เวียดนามบูม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 18 ส.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/692626

 

พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “อนาคตและทิศทางการรองรับสถานการณ์ประชาคมอาเซียนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” รับใช้นายพลที่มีอนาคตไกล 55 นาย ในโครงการฝึกอบรมการพัฒนา

ผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 2 พฤหัสบดีวันนี้ 09.00-10.30 น. ที่ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2558 เวียดนามถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ถึง 3 ครั้งซ้อน ครั้งแรกเมื่อ 5 ตุลาคม ที่ลงนามความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) 2 ธันวาคม เวียดนามลงนามเอฟทีเอกับสหภาพยุโรป และ 31 ธันวาคม เวียดนามเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ ทำให้ 1 มกราคม 2559 เวียดนามเป็นประเทศที่มีเอฟทีเอกับ 55 ประเทศทั่วโลก

ใครไม่ไปลงทุนที่เวียดนามถือว่าตกโลก วันนี้ ถนนทุกสายมุ่งสู่เวียดนาม คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิกออกมาบอกแล้วนะครับว่า เศรษฐกิจภายในของเวียดนามใน พ.ศ. 2559 จะโตกว่าร้อยละ 6.8 และจะขยับไปเป็นร้อยละ 6.9 ใน พ.ศ. 2560 ที่บูมตูมตามในเวียดนามตอนนี้ก็คือ ภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง ภาคบริการ ปีที่แล้วทั้งปี การลงทุนจากต่างประเทศเข้าเวียดนามมากถึง 473 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.2

เวียดนามเป็นประเทศพุ่งกระฉูดส่งตูดจัมโบ้ของแท้ในปีนี้ครับ แค่ 3 เดือนของ พ.ศ.2559 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเวียดนามเพิ่มมากถึง 23,767 บริษัท เฉพาะมูลค่าทุนจดทะเบียนมีมากถึง 8.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ พอสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ต่างชาติยื่นขอลงทุนในเวียดนามมากถึง 1,408 โครงการ มูลค่า 1.29 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ จะเกือบ 5 แสนล้านบาทแล้วนะครับ ผู้อ่านท่านคงจะหลับตาจินตนาการนึกออกว่า พอถึงสิ้นปี 2559 เงินจะเข้าเวียดนามมากมายมหาศาลขนาดไหน มีการพูดกันเล่นๆ นะครับ ว่าปัญหาของเวียดนามขณะนี้คือ จะใช้เงินให้หมดได้ยังไง เท่านั้นเอง

ช่วงที่ผ่านมา ผมทำธุรกิจที่ต้องเดินทางไปมาระหว่างไทยกับเวียดนามบ่อยมาก พบว่าเมืองที่นักธุรกิจต่างชาตินิยมไปลงทุนก็มีที่ไฮฟอง ฮานอย บิ่นห์เยือง ชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุดก็คือ เกาหลีใต้ รองลงมาก็เป็นสิงคโปร์ ตามด้วยฮ่องกง และไต้หวัน

กลับมาประชุมที่เมืองไทย ผมยังได้ฟังทัศนคติเดิมๆของคนรู้จักที่มีต่อเวียดนาม เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากครับ ที่คนส่วนหนึ่งในประเทศของเราไม่ยอมเปิดหูเปิดตามองความเจริญก้าวหน้าของประเทศอื่น หลายคนยังนึกว่าเราเป็นศูนย์กลางของอาเซียน นั่นมันเรื่องเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ตื่นกันได้แล้วครับ

ผมเรียนหลายครั้งว่า ประเทศก็เหมือนครอบครัว บางครั้งก็มีขึ้น มีลง อยู่ที่ความสามารถ จังหวะ และโอกาส ใครที่ติดตามถามข่าวของเวียดนามจะพบว่า คณะผู้นำเวียดนามเดินทางไปเยือนประเทศโน้น ไปสร้างความสัมพันธ์กับประเทศนี้ ไปกันตลอด เดินทางไปทั้งโลก

ทั้งไปดึงคนมาลงทุน และไปเคาะประตูให้บริษัทสัญชาติเวียดนามออกไปทำธุรกิจในประเทศนั้น ในขณะที่ประเทศของเรามีความพยายามแต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเพราะปัญหาในประเทศของเรามีเยอะจนแก้ไขกันไม่ไหว

ในขณะที่บางประเทศพยายามรวบอำนาจการบริหารมาอยู่ที่ส่วนกลาง แต่เวียดนามกลับทำตรงกันข้าม โดยการกระจายอำนาจให้ไปอยู่กับท้องถิ่น เรายังเข้าใจผิดกันอีกเยอะนะครับ ว่าประเทศคอมมิวนิสต์อำนาจจะต้องอยู่ที่ส่วนกลาง ไปดูโซเวียตเมื่อก่อน หรือจีนในปัจจุบัน หรือแม้แต่ สปป.ลาว หรือเวียดนาม ท้องถิ่นมีอำนาจมาก และเป็นอำนาจที่แท้จริง บางครั้ง บางเรื่อง ส่วนกลางยังไม่มีอำนาจพอที่เข้าไปเกี่ยวดองหนองยุ่งเลยครับ

อย่างตอนนี้ มีข่าวใหญ่ว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเถื่อ-เทียน-เว้ ทุ่มเงินเป็นหมื่นล้านบาทพัฒนาเมืองของตนเองให้เป็นศูนย์อุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่นของเวียดนาม ให้เขตอุตสาหกรรม 6 แห่ง เป็นที่ตั้งของโรงงานสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป 50 โรงงาน

รัฐบาลเวียดนามเปลี่ยนแปลงกฎหมาย สร้างกฎระเบียบใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้เศรษฐกิจภาคเอกชน หลายท่านชอบพูดว่า กฎระเบียบเวียดนามเปลี่ยนแปลงบ่อย เรื่องนี้ผมไม่เถียง แต่ถ้าท่านอ่านกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงอย่างละเอียดก็จะพบว่า กฎระเบียบใหม่เหล่านี้ถูกปรับให้ทันสมัย เพื่อให้ผู้คนทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น

ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ กำลังง่วนอยู่กับเรื่องระเบิด เรื่องการก่อการร้าย เรื่องความขัดแย้งระหว่างคนต่างศาสนา เวียดนามมีเรื่องหนักใจกับจีนเพียงอย่างเดียว แต่เรื่องจีนก็ทำให้คนในชาติสามัคคีกัน.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

เมืองรัสเซียที่น่าไป (2)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 17 ส.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/691706

 

ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ถอดประสบการณ์ชีวิต 100 ประเทศ (พ.ศ.2502-2552) โดยเขียนลงใน http://www.facebook.com/ nitipoom1960 แทบทุกวัน ขณะนี้นำลงไปแล้ว 10 ตอนเริ่มจากตอน 1 ป่าดงกลาง ตอน 2 ลูกชายร้านขายของชำ ตอน 3 นักเรียนโรงเรียนวัด ตอน 4 เด็กโรงเรียนญวน ตอน 5 อิทธิพลของหนังสือ ตอน 6 มัธยมต้น ตอน 7 อยู่กับยาย ตอน 8 ชีวิตเด็กวัด ตอน 9 ออสเตรเลีย ตอน 10 นักศึกษาสหกรณ์ น่าอ่านมากครับ

เมื่อวานผมรับใช้ถึงยุทธศาสตร์การค้าการลงทุนตามเมืองริมแม่น้ำวอลกา ซึ่งพ่อผมเคยเขียนและนำไปพูดจาปราศรัยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ถึงวันนี้ ประเทศไทยยากจนลงมาก ประชาชนร้องโอดโอยโหยหวนเรื่องไม่มีเงินติดกระเป๋า ใครจะโฆษณาประชาสัมพันธ์ทำจิตวิทยาว่าประเทศดีขึ้นอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ในความเป็นจริงที่ทุกคนสัมผัสอยู่ในทุกวันนี้ ตรงกันข้ามกับที่โฆษณาประชาสัมพันธ์

25 ปีที่แล้ว พ่อผมตระเวนไปพักอาศัยตามเมืองริมแม่น้ำวอลกา ซึ่งยาวถึง 3,689 กิโลเมตร เห็นโอกาสของเมืองเหล่านี้ว่ามีมาก โดยเฉพาะโอกาสในแควฝั่งซ้ายที่ไหลมาสู่แม่น้ำวอลกา ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำตกเวียร์ซา โมโลกา คอสโตรมาอุนจา เวตลูกา คามา และแม่น้ำซามารา ส่วนแควฝั่งขวาก็น่าสนใจทั้งแม่น้ำโอคาและแม่น้ำซูรา

เมื่อวานผมรับใช้เมืองยาโรสลัฟล์และเมืองนิจนีย์นอฟโกรอด วันนี้ขออนุญาตเล่าถึงอัสตราคันซึ่งเป็นเมืองโบราณและเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรตาตาร์ในลุ่มแม่น้ำวอลกาตอนล่าง ตอนหลังพระเจ้าอีวานที่ 4 ต้องการควบคุมแม่น้ำวอลกา ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญที่จะขยายอาณาเขตไปทางตะวันออก จึงเข้ายึดเมืองยาโรสลัฟล์ ตอนที่รัสเซียแข่งขันกับจักรวรรดิเปอร์เซีย พระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราชก็ใช้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการแข่งขันเช่นกัน

คนรัสเซียชอบปลาและไม้จากเมืองอัสตราคัน เมืองนี้มีเรื่องเล่าต่างๆเยอะมากมาตั้งแต่สมัยโบราณ พ่อเคยเล่าให้ผมฟังว่า ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งซึ่งใช้เมืองอัสตราคันเป็นสถานที่ถ่ายทำนำความซาบซึ้งตรึงใจมาสู่คนรัสเซียในยุคที่ยังเป็นสหภาพโซเวียต และภายหลังภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์

แม่น้ำซามารายาว 580 กิโลเมตร ไหลผ่านจังหวัดโอเรนบุร์กและจังหวัดซามาราไปบรรจบกับแม่น้ำวอลกาที่เมืองซามารา พ.ศ.2535–2541 พ่อผมไปเยือนเมืองซามาราบ่อย ไปแต่ละครั้งก็จะพักอยู่นานหลายวัน เป็นเมืองที่มีมหาวิทยาลัยแพทย์และสถาบันการบินและยานอวกาศที่มีชื่อเสียง มีคนไทยจบจากสถาบันเหล่านี้หลายคน ปัจจุบัน ซามาราเป็นเมืองที่น่าไปลงหลักปักฐานทำการค้าการลงทุน เพราะมีโรงงานเยอะ อุปกรณ์รถไฟทั้งหลายก็ผลิตที่นี่ มีอู่ต่อเรือที่มีชื่อเสียง โรงงานเคมีภัณฑ์ โรงงานผลิตสายเคเบิล โรงกลั่นเบียร์ โรงโม่แป้งโรงงานผลิตเครื่องมือกล และมีโรงงานอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมัน มีครบ แต่ก็เหมือนกับเมืองอื่นๆของรัสเซียโดยทั่วไปที่ผลิตอาหารการกินไม่เก่ง ซามาราจึงเป็นหนึ่งในโอกาสของคนไทย

อีกเมืองหนึ่งซึ่งไม่เขียนถึงไม่ได้ ก็คือวอลโกกราด ที่อยู่ห่างจากปากแม่น้ำวอลกา 450 กิโลเมตร เป็นเมืองชุมทางรถไฟ รัสเซียในอดีตมักจะโดนพวกคัลมักและพวกคอสแซกโจมตี พวกรัสเซียก็จึงตั้งป้อมป้องกันการโจมตีไว้ที่เมืองวอลโกกราด แต่สุดท้ายก็ไม่รอดครับ วอลโกกราดโดนพวกคอสแซกตีจนแตกเมื่อ ค.ศ.1670

เมื่อพวกบอลเชวิกล้มล้างระบอบซาร์ได้แล้ว ก็เข้ายึดเมืองวอลโกกราด และที่นี่เองครับที่เป็นจุดของความขัดแย้งของสงครามกลางเมืองของรัสเซีย ระหว่าง ค.ศ.1919-1920 เมื่อโจเซฟ สตาลิน ครองอำนาจ เมืองนี้ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นสตาลินกราด เมื่อสตาลินตาย สตาลินกราดก็ถูกเปลี่ยนชื่อกลับไปเป็นวอลโกกราดเหมือนเดิม

มีเมืองของรัสเซียอีกมากมายหลายร้อยแห่งที่ถ้ามานั่งวางแผนกันดีๆ เราก็สามารถจะไปลงทุนและไปทำมาค้าขายได้อย่างประสบความสำเร็จ

25 ปีที่แล้ว มีความพยายามที่จะส่งคนไทยไปอยู่ในทุกเมืองของรัสเซีย แต่เป็นกรรมของประเทศครับ ที่โดนขัดขวางจากกลุ่มคนที่มองโอกาสเหล่านี้ไม่เห็น.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

เมืองรัสเซียที่น่าไป (1)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 16 ส.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/690641

 

อังคารวันนี้ 13.00-16.00 น. สำนักสิริพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “บริบทอาเซียนกับการบริหารงาน อปท.” รับใช้ปลัด อปท. 82 คน ที่สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น จ.ปทุมธานี

เสาร์ที่ผ่านมา รายการเวิลด์บียอนด์เดินทางสร้างชาติ ทางช่อง3 แพร่ภาพเมืองต่างๆในรัสเซีย ท่านสนใจจะดูย้อนหลังเข้าไปดูได้ที่ https://www.facebook.com/nitipoom1960/posts/1264388883595737 หรือ https://youtu.be/UkgEJumJ_jw เมื่อรายการออกอากาศ ก็มีคนสนใจรัสเซียกันเยอะครับ อยากให้ผมแนะนำเมืองอื่นที่คนไทยไม่ค่อยได้ไป แต่เป็นสถานที่ที่มีโอกาสเข้าไปทำมาหากิน

ขอเริ่มที่นิจนีย์นอฟโกรอดครับ เมืองนี้ตั้งอยู่ตอนกลางของรัสเซียในส่วนของทวีปยุโรป ห่างจากมอสโก 402 กิโลเมตร ตั้งอยู่ตรงจุดบรรจบกันของแม่น้ำวอลกาและแม่น้ำโอคา ผู้อ่านท่านที่ชอบอ่านผลงานของ แม็กซิม กอร์กี นี่ล่ะครับ เมืองเกิดของท่าน

นิจนีย์นอฟโกรอด เป็นเมืองอุตสาหกรรมสำคัญ มีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ผู้คนมีฐานะทางเศรษฐกิจดี เป็นไปได้ที่จะไปตั้งภัตตาคาร ร้านอาหาร สปา หรือทำการเกษตรประเภทผลิตหมูเห็ดเป็ดไก่ แต่ก่อนไปท่านควรจะต้องศึกษาพื้นที่ให้ละเอียดเสียก่อน

อีกเมืองที่ผมขออนุญาตแนะนำก็คือ รอสตอฟ-นา-โดนู เมืองหลวงของรอสตอฟโอบลาสต์ ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งด้านเหนือของแม่น้ำดอน ห่างปากแม่น้ำแค่ 45 กิโลเมตร บนอ่าวตากันร็อกของทะเลอาซอฟ เมืองนี้ก็ดีครับ เป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องจักรการเกษตร ใครที่ค้าขายเก่ง เอาเครื่องจักรการเกษตรของที่นี่ไปขายต่อ ก็เป็นโอกาสดีไม่น้อย เรือท้องแบนบรรทุกสินค้าที่ผลิตจากเมืองนี้ก็ได้รับความนิยม เครื่องจักรทำถนนที่ผลิตจากเมืองนี้ก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่นำไปใช้สร้างถนนได้ทั่วโลก มีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้วย รอสตอฟ-นา-โดนู ยังต้องการภัตตาคารร้านอาหารที่เป็นอาหารต่างประเทศ โดยเฉพาะอาหารไทย

15 ปีที่แล้ว ผู้อ่านท่านที่ชอบดูรายการเปิดเลนส์ส่องโลก คงจะเคยดูสารคดีที่สร้างโดยพ่อของผมที่เกี่ยวกับเรื่องเมืองยาโรสลัฟล์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 255 กิโลเมตร เป็นเมืองเก่าที่สร้างมานาน 1,006 ปี เคยเป็นเมืองหลวงของรัฐอิสระมากว่า 200 ปี ก่อนที่จะตกอยู่ใต้การปกครองของมอสโกในคริสต์ศตวรรษที่ 15

เมืองรัสเซียที่มีความโรแมนติกและมีศิลปวิทยาการที่ละมุนละไม ผมชอบยาโรสลัฟล์มากที่สุด ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมใน พ.ศ.2548 มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมาก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวยังมีไม่พอ

เรียนนะครับ ว่าเมืองต่างๆ ที่ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำวอลกา เป็นเมืองที่น่าสนใจทางด้านการท่องเที่ยวแทบทั้งสิ้น แต่ผู้คนที่นั่นยังบริหารการท่องเที่ยวและการบริการยังไม่ค่อยเป็น แม้ว่าจะเปลี่ยนแปลงจากสังคมนิยมมาเป็นทุนนิยมมาเกือบ 25 ปี ทว่าผู้คนก็ยังไม่ชำนาญการบริการ คนไทยที่ไปทำมาค้าขายที่รัสเซียก็ไม่ค่อยสนใจเมืองพวกนี้

ผมเคยฟังพ่อผมบรรยาย “ยุทธศาสตร์การค้าการลงทุนในเมืองริมแม่น้ำวอลกา” แล้วก็สนใจมาก เพราะแม่น้ำสายนี้ยาวถึง 3,689 กิโลเมตร เป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีพื้นที่ลุ่มน้ำ 1.38 ล้านตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 2.5 เท่า เดินเรือได้เกือบตลอดสาย มีเมืองสำคัญบนฝั่งแม่น้ำนี้เยอะ เช่น คาลีนิน รืยบินสค์ ยาโรสลัฟล์ คอสโตรมา นีจนีย์นอฟโกรอด คาซัน- ซามารา ซาราตอฟ วอลโกกราด อัสตราคัน ฯลฯ

แม่น้ำสายนี้มีคลองหลายสายที่เชื่อมกับแม่น้ำที่ไหลสู่ทะเลบอลติก และลุ่มน้ำตอนล่างใกล้เมืองวอลโกกราด มีคลองเชื่อมกับแม่น้ำดอน ที่เป็นแม่น้ำซึ่งมีความสำคัญมายาวนานในประวัติศาสตร์ของรัสเซีย ต้นแม่น้ำวอลกาอยู่ทางตะวันตกของทะเลสาบเซลีเกอร์ ในเขตภูเขาวัลได ส่วนตอนใต้ไหลสู่ทะเลแคสเปียนใกล้เมืองอัสตราคัน

น่าเสียดายที่ยุทธศาสตร์แม่น้ำวอลกาไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลหลายยุคหลายสมัย ทำให้เราเสียตลาดแถบนี้ให้กับนักธุรกิจมาเลเซียและเกาหลีใต้ ล่าสุด ที่พ่อผมเดินทางไปเยือนเมื่อปีที่แล้ว แต่ละเมืองเต็มไปด้วยการประชุมของนักธุรกิจที่มาจากอินเดีย

ประเทศไทยยากจนลงไปเรื่อยๆ เราต้องคิดยุทธศาสตร์ที่จะนำไทยให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง ด้วยยุทธศาสตร์ที่แตกต่างและออกนอกกรอบบ้างครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

ข้อห้ามของอิสลาม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 15 ส.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/690212

 

เปิดฟ้าส่องโลกฉบับวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมเขียนเกี่ยวกับการก่อการร้ายในสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย กัมพูชา และเมียนมา และเขียนแสดงความชื่นชมการข่าวอินโดนีเซียและสิงคโปร์ที่สามารถยับยั้งความเสียหายจากการจะถูกยิงจรวดถล่มวันชาติสิงคโปร์ และสามารถจับผู้ต้องสงสัยได้ถึง 6 คน

ไทยรัฐฉบับวันศุกร์ถูกวางขายในวันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พอถึงวันศุกร์มีระเบิดเกิดขึ้นตูมตามและมีไฟไหม้หลายจุด มีคนมาสอบถามตามข่าว ว่าทำไมที่สิงคโปร์และอินโดนีเซียคล้ายกับที่เกิดขึ้นในไทย ผมขอเรียนครับว่า ไม่เฉพาะในไทยเท่านั้น เรื่องการก่อการร้ายนี่จะทำให้โลกของเราวิกฤติไปทั่ว เราจึงต้องประกาศยอมรับว่ามี และรีบประสานงานกับองค์กรการข่าวสากลทั้งหมด เพื่อยับยั้งเหตุร้ายได้อย่างที่สิงคโปร์และอินโดนีเซียทำ

ศุกร์ที่ผ่านมา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯออกมาพูดจากระแหนะกระแหนโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีอินโดนีเซียที่บอกว่า อินโดนีเซียไม่มีที่ว่างสำหรับความเคลื่อนไหวที่ขยายวงขึ้นของชาว LGBT

ผู้อ่านท่านครับ LGBT ย่อมาจาก Lesbian เลสเบียน Gay เกย์ Bisexual ไบเซ็กชวล และ Transgender คนข้ามเพศ ซึ่งเดี๋ยวนี้มีคนออกมาโจมตีประเทศที่กีดกันชาว LGBT กันเยอะ รวมทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ ที่บอกว่าจะสู้เพื่อปกป้องและส่งเสริมสิทธิของประชาชนทั้งหมด รวมทั้งชาว LGBT ที่จะแสดงออกถึงตัวตนของพวกเขาทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์

ผมเป็นคนหนึ่งซึ่งประกาศสนับสนุนและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของชาว LGBT ทว่าในขณะเดียวกัน ผมก็เห็นใจประเทศที่ผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามด้วย เพราะศาสนาอิสลามมีบรรทัดฐานสำหรับยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่มีทั้งข้อใช้และข้อห้าม

ที่ผมนึกออกในขณะนี้ก็มี ห้ามชายเที่ยวสถานบันเทิงเริงรมย์เพื่อรับบริการหรือหาความเพลิดเพลินจากหญิง หรือเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศ ห้ามการรักเพศเดียวกันทั้งระหว่างชายและระหว่างหญิง ห้ามการร่วมเพศทางทวารหนัก ห้ามคุมกำเนิดโดยไม่มีความจำเป็นต่อสุขภาพมารดา ห้ามฆ่าตัวเองและฆ่าลูกในท้อง ห้ามฆ่าผู้อื่นหรือสัตว์โดยเจตนาอย่างไร้เหตุผล ห้ามผลิตและขายเหล้า และบริการสถานเริงรมย์ ห้ามการเป็นหญิงบริการ ห้ามปล่อยเงินกู้

ห้ามบริโภค ขาย บริการอาหารและเครื่องดื่มที่ผิดศาสนบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็นหมู เหล้า เบียร์ เลือด หรือสัตว์ที่ตายเอง ห้ามมีเรื่องของดอกเบี้ย ทั้งเป็นผู้รับและผู้ให้ตลอดจนเป็นพยานที่เกี่ยวกับดอกเบี้ย ห้ามเสี่ยงโชคและการพนันทุกชนิด จะเล่นม้า ซื้อลอตเตอรี่หรือหวยใต้ดินอะไรนี่ ไม่ได้ทั้งนั้น

ห้ามมุสลิมใช้ผมปลอมหรือผมของผู้อื่นหรือวิก ห้ามสักยันต์ ห้ามแต่งกายโดยเปิดเผยสิ่งพึงสงวน หญิงเปิดได้แต่ใบหน้าและฝ่ามือ ห้ามชายนุ่งกางเกงขาสั้น ใส่ทอง สวมผ้าไหม ห้ามชายหญิงแต่งกายและแสดงพฤติกรรมผิดเพศ เช่น กะเทย ตลอดจนศัลยกรรมแปลงเพศ

ห้ามนำศพของมุสลิมไปผ่าเพื่อชันสูตรหรือเพื่อใช้เป็นอาจารย์ใหญ่ในการศึกษาทดลอง ห้ามนำศพมุสลิมไปเผา ห้ามมุสลิมไปทำพิธีเผาศพ ห้ามเป็นเจ้าภาพในงานสวดศพและเผาศพ ห้ามมุสลิมแต่งกายชุดดำเพื่อเจตนาไว้ทุกข์แก่คนตาย ห้ามเป็นเจ้าภาพร่วมทำบุญ ร่วมขบวน ร่วมศาสนพิธีทางศาสนาของศาสนาอื่นๆ เช่น การทอดกฐิน ทอดผ้าป่า

ผู้อ่านท่านที่เคารพหลายท่านเคยงุนงงสงสัย ที่ศาลมาเลเซียตัดสินให้นายอันวาร์ อิบราฮิม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้ได้รับโทษจำคุกในข้อหาร่วมเพศทางทวารหนัก และถึงแม้จะพ้นโทษไปแล้ว แต่ทุกครั้งที่นายอันวาร์ได้รับความนิยมและมีแนวโน้มจะชนะเลือกตั้ง ก็จะมีตัวละครใหม่ไปแจ้งความว่าโดนนายอันวาร์ร่วมเพศทางทวารหนัก จากนั้นก็เหมือนสูตรทางคณิตศาสตร์ นายอันวาร์ถูกตำรวจจับ ถูกอัยการฟ้อง และถูกศาลตัดสินจำคุก

สหรัฐฯน่าจะเข้าใจเงื่อนไขของประเทศอิสลาม แต่ผมก็แปลกใจว่าทำไมเดี๋ยวนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เริ่มโจมตีรัฐบาลของประเทศโน้น ชาตินี้ ในเรื่อง LGBT

ผมเขียนย้ำๆ ซ้ำๆ จนมือจะหักไปหลายรอบแล้วว่า เราต้องศึกษาเพื่อให้เข้าใจศาสนาของกันและกัน เพื่อที่จะได้อยู่ร่วมประเทศกันอย่างมีความสุข แม้แต่ในสังคมที่ย่อยเล็กลงมา เช่น ในโรงเรียน ในบ้าน ก็มีความสำคัญเช่นกันครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

อย่าซุกปัญหาไว้ใต้พรม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 12 ส.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/687506

 

ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม 2559 ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

ข้าพระพุทธเจ้า ผู้เขียนคอลัมน์เปิดฟ้าส่องโลก

จับไปแล้วนะครับ กลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรงที่มาปักหลักกันอยู่ที่เกาะบาตัม ในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พวกนี้มาบาตัมเพื่อเตรียมยิงจรวดเข้าใส่พิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 51 ปี แห่งการประกาศเอกราชของสาธารณรัฐสิงคโปร์ในวันที่ 9 สิงหาคม 2559

ทั้งสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ต่างยอมรับว่ากลุ่มการก่อการร้ายได้เข้ามาฝังตัวในประเทศของตนเอง การยอมรับทำให้การทำงานร่วมมือป้องกันการก่อการร้ายทำได้ง่ายขึ้น เป็นผลให้ในห้วงที่ผ่านมา ทั้งสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย จับกุมการเตรียมการก่อเหตุร้ายของกลุ่มต่างๆได้อย่างต่อเนื่อง

การข่าวที่ลึกและมีประสิทธิภาพช่วยให้มีการแจ้งไปยังตำรวจอินโดนีเซียว่า ขณะนี้มีกลุ่มอิสลามิสต์ 6 คน เตรียมการยิงจรวดไปที่สนามกีฬาในสิงคโปร์ ถ้าไม่มีการแจ้งและไม่มีการจับกุม ผู้อ่านคงจะนึกภาพออกนะครับ ว่านักแสดงเฟสติวัล 5,000 คน บวกกับคนดูอีก 55,000 คน ในสนามกีฬาแห่งใหม่ของสิงคโปร์คงจะต้องตายกันเป็นเบือ

ผมดูภาพยนตร์เรื่องที่พวกกลุ่มติดอาวุธเข้าไปเผาทำลายสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองเบงกาซี เมื่อ พ.ศ.2555 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เอกอัครราชทูตคริส สตีเวนส์ และเจ้าหน้าที่อเมริกันตาย ที่จริงเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้น ความบกพร่องทั้งหมดมาจากการที่ผู้รับผิดชอบก็กลัวจะเสียหน้าด้านการข่าวและยืนยันว่าปลอดภัย แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่

ในขณะที่สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ยอมรับกรณีที่มีกลุ่มการก่อการร้ายในแผ่นดินของตน และจัดการป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทว่ากัมพูชาและเมียนมากลับออกมาปฏิเสธว่าในประเทศของตนเองไม่มีกลุ่มการก่อการร้าย

เมียนมาเป็นเป้าหมายสำคัญที่การก่อการร้ายหลายกลุ่มประกาศจะเข้าไปถล่ม เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งกันระหว่างชาวพุทธและมุสลิมในรัฐยะไข่ ซึ่งในขณะนี้ลามปามออกมาถึงเมียนมาภาคกลางแล้ว

ผู้คนในวงการข่าวกรองสากลยืนยันว่า กัมพูชาเป็นแหล่งซ่อนตัวของการก่อการร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบจังหวัดกัมปงจามและจังหวัดกรุงพระสีหนุ แต่เมื่อองค์กรข่าวกรองระดับสากลประสานไปยังหน่วยงานของรัฐบาลของกัมพูชา กลับได้รับการปฏิเสธ และเจ้าหน้าที่สากลไม่สามารถประสานเพื่อทำงานต่อไปได้

ในประเทศไทยของเราตอนนี้เริ่มมีกระแสปั่นให้คนไทยต่างศาสนาทะเลาะกันเอง ถ้าดูในโซเชียลมีเดียก็จะพบว่า การด่าทอโจมตีกันระหว่างคนต่างศาสนารุนแรงขึ้นมาก พระสงฆ์องค์เจ้าและประชาชนในบางพื้นที่เริ่มรวมตัวกันออกมาเดินขบวนต่อต้านศาสนาอิสลาม ขอเรียนนะครับ ว่านั่นอันตรายมาก เสมือนกับการใช้มีดกรีดไปที่ร่างกายและใช้น้ำสกปรกราดเข้าไปในแผลสด อีกไม่นาน เชื้อโรคก็จะแพร่ขยายไปทั่วร่าง และก็จะเริ่มเน่า

ผมดูคลิปของพระภิกษุบางรูปในเฟซบุ๊กหลายครั้ง พระมหาท่านหนึ่งพูดถึงการตอบโต้ว่า ถ้าพระใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกระเบิดหรือถูกยิงตาย 1 รูปด้วยน้ำมือของโจรก่อการร้ายมลายู เราก็จะต้องแลกด้วยการเผามัสยิดให้ได้ 1 หลัง โดยเริ่มจากภาคเหนือลงมาเรื่อยๆ ความคิดนี้ได้รับการตอบรับจากชาวพุทธจำนวนหนึ่ง ผมว่านี่เป็นเรื่องผิดอย่างมากนะครับ รัฐบาลและองค์กรศาสนาควรจะเข้าไปทำความเข้าใจและระงับยับยั้งเสียตั้งแต่แรก

เปิดฟ้าส่องโลกไม่เห็นด้วยกับการตอบโต้กันไปมาในลักษณะดังกล่าว และขอส่งเสริมให้มีการศึกษาศาสนาของกันและกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ชาวพุทธต้องศึกษาเรื่องของอิสลาม มุสลิมต้องศึกษาทำความเข้าใจพุทธศาสนา

ผู้ใหญ่หลายคนไม่กล้าพูดถึงกรณีคลิปที่โจมตีกันไปมาระหว่างศาสนา เพราะกลัวว่าอาจจะกระทบกับความมั่นคง หรือกลัวว่าจะเกิดความตระหนกตกใจในหมู่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ท่านก็เลยกวาดขยะเข้าไปซุกอยู่ในใต้พรม จนขณะนี้เริ่มมีขยะมากขึ้นเรื่อยๆ

ผมเห็นด้วยกับการยอมรับอย่างตรงไปตรงมาในเรื่องการมีกลุ่มก่อการร้ายของรัฐสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

ยอมรับเพื่อการป้องกันภัยจะได้ทำกันอย่างมีประสิทธิภาพ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

คลินตันน่าจะมาแน่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 11 ส.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/686501

 

คณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง เชิญศิษย์เก่ารหัส 23600406 ที่ชื่อ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “ประชาคมอาเซียน” รับใช้นักศึกษาปริญญาโท ที่ชั้น 4 อาคารรัฐศาสตร์ 1 เวลา 18.00-21.00 น. จันทร์ 15 สิงหาคม 2559

ยิ่งตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะลงคะแนนกันในวันที่ 8 พฤศจิกายนปีนี้ ผมก็ยิ่งคิดว่าคนอเมริกันส่วนหนึ่งคงผิดหวังไม่น้อยที่เลือกนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้สมัครในนามพรรครีพับลิกัน นอกจากไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อนแล้ว นิสัยใจคอ คำพูดคำจา และการประพฤติปฏิบัติตนของทรัมป์ยังไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะของชาติใดๆ ถ้าทรัมป์ได้เป็นผู้นำของชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ก็จะยิ่งสร้างความวุ่นวายขายปลาช่อนให้กับประเทศของตนเองและโลก

ประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นผู้ถือรหัสโค้ดลับอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในมือ ดังนั้นบุคคลผู้นี้จะต้องเป็นผู้มีมาตรฐานสูงทั้งด้านร่างกายและจิตใจ หากเป็นคนอารมณ์แปรปรวนนึกอยากจะทำอะไรก็ทำอย่างทรัมป์ ในห้วงช่วง 4 ปีที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์อาจจะเกิดบ้าใช้นิวเคลียร์ทำลายโลกก็ได้ ไม่กี่วันที่ผ่านมา มีอดีต ส.ส.รัฐฟลอริดาของพรรครีพับลิกันออกมาเปิดข้อมูลว่า ทรัมป์ถามผู้เชี่ยวชาญนโยบายระหว่างประเทศที่ให้คำแนะนำเพื่อให้เอาไปใช้หาเสียงถึง 3 ครั้งว่า ทำไมสหรัฐฯจึงไม่สามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้?

การที่ทรัมป์ย้ำถามคำถามนี้ถึง 3 รอบ ผมว่าต้องมีอะไรไม่ปกติอยู่ในสมองของแกแน่

การแข่งขันแย่งกันเป็นตัวแทนไปสมัครประธานาธิบดีของทั้งพรรครีพับลิกันและเด็มโมแครตนั้น โจมตีกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าเมื่อใครชนะแล้ว ตามประเพณีปฏิบัติ ผู้ที่แพ้ก็จะกระโดดขึ้นไปช่วยผู้สมัครซึ่งเป็นตัวแทนพรรคของตนอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

แต่ในกรณีของทรัมป์นี่ไม่ใช่ ทรัมป์แกอาละวาดดะ ได้เป็นตัวแทนพรรคแล้ว แกก็ประกาศไม่หนุนพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนสหรัฐฯ และจอห์น แมคเคน สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งทั้งสองคนเป็นแกนนำพรรค ให้ลงสมัครรักษาเก้าอี้ในครั้งที่จะถึง เรื่องนี้นำความแตกแยกอย่างรุนแรงมาสู่พรรครีพับลิกัน

ผู้คนในพรรครีพับลิกันเริ่มกังวลว่า ถ้าทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีจะเป็นอันตรายต่อประเทศชาติบ้านเมือง และก็จะสร้างความวุ่นวายให้กับสหรัฐฯอย่างไม่หยุดหย่อน คนของพรรครีพับลิกันเริ่มรักชาติมากกว่ารักพรรค และก็ประกาศตนว่าเป็นผู้สนับสนุนนางคลินตัน ซึ่งเป็นผู้สมัครคู่แข่งของพรรคตนเองให้เป็นประธานาธิบดี

เม็ก วิตแมน เป็นประธานบริหารฮิวเล็ตต์ แพคการ์ด เอนเตอร์ไพรซ์ และเคยเป็นซีอีโอของอีเบย์ เคยใช้เงินส่วนตัวมากถึง 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียมาแล้ว เดิมวิตแมนก็เคยสนับสนุนทรัมป์ แต่ตอนนี้วิตแมนประกาศอย่างออกหน้าออกตาแล้วว่าจะหันมาสนับสนุนนางคลินตันแทน

คนสำคัญในพรรครีพับลิกันคนอื่นๆ อย่างริชาร์ด อาร์มิเทจ ซึ่งเคยเป็น รมช.ต่างประเทศและ รมช.กลาโหม ตอนนี้ก็ประกาศหนุนนางคลินตันแล้ว ริชาร์ด ฮันนา สมาชิกสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกัน ก็ออกมาประกาศสนับสนุนนางคลินตันด้วยเช่นกัน เหตุผลที่ฮันนาแถลงต่อสังคมก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่คนอเมริกันเริ่มคิดเหมือนกัน คือ ทรัมป์ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะรับใช้พรรค และเป็นผู้นำประเทศ

ผู้นำในโลกนี้จำนวนหนึ่งไม่ได้ผ่านการเตรียมตัวด้านการจะมาเป็นผู้นำ แต่ขึ้นมาเป็นผู้นำด้วยสถานการณ์ บางคนใช้ความบุ่มบ่ามและความห่ามให้ดูว่า ตนเองเป็นคนใจกล้าบ้าบิ่น หาเสียงถูกใจวัยรุ่นจนได้เป็นผู้นำประเทศ แต่ในบั้นปลายท้ายต่อมา ผู้นำพวกนี้มักจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติบ้านเมืองอย่างมาก

ใครที่เคยเรียนรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ต้องเรียนวิชา PS 190 ทฤษฎีการเมืองสมัยโบราณและสมัยกลาง และ PS 290 ทฤษฎีการเมืองและจริยธรรม 2 ไม่ว่าจะเป็นความคิดของเพลโต อริสโตเติล มาเคียวเวลลี โธมัส ฮอบส์ จอห์น ล๊อค มองเตสกิเออ ชัง ชากส์ รุสโซ ฯลฯ ตามทฤษฎีของนักคิดทุกท่านที่ผมเอ่ยนามมานี้ไม่มีทฤษฎีของท่านใดเลยที่พอจะให้โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำประเทศได้

ถึงเวลานี้หลายคนก็เสียดายโอกาสของพรรครีพับลิกันนะครับ ยังไม่ทันเลือกตั้งเลย ก็เริ่มรู้แล้วว่าคนของตนไปไม่ถึงดวงดาว.

“คุณนิติ นวรัตน์”
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

ไม่ว่าฝ่ายไหนชนะ ประเทศก็ล่ม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 10 ส.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/685471

 

ที่สาธารณรัฐเวเนซุเอลาล่มจมใน พ.ศ.2559 ปัญหาถูกสะสมมายาวนานจากการต่อสู้ระหว่างคนรวยและคนจน พวกผู้ดี ทหาร ศาล และนายทุน ยอมไม่ได้ที่เด็กจากกระท่อมที่มีดินเป็นพื้นบ้านและหลังคามุงแฝกชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีเมื่อ พ.ศ.2542 โดยได้รับเสียงจากคนจนด้วยกันอย่างถล่มทลาย เมื่อเป็นผู้นำแล้ว อูโก ชาเวซ ก็ออกกฎหมายหลายสิบฉบับดูแลคนจนและปกป้องคนด้อยโอกาส

สิ่งที่ตามมาคือพล็อตที่จะต้องล้มรัฐบาลของชาเวซให้ได้ เริ่มจากการจ้างพวกหัวหน้าแรงงานให้หยุดงานประท้วง ให้นักศึกษาเดินขบวนสนับสนุนการหยุดงานของคนงาน และส่งมือที่ 3 เข้าไปในการประท้วงและทำให้มีคนตาย

เมื่อมีคนตายทุกอย่างก็เข้าล็อก ผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็โผล่หน้าออกมาพูดทางโทรทัศน์ จากนั้นก็ให้ทหารจับประธานาธิบดีไปขังและบังคับให้เซ็นชื่อลาออก พวกนายทุนก็เริ่มตั้งคนของตนที่เป็นประธานหอการค้ามาสาบานตนเป็นประธานาธิบดีเข้าไปทำงานในทำเนียบ ออกคำสั่งยกเลิกระบอบประชาธิปไตย ทหารก็ตั้งพวกของตนเองเข้าไปเป็นประธานาธิบดีเหมือนกัน ภายในเวลา 2 วัน เวเนซุเอลามีประธานาธิบดีถึง 3 คน

โชคดีที่คนจนรวมตัวกันไม่ยอม เดินขบวนประท้วงจนได้ชาเวซกลับคืนมาเป็นประธานาธิบดีเหมือนเดิม

การต่อสู้ระหว่างคนรวยกับคนจนในช่วงที่ชาเวซเป็นประธานาธิบดีดำเนินไปอย่างดุเดือด เจ้าของฟาร์มขนาดใหญ่ไม่กี่รายเป็นเจ้าของที่ดินจำนวนมากถึงร้อยละ 75 ของแผ่นดินที่สามารถทำการเกษตรได้ เมื่อสูญที่ดินไปแล้ว เกษตรกรจากชนบทก็ถูกแปลงสถานะไปเป็นคนจนในเมือง

ชาเวซสั่งให้ยึดที่ดินพวกนายทุนครั้งละนับหมื่นนับแสนไร่ ชาเวซจึงมีศัตรูเป็นพวกเจ้าของที่ดินแปลงใหญ่ อย่างเช่น ลอร์ด เวสต์เลย์ ซึ่งมีที่ดินมากถึง 80,000 ไร่ นายฮาโต ปิเนโร ที่เลี้ยงวัวอยู่หลายหมื่นตัวและมีสัตว์ป่าหายากจำนวนมากในที่ดินหลายหมื่นไร่เช่นกัน พวกนี้เมื่อโดนยึดที่ดินก็ออกมาต่อต้านชาเวซอย่างสุดตัว

พ.ศ.2550 รัฐบาลชาเวซประสบความสำเร็จในการแจกที่ดิน 22.5 ล้านไร่ให้เกษตรกร 1.8 แสนครอบครัว นำความโกรธแค้นมาสู่พวกนายทุนเจ้าของที่ดินรายใหญ่ พวกนี้จึงจ้างคนไปฆ่าผู้นำเกษตรกรตายไปหลายร้อยศพ

คนจนซึ่งเป็นผู้คนชั้นเดียวกับชาเวซช่วยให้แกได้เป็นประธานาธิบดีมากถึง 4 สมัย ขณะที่ชาเวซเป็นประธานาธิบดี แกยืนเป็นเสาหลักให้คนจนโซ้ยกับคนชั้นสูงอย่างไม่กลัวเกรง ด้วยการตั้งสภาชุมชนและสหกรณ์ ปฏิรูปที่ดิน โอนอุตสาหกรรมสำคัญหลายแห่งให้กลับไปเป็นของรัฐ ฯลฯ

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวว่าชาเวซเป็นมะเร็ง คนที่ลุ้นชาเวซโล่งใจเมื่อมีการแถลงว่าแกฟื้นตัวจากการผ่าตัดเพื่อนำเนื้องอกฝีที่มีเซลล์มะเร็งออกเมื่อ พ.ศ.2554 แต่ตอนหลังแกก็เข้าโรงพยาบาลอีก และถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ 5 มีนาคม 2556 ด้วยวัย 58 ปี

หมดชาเวซแล้ว การต่อสู้ระหว่างคนสองชนชั้นก็เกิดขึ้นอย่างดุเดือด คนจนเริ่มถูกมัดมือชก ประเทศก็เริ่มเละตุ้มเป๊ะ คนจนก็จนยิ่งขึ้น คนรวยก็กลับขึ้นมาได้เปรียบในสังคมอีกครั้ง ปัจจุบันทุกวันนี้ เวเนซุเอลาได้ชื่อว่าเป็นชาติรัฐที่มีเงินเฟ้อสูงที่สุดในโลก ตอนนี้เงินเฟ้อสูงถึงร้อยละ 180 ค่าแรงแพงแต่ไม่มีสินค้าขายในท้องตลาด

ผมอ่านคำให้สัมภาษณ์ของผู้คนที่นั่นแล้วก็ตกใจครับ บางคนไปเข้าคิวรอตั้งแต่ตี 3 แต่ซื้อยาสีฟันได้เพียง 2 หลอด แป้ง ข้าว น้ำตาล ไข่ เนื้อ อะไรพวกนี้ตามร้านค้าไม่มีให้เห็นเลย จะหาได้จากตลาดมืดในราคาที่สูงมากเท่านั้น

ตัวแทนของคนจนได้ครองประเทศเพียงช่วงระยะเวลา 14 ปี ที่ชาเวซเป็นประธานาธิบดีคนที่ 52 ของประเทศ (พ.ศ.2542-2556) หลังจากนั้น คนรวยก็ผงาดขึ้นมา สุดท้ายทั้งคนรวยคนจนก็จมน้ำตายด้วยกันทั้งสองชนชั้น

เวเนซุเอลาเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เราต้องนำเรื่องราวมาศึกษาอย่างละเอียด รวมทั้งต้องศึกษานโยบายต่างประเทศของผู้นำแต่ละคนด้วย นโยบายต่างประเทศเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ประเทศจะขึ้นหรือลง จะตายหรือจะอยู่รอดปลอดภัยในโลกใบนี้

เวเนซุเอลามีอะไรหลายอย่างที่คล้ายไทย คนที่รู้เรื่องของประเทศนี้ดีต่างก็กลัวว่าเมืองไทยในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ถ้าไม่รีบแก้ไขเสียแต่วันนี้ ก็อาจจะมีหายนะคล้ายกัน.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

พล็อตทุกอย่างไว้หมดแล้ว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 9 ส.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/684512

 

Referendum การลงประชามติ เป็นการลงคะแนนของประชาชนเพื่อตัดสินใจว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเรื่องใด หรือประเด็นใด ประเด็นหนึ่ง ที่กระทบต่อผลประโยชน์สำคัญมากของชาติ สำหรับสากลปฏิบัติ เมื่อประชาชนลงประชามติเป็นอย่างไรแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามนั้นโดยเคร่งครัด

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา คนไทยใช้อำนาจด้วยตนเองโดยตรง โดยวิธีการออกเสียงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญและรับคำถามพ่วง เมื่อประชาชนให้การรับรองแล้ว ทุกการกระดิกพลิกตัวที่เคยต่อต้าน ก็จะต้องหยุด และเดินเข้าสู่กติกาที่ได้รับรองแล้วโดยคนส่วนใหญ่

ไม่เช่นนั้นประเทศก็จะเสี่ยงเดินตามรอยเวเนซุเอลา ซึ่งมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบเกือบ 3 แสนล้านบาร์เรล มีทรัพยากรธรรมชาติมากมายในพื้นที่มากถึง 9 แสนตารางกิโลเมตร แต่วันนี้กลายเป็นประเทศล้มเหลว ถึงขนาดผู้คนฆ่ากันตายเพราะแย่งชิงอาหาร

อดีตประธานาธิบดีที่มีชื่อเสียงของเวเนซุเอลา พันเอก อูโก ชาเวซ เริ่มชีวิตการเมืองจากการทำรัฐประหารเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2535 และทำอีกครั้งเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2535 ภายในเวลา 10 เดือน ชาเวซก่อรัฐประหารโค่นรัฐบาลถึง 2 ครั้ง แพ้ทุกครั้ง

ได้รับนิรโทษกรรมออกจากคุกมาแล้ว ชาเวซหัวหน้ากบฏก็ไปลงสมัครแข่งขันเป็นประธานาธิบดีใน พ.ศ.2541 ปรากฏว่า ได้รับเลือกตั้งและกล่าวคำสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2542

ประธานาธิบดีทุกคนจะต้องกล่าวคำสาบานตนตามธรรมเนียมที่ทำกันมามากกว่า 40 ปี แต่ชาเวซซึ่งเริ่มมาจากการทำรัฐประหาร ทว่าภายหลังตัดสินใจหันเข้าหาระบอบประชาธิปไตย กลับกล่าวคำสาบานที่แกแต่งขึ้นมาเองซึ่งมีใจความตอนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าขอสาบานต่อหน้าประชาชน ภายใต้รัฐธรรมนูญที่กำลังจะสิ้นสุดฉบับนี้ว่า ข้าพเจ้าจะมุ่งมั่นให้สาธารณรัฐใหม่ได้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เหมาะสมกับยุคสมัย”

สาบานตนเป็นผู้นำเสร็จปุ๊บ ชาเวซก็ใช้สิทธิประธานาธิบดีออกกฎหมายให้มีการลงประชามติปั๊ป โดยถามประชาชนว่า ท่านเห็นด้วยกับการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่? ผลของการลงประชามติเมื่อ 15 ธันวาคม 2542 ประชาชนเห็นชอบร้อยละ 71 ของผู้มาใช้สิทธิ์

ประธานาธิบดีก่อนหน้าชาเวซทุกคนมาจากครอบครัวมีอันจะกิน ชาเวซเป็นคนแรกที่มาจากครอบครัวฐานะยากจนมาก แกจึงแนะนำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีความก้าวหน้าสูง ปกป้องสิทธิและประโยชน์ของประชาชนมากกว่ารัฐธรรมนูญฉบับเก่า

รัฐธรรมนูญของเวเนซุเอลาสมัยนั้นน่าสนใจครับ บางมาตราเขียนว่าเวเนซุเอลาเป็นรัฐที่ยึดสังคมและประชาธิปไตยเป็นพื้นฐานทางกฎหมาย มาตรานี้ยังเขียนถึงความยุติธรรม เสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน ความสมานฉันท์ ความรับผิดชอบต่อสังคม ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน จริยธรรม และความแตกต่างทางการเมือง

บางมาตรากำหนดถึงภาษา แม้ว่าสเปนจะเป็นภาษาราชการ แต่ก็ต้องเอาภาษาของชนกลุ่มน้อยในท้องถิ่นนั้นๆ เป็นภาษาราชการในเขตนั้นไปด้วย ในฐานะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและของมนุษย์ บางมาตราเขียนว่า ห้ามนำตำแหน่งและยศฐาบรรดาศักดิ์มาเป็นข้ออ้างเพื่ออภิสิทธิ์ หรือเรียกร้องการปฏิบัติที่ไม่เหมือนกับคนอื่นทั่วไป บางมาตราเขียนถึงรัฐต้องสอบสวนและลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ฯลฯ

ได้รัฐธรรมนูญใหม่แล้ว ก็จึงต้องมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีกันใหม่ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีใน พ.ศ.2543 ชาเวซชนะด้วยคะแนนร้อยละ 56.2 กลุ่มพวกที่เคยทำรัฐประหารด้วยกันกับชาเวซก็ได้ความนิยมเพิ่มขึ้น ได้ชัยชนะในการเลือกผู้ว่าการรัฐจากเดิม14รัฐเพิ่มขึ้นมาเป็น 23 รัฐ สมาชิกรัฐสภาก็ได้เพิ่มขึ้นจนครองเสียงข้างมาก

ความที่ชาเวซเป็นห่วงเป็นใยแต่คนจน พวกทหาร ศาล และนักธุรกิจนายทุนที่มีภูมิหลังมาจากครอบครัวร่ำรวยยอมรับไม่ได้ จึงวางแผนโค่นชาเวซด้วยการไปจ้างพวกหัวหน้าแรงงานให้หยุดงานประท้วง ให้นักศึกษาออกมาเดินขบวนสนับสนุนการหยุดงานของคนงาน และส่งมือที่สามเข้าไปเพื่อให้มีการยิงผู้ประท้วงตาย

พอมีคนตาย ทุกอย่างก็เป็นไปตามพล็อตที่วางกันไว้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็มาออกรายการโทรทัศน์ แล้วก็พูดว่า

“…ประชาชนตาย เพราะรัฐบาลไม่สามารถเจรจากับผู้ประท้วงได้ ที่ผมทำอยู่นี่ไม่ใช่การรัฐประหารนะครับ แต่เป็นการแสดงจุดยืนที่เป็น อันหนึ่งอันเดียวกันกับประชาชน”

“ท่านประธานาธิบดีครับ ผมจงรักภักดีต่อท่านมากจริงๆ แต่ (การที่มีคนตายและนี่ต้องถือว่าเป็น) การละเมิดสิทธิมนุษยชน ขอเรียนว่า ความตายของประชาชนนั้น ผมรับไม่ได้”

รับไม่ได้และเป็นยังไงต่อไป

ขอมารับใช้ต่อในวันพรุ่งนี้ครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

เวเนซุเอลาในวันนี้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 8 ส.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/683817

 

จันทร์วันนี้ 13.00-16.00 น. ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “การเตรียมความพร้อมของ อปท. เพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน” รับใช้นักบริหารงานช่าง รุ่น 66 จำนวน 90 คน ที่สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น จ.ปทุมธานี

สาธารณรัฐหนึ่งซึ่งผู้คนจำนวนมากเสียดายก็คือ เวเนซุเอลา จากประเทศที่มีเศรษฐกิจดี ร่ำรวยจากทรัพยากรน้ำมัน และเคยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีน้ำมันสำรองมากที่สุดในโลกเกือบ 3 แสนล้านบาร์เรล มีการคำนวณก่อนหน้านี้ว่า เวเนซุเอลาจะมีน้ำมันใช้ไปได้อีกนานถึง 300 ปี แต่จากการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพทำให้เวเนซุเอลาต้องนำเข้าน้ำมันดิบเป็นบางช่วง เมื่อบวกกับราคาน้ำมันที่ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เวเนซุเอลาในวันนี้กลายเป็นรัฐล้มเหลวทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง

คนเวเนซุเอลาเคยมีความภูมิใจที่มีอดีตประธานาธิบดีที่ชื่อว่า นายฮูโก ชาเวซ คนนี้เป็นผู้นำที่กล้ายืนโซ้ยกับสหรัฐฯ หมัดต่อหมัด และพูดโจมตีให้คนเวเนซุเอลาจำนวนมากไม่ชอบสหรัฐฯ แต่วันนี้ ไม่น่าเชื่อครับ เพียงแค่ครึ่งปีของ พ.ศ.2559 คนเวเนซุเอลายื่นคำขอลี้ภัยทางการเมืองไปสหรัฐฯ สูงถึงร้อยละ 168 เพิ่มมากกว่าเดิมถึง 3 เท่า เหตุผลส่วนใหญ่ในคำขอลี้ภัยก็เป็นเรื่องความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดมาจากเศรษฐกิจตกต่ำสินค้ามีราคาแพงและขาดตลาด การจี้ปล้นเกิดขึ้นทั่วทุกหัวระแหง จนต้องออกนอกประเทศ

นี่เป็นตัวอย่างของประเทศที่เอาไข่ใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว เมื่อตะกร้าตกกระทบพื้น ไข่แตกทั้งหมด ไม่เหลืออะไรไว้ให้ทาน เวเนซุเอลามีรายได้จากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 96 ของรายได้ของประเทศ

ตอนที่ยังไม่เจอน้ำมัน ผู้คนก็ยังทำไร่ไถนาในพื้นที่ของประเทศ 9 แสนตารางกิโลเมตร พื้นที่ของประเทศกว้างใหญ่ไพศาลกว่าไทยตั้งเยอะ แต่ประชากรมีเพียง 30 ล้าน เดิมคนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีผลผลิตทางการเกษตรที่ทำให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ไม่อดตาย แต่พอเจอน้ำมัน ผู้คนก็ละทิ้งเรือกสวนไร่นามาแออัดอยู่ตามเมืองใหญ่ รัฐบาลก็หาสตางค์มาอุดหนุนจุนเจือ

ตอนน้ำมันแพง รัฐบาลก็มีสตางค์ซื้อข้าวของเครื่องใช้จากต่างประเทศมาให้ผู้คนเวเนซุเอลาได้จับจ่ายใช้สอย แต่พอน้ำมันราคาถูก รัฐบาลก็ไม่มีสตางค์แล้วครับ คราวนี้ก็เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง เมื่อบวกกับระบบบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล ระบบการเงินการคลังก็พังทลาย บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายขายปลาช่อน

ตอนนี้ ตามชั้นวางของในซุปเปอร์มาร์เกตและห้างสรรพสินค้าแทบทุกแห่งไม่มีสินค้าเหลือเลย ผู้คนเรือนหมื่นจำนวนแสนต้องเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อซื้อของจำเป็นในแต่ละวันอย่างกรกฎาคมเดือนที่แล้ว คนหลายหมื่นเดินเท้าจากเมืองทาชิราของเวเนซุเอลาไปยังเมืองคูคูตาของโคลอมเบีย ไปซื้อของในซุปเปอร์มาร์เกต ซื้อเสร็จแล้วก็ข้ามกลับมาในประเทศตัวเอง พ่อค้าโคลอมเบียฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าในราคาสูงกว่าปกติหลายเท่า แต่ก็ยังราคาถูกกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับราคาสินค้าชนิดเดียวกันในเวเนซุเอลา ที่แม้ว่าราคาแพง แต่ก็ไม่มีสินค้าขายด้วย

ไม่ใช่เฉพาะมนุษย์เท่านั้นที่เดือดร้อน สวนสัตว์ทั่วเวเนซุเอลาตอนนี้ก็ถูกสั่งให้ลดหรืองดอาหาร สัตว์ต้องอดตาย อย่างสวนสัตว์คาริคาโอในกรุงการากัส สัตว์หายากตายไปแล้วมากกว่า 50 ตัว ใครจะนึกครับว่า เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ต้องไปหามะม่วงและฟักทองเอามาให้เสือสิงโตและหมีกิน ซึ่งไม่มีใครยืนยันนะครับว่าสัตว์พวกนี้กินมะม่วงและฟักทองหรือเปล่า แต่เท่าที่ทราบ ตอนนี้สัตว์ต่างๆ ก็เริ่มทยอยตายกันแล้ว

รัฐบาลปัจจุบันของเวเนซุเอลาก็ตะโกนก้องร้องบอกกับประชาชนทุกวันว่าที่ประเทศของเราเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะการไร้ฝีมือของผู้คนในรัฐบาล แต่เป็นเพราะพวกฝ่ายค้านที่ค้านทุกอย่างจนรัฐบาลทำงานไม่ได้

มองจากคนที่ติดตามถามข่าวของเวเนซุเอลามาอย่างต่อเนื่อง หายนะครั้งนี้ ไม่ใช่ฝ่ายค้านเริ่มก่อนดอกครับ แต่เริ่มจากความไม่เก่งของผู้คนในรัฐบาลเอง

เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ฝ่ายค้านก็เคลื่อนไหวล่ารายชื่อเพื่อเรียกร้องให้ทำประชามติถอดถอนนายนิโคลาส มาดูโร จากตำแหน่งประธานาธิบดี

นี่คือชะตากรรมของประเทศที่ได้รัฐบาลไม่เก่ง

ต้องระวังครับ.

“คุณนิติ นวรัตน์”
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

อย่าให้ไทยตกมาตรฐานโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 5 ส.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/681241

 

ผู้อ่านท่านถามว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 คุณลุ้นใคร?

ขอตอบอย่างไม่ปิดบังว่า ผมลุ้นฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครของพรรคเด็มโมแครต เหตุผลที่เชียร์อย่างแรกเลยก็คือ นางคลินตันสั่งสมประสบการณ์ด้วยการผ่านงานสำคัญระดับชาติและระดับโลกมาหลายประเภท ทั้งการเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง สมาชิกวุฒิสภา และรัฐมนตรีต่างประเทศ

อย่างที่สองก็คือ ความมุ่งมั่น เมื่อ 8 ปีที่แล้ว นางคลินตันลงแข่งขันเพื่อเป็นตัวแทนพรรคไปสมัครประธานาธิบดี เมื่อแพ้นายโอบามา เธอก็อดทนรอนานถึง 8 ปี และกระโจนเข้าไปรับใช้รัฐบาลของนายโอบามาในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศโดยไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์ว่าเป็นคู่แข่งเก่าที่เคยโจมตีห้ำหั่นกันมาบนเวทีหาเสียง

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในอดีตจะต้องเป็นชายผิวขาว จนเมื่อ 8 ปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาก็ได้ประธานาธิบดีผิวสีเป็นคนแรก นี่คือแนวโน้มใหม่ของโลกที่ควรจะเป็น ต้องไม่มีการแบ่งแยกผิวสี เพศ เชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อ ฯลฯ

หากนางคลินตันเป็นประธานาธิบดีในครั้งนี้ ก็เป็นสิ่งตอกย้ำว่าคนของชาติมหาอำนาจไม่แบ่งเพศแล้ว แม้ว่าจะมีข่าวตำรวจผิวขาวยิงคนผิวสีอยู่บ้างในสหรัฐฯก็ตาม แต่ถ้าตำแหน่งบริหารสูงสุดของประเทศทำเป็นตัวอย่างด้วยการไม่แบ่งเพศ ในอนาคตเรื่องการเลือกปฏิบัติก็จะจางไป

พรรคเด็มโมแครตไม่ใช่แต่เพียงพูด แต่ปฏิบัติให้เห็นด้วยการส่งผู้สมัครสตรีไปแข่งเป็นประธานาธิบดี

หรืออย่างเมื่อ 1 สิงหาคม 2559 รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน จากพรรคเด็มโมแครต ก็เป็นประธานจัดงานแต่งงานให้กับคู่เกย์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวในบ้านพักประจำตำแหน่งซึ่งอยู่ที่ศูนย์หอดูดาวกองทัพเรือสหรัฐฯ แถมยังทวีตแสดงความยินดี และแพทย์หญิงจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขสองของสหรัฐฯ ก็ยังทวีตข้อความว่า รักคือรัก

การเป็นประธานาธิบดีของนายโอบามา+การได้เป็นตัวแทนพรรคเด็มโมแครตไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของนางคลินตัน+การเป็นประธานงานแต่งงานคู่เกย์ของรองประธานาธิบดีไบเดน ฯลฯ ทำให้ผมชื่นชมพรรคเด็มโมแครตและเชียร์นางคลินตันอย่างออกหน้าออกตา ให้ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ

แต่ละวัน ผมได้รับอีเมลสอบถามทัศนคติเยอะ หลักใหญ่ใจความของคำตอบของผมก็คือ ผมยึดมาตรฐานสากลของการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และการปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มใหม่ของโลก อย่างเช่น เรื่องความเท่าเทียมกันของมนุษย์ สิทธิมนุษยชน ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร สิ่งแวดล้อม ฯลฯ

ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ปราศรัยแต่เรื่องแสวงหาอำนาจ ว่าจะให้สหรัฐฯมีอำนาจเหนือกว่าประเทศอื่น และกีดกันผู้คนที่นับถือศาสนาอิสลาม แต่นางคลินตันกลับปราศรัยว่า “เราจะไม่แบนศาสนาใดศาสนาหนึ่ง เราจะร่วมมือกับชาวอเมริกันทุกคน และพันธมิตรของเราเพื่อต่อสู้และเอาชนะการก่อการร้าย”

ผมชอบนักการเมืองจากพรรคเด็มโมแครตในเรื่องความเท่าเทียมกันของมนุษย์ ถ้าติดตามการปราศรัยหาเสียงของนางคลินตัน จะพบว่าหลายครั้งที่เธอพูดว่า “การกีดกันแรงงานต่างด้าวที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม การปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมืองอย่างครอบคลุมจะช่วยสร้างการเติบโตและเศรษฐกิจของเรา และทำให้ครอบครัวอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา และนั่นคือสิ่งถูกต้องที่ควรจะทำ”

ที่ประทับใจที่สุดก็คือ คำพูดของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคนผิวสี นางมิเชล โอบามา ที่เธอพูดว่า…

“ทุกเช้า ฉันลืมตาขึ้นมาในบ้านที่สร้างจากแรงงานทาส ฉันมองลูกสาวทั้งสองที่น่ารักและฉลาด ซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงผิวดำที่กำลังเล่นกับสุนัขในสวนของทำเนียบขาว”

“ฮิลลารี คลินตันทำให้ลูกสาวของฉันและลูกหลานของพวกเราเข้าใจโดยทั่วกันว่า ผู้หญิงก็สามารถเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาได้”

ประเทศไทยของเราก็เช่นกันครับ วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป เราต้องช่วยกันคนละไม้ คนละมือ พยายามปรับมาตรฐานประเทศของเราให้เป็น “สากล” โดยที่ไม่ลืมรากฐานจิตวิญญาณดั้งเดิมของบรรพบุรุษ อย่างที่ผมเคยเรียนรับใช้ว่า “วิญญาณไทย ใจสากล ตัวตนเทคโนโลยี” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองการปกครอง การศึกษา เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ

ทุกเวลานาทีที่ประเทศของเรากระดิกพลิกตัวเคลื่อนไปข้างหน้า เราต้องอย่าให้ประเทศของเราตก “มาตรฐานโลก” ครับ.

“คุณนิติ นวรัตน์”
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand