ง บางส่วนได้จากวิหาร จากอาคารบ้านเรือนโบราณ

ชาวบ้านร้านถิ่นในเมืองซามาร์คันด์ บูคารา และบริเวณใกล้เคียง รวมทั้งอีกมากมายหลายหมื่น ขุดเจาะอะไรลงไปใต้ดิน บางทีก็เจอเครื่องใช้ไม้สอย เจอเป็นหีบ เจอเป็นหลุมฝังศพที่ข้างในมีเอกสารโบราณ บางหีบมีกระทั่งชื่อพ่อค้า มีแม้แต่ข้อความร้องเรียนในคดีความทางการค้า เอกสารบางชิ้นเป็นรายชื่อพ่อค้าที่ทำการค้าขายระหว่างจีนกับซ็อกเดียเมื่อพันกว่าปีที่แล้ว ซึ่งพวกซ็อกเดียเคยอาศัยอยู่แถวเมืองซามาร์คันด์มาก่อน พวกนี้พูดภาษาอิหร่าน และนับถือคำสอนของศาสนาโซโรแอสเตอร์

เอกสารของพวกซ็อกเดียนอกจากจะอยู่ในซามาร์คันด์ของอุซเบกิสถานแล้ว ก็ยังค้นเจออีกไม่น้อยในเขตปกครองตนเองซินเจียง ของจีน พวกซ็อกเดียทำการค้ากับจีนรุ่งเรืองเฟื่องฟุ้งมากระหว่าง พ.ศ.1043-1343

เห็นจีนทุ่มเทศึกษาค้นคว้าเรื่องเส้นทางสายไหมแล้ว ผมก็นึกถึงไทยครับ ว่าเราน่าจะทุ่มเทศึกษาความเป็นอยู่ของคนทางแถบนี้ในสมัยอาณาจักรทวาราวดี ศรีวิชัย อาณาจักรเงินยางเชียงแสน อาณาจักรเจนละ ฯลฯ

ผมเชื่อว่ามีหลักฐานทางโบราณคดีอะไรอีกมากตามเส้นทางโบราณในสุวรรณภูมิ ข้อมูลอย่างนี้ ผมเชื่อว่าเป็นประโยชน์แน่ โดย เฉพาะด้านการท่องเที่ยว.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

แก้ไขปัญหา โปรดเห็นใจรากหญ้าด้วย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/588245

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 10 มี.ค. 2559 05:01

 

พฤหัสบดีวันนี้ ประธาน กรรมการ ฝ่ายจัดการของสหกรณ์การเกษตรจากกรุงเทพฯ ชัยนาท ปทุมธานี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี สมุทรปราการ และอ่างทอง 250 คน จะไปที่ โรงแรมศุภาลัยป่าสักรีสอร์ท แอนด์ สปา สระบุรี ฟังนิติภูมิพูดถึงเศรษฐกิจเกษตรภูมิภาค และตลาดเกษตรโลก 15.00-17.00 น. เชิญโดยนายศิริชัย ออสุวรรณ ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด

สมัยก่อน สิงคโปร์มีปัญหาเรื่องหาบเร่แผงลอย รัฐบาลนายลีกวนยิวต้องการให้บ้านเมืองสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลเศรษฐกิจปากท้องของคนยากคนจน นายลีกวนยิวสั่งการให้ซื้อตึกร้างที่มีอาคารติดต่อกัน ตีทะลุเข้าหากัน และก็ให้พ่อค้าแม่ขายหาบเร่แผงลอยหลบเข้าไปขายอยู่ในอาคาร แต่ว่ายังอยู่ในทำเลที่ค้าขายได้ดีเหมือนเดิม บ้านเมืองสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้น เศรษฐกิจรากหญ้าก็ไม่ถูกทำลาย

กรุงโซลของเกาหลีใต้ก็เคยมีปัญหาอย่างนี้มาก่อน รัฐบาลในสมัยนั้นเลือกทำอุโมงค์และสะพานลอยให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกลางเมือง และแบ่ง 2 ซีกของทางเดินใต้อุโมงค์และสะพานลอยให้เป็นที่ทำมาค้าขายของคนรากหญ้า และได้ผลอย่างเดียวกับสิงคโปร์ครับ บ้านเมืองสะอาด เศรษฐกิจรากหญ้าไม่ถูกทำลาย

ใครไปเยือนกรุงมอสโกสมัยก่อนตอน พ.ศ.2535—2540 จะเห็นว่า ผู้คนเอาโต๊ะมาตั้งขายของริมทาง บางคนก็ยืนถือสินค้า ยืนกันทั้งวัน นอกจากพวกตั้งโต๊ะขาย ยืนขายแล้ว ก็ยังมีคีออสซึ่งเป็นซุ้มขายของเล็กๆ วางระเกะระกะ ไม่เป็นระเบียบ เดี๋ยวนี้ใครไปกรุงมอสโก จะเห็นว่าพวกยืนขายหายไปเลย คีออสที่ระเกะระกะเหลือน้อยเต็มที คนรากหญ้าพวกนี้หลบไปขายตามทางเดินใต้ดินที่เป็นร้าน 2 ข้างทาง ซึ่งทางรัฐบาลท้องถิ่นจัดหาไว้ให้

โอกาสการทำมาหากินของคนจนมีไม่มากเหมือนคนรวย ที่ยืนขายนั่งขายตามริมฟุตปาท บางคนต้องดูแลปากท้องของมนุษย์ อีกหลายชีวิต ผมเข้าใจรัฐบาลท้องถิ่นของไทยครับ ที่ท่านต้องการจัดระเบียบ บางครั้งท่านกรุณาไปหาสถานที่ให้พ่อค้าแม่ขายได้ไปขายยังสถานที่ใหม่ที่ได้เตรียมไว้ แต่ท่านจัดเอาไว้ซะไกล ไม่ใช่ทำเลที่คนจะเดิน พ่อค้าแม่ขายลงทุนไปแล้วก็ขาดทุน เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ไม่มีกิน หนี้สินบาน ลำบากกันทั้งครอบครัว น่าเวทนาสงสารมากครับ

ท่านมีนโยบายเตะพ่อค้าแม่ขายรากหญ้าออกไปจากทำเลทอง คนซื้อของก็ต้องวกเข้าห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ นอกจากร้านสะดวกซื้อแล้ว เดี๋ยวนี้ยังมีการปล่อยปละละเลยให้คนจีนและคนต่างชาติชาติอื่นเข้ามาทำมาค้าขายแข่งกับคนไทย แทบไม่น่าเชื่อครับ ไปเดินตามช็อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ คนขายเดี๋ยวนี้ เป็นคนจีน คนเกาหลีใต้ พูดจาภาษาไทยได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่ได้มากันคนสองคน นะครับ แต่มากันทั้งตลาดและเกือบทุกตลาด เมื่อก่อน เราสั่งสินค้าจากจีน เกาหลีใต้ มาขาย วันนี้ คนเหล่านั้น เข้ามาขายกันเอง

คนจีน คนเกาหลี ที่มาค้าขายแข่งกับคนรากหญ้าไทยเมื่อได้เงินแล้ว ก็ส่งเงินกลับไปยังประเทศของตน เงินไม่กระจัดพลัดพรายในไทย เรื่องนี้นี่แหละครับที่รัฐบาลต้องจัดการด่วน รวมทั้งรัฐบาลต้องหาคนเก่งไปเจรจาเพื่อสร้างความยุติธรรมหลายเรื่อง

อย่างเช่นเรื่องรถไทย รถจีน ทุกวันนี้ รถไทยจะไปเมืองจีน ทำเรื่องราวยากเย็นแสนเข็ญ เสียสตางค์กันเป็นพันเป็นหมื่น รออนุมัติกันเป็นเดือน แต่พอรถจีนจะเข้ามาประเทศไทย เสียสตางค์แค่หลักร้อย แถมยังไม่ต้องรอ มีกลุ่มนายหน้าร่วมมือกับราชการบางหน่วยอำนวยความสะดวกให้ คนจีน รถจีนประหยัดได้ทุกอย่าง แต่คนไทย รถไทย กลับต้องมีค่าใช้จ่ายสูง ไม่แฟร์เลยครับ

ตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ส่งคนไทยกลับปีละเป็นหมื่นโดยไม่ให้เหตุผล เดินออกจากงวงช้างที่สนามบิน แล้วก็ไปติดตรง ตม.เกาหลีใต้ ถูกปฏิเสธการเข้าเมือง ต้องนั่งรอเที่ยวบินกลับประเทศ เสียเงินเปล่า เป็นจำนวนมาก นี่มันอะไรกันครับ ทำไมไม่มีใครไปเจรจากับรัฐบาลเกาหลีใต้ให้ปฏิบัติต่อคนไทยอย่างเสมอเกียรติ คุณจะลงโทษว่าคนไทยเข้าไปทำงานในเกาหลีใต้ ผมก็เห็นคนเกาหลีใต้เยอะแยะเข้ามาทำมาหากินในประเทศไทย อยู่กันเป็นถนน ชุมนุมสุมกันอยู่เป็นย่าน มีคลินิกที่ใช้หมอเกาหลี ทันตแพทย์เกาหลี ผมก็เห็นผิดกฎหมายทั้งนั้น แต่เจ้าหน้าที่ไทยละเลย ปล่อยให้คนพวกนี้รังแกเราอยู่ฝ่ายเดียว

คนไทยโชคร้ายเหลือเกินครับ เศรษฐกิจก็ไม่ดี ศักดิ์ศรีก็หดหาย.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุโรป

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/587648

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 9 มี.ค. 2559 05:01

 

6 สิงหาคม 2558 นายไพฑูรย์ อำพันธ์ ผบ.เรือนจำพิเศษมีนบุรี เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “ทักษะชีวิตในฐานะพลเมืองอาเซียน” รับใช้ผู้ต้องขังหญิง-ชาย ปรากฏว่า มีผู้พ้นโทษไปแล้วพบความสำเร็จในการหางานทำในฐานะพลเมืองอาเซียน

พุธวันนี้ ผบ.ไพฑูรย์ เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ คนเดิม ไปพูดในหัวข้อเดิม ให้นักโทษชาย 5,000 คน ที่เรือนจำเดิม เวลาเดิม 09.00-12.00 น. ความมุ่งหวังตั้งใจก็คือ ต้องการให้นักโทษเหล่านี้ออกไปเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประชาคมอาเซียนให้ได้

ก่อนที่จะมีการสร้างรัฐอิสราเอล มีการไปติดต่อเอาพื้นที่ของสาธารณรัฐยูกันดาเพื่อนำมาสร้างรัฐใหม่ แต่ขบวนการไซออนนิสต์ไม่เอา เพราะความมุ่งหวังตั้งใจก็คือ การได้กลับไปอยู่ในดินแดนของบรรพบุรุษเมื่อหลายพันปีก่อน

ช่วงนี้มีผู้ลี้ภัยจากตะวันออกกลางเข้าไปในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปเป็นจำนวนเรือนล้านคน เฉพาะที่ตุรกีประเทศเดียว ก็รับชาวซีเรียแล้ว 2.7 ล้าน ตอนนี้ก็มั่วกันมากครับ สถานการณ์ผู้ลี้ภัยในยุโรปเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ ทวีปยุโรปที่เคยสงบ กลายเป็นดินแดนแห่งความโกลาหลอลหม่าน ผู้อพยพที่เข้าไปก็ไม่สามารถปรับวิถีชีวิตของตนเองให้เข้ากับคนส่วนใหญ่ของประเทศใหม่ได้ ความขัดแย้งทางวัฒนธรรมและศาสนาระเบิดขึ้นมากมายหลายแห่งในสหภาพยุโรป จนหลายคนบอกว่าสุดทนที่จะอยู่ในทวีปนี้แล้ว

กลับมาความคิดที่จะมีดินแดนที่ใช้เป็นสถานที่รวมคนยิว น่าจะนำมาใช้ได้กับแ ประธานาธิบดีตุรกี นายรีเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน เสนอให้สร้างพื้นที่ใหม่ขึ้นที่ภาคเหนือของชาวซีเรียและนำผู้อพยพลี้ภัยสงครามเข้าไปอยู่ โดยให้เขตนี้มีพื้นที่ 4,500 ตารางกิโลเมตร (ขนาดเท่ากับจังหวัดลำพูนของไทย) แล้วก็ประกาศเป็นเซฟโซน หรือเขตปลอดภัย ส่วนงบประมาณในการสร้างเมืองใหม่ประเทศต่างๆทั้งโลกก็ต้องช่วยกันละครับ ทั้งอาคารบ้านเรือน และสาธารณูปโภค

ที่ต้องสร้างเมืองใหม่ให้ผู้อพยพ เพราะตอนนี้ไม่มีประเทศไหนอยากรับผู้ลี้ภัยอีกแล้วละครับ แต่ละประเทศก็มีปัญหาของตนเองมากซะจนแก้ไขกันไม่หวาดไม่ไหวอยู่แล้ว ทุกประเทศบอกว่า ตนเองได้ช่วยบรรเทาเบาบางปัญหาผู้ลี้ภัยไปแล้ว รับต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว หลายประเทศก็ผลักดันผู้ลี้ภัยออก นี่ละครับ ปัญหายุโรป ปัญหาโลก

หน่วยข่าวของประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรปต่างรู้หมดแล้วครับ ว่าผู้คนระดับมันสมองของซีเรียอพยพไปที่ไหน ยังไงบ้าง และรับไปเป็นพลเมืองของประเทศอื่นอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว ที่เหลือหลังๆนี่ ก็เป็นผู้อพยพทั่วไปที่ไม่มีความเด่น

แต่ก่อนง่อนชะไร ผู้คนในยุโรป ตะวันออกกลาง เอเชีย แอฟริกา ฯลฯ ก็ต่างคนต่างอยู่ ต่างมีพัฒนาการของตนเอง กระทั่งสงครามครูเสดเกิดขึ้น คนที่ไปรบก็นำศิลปวิทยาการ นำองค์ความรู้แม้แต่วัฒนธรรมการแต่งกายและอาหารไปสู่ดินแดนซึ่งกันและกัน และนำความรู้ไปต่อยอด อย่างคณิตศาสตร์ชั้นสูงที่เป็นความรู้ของโลกอยู่ในขณะนี้ ดั้งเดิมก็มาจากโลกตะวันออกกลาง และเข้ามาในยุโรปโดยผ่านการรบพุ่งกัน

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสมีสาส์นไปยังกลุ่มคนคริสต์ในฝรั่งเศส ตรัสถึงสถานการณ์วิกฤติผู้อพยพยุโรปว่า การอพยพมายุโรปครั้งนี้คล้ายกับการขยายอำนาจของอาหรับ “เราสามารถกล่าวถึงการรุกรานของอาหรับในยุคปัจจุบันว่าเป็นความจริงทางสังคม” โป๊ปตรัสต่อว่า “ยุโรปต้องเผชิญหน้ากับการรุกรานในหลายยุคสมัย แต่ยุโรปก็สามารถเอาชนะและเดินหน้าต่อมาได้” จากการที่ได้อ่านสาส์นของโป๊ปแล้วก็เข้าใจนะครับว่าโป๊ปคงจะเป็นห่วงและคงจะมองว่า การอพยพครั้งนี้เป็นการรุกรานในอีกรูปแบบหนึ่งของชาวอาหรับ

ผู้ที่เป็นประมุขคริสตจักรของฝ่ายโรมันคาทอลิกจะตรัสอะไรนำไปสู่ความขัดแย้งไม่ได้ ตรัสตรงไปตรงมาก็ไม่ได้ ข้อความย่อหน้าข้างบนสำหรับผม ผมคิดว่าทรงชี้เตือน แต่ก็ดีครับที่ท่านตรัสว่า “ยุโรปเป็นเพียงทวีปเดียวที่จะนำความสมานฉันท์กลับคืนมาได้”

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอารยธรรมโลก มักจะเกิดจากสงคราม ผมเชื่อว่า สงครามกลางเมืองในซีเรียจะมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุโรป และในโลก ต่อไปในอนาคต เมื่อพูดถึงชาวยุโรป ก็อาจจะต้องพูดถึงอาหรับและอิสลาม

ยุโรปในร้อยปีข้างหน้า กับยุโรปเมื่อร้อยปีที่แล้ว คนละเรื่องกันเลยครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ต้องสนใจบรูไนกว่านี้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/587171

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 8 มี.ค. 2559 05:01

ต้องสนใจบรูไนกว่านี้

ขอแสดงความยินดีกับศิษย์บาลานซ์ (ติวเตอร์หมู) ที่ผ่านข้อเขียนการสอบเป็นนายร้อยตำรวจ (ภายใน) สายอำนวยการและ ปราบปรามเมื่อ 3 มีนาคมที่ผ่านมากว่า 80 คน

ขณะนี้บาลานซ์ (ติวเตอร์หมู) กำลังรับสมัครชาย 18-27 ปี วุฒิ ม.6/ปวช. เตรียมสอบนายสิบตำรวจ ซึ่งคาดว่าปีนี้จะรับ 5,000 คน สมัครเตรียมความพร้อมวิชาการได้ที่ สนญ.กรุงเทพฯ และสาขามหาสารคาม อุบลฯ เชียงใหม่ นครสวรรค์ สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ ยะลา นราธิวาส ศรีราชา ฯลฯ สนใจเชิญโทร. 09-2749-1199

จะครบ 2 ปีแล้วครับ ที่ไทยโดนจัดอยู่ในเทียร์ 3 ของกฎหมาย TVPA ที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับการค้ามนุษย์ของสหรัฐฯ ทำให้เราส่งสินค้าอาหารทะเลเข้าตลาดสหรัฐฯได้ลำบาก แถมยังโดนสหภาพยุโรปที่มีสมาชิกถึง 28 ประเทศตัดจีเอสพี 6,200 รายการ เมื่อ 1 ม.ค.58 ยังมีเรื่องไอยูยูฟิชชิ่ง และอะไรอีกบานเบอะเยอะแยะที่ทำให้การส่งออกของเราเดือน ม.ค.59 ติดลบ 8.91% และการส่งออกของเรามีแนวโน้มจะติดลบต่อไปอีก

ผู้อ่านท่านครับ นอกจากบรูไนจะเป็นสมาชิกประชาคมอาเซียนแล้ว ยังเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เอเชียแปซิฟิก (ทีพีพี) การรวมตัวของทีพีพี ไม่ใช่หลวมๆ แบบเดียวกับประชาคมอาเซียน เมื่อพวกทีพีพีตกลงกันว่าภาษีเป็นศูนย์ ก็เป็นศูนย์จริงๆ นี่เป็นโอกาสของคนไทยที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศบรูไน โดยเฉพาะด้านการประมงและสัตว์น้ำ เพราะพื้นที่ชายฝั่งทะเลและนอกชายฝั่งทะเลของบรูไนเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ผลิตสินค้าอาหารทะเลจากบรูไนส่งไปขายใน 12 ประเทศ ประชากร 820 ล้านคนด้วยภาษีเป็นศูนย์

พ.ศ.2544 พ่อผมและทีมงานเปิดเลนส์ส่องโลกไปเยือนป่าโกงกางของบรูไนที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งมีพื้นที่ถึง 184,180,800 ตร.ม. หรือ 3.2% ของพื้นที่ทั้งหมดของบรูไน 15 ปีแล้วครับ ที่เราติดตามความสมบูรณ์ของป่าโกงกางบรูไนซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำสำคัญ โดยเฉพาะแหล่งเพาะพันธุ์กุ้ง น่าเสียดายที่คนบรูไนส่วนใหญ่รับราชการและมีรายได้จากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จึงไม่ค่อยสนใจการหารายได้จากสัตว์น้ำทะเลเท่าที่ควร

ผู้บริโภคทั้งโลกไว้เนื้อเชื่อใจสัตว์น้ำจากบรูไน เพราะเชื่อในเรื่องการกำกับดูแลสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วครับ ที่บรูไนมี The Solid Wast Management Working Group คณะทำงานจัดการของเสียที่ไม่ย่อยสลายที่มีชื่อเสียง นอกจากนั้น ยังมี The Water Resources Management Working Group คณะทำงานจัดการแหล่งทรัพยากรน้ำ มีองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม มีกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่ปฏิบัติได้อย่างเข้มแข็ง สภาพแวดล้อมของบรูไนจึงยังสมบูรณ์อยู่ ทรัพยากรสัตว์น้ำ ทางทะเลที่ถูกจับขึ้นมาจึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค

แม้ว่าจะมีบริษัทขุดเจาะน้ำมันดิบและมีการกลั่นน้ำมันในทะเล แต่รัฐบาลบรูไนก็เอาจริงเอาจังกับการบังคับให้นำเทคโนโลยีชั้นสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาช่วยในการผลิต วิกฤติปัญหาคุณภาพน้ำทะเลของบรูไนจึงยังมีน้อย ในทางกลับกันครับ บรูไนกลับมีชื่อเสียงเรื่องของการรักษาสภาพแวดล้อมทางน้ำจากชุมชนหมู่บ้านน้ำอย่างหมู่บ้านน้ำกัมปงไอเยอร์ซึ่งมีการนำระบบจัดการน้ำเสียแบบสุญญากาศ เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมในพื้นที่จนปัจจุบันทุกวันนี้กลายเป็นหมู่บ้านน้ำที่มีชื่อเสียงในด้านการรักษาสภาพแวดล้อมทางน้ำที่ดีอันดับต้นของโลก

ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมของบรูไนกลับเป็นปัญหาควันพิษจากไฟป่า ที่เกิดจากการเผาไหม้ไม้และวัชพืชหรือหญ้าแห้ง จากการทำเกษตรกรรมในกาลิมันตัน ซาราวัก และสุมาตราของอินโดนีเซีย พอลมกระโชกแรงก็พัดเอาหมอกควันมาไกลถึงบรูไน ทำให้ผู้คนทั้งประเทศมีอาการเคืองตาและระคายคอ

บรูไนเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อสูง มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แต่ขาดแคลนแรงงาน เพราะทั้งประเทศมีประชากรแค่ 428,146 คน จึงต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติ ทั้งในภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม เราอาจจะสนใจบรูไนน้อยไปหน่อย ประเทศของเราจึงขาดดุลการค้ากับบรูไนเพิ่มขึ้นทุกปี เราส่งข้าว รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบไปบรูไนแค่ปีละร้อยกว่าล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่นำเข้าน้ำมันดิบจากบรูไนปีละประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เราคงต้องสนใจบรูไนเพื่อนบ้านให้มากกว่านี้อีกสักหน่อยครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

Wawasan Brunei 2035

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/586836

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 7 มี.ค. 2559 05:01

 

อังคารพรุ่งนี้ กรมปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด 2 รอบ กับผู้ฟัง 2 กลุ่ม เช้า 09.00- 12.00 น. รับใช้หลักสูตรผู้บริหารงานทั่วไป ที่อาคาร 2 บ่าย 13.30- 16.00 น. รับใช้ผู้บริหารงานช่าง ที่อาคาร 1 สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น ปทุมธานี

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เกษม เบ็ญจวงศ์ ชวน ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ไปร่วมพิธีงานเฉลิมฉลองวันชาติของเนการา บรูไน ดารุส–ซาลาม เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2559 เนื่องจากมีบุคคลสำคัญมาเยือนประเทศไทย คุณพ่อของผมจึงต้องเฝ้าประเทศ และฝากผู้ช่วย ณวราห์ แจ้งน้ำใจ เดินทางไปร่วมงานแทน

คุณลุงเกษมกับพ่อผมสนิทกันมานานเกือบ 20 ปี ท่านเป็นรองเลขาธิการสมาพันธ์ปัญจสีลัตนานาชาติ เป็นผู้ออกแบบของชำร่วยของท่านสุลต่านแห่งบรูไนที่พระราชทานแก่ประชาชนผู้เดินทางไปทำฮัจญ์ และออกแบบของชำร่วยสำหรับงานมงคลต่างๆของเชื้อพระวงศ์แห่งราชอาณาจักรบรูไน แม้แต่ตอนที่บรูไนจัดงานซีเกมส์ เมื่อ ค.ศ. 1999 ก็คุณลุงเกษมนี่ล่ะครับ เป็นที่ปรึกษาพิธีเปิด-พิธีปิดของซีเกมส์ครั้งนั้น

พ่อผมตระเวนบรูไนเมื่อ พ.ศ. 2544 ไปตามโรงเรียนอนุบาล ประถม มัธยม ไปศึกษาอุตสาหกรรมการขุดเจาะน้ำมัน เยี่ยมชมผืนป่า เรียนรู้เรื่องทรัพยากรทางทะเล เข้าชมสัตว์ป่าและพันธุ์พืชหายากภายในเขตอุทยานแห่งชาติเบลาลง เยี่ยมชุมชนหมู่บ้านน้ำกัมปงไอเยอร์ ซึ่งเป็นชุมชนชาวน้ำเก่าแก่ ที่ชอบที่สุดของบรูไนก็คือ ทะเลและชายฝั่งทะเลที่ยังคงความเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และจะเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของบรูไนในอนาคต

บรูไนเป็นประเทศขนาดเล็กที่มีผู้คนเพียง 4.1 แสน มีพื้นที่เพียง 5,765 ตารางกิโลเมตร เท่ากับฉะเชิงเทรา (5,351 ตร.กม.) เล็กกว่าจันทบุรีนิดหน่อย (6,338 ตร.กม.) แต่มีรายได้มหาศาลจากการส่งออก น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ทำให้จีดีพีต่อหัวของผู้คนสูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนรองจากสิงคโปร์ ในขณะที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจกลับอยู่ในลำดับที่ 7 ของอาเซียน ดูถึงตรงนี้แล้วก็คิดว่าบรูไนน่าจะมี ปัญหา เพราะรายได้ต่อหัวของประชากรอยู่ในระดับสูง แต่การเจริญ เติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจขาดความต่อเนื่องและไม่ยั่งยืน

บรูไนเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เอาไข่ไปใส่ตะกร้าใบเดียว มูลค่าอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 60 ของจีดีพี และมากกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของประเทศ เมื่อราคาน้ำมันร่วง บรูไนก็พลอยร่วงไปด้วย

รัฐบาลบรูไนจึงเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมภาคการผลิตและการบริการให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม บรูไนมองไกลครับ เมื่อเดือน มกราคม พ.ศ.2551 รัฐบาลบรูไนประกาศ Wawasan Brunei 2035 หรือ Vision Brunei 2035 แปลเป็นไทยก็คือ วิสัยทัศน์บรูไน พ.ศ.2578 อันนี้ถือเป็นแผนระยะยาวที่คลอดออกมาเป็นฉบับแรก และต้องใช้ควบคู่ไปกับแผนระยะกลาง 5 ปี

พ่อผมตระเวนพูดจากับบรรดาผู้คนสำคัญเมื่อ พ.ศ. 2544 หรือ 15 ปีที่แล้วก็ทราบแล้วละครับ ว่าบรูไนต้องการจะพัฒนาภาคเศรษฐกิจที่ไม่ใช้น้ำมันและก๊าซ เขียนให้เข้าใจง่ายก็คือ บรูไนรู้ว่าวันหนึ่งน้ำมันและก๊าซต้องหมด หรือต่อไปในอนาคต โลกจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ไม่ใช้น้ำมัน ถึงวันนั้น บรูไนก็คงเป็นเหมือนจังหวัดเล็กๆ จังหวัดหนึ่ง และจะกลับไปสู่สภาวะยากจนเหมือนในอดีต ดีที่สุดก็คือทำประเทศ ให้มีโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้มีความหลากหลายเอาไว้เสียก่อน

สิ่งที่รัฐบาลบรูไนมุ่งหวังตั้งใจก็คือ ต้องการพัฒนาธุรกิจที่เน้นเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจโลก บรูไนคงไม่มาหวังด้านการเกษตรหรืออุตสาหกรรมเกษตร เพราะพื้นที่ขนาดนี้ทำการเกษตรเป็นหลักก็คงจะมีรายได้ไม่พอกับการใช้จ่ายภายในประเทศแน่นอน

ที่น่าสนใจที่สุดนะครับ ก็คือ ระบบการศึกษาใหม่ของบรูไนที่นำมาจากประเทศฝรั่งเศส เน้นให้เยาวชนคนบรูไนเกิดความตื่นตัวด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่ศึกษา รวมถึงระบบประชาธิปไตย อิสลามมลายู และความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่ในวิชาบังคับ และรัฐบาลบรูไนวางเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนนักศึกษาระดับอุดมศึกษาจากร้อยละ 13 เป็นร้อยละ 30 ภายในเวลา 5 ปี

เรื่องของบรูไนยังมีอีกเยอะครับ ที่น่าสนใจที่สุดก็คือ ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2558 บรูไนเป็น 1 ใน 12 ประเทศที่ลงนามในข้อตกลง ทีพีพี บรูไนเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาล ใครไปลงทุนด้านสัตว์น้ำและประมงในบรูไน ส่งสินค้าสัตว์น้ำไปขายให้ประชากร 820 ล้านคน โดยมีภาษีเป็น 0 อันนี้น่าสนใจมากครับ พรุ่งนี้มารับใช้กันต่อครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

เวียดนามเริ่มต้านค้าปลีกไทย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/585487

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 4 มี.ค. 2559 05:01

 

กลับจากเวียดนามปุ๊บ พ่อผมต้องบินไปหาดใหญ่ปั๊บ พูดรับใช้ข้าราชการ 3 จชต. ยะลา ปัตตานี นราธิวาส พูดเสร็จ ก็ต้องรีบบินขึ้นกรุงเทพฯ ศุกร์เช้านี้ 09.00-10.00 น. บจก. ยันม่าร์ เอส.พี.เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด ‘สถานะด้านการตลาดเครื่องจักรกลเกษตรและการเติบโตอย่างท้าทายในสถานการณ์ปัจจุบัน’ รับใช้ผู้แทนจำหน่าย 300 คน และเจ้าหน้าที่บริษัทยันม่าร์ 50 คน ที่โรงแรมเดอะซายน์ พัทยา ชลบุรี

อาทิตย์ จันทร์ และอังคาร สามวันที่ผ่านมา รายการ Good Morning ASEAN ของคลื่นวิทยุ FM 100.5 MHz อสมท ใช้ อ.เกษมสันต์ วีระกุลและพ่อผมบรรยายในการเดินทางไปศึกษาดูงานเวียดนามของ บจม.พีทีที โกลบอล กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ปตท.

นอกจากจะฟังบรรยายบนรถในระหว่างการเดินทางแล้ว คณะยังได้ฟังบรรยายสรุปจากท่านพรรณพิมล สุวรรณพงศ์ กงสุลใหญ่ นครโฮจิมินห์ และผู้จัดการธนาคารกรุงเทพ เวียดนาม และได้ศึกษาดูงานที่โรงงานศรีไทยซุปเปอร์แวร์ +ฟังบรรยายประสบการณ์การลงทุนในเวียดนามมากกว่า 10 ปี ของคุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ บจก.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์+ฟังบรรยายสรุปและเยี่ยมชมอมตะซิตี้เบียนหัว ที่จังหวัดด่งนาย ฯลฯ

35 ชีวิตที่ไปเวียดนามครั้งนี้ เป็นนักบริหารระดับกลางและสูงผู้ทำงานในบริษัทที่มีมูลค่าการค้าเกิน 5 แสนล้านบาท/ปี+ นักวิเคราะห์ที่สัมผัสประเทศรุ่งเรืองและตกต่ำกว่า 100 ประเทศนานกว่า 20 ปี เมื่อคนทั้งสองกลุ่มได้ฟังข้อมูลจากข้าราชการในพื้นที่และจากคนไทยผู้มีประสบการณ์การลงทุนจริง ก็ได้เห็นโอกาสและข้อกำจัดของการลงทุนในเวียดนาม

กระแสคนเวียดนามในปัจจุบัน กำลังตื่นเรื่องค้าปลีกไทยจะไปครอบงำตลาดและวิถีชีวิตคนเวียดนาม ในบทวิเคราะห์และข่าวคราวตามหน้าหนังสือพิมพ์เวียดนามในห้วงนี้ จึงมีเรื่องโจมตีค้าปลีกจากไทยเยอะ ใครจะเข้าไปลงทุนในเวียดนามคงต้องโลว์โปรไฟล์หน่อยครับ ต้องไปเรียบๆ เงียบๆ ใครไปตีปี๊บ ทำข่าวใหญ่โต จะถูกต่อต้าน เมื่อคนทั่วไปต่อต้านแล้ว ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอำนาจก็จะไม่กล้าหยิบปากกาลงนามอนุมัติ การลงทุนของท่านก็จะไม่เกิด

เราเริ่มลงทุนในเวียดนามเมื่อ พ.ศ.2533 ถึงตอนนี้ คนไทยก็ลงทุนในเวียดนามแล้ว 371 โครงการ ทุนจดทะเบียนรวม 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นอันดับ 10 จากนักลงทุนต่างชาติทั้งหมด ร้อยละ 80 ของการลงทุนไทยอยู่ในอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป ส่วนการค้าขายระหว่างไทยกับเวียดนามยังอยู่ที่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งตอนนี้มีความมุ่งหวังตั้งใจว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะต้องขยายให้ได้ถึง 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เศรษฐกิจเวียดนามจะบูมจากทวิภาคีและพหุภาคีที่เวียดนามมีกับประเทศสำคัญมากถึง 55 ประเทศ เช่น FTA กับเกาหลีใต้ และกับรัสเซีย และที่ทำให้บูมจริงๆ ก็น่าจะเป็น TPP (ลงนาม 5 ต.ค. 58) และ FTA กับสหภาพยุโรป 28 ประเทศ (ลงนาม 2 ธ.ค.58)

สินค้าไทยได้รับความนิยมมากในเวียดนาม อันนี้ก็อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่นและชาติอื่นที่ลงทุนและส่งสินค้าขายในเวียดนามโจมตีไทย เรื่องนี้ ผมว่าคนไทยต้องทำ Corporate Social Responsibility หรือ CSR แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของเวียดนามอย่างต่อเนื่องจริงจังครับ

ทุกครั้งที่ไปเวียดนาม เรามักจะได้ยินเรื่องที่ไทยส่งทหาร 2,423 นาย ไปช่วยอเมริการบและเป็นฐานทัพให้เครื่องบิน B-52 เอาระเบิดไปฆ่าผู้คนในสงครามเวียดนาม ซึ่งดูเหมือนว่าผู้คนเวียดนามจะลืมไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงไม่ลืมครับ ผมขอมองโลกในแง่ร้ายหน่อยว่า ถ้าเรื่องนี้ถูกปั่นขึ้นมาในอนาคตจนปะทุ ก็อาจทำให้วัยรุ่นเป็นร้อยคนขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนทำร้ายคนไทยและเผาโรงงานไทย อย่างที่ทำกับจีนเมื่อ 2 ปีที่แล้วนี่ ก็ได้

เราต้องเร่งนำประวัติศาสตร์สงครามเวียดนามกับฝรั่งเศสออกมาพิมพ์เป็นภาษาเวียดนามเยอะๆ สร้างเป็นภาพยนตร์ก็ได้ เพราะในการกอบกู้เอกราชจากฝรั่งเศสนั้น ประเทศสยามช่วยขบวนการกู้ชาติเวียดนามอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่ไม่มีการเปิดเผยกัน

ผมเชื่อว่านักประวัติศาสตร์ที่เรียนจากเวียดนามและรัสเซียมีข้อมูลเรื่องนี้ มีชื่อสถานที่และตัวละครครบ

น่าจะมีสถานศึกษาใดสักแห่งทำหน้าที่เป็นคลังประวัติศาสตร์ เพื่อนำประวัติศาสตร์มาใช้ประโยชน์สร้างความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

เปิดฟ้าส่องโลกก็มีข้อมูลและตัวละครครบ

ในอนาคตก็จะนำมาทยอยรับใช้ได้ครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand