รัฐประหารตุรกี (1)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 21 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/667914

 

นายเออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี พูดว่าคนบงการรัฐประหาร 15 กรกฎาคม 2559 คือนายเฟตฮุลเลาะห์ กูเลน ผู้ก่อตั้งขบวนการฮิตเม็ต ซึ่งขณะนี้ลี้ภัยอยู่ในเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา

เมษายน 2559 ขบวนการฮิตเม็ตเชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ไปออสเตรเลีย พ่อผมทำวีซ่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เจรจาเลื่อนงานบรรยายไม่ได้ จึงงดเดินทาง

พฤษภาคม 2559 ขบวนการฮิตเม็ตเชิญพ่อไปเยือนโรงเรียนในเยอรมนี เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ ไปเยือนแล้ว พ่อก็เอาภาพและเรื่องมาทำสารคดีแพร่ภาพในรายการเปิดเลนส์ส่องโลก และ World Beyond เดินทางสร้างชาติ ทางช่อง 3 จำนวน 4 ตอน

7 วันก่อนวันรัฐประหาร ผู้ใหญ่ขบวนการฮิตเม็ต 4 คน เชิญพ่อไปทานอาหารที่ Eatdustry Cafe เลขที่ 555/55 สุขุมวิท 55 ซึ่งเจ้าของร้านเป็นชาวตุรกีที่สำเร็จการศึกษามาจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด นั่งสนทนากันนานถึง 4 ชั่วโมง 15 นาที

กลับมาจากทานอาหาร พ่อเปรยกับพวกเราว่า น่าจะเกิดเรื่องใหญ่ในตุรกี ดูแล้วผู้คนในตุรกีกำลังจะเล่นกันแรง มีการปั้นเรื่องเท็จขึ้นมากล่าวหาพวกฮิตเม็ตมากขึ้น

รัฐประหารเกิดขึ้นในราตรีของ 15 กรกฎาคม พอถึงเช้าตรู่วันที่ 16 กรกฎาคม คนของประธานาธิบดีเออร์โดกันก็ออกเสียงตามสายและใช้สื่อโซเชียลเรียกร้องให้คนออกมาต่อต้านรัฐประหาร ในช่วงที่ชุลมุนชุลเกกันอยู่นั้น ตรงกับช่วงที่พ่อพาคณะ 15 คน ไปกัมพูชาเพื่อสำรวจกรุงหริหราลัยที่เพิ่งค้นพบ อยู่ในป่าบนเทือกเขามเหนทรบรรพต ที่นั่นไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ผมจึงต้องรอข้อมูลจนพ่อกลับมาถึงเมืองไทยในตอนดึกของวันจันทร์

แม้ว่าจะดึกแล้ว แต่พ่อก็โทร.ชวนผู้ใหญ่ 2 ท่านให้มานั่งสนทนากันที่บ้านลาดกระบัง คุยกันอยู่นานจนเข็มนาฬิกาชี้ว่าตี 2 หนึ่งในสองของชาวตุรกีที่มานั้น เป็นผู้เจรจากับรัฐมนตรีศึกษาธิการเอธิโอเปียว่าอย่าปิดโรงเรียน ผู้นำรัฐบาลตุรกีเคยไปเยือนเอธิโอเปีย 2 รอบ เพื่อขอให้ปิดโรงเรียนของขบวนการฮิตเม็ตในเอธิโอเปีย แม้แต่ประธานาธิบดีปูตินเองก็ได้รับการขอร้องให้ช่วยปิดโรงเรียนในรัสเซียที่ขบวนการฮิตเม็ตสนับสนุน แต่ทุกท่านปฏิเสธ

ขณะที่เขียนต้นฉบับของวันนี้ ก็มีข่าวอันน่าเศร้าว่า มีคนไปเผาโรงเรียนที่ขบวนการฮิตเม็ตสนับสนุนในอังการา ในอิสตันบูล และในอีกมากมายหลายเมือง

ประธานาธิบดีเออร์โดกันก็ขอให้สหรัฐฯส่งตัวผู้ก่อตั้งขบวนการฮิตเม็ตกลับประเทศ นายจอห์น เคร์รี รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ให้ข้อมูลว่า ตนเคยขอให้นายคาวูโซกลู รมว.ต่างประเทศตุรกี ส่งหลักฐานความผิดของนายกูเลนมาให้รัฐบาลสหรัฐฯหน่อย แต่รัฐบาลตุรกีของนายเออร์โดกันไม่เคยส่งให้เลย มีแต่ข้อกล่าวหาลอยๆ

นอกจากรัฐบาลของนายเออร์โดกันแล้ว ในตุรกียังมี “รัฐบาลที่มองไม่เห็น” ผู้คนจำนวนไม่น้อยให้ความเคารพรักศรัทธาผู้นำรัฐบาลที่มองไม่เห็นนี้มาก

ผู้คนที่ศรัทธารัฐบาลที่มองไม่เห็นมีอยู่ในทุกหน่วยงาน ในกองทัพบก เรือ อากาศ และตำรวจในศาล ในรัฐสภา ในการปกครองท้องถิ่น (ผู้ว่าราชการและนายกเทศมนตรี) สถาบันศาสนา สถาบันการศึกษา และโยงใยไปจนถึงผู้คนในอีกเกือบ 200 ชาติรัฐทั่วโลก

หลายปีที่ผ่านมา นายเออร์โดกันประสบความสำเร็จในการย้ายและกำจัดตำรวจบางหน่วย สื่อตรงข้าม คนในรัฐบาลท้องถิ่น สถาบันการศึกษา และสถาบันศาสนา

แต่ยังไม่มีความชอบธรรมในการย้ายทหารและศาล

สิงหาคม 2559 จะถึงกำหนดแต่งตั้งโยกย้ายในกองทัพประจำปี ตำแหน่งที่นายเออร์โดกันอยากจะย้ายคือทหารราว 7,000 นาย ที่นายเออร์โดกันเชื่อว่าเป็นคนของฮิตเม็ต แต่ด้วยในความเป็นจริงแล้ว นายเออร์โดกันย้ายทหารได้ไม่เกิน 100 นาย เพราะพวกนายพลตัวใหญ่ๆ ไม่ได้ขยับไปไหน ย้ายโดยไม่มีความผิดก็ไม่ได้ นายทหารพวกนี้จึงเป็นก้างขวางคอนายเออร์โดกัน ไม่ให้กำจัดรัฐบาลที่มองไม่เห็น ที่นายเออร์โดกันชอบเรียกว่า รัฐบาลคู่ขนาน

ผมนึกเอาเองนะครับว่า ไอ้ปื๊ดอาจจะวางพล็อตให้มีการปฏิวัติรัฐประหาร แล้วก็ใช้พลังประชาชนจัดการกับพวกปฏิวัติรัฐประหาร คราวนี้ปลดทหารฝ่ายตรงข้ามได้เลย แถมยังสามารถตามไปปลดผู้คนในขบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ตำรวจและศาลได้ตามใจชอบ

มีคนสงสัยว่า นายเออร์โดกันวางแผนทำรัฐประหาร เพื่อให้ความผิดไหลไปสู่พวกตำรวจ ทหาร และศาล ที่ตัวเองกำลังหาความชอบธรรมในการกำจัดหรือเปล่า?

พรุ่งนี้ ขอกลับมารับใช้กันต่อครับ สำหรับวันนี้ นิทราราตรีสวัสดิ์ พบกันใหม่ในวันพรุ่งนี้ครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

สหรัฐฯหาเรื่องล็อกเงินอิหร่าน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 20 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/667326

 

นายจอร์จ เดเนียลส์ ผู้พิพากษาแห่งศาลแขวงของสหรัฐฯ ในนครนิวยอร์ก ตัดสินให้รัฐบาลอิหร่านจ่ายเงิน 7.5 พันล้านเหรียญให้ครอบครัวของเหยื่อในเหตุการณ์ 9/11 อีก 2 ล้านเหรียญเป็นค่าเสียหายในที่ดิน อีก 6.88 ล้านเหรียญเป็นค่าเสียหายเพื่อการลงโทษ และอีก 3 พันล้านเหรียญให้กับบริษัทประกันภัยที่ได้จ่ายค่าเสียหายไปแล้ว

เหตุการณ์ 9/11 เกิดเมื่อ พ.ศ.2544 จนถึงปัจจุบันทุกวันนี้ก็ 15 ปีแล้วครับ ศาลเพิ่งมาตัดสินใน พ.ศ.2559 ขอเรียนนะครับ ไม่ว่าจะหลักฐานจากหน่วยงานใดๆ การโจมตีตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ และอาคารสำนักงานใหญ่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ทำโดยขบวนการอัลกออิดะห์ ไม่มีพลเมืองอิหร่านอยู่ด้วยเลย ผู้กระทำการทั้ง 15 คน เป็นพลเมืองซาอุดีอาระเบีย 2 คน เป็นพลเมืองสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อีก 2 คน เป็นพลเมืองอียิปต์และเลบานอน

จะฟ้องร้องกันจริงๆ ก็ต้องฟ้องผู้ก่อการ หรือครอบครัวของผู้ก่อการ แต่ถ้าจะดึงชาติรัฐลงมาเล่น ก็น่าจะเป็นซาอุดีอาระเบียมากกว่าชาติอื่น เคยมีคนไปร้องว่า ซาอุดีอาระเบียสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ให้พวกผู้ก่อการ ทนายความของซาอุฯ แย้งว่า ศาลไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างซาอุดีอาระเบียกับเหตุการณ์ 9/11 ผู้พิพากษาเดเนียลส์คนที่ว่าก็ปฏิเสธคำร้องและตัดสินว่าซาอุดีอาระเบียไม่เกี่ยว ซาอุฯมีภูมิคุ้มกันทางอธิปไตย

ไม่ต้องเป็นคนที่รู้กฎหมายดอกครับ แม้แต่เราๆ ท่านๆ ที่เป็นคนธรรมดาสามัญ แต่ติดตามข่าวระหว่างประเทศมาบ้าง ใช้สมองข้างเดียวคิดก็พอทำนายทายออกว่า ที่ศาลตัดสินอย่างนี้ ก็เพราะซาอุดีอาระเบียซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯมากที่สุด ขายน้ำมันให้กับสหรัฐฯ และเป็นประเทศที่ยอมให้มีฐานทัพสหรัฐฯอยู่ในประเทศตนเอง

อิหร่านไม่เคยถูกพาดพิงว่าเกี่ยวดองหนองยุ่งกับเหตุการณ์ 9/11 แม้แต่ครั้งเดียว แต่มีพวกผู้ก่อการเดินทางเข้าอิหร่านและก็อิหร่านไม่ได้ประทับตราที่หนังสือเดินทาง ที่สหรัฐฯโยงก็คือโยงว่า กองกำลังฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอนให้คำแนะนำและฝึกสมาชิกของกลุ่มอัลกออิดะห์ กองกำลังนี้ได้รับการหนุนจากอิหร่าน ศาลสหรัฐฯจึงให้อิหร่านบินมาแก้ต่าง

อิหร่านบอกว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลย อยู่ดีๆก็มาโยง

อิหร่านเข้าไป ทำอย่างนี้มันอันธพาล อิหร่านจะไปทำไม พออิหร่านไม่สนใจคำกล่าวหาบ้าๆ บอๆ นี้ ผู้พิพากษาเดเนียลส์ก็จึงบอกว่า อิหร่านล้มเหลวในการแก้ต่างให้กับตนเองตามข้อกล่าวหาว่ามีส่วนในเหตุการณ์ 9/11 จึงตัดสินอย่างที่ผมเรียนไปแล้ว

การไม่ได้ประทับตราลงในหนังสือเดินทางเป็นการปฏิบัติของหลายประเทศนะครับ อย่างเมื่อก่อน ใครเข้าออกสหภาพโซเวียตและอีกหลายประเทศในค่ายคอมมิวนิสต์ วีซ่าจะเป็นใบที่แยกออกมาต่างหาก การประทับตราก็ประทับลงไปบนกระดาษวีซ่าที่แยกออกมาแผ่นนั้น เรื่องนี้เป็นการปฏิบัติธรรมดาที่รู้กันทั้งโลก เพียงแต่สหรัฐฯเฉไฉเพื่อจะลากอิหร่านขึ้นศาล เมื่อคำตัดสินออกมาแล้ว อิหร่านไม่ปฏิบัติตามก็กลายเป็นเหยื่อที่สหรัฐฯจะใช้เป็นความชอบธรรมในการแกล้งอิหร่านในเรื่องต่างๆได้ต่อไปในอนาคต

สหรัฐฯเคยยึดเงินอิหร่านไว้เป็นจำนวนมาก และเมื่อต้องยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่านเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ ก็มีความจำเป็นต้องยกเลิกการอายัติเงินของอิหร่านด้วย อิหร่านจะกลับไปถอนเงินของตัวเองออกมาใช้เมื่อใดก็ได้ และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ศาลตัดสินให้อิหร่านชดใช้ค่าเสียหายในเหตุการณ์ที่ตัวเองไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ เมื่ออิหร่านไม่ใช้ สหรัฐฯก็ถือเป็นสาเหตุในการยึดเงินของอิหร่านเอาไว้ใช้เอง

อิหร่านเสียเปรียบ จะไปร้องแรกแหกกระเชอกับศาลที่ไหนก็ไม่ได้ เพราะศาลนานาประเทศแต่ละแห่งก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลสหรัฐฯทั้งนั้น

ถึงแม้ว่าศาลจะมีคำพิพากษาออกมาอย่างไร สหรัฐฯไม่ทำตามซะอย่าง ก็ไม่มีใครทำอะไรสหรัฐฯได้

เหตุการณ์อย่างนี้ก็เกิดขึ้นในหลายประเทศในทวีปแอฟริกานะครับ ที่รัฐบาลโยนข้อหาที่ไม่เป็นความจริงให้กับฝ่ายตรงข้าม เป็นการเขี่ยลูกฟุตบอลไปให้ศาลออกคำพิพากษา โดยเฉพาะพวกฝ่ายตรงข้ามที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนมากๆ ทำให้คนดีๆ ที่ประชาชนรักจำนวนไม่น้อยหมดโอกาสที่จะเข้ามาบริหารประเทศ เพราะต้องติดคุกหรือไม่ก็ต้องหนีไปอยู่ประเทศอื่น

ในโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริงดอกครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

ดูเตอร์เตด่าสหรัฐฯ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 19 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/666479

 

16-20 กรกฎาคม 2559 มีงานของเครือข่ายเยาวชนพัฒนาบ้านเกิด (PSS) ที่โรงเรียนบ้านสาคร ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ในงานมีกิจกรรมเยอะ พุธพรุ่งนี้ 09.00-11.00 น. ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ จะไปพูด “การศึกษาในโลกเสรีอาเซียนกับการสร้างสังคมให้เข้มแข็ง” ท่านใดอยู่นราธิวาสเชิญเข้าฟังได้ครับ

คนฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก แต่ประธานาธิบดีดูเตอร์เตก็เดินทางไปร่วมงานกับชาวฟิลิปปินส์ทุกศาสนา ในงานอีดิล ฟิตรีของมุสลิม ที่เมืองดาเวา ทานอาหารเสร็จ นายดูเตอร์เตก็จับไมค์ขึ้นพูด ทุกประโยคไม่มีอ้อมค้อม ไม่กำกวม ไม่ต้องตีความ เช่น สหรัฐฯนำเข้าการก่อการร้ายในตะวันออกกลางผ่านการแทรกแซง ไม่ว่าจะเป็นที่อิรัก ซีเรีย และลิเบีย ไม่ใช่ตะวันออก กลางที่ส่งออกผู้ก่อการร้ายไปสหรัฐฯ

นายดูเตอร์เตพูดต่อ “สหรัฐฯกับอังกฤษสร้างภาพว่าซัดดัม ฮุสเซน เป็นเผด็จการ เพื่อสร้างความชอบธรรมที่จะบุกอิรักใน พ.ศ. 2546 หลังจากสอบสวนกันมานานเกือบสิบปี ก็ไม่มีกฎหมายอะไรเลยที่อนุญาตให้ไปทำสงครามกับอิรักได้ ท่านเห็นไหม? เป็นสงครามที่ไร้ประโยชน์ พวกท่านมองไปที่อิรักตอนนี้ซี มองดูว่าอะไรเกิดขึ้นกับลิเบีย กับซีเรีย”

ผู้อ่านท่านคงทราบนะครับ ฟิลิปปินส์ทางตอนใต้มีปัญหาจากแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติโมโร ซึ่งเป็นแนวร่วมของกลุ่มมุสลิม ปัญหานี้มีมายาวนานต่อเนื่องหลายสิบปี จนถึง พ.ศ.2557 มีการลงนามในข้อตกลงกำหนดเขตปกครองตนเอง แต่ดูเหมือนในทางปฏิบัติก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า คำปราศรัยของนายดูเตอร์เตในงานอีดิล ฟิตรี เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้ใจมุสลิมเยอะครับ นายดูเตอร์เตขอให้ผู้นำกลุ่มต่างๆ ในแนวร่วมมาสนใจสันติภาพ มาสร้างสันติภาพและความเข้าใจร่วมกัน แกพูดตรงไปตรงมาว่า สันติภาพและความเข้าใจซึ่งกันและกันไม่มีทางเกิดขึ้นได้แค่ช่วงข้ามคืน แกบอกว่ายังไม่มาถึงปีหน้า อีกสองหรือสามปีต่อจากนี้สันติภาพอาจจะมาถึงหรือไม่มาถึงก็ได้ แต่แกสัญญาว่าจะทำให้ได้ก่อนพ้นวาระ

“ผมจะไม่เรียกกลุ่มอาบูไซยาฟว่าเป็นอาชญากร เพราะพวกเขาถูกผลักไปสู่ความสิ้นหวัง”

ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาเรียก อาบูไซยาฟว่าเป็นโจร เป็นขบวนการก่อการร้าย เป็นกบฏ เพราะพวกนี้ชอบลักพาตัว และชอบลอบสังหาร รัฐบาลก็ต่อสู้กันมานานหลายสิบปี เมื่อเมษายน 2559 กลุ่มอาบูไซยาฟร่วมกันสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อไอเอส

ถ้านายดูเตอร์เตแก้ปัญหาแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติโมโรไม่ได้ การปฏิบัติการของอาบูไซยาฟจะรุนแรงมากกว่าในห้วงของทุกรัฐบาลที่ผ่านมา

พฤติกรรมและลักษณะนิสัยของนายดูเตอร์เตดูยากนะครับ ว่าจะทำให้ฟิลิปปินส์รุ่งเรืองเฟื่องฟุ้ง เป็นประเทศพุ่งกระฉูดส่งตูดจัมโบ้หรือจะเป็นประเทศตกต่ำมีปัญหาสารพัด หลายคนวิเคราะห์ว่านายดูเตอร์เตเอาอยู่ เพราะแกเป็นผู้นำฟิลิปปินส์ที่ไม่ได้มาจากชนชั้นสูงอย่างเช่นผู้นำก่อนหน้านี้คนอื่นๆ ผู้นำเหล่านั้นไม่เคยผ่านความทุกข์ยากลำบาก ส่วนมากเป็นลูกคุณหนู เกิดมาในครอบครัวคหบดีที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์ศฤงคาร จึงไม่เข้าใจและสื่อสารกับคนฟิลิปปินส์รากหญ้าไม่เป็น

แต่ดูเตอร์เตไม่ใช่ แกเป็นแค่นายกเทศมนตรีที่ปากไม่ดีเอาซะด้วย แต่พูดจาออกมาจากใจ ไม่ต้องมีคนมาแปลหรือตีความให้ยุ่งยาก เป็นที่ถูกอกถูกใจและสื่อสารกับคนรากหญ้าได้อย่างตรงไปตรงมา ผู้นำคนอื่นไม่มีใครกล้าพูดความจริงเรื่องสหรัฐฯกับปัญหาตะวันออกกลาง แต่ดูเตอร์เตพูดอย่างไม่สนใจมหาอำนาจ แกจึงได้คะแนนจากมุสลิมฟิลิปปินส์และมุสลิมจากทั่วโลกเต็มๆ สิ่งนี้อาจจะทำให้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ของฟิลิปปินส์ลดน้อยถอยลงไป หรืออาจจะหมดไปเลยก็ได้ครับ

แนวโน้มของโลกเราสมัยนี้ ดูเหมือนไม่ต้องการผู้นำประเภทผู้ดีเท้าแดงตะแคงเท้าเดินอีกแล้ว แต่ต้องการผู้นำที่ปากกับใจตรงกัน พูดตรงและแรง ใช้ภาษาบ้านๆ สื่อสารกับประชาชนก็ได้คะแนน แม้แต่ที่สหรัฐฯเอง ผู้อ่านท่านดูโดนัลด์ ทรัมป์เถิด ที่รัสเซียก็เหมือนกัน นายวลาดิมีร์ ปูติน ถึงแม้จะเป็นคนพูดน้อย แต่ถึงคราวพูดก็ไม่เกรงใจใครเหมือนกัน

ฟิลิปปินส์เป็นลูกน้องสหรัฐฯมายาวนาน

นายดูเตอร์เตเป็นผู้นำคนแรกที่กล้าด่าสหรัฐฯ

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

ฝรั่งเศสโดนโจมตีบ่อย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 18 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/665757

 

คณะของพ่อเดินทางออกจากกรุงหริหราลัย เทือกเขามเหนทรบรรพตตอนเที่ยงของวันนี้ เพื่อออกมาเตรียมทีมไปดูไร่และธุรกิจกาแฟที่เอธิโอเปีย จากนั้นก็จะเตรียมทีมไปเยือนเหมืองเพชรที่รัสเซีย ซึ่งทุกการเดินทาง ผู้อ่านท่านสามารถร่วมคณะถ่ายทำได้ครับ

ขอแสดงความเสียใจต่อสาธารณรัฐฝรั่งเศส ที่สูญเสียประชาชนกว่า 80 คน ในงานฉลองวันชาติที่เมืองนีซ เมื่อ 14 กรกฎาคม 2559 ที่ถูกผู้ก่อการร้ายโจมตีด้วยการขับรถไปบนถนนเดส ซ็องเกรส์ ด้วยความเร็วสูง แล่นฝ่าฝูงชนลากไปเป็นระยะทางกว่า 100 เมตร

ฝรั่งเศสนี่โดนตลอด ท่านยังจำเหตุการณ์เมื่อ 7 มกราคม 2558 ได้ไหมครับ? ที่มีคนเข้าไปโจมตีสำนักงานของชาลี แอบโดในกรุงปารีส เข้าไปได้แล้วก็เรียกชื่อพนักงานและฆ่าเป็นรายคน จากนั้นก็ตะโกนว่า “เราได้แก้แค้นแทนศาสดา เราได้ฆ่าชาลี แอบโดแล้ว” พอถึง 9 กรกฎาคม 2558 ก็มีการบุกยิงในมงรูฌ และการบุกยึดที่ปอร์ตเดอแว็งแซน

13-14 พฤศจิกายน 2558 นักรบ 7 คน โจมตีกรุงปารีสและย่านแซ็งเดอนี ทำให้มีคนตายไป 153 คน บาดเจ็บ 352 คน ไอเอสออกมาอ้างความรับผิดชอบว่า ทำไปเพื่อตอบโต้ที่ฝรั่งเศสเข้าไปยุ่งสงครามกลางเมืองซีเรีย และสงครามกลางเมืองอิรัก

ฝรั่งเศสเป็นประเทศหนึ่งซึ่งดำเนินนโยบายต่างประเทศด้วยการชอบไปจุ้นจ้านในสงครามและความขัดแย้งในประเทศอื่น เช่นเมื่อกรกฎาคม 2559 ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ส่งทหารและเรือบรรทุกเครื่องบินไปตะวันออกกลาง ภายใต้ปฏิบัติการ Operation Chammal นายออลลองด์พูดท้าทายไว้ก่อนด้วยว่า ข้าพเจ้าจะส่งทหารและเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าไป ก็เพื่อจะตอบโต้พวกที่โจมตีฝรั่งเศสเมื่อมกราคมและพฤศจิกายนปีก่อน

เมื่อไปถึงสถานที่ปฏิบัติการจริง ไอ้ปื๊ดที่ฝรั่งเศสจะไปแก้แค้นก็มุดดินกันไปหมดแล้ว จึงไม่รู้จะไปแก้แค้นกับใคร สุดท้ายก็ต้องไปทำกับกลุ่มคนท้องถิ่นที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่

ผิดกับพวกนักรบที่จะมาแก้แค้นฝรั่งเศส พวกนี้มาแบบเงียบเชียบ ฆ่าคนฝรั่งเศสแล้ว จึงค่อยออกมาตะโกนโพนทะนาหยามหยัน

ผู้อ่านท่านกรุณาอย่าคิดว่า ไอเอสเป็นเรื่องไกลไทย พลตำรวจเอกคาลิด อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ออกมายอมรับแล้วนะครับ ว่าไอเอสโจมตีมาเลเซียได้สำเร็จเป็นครั้งแรกแล้วเมื่อ 28 มิถุนายน 2559 โดยโจมตีไนต์คลับในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ขณะที่ลูกค้ากำลังนั่งชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 คู่ระหว่างสเปนกับอิตาลี การโจมตีครั้งนี้เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของมูฮัมหมัด วันน์ดี โมฮัมเหม็ด เจดี นักรบไอซิสชาวมาเลเซีย ซึ่งขณะนี้พำนักพักอาศัยอยู่ในซีเรีย

ผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซียจับผู้ต้องหาได้ 15 คน ทั้งคนปาระเบิดและจับตำรวจอีก 2 นาย ตำรวจนายแรกโดนจับในข้อหาปิดบังข้อมูลเกี่ยวกับไอเอส ตำรวจนายที่สองโดนเรื่องระดมทุนให้ไอเอส ดูเอาเถิดครับ แม้แต่ตำรวจก็ยังเป็นเครือข่ายของไอเอส

ตั้งแต่ไอเอสประกาศก่อตั้งรัฐอิสลามในอิรักเมื่อ พ.ศ. 2557 ตำรวจขวางการโจมตีของกลุ่มไอเอสในมาเลเซียสำเร็จมาแล้ว 9 ครั้ง มาครั้งล่าสุดนี่ ขัดขวางไม่สำเร็จ ขณะนี้มีหลายประเทศยอมรับแล้วครับว่า กลุ่มไอเอสได้เข้ามาปฏิบัติการอยู่ในประเทศของตนแล้ว แต่บางประเทศก็ปิดกันน่าดู เพราะไม่อยากให้กระทบการท่องเที่ยวและการลงทุน

นโยบายของรัฐที่ปฏิบัติต่อ “ศาสนิกของบางศาสนาในประเทศ” จำเป็นต้องใช้ความรู้สากล ไม่เช่นนั้นวุ่นวายแน่ ในมือของผมขณะนี้ เป็นสำเนาเอกสารตราครุฑที่ กษ 0615/18246 กรมปศุสัตว์ ลง 7 กรกฎาคม 2559 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์แจ้งหนังสือถึงอิหม่ามประจำมัสยิดทั่วประเทศ เรียน จุฬาราชมนตรี ลงนามโดยอธิบดีกรมปศุสัตว์

หนังสือกล่าวถึง พ.ร.บ.ควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2535 ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการโรงฆ่าสัตว์ ว่าต้องขอใบอนุญาตตั้งโรงฆ่าสัตว์ และการฆ่าสัตว์ (ฆจส.2) เพื่อดำเนินกิจการให้ถูกต้องตามกฎหมาย มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี

เหมือนกับว่า การเชือดกุรบานเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหรือเปล่า?

การเชือดกุรบานทำกันในประเทศมุสลิมทั่วโลก เป็นประเพณีหรือวัฒนธรรมที่บังคับ (วาญิบ) เนื้อที่ได้จากการเชือด ก็นำไปแจกคนยากจน ไม่ได้นำไปขาย

หนังสือราชการบางฉบับอาจทำให้ผู้คนสับสนและอาจจะถูกนำไปบิดเบือน จนนำอันตรายมาสู่ประเทศไทยของเราได้

ควรอธิบายให้คนทั้งโลกเข้าใจก่อนจะสายไปด้วยครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

ละครตลก หรือหนังบู๊ล้างผลาญ?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 15 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/663554

 

วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันจันทร์ ทีมงานเปิดเลนส์ส่องโลกที่นำโดย ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ จะไปสำรวจกรุงหริหราลัยเป็นครั้งที่ 3 ท่ามกลางฝนตกหนักบนเทือกเขามเหนทรบรรพต ท่านที่ร่วมเดินทางไปด้วยต้องเตรียมตัวอยู่ในเมืองโบราณพันกว่าปีในสภาวะฝนตกฟ้าคะนอง ในห้วงช่วง 3 วันนี้ ท่านจะต้องอยู่ในบรรยากาศเก่าแก่พันกว่าปีของแท้นะครับ

ที่เราเฝ้ารอกันมานานหลายปี ก็มีคำพิพากษาของศาลอนุญาโต ตุลาการถาวร เมื่อ 12 กรกฎาคม 2559 ออกมาเรียบร้อยแล้วนะครับ สรุปว่า จีนไม่มีสิทธิ์ในทะเลจีนใต้มากตามตัวเองอ้างไว้

นี่เป็นครั้งแรก ที่มีการขอให้ศาลระหว่างประเทศชี้ขาดปัญหาทะเลจีนใต้

แม้ว่าศาลอนุญาโตตุลาการถาวรจะไม่มีอำนาจบังคับให้จีนต้องปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใด แต่ก็ต้องถือว่า นี่เป็นชัยชนะของฟิลิปปินส์ที่เอากฎหมายระหว่างประเทศมาจัดการปัญหาความขัดแย้ง เปิดฟ้าส่องโลกขอทำนายทายทักไว้เลยนะครับ ว่าประเทศต่อไปที่จะใช้เครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศมาซัดกับจีนก็น่าจะเป็นเวียดนาม มาเลเซีย บรูไน และไต้หวัน และหลังจากนั้น ความเสื่อมของสถาบันกฎหมายระหว่างประเทศก็คงจะเกิดขึ้น

เสื่อมเพราะคำตัดสินทำอะไรจีนไม่ได้ จีนปฏิเสธตั้งแต่แรกแล้วว่า จะไม่เข้าร่วมการไต่สวนของศาลอนุญาโตตุลาการถาวร แถมยังวิจารณ์ว่า ไอ้นี่มันแค่เป็นละครตลก และตอนนี้ประชาชนคนทั้งโลกก็รับรู้แล้วว่า คำตัดสินของศาลระดับโลกนั้น มีผลเฉพาะกับชาติเล็กประเทศน้อย ส่วนชาติใหญ่ ไม่มีใครสามารถชี้นิ้วบังคับให้ปฏิบัติตามผลของศาลได้

ผมว่าจีนจะต้องตอบโต้คำพิพากษาของศาล ด้วยการประกาศเขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศ หรือ ADIZ เหนือทะเลจีนใต้อย่างที่จีนเคยทำมาแล้วกับทะเลจีนตะวันออก แถมจากนี้เป็นต้นไป จีนจะต้องเร่งสร้างโน่นสร้างนี่ สร้างอาคารสถานที่ ท่าเรือ ลานขึ้นลง และลานจอดเครื่องบินเพิ่มเติม

คนที่กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ก็น่าจะเป็นนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งมีอำนาจเทียม เราจึงได้ยินนายบัน คี มูน ออกมา กระซิบกระซาบเบาๆ ว่า อ้า ผมอยากให้ทุกประเทศที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ใช้การเจรจาเพื่อคลี่คลายข้อพิพาทอย่างสันติและด้วยวิธีที่เป็นมิตร โดยคำนึงถึงหลักกฎหมายระหว่างประเทศ

จีนบอกว่า ประชาชนคนของตนมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากกว่าสองพันปี มีวิถีชีวิตอยู่ในทะเลจีนใต้ อธิปไตยทางดินแดน สิทธิและผลประโยชน์ทางทะเลของจีนในทะเลจีนใต้จะไม่ได้รับผลกระทบจากคำตัดสินจากศาลอนุญาโตตุลาการถาวร และจีนจะไม่มีวันยอมรับการกล่าวอ้างหรือการกระทำใดๆ บนพื้นฐานจากคำตัดสินเหล่านี้

ตรอกเล็กๆ ที่จีนเจาะไว้ให้ชาติรัฐเล็กกะจิดริดกะจ้อยร่อยพอมีทางเดินได้และพอเห็นแสงสว่างรำไรในความมืดบ้างก็คือ การที่เอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พูดว่า จีนยังคงมีเจตนารมณ์ที่จะเจรจากับรัฐคู่กรณีเกี่ยวกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้

นอกจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว สาธารณรัฐจีนหรือไต้หวันก็โดนผลกระทบจากคำตัดสินของศาลอนุญาโต ตุลาการถาวรในครั้งนี้ด้วย เพราะไต้หวันก็ครอบครองแนวปะการัง สันดอน และกองหินปะการังรูปวงแหวนมากมายหลายร้อยแห่งในทะเลจีนใต้ด้วยเหมือนกัน การที่ศาลวินิจฉัยว่า เกาะไท่ผิงที่ไต้หวันครอบครองอยู่นั้น ไม่ใช่เกาะ ทว่า ฮ่าๆ เป็นแค่ rock หรือเป็นแค่ก้อนหินเท่านั้น เมื่อไท่ผิงถูกลดชั้นจากเกาะมาเป็นก้อนหิน การอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำ 3.5 ล้านตารางกิโลเมตรของไต้หวันก็ทำไม่ได้ไปด้วย

เมื่อมีคำตัดสินเผยแพร่ออกมาปุ๊บ เครื่องบินพลเรือนของจีนก็บินทดสอบสนามบิน 2 แห่งในหมู่เกาะสแปรตลีย์ปั๊บ

กระทรวงกลาโหมจีนก็ประกาศทันทีว่า เรือพิฆาตติดขีปนาวุธถูกนำเข้าประจำการอย่างเป็นทางการแล้วที่ฐานทัพเรือแห่งเกาะไหหลำ เพื่อทำหน้าที่ดูแลทะเลจีนใต้

จีนว่าการพิจารณาของศาลเป็นละครตลก

เราก็ต้องดูว่าตอนต่อไปว่า

จะเป็นละครตลก

หรือจะเป็นภาพยนตร์บู๊ล้างผลาญกันแน่.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

ทะเลจีนใต้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 14 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/662582

 

ดร.เฉลิมพล ดุลสัมพันธ์ ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (ชสอ.) เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด ‘ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผลกระทบ และการปรับตัวของสหกรณ์ออมทรัพย์ไทย’ รับใช้ประธานกรรมการ กรรมการดำเนินการผู้จัดการ ฯลฯ พฤหัสบดีวันนี้ 09.00-12.00 น. ที่โรงแรมริชมอนด์ นนทบุรี

ปัญหาความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ นอกจากตัวละครสำคัญที่เราๆ ท่านๆ รู้จักกันดี อย่างจีน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนามและบรูไนแล้ว ก็ยังมีญี่ปุ่นและอินเดียด้วยนะครับ

เดิมผมไม่เคยคิดว่า ญี่ปุ่นจะมาเอี่ยว แต่วันหนึ่งได้ไปอ่านเจอ พระราชบัญญัติเกี่ยวกับมาตรการรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงของญี่ปุ่นในสถานการณ์ของเขตแดนรอบล้อมญี่ปุ่น ก็จึงทราบว่า ญี่ปุ่นถือว่าทะเลจีนใต้เป็นเขตที่กฎหมายอนุมัติให้กองกำลังป้องกันตนเองขยายปฏิบัติการออกไปได้ โดยมีอำนาจทำงานคลุมไปถึงเขตชายขอบของญี่ปุ่นและเขตทะเลจีนใต้

ใครจะนึกล่ะครับ ว่าอินเดียจะสนใจทะเลจีนใต้กะเขาด้วย เพราะเขตอิทธิพลและอภิพญามหาผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของอินเดียอยู่ที่มหาสมุทรอินเดีย แต่วันดีคืนดีอินเดียก็ผลิต Southern Forwarding Strategy หรือยุทธศาสตร์ที่มองไปทางใต้ขึ้นมา ตั้งแต่ ค.ศ.2000 กองทัพเรืออินเดียได้ขยายปฏิบัติการเข้าไปในเขตทะเลจีนใต้ด้วย ทำให้มีความกดดันเพิ่มขึ้นในปัญหาความขัดแย้งในทะเลเจ้าปัญหาแห่งนี้

สำหรับสหรัฐอเมริกา ไม่ต้องพูดถึงดอกครับ เพราะสหรัฐฯมีความสัมพันธ์ในกรอบทวิภาคีกับประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายประเทศ และก็เสนอความช่วยเหลือให้หลายประเทศ เช่น เคยเสนอความช่วยเหลือให้ฟิลิปปินส์หากถูกจีนรุกราน

รัสเซียพยายามไม่หนุนประเทศไหนโดยตรง เพราะด้านหนึ่ง รัสเซียก็เคยสนิทกับเวียดนาม ถึงตอนนี้ก็ยังขายเรือดำน้ำให้เวียดนามไปหลายลำ อีกด้านหนึ่ง รัสเซียก็เป็นพันธมิตรสำคัญของจีน มีพรมแดนติดกับจีน และเป็นสมาชิกขององค์การความร่วมมือซ่างไห่ด้วยกัน รัสเซียจึงเลี่ยงการถือหางประเทศที่มีความขัดแย้ง แต่ก็ใช้สถาบันวิจัยของตนเองมาสำรวจทะเลจีนใต้อย่างละเอียด สถาบันที่รู้ว่าตรงไหนของทะเลจีนใต้มีแหล่งน้ำมันสะสม หรือมีปริมาณของก๊าซธรรมชาติมากเท่าใด ก็คือสถาบันวิจัยรัสเซียด้านนิเวศวิทยาของต่างประเทศ

ทะเลจีนใต้อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร จึงมีความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลสูงกว่าทะเลอื่นบนโลกใบนี้ ฟิลิปปินส์เคยลงทุนไปสำรวจพืชทะเลและปะการังในทะเลจีนใต้ พบว่ามีพืชทะเลอยู่มากถึง 51
ชนิด มีปะการังอยู่ถึง 450 ชนิด เมื่อเปรียบเทียบกับทะเลหรือมหาสมุทรอื่น เช่น มหาสมุทรแอตแลนติก จะพบความหลากหลายในทะเลจีนใต้มีเยอะกว่ามาก ทั้งมหาสมุทรแอตแลนติกมีพืชทะเลอยู่เพียง 5 ชนิด และมีปะการังอยู่เพียง 35 ชนิดเท่านั้นเอง

ความหลากหลายของทรัพยากรในทะเลจีนใต้สามารถจะเลี้ยงคนได้เป็นจำนวนหลายพันล้านคน จีนถึงอยากจะครอบครองมาก จะเป็นตายร้ายดียังไง จีนต้องเอาทะเลจีนใต้ไว้เป็นสมบัติของตัวเองให้ได้ การประมงในโลกนี้นะครับ ร้อยละ 10 มาจากทะเลจีนใต้ ถ้าเปรียบเทียบในเฉพาะทวีปเอเชีย การประมงในทะเลจีนใต้มีสัดส่วนถึงร้อยละ 23

คนไทยจำนวนไม่น้อยไม่สนใจไยดีปัญหาทะเลจีนใต้ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว ขอเรียนว่าถ้าจีนครอบครองทะเลจีนใต้ทั้งหมดอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเมื่อใด ปัญหาอาจจะลามปามมาถึงไทยก็ได้ เพราะมีเอกสารที่ผลิตโดยทางการจีนบางฉบับเขียนบางย่อหน้าไว้ว่า เขตแดนล้อมของทะเลจีนใต้เป็นที่ตั้งของหลายประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ จีน (ซึ่งแน่นอนจีนรวมไต้หวันไว้ด้วย) และไทย

ในเอกสารของจีนเขียนว่า ทะเลจีนใต้เชื่อมต่ออยู่กับอ่าวไทย

นี่หมายความว่า ถ้าอนาคตจีนได้ครอบครองทะเลจีนใต้ทั้งหมด พรมแดนทางทะเลของจีนกับไทยจะอยู่ติดกันหรือใกล้กันมาก และอาจจะมีเรื่องกระทบกระทั่งบานปลายต่อกันได้ง่าย พลเมืองจีนมาทำงานในประเทศไทยเยอะ วันข้างหน้าอาจจะมีสถานการณ์น้ำผึ้งหยดเดียวจากคนที่เข้ามาทำการค้า มาลงทุน ทำให้เราเผชิญหน้ากับจีนก็ได้

สมัยก่อนตอนโน้น จีนเป็นรัฐเรียบร้อย ปฏิบัติต่อประเทศเล็กชาติน้อยอย่างมีความเมตตากรุณาว่าเป็นน้องเป็นนุ่ง

สมัยนี้ไม่ใช่แล้วครับ ทุกคนพูดตรงกันว่า จีนดื้อและก้าวร้าวกร้าวมากขึ้นทุกวัน มีปัญหากันเมื่อใดในอนาคต จีนทุบเราตายแน่.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

หุ่นยนต์นักฆ่ามาแล้ว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 13 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/661452

 

ร.ร.เตรียมนายร้อยทหารสหรัฐฯ Riverside Military Academy เมือง Gainesville รัฐ Georgia เปิดมานาน 109 ปี ได้อนุญาตให้นำหลักสูตรมาเปิดสอนที่โรงเรียนนานาชาติเกนส์วิลล์ เชียงราย ซึ่งได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาหลักสูตรของ ศธ. โดย รมว.ศึกษาธิการอนุมัติ พล.ต.อ.ดร.ประสาน วงศ์ใหญ่ ให้เป็นผู้รับใบอนุญาตและเป็นประธานกรรมการบริหารโรงเรียน เปิดสอนชั้น ม.1-6 ผู้สำเร็จจากสถาบันนี้ด้วย G.P.A. 3.1 + TOEFL 550 สามารถเข้าเรียนต่อในโรงเรียนนายร้อยในสหรัฐอเมริกาโดยไม่ต้องสอบเข้า ใครอยากเป็นนายทหารอเมริกันเข้าไปดูรายละเอียดที่ www.gischiangrai.org ครับ

ในอดีต คนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องเป็น ‘ชาย’ และเป็น ‘คนขาว’ แต่เมื่อนายบารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดี ก็ได้ทำลายหลักการผู้นำต้องเป็นคนขาวทิ้งไป แถมหลายคนยังมีความเชื่อว่า การแบ่งสีผิวในสหรัฐฯ + การก่อการร้าย จะบรรเทาเบาบางลง ด้วยเหตุผลที่ว่า เพราะแม้แต่พ่อของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ยังนับถือศาสนาอิสลาม

แต่กลับตรงกันข้ามครับ นอกจากสงครามการก่อการร้ายจะไม่บรรเทาเบาบางลงแล้ว ยังเกิดมากขึ้นและถี่ขึ้นเสียด้วยซ้ำ ส่วนความขัดแย้งเรื่องผิว ระหว่างผิวสีกับผิวขาวก็กลับมีมากขึ้นเช่นกัน

ไม่กี่วันที่ผ่านมา วัยรุ่นผิวดำที่ทะเลาะกับตำรวจผิวขาวถูกยิงตายนอกร้านสะดวกซื้อ ชายผิวดำอีกคนหนึ่งถูกตำรวจผิวขาวยิงระหว่างจอดรอสัญญาณไฟ ทั้ง 2 เหตุการณ์มีคลิปวีดิโอกระพือเหตุการณ์ให้แพร่ไปได้กว้างขวางขึ้น ผู้คนก็โกรธแค้นแทนผู้ตายวายชนม์ที่เป็นคนจากผิวสีของตนเอง

ความโกรธแค้นทำให้ทหารผ่านศึกสงครามอัฟกานิสถานผิวดำคนหนึ่งฆ่าตำรวจขาวไป 5 คน จากนั้นทหารผ่านศึกคนที่ว่าก็ถูกหุ่นยนต์ฆ่าทิ้ง

เรื่องใหญ่ในสหรัฐอเมริกาตอนนี้ เป็นกรณีที่กำลังมีขบวนการเคลื่อนไหว Black Lives Matter ซึ่งหมายถึง ‘ชีวิตคนดำมีความสำคัญ’

นอกจากกระดิกพลิกตัวแรงกันกรณีสีผิวแล้ว ยังมีเรื่องเครื่องจักรสังหารฆ่ามนุษย์ ที่แรกเริ่มเดิมที มีอ่านได้เฉพาะในนวนิยายสงครามวิทยาศาสตร์ ที่เขียนมาเป็นตัวหนังสือจากความเพ้อฝันของคนเขียน

ต่อมา มีการพบว่าชาติมหาอำนาจที่มีเทคโนโลยีสูงอย่างสหรัฐอเมริกา แอบใช้เครื่องจักรและหุ่นยนต์สังหารในสงครามที่อิรักและอัฟกานิสถาน แต่ก็ยังไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลอย่างเสรี เพราะผู้คนบนโลกประณามว่า การใช้เครื่องจักร หรือหุ่นยนต์ไปรบราฆ่าฟันกันกับมนุษย์นั้น เป็นความอยุติธรรมโหดเหี้ยม

สัปดาห์ก่อน ตำรวจอเมริกันใช้หุ่นยนต์ฆ่าทหารผ่านศึกที่ชื่อว่ามิกาห์ จอห์นสัน ซึ่งเป็นพลเมืองของตนเอง นี่เป็นครั้งแรกที่ตำรวจใช้หุ่นยนต์ฆ่ามนุษย์

เมื่อมีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งต่อไป ผมขออนุญาตทำนายทายทักว่า การใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ในการฆ่ามนุษย์ด้วยกันเองนั้น จะเป็นปัญหาสำคัญ ทั้งด้านจริยธรรมและด้านการใช้เทคโนโลยีในคริสต์ศตวรรษที่ 21

การใช้ ‘คนฆ่าคน’ เป็นเรื่องเลวร้ายที่มีการปฏิบัติกันมาตั้งแต่โบราณนานมา แต่คนก็ยังมีความรู้สึกนึกคิด นักฆ่าที่เป็นมนุษย์ส่วนใหญ่ยังแยกแยะได้ว่า จะไม่ฆ่าเด็ก สตรี คนชรา คนป่วย คนพิการ ฯลฯ

แต่นักฆ่าหุ่นยนต์ไม่สามารถแยกแยะได้ดอกครับ ในอนาคต คนที่มีเทคโนโลยีอาจจะมีกองทัพนักฆ่าที่เป็นหุ่นยนต์ ที่เพียงใส่พิกัดลงไปในโปรแกรม หรือใส่ลักษณะรูปร่างหน้าตาเข้าลงไปในหน่วยความจำของหุ่นยนต์ หุ่นยนต์สังหารพวกนี้ ก็สามารถไล่ล่าตามฆ่ามนุษย์คนอื่นได้แล้ว เมื่อถูกจับได้ก็ไม่ซัดทอดผู้สั่ง

เทคโนโลยีการฆ่ามนุษย์ด้วยกันทีละเป็นพันเป็นหมื่นเดี๋ยวนี้ก็มีแล้ว บางชาติมหาอำนาจสามารถยิงระเบิดลงไปในสถานที่เป้าหมายเพื่อทำให้บริเวณนั้นไม่มีอากาศ สิ่งมีชีวิตที่ต้องใช้ออกซิเจนตายหมด ดิ้นทุรนทุรายตายอย่างโหดเหี้ยม

ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งผมรู้จักเคยเรียนเรื่องในอดีตที่มนุษย์ผิวขาวคอเคซอยด์ใช้สารเคมีอันตรายใส่ลงในอาหาร เพื่อจำกัดคนผิวดำนิกรอยด์เจ้าของแผ่นดิน ประสงค์ก็คือต้องการแผ่นดิน ทั้งหมู่บ้านตำบลมาปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพื่อการพาณิชย์

ความเหี้ยมของมนุษย์มีมากขึ้นตามเทคโนโลยีครับ ที่ผมเห็นว่าจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์โลกเลยก็คือ เทคโนโลยีเครื่องจักรและหุ่นยนต์สังหาร ซึ่งอันตรายเหลือเกินครับ

เครื่องจักรและหุ่นยนต์สังหารน่าจะระบาดไปหลายประเทศในไวๆนี้.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

พวกไอ้โหดของจริง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 12 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/660496

 

รศ.ดร.อานนท์ เที่ยงตรง และ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ เคยเป็นกรรมการสภา มรภ. เชียงใหม่ ชุดเดียวกันอยู่หลายปี ปัจจุบัน รศ.ดร.อานนท์ เป็นประธานกรรมการควบคุมการดำเนินงานมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มีหน้าที่ตรวจสอบกรณีบราเธอร์บัญชา แสงหิรัญ อดีตอธิการบดี และความขัดแย้งในมหาวิทยาลัยแห่งนี้

วันนี้ มีโอกาสโทรศัพท์สนทนากัน พ่อผมถาม รศ.ดร.อานนท์ จึงทราบผลตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า บราเธอร์บัญชาบริสุทธิ์จากกรณีที่ถูกกล่าวหา ไม่มีทุจริต และคณะกรรมการควบคุมฯ จะส่งคืนมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญให้ผู้รับใบอนุญาตได้ไม่เกินสิงหาคม 2559 ผมขอแสดงความยินดีต่อบราเธอร์บัญชา และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญด้วยครับ

3 กรกฎาคม 2559 มีคาร์บอมบ์ฆ่าตัวตายที่กรุงแบกแดด สาธารณรัฐอิรัก ทำให้คนตาย 292 คน ในจำนวนนี้พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลได้แล้ว 115 ศพ ที่เหลือยังพิสูจน์ไม่ได้ พวกที่ออกมาแสดงความรับผิดชอบก็คือ ไอเอส

ตอนที่ล้มรัฐบาลซัดดัม ฮุสเซนใหม่ๆ เมื่อ พ.ศ.2546 คนอิรักจำนวนหนึ่งออกมาแสดงความยินดีและตั้งความหวังว่า ประเทศชาติบ้านเมืองของตนจะได้เข้าสู่การพัฒนาอย่างเต็มที่เสียที แต่ผิดคาดครับ สถานการณ์ในอิรักกลับลงเหวไปเรื่อยๆ

ตอนนี้มีข้อมูลจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติว่า มีผู้อพยพพลัดถิ่นภายในอิรักสูงถึง 3.4 ล้านคน และกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิชนกลุ่มน้อยก็ออกรายงานมาแล้วครับว่า ชนกลุ่มน้อยในอิรักอาจจะประสบภาวะสูญสิ้นชาติพันธุ์หลังจากต้องเจอกับสงครามและความขัดแย้งยาวนานต่อเนื่องมานานถึง 13 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2546

นอกจากความขัดแย้งระหว่างมุสลิมนิกายชีอะห์และซุนหนี่ในอิรักแล้ว ชาวคริสต์ในอิรักยังมีชะตากรรมอันเลวร้าย และมีจำนวนลดลงมาก สาเหตุมาจากถูกฆ่าและบางคนต้องอพยพหนี เดิมเคยมี 1.4 ล้าน ตอนนี้เหลือเพียง 2.5 แสนเท่านั้น หลังยุคการปกครองของซัดดัม อิรักก็เข้าสู่ภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด และจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนาน

ถามว่า ใครผิด? สำหรับผม ผมว่าคนผิดคือ นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่เป็นตัวตั้งตัวตี และมีอีก 2 ประเทศที่เข้าร่วมเป็นกองกำลังผสมคือ ออสเตรเลียและโปแลนด์

การบุกครั้งนั้น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติไม่เห็นด้วย หลายประเทศที่เคยเป็นพันธมิตรหลักของสหรัฐฯก็ออกมาต่อต้าน ทั้งฝรั่งเศส เยอรมนี นิวซีแลนด์ และแคนาดา พวกนี้บอกว่าคณะตรวจสอบอาวุธเข้าไปตรวจสอบในอิรักเป็นร้อยครั้ง ไม่เจออาวุธเคมีชีวภาพ อาวุธนิวคงนิวเคลียร์อะไรก็ไม่มี

ขณะที่ 4 ประเทศอันธพาลประกาศว่าจะบุกอิรัก ทำลายล้างระบอบซัดดัม ผู้คนมากกว่า 3 ล้านออกมาชุมนุมต่อต้านในกรุงโรม ถึงขนาดมีการบันทึกว่านี่เป็นการชุมนุมต่อต้านสงครามที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา คณะนักวิชาการฝรั่งเศสรวบรวมตัวเลขการชุมนุมประท้วงทั่วโลกระหว่าง 3 ม.ค.-12 เม.ย.2546 เป็นตัวเลขของคน
ที่ออกมาต่อต้านการที่สหรัฐฯและพวกจะบุกอิรัก ปรากฏว่า มีมากถึง 36 ล้านคน จากการประท้วงกว่า 3,000 ครั้ง

19 มี.ค.2546 สหรัฐฯและพวกโจมตีทางอากาศต่อทำเนียบประธานาธิบดีซัดดัม พอถึง 26 มี.ค.2546 ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ และคณะก็เดินทางไปซีเรียและเข้าไปอยู่ในกรุงแบกแดด ได้เห็นการโจมตีของกองกำลัง 4 ประเทศด้วยตาตัวเอง

สหรัฐฯและพวกยึดอิรักได้สำเร็จเมื่อ 1 พ.ค.2546 มีรายงานในเดือน พ.ค.2546 ว่ามียอดพลเรือนเสียชีวิตในการบุกครั้งนี้ 36,533 คน

หลายปีต่อมา อังกฤษมีการไต่สวนเรื่องที่นายโทนี แบลร์ นำประเทศเข้าปฏิบัติการทำสงครามยึดอิรัก หัวหน้าคณะไต่สวนคือ เซอร์ จอห์น ซิลคอต การไต่สวนกินเวลายาวนานถึง 7 ปี และนำผลลัพธ์การไต่สวนมาเผยแพร่ต่อสาธารณะเมื่อ 6 ก.ค.2559 พบว่า การบุกอิรักครั้งนั้น ไม่มีความชอบธรรมด้านกฎหมายและปฏิบัติการกันด้วยการข่าวกรองที่ผิดๆ

นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ก็เคยออกมาพูดว่า ซอรี่กับการบุกอิรัก วันก่อนนี้นายโทนี แบลร์ ก็บอกว่า ผมขอรับผิดชอบต่อความผิดพลาดใดๆ โดยปราศจากข้อยกเว้นหรือคำแก้ตัว นี่ก็เป็นแค่คำพูดครับ ทว่าในความจริง ไอ้สองคนนี่จะไม่ถูกลงโทษดอกครับ

ทั้งที่ทุกอย่างเป็นการปั้นน้ำเป็นตัว

ปั้นเรื่องขึ้นมาเพื่อสร้างความชอบธรรมบุกอิรัก

ทำให้คนตายไปหลายล้าน

แต่ไม่มีการลงโทษคนผิด

นี่แหละครับ พวกไอ้โหดของจริง.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

จะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีงานทำ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 11 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/659844

 

พ.ต.อ.ปริญญา พรเดชาพิพัฒ ผกก.สภ.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “ตำรวจไทยยิ้มรับประทับใจสู่อาเซียน” รับใช้ ขรก.ตำรวจและผู้สนใจ ที่อาคารติวเตอร์หมู สาขานครราชสีมา เลขที่ 2112/5 ข้างโรงแรมสีมาธานี ถนนมิตรภาพ จันทร์วันนี้ 09.00-12.00 น. ฟังฟรีครับ โทร.08-9425-9999

นายบัวเรียน อโรคยนันท์ ผอ.โรงเรียนสนามบิน อ.เมือง จ.ขอนแก่น เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิพูด “เตรียมเยาวชนสู่อาชีพอนาคต” อังคาร 09.00-12.00 น. ที่อาคารติวเตอร์หมู สาขาขอนแก่น เลขที่ 555/11 ตั้งอยู่รอบบึงแก่นนคร ฟังฟรีเช่นกันครับ โทร. 09-5670-3661

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือไอแอลโอ สหประชาชาติ ออกรายงานมาแล้วครับว่าอีก 20 ปี แรงงานในภาคการผลิต 137 ล้านคน หรือร้อยละ 56 จากอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชา และไทย มีแนวโน้มจะตกงานเพราะตำแหน่งงานจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรและหุ่นยนต์ และมีความจำเป็นที่คนเหล่านี้จะต้องได้รับการศึกษาอบรมให้สามารถทำงานร่วมกับเครื่องจักรระบบดิจิตอลและหุ่นยนต์ได้’

วิจัยของไอแอลโอบอกว่าร้อยละ 70 ของแรงงานไทยในภาคอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์จะได้รับผลกระทบ ส่วนในภาคอุตสาหกรรมโดยรวม คนอินโดนีเซียจะเสียงานให้กับเครื่องจักรร้อยละ 64 เวียดนามร้อยละ 86 และกัมพูชาร้อยละ 88

เดี๋ยวนี้นะครับ การผลิตรถยนต์เกือบทั้งคันใช้หุ่นยนต์อย่างโรงงานบริษัทเทสลาที่ฟรีมองต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ทั้งบริษัทใช้พนักงานในช่วงเริ่มต้นของสายการผลิตแค่ 100 คนเท่านั้น และในส่วนของงานเชื่อมใช้อีกเพียง 300 คน นอกนั้นใช้หุ่นยนต์ทั้งหมด

20 ปีที่แล้ว คนไทยจำนวนไม่น้อยทำงานในโรงงานและก็รับเงินเดือนเลี้ยงดูชีวิตและครอบครัว แล้วก็คิดว่าโรงงานเลี้ยงตนได้ทั้งชีวิต แต่วันนี้เริ่มเห็นแล้วว่า งานหายไปเป็นจำนวนมาก เดี๋ยวนี้มีหน่วยงานวิจัยในเรื่องนี้กันเยอะเพื่อหาผลลัพธ์ไปใช้แก้ไขปัญหา บางองค์กรทำนายว่า อีก 10 ปีคนทั่วโลกจะตกงานถึง 2 พันล้านเพราะเทคโนโลยีใหม่ๆ จะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์

คนที่รู้ตัว ก็เตรียมตนรับองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่จะทำให้ตนอยู่รอดปลอดภัยมีใช้มีกินครบ 3 มื้อ แต่คนที่ไม่ตระหนักยังมีอีกจำนวนมากครับ พวกนี้ต่อไปจะเป็นภาระของสังคมที่ต้องช่วยกันแบกรับ หลักสูตรการศึกษาที่มีอยู่ในปัจจุบันทุกวันนี้ บางหลักสูตรไม่สามารถตอบโจทย์เรื่องความอยู่รอดในอนาคต รัฐบาลของแต่ละประเทศจึงทุ่มทุนเตรียมทรัพยากรมนุษย์กันอย่างเข้มข้น

แต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศในทวีปแอฟริกาที่ผู้คนในรัฐบาลคิดย้อนกลับไปในอดีต 20-30 ปี ยังสนใจเรื่องการนำงบประมาณไปสะสมอาวุธ ซึ่งสมัยนี้การรบบนผืนแผ่นดินมีน้อยลงไปเรื่อยๆ พื้นที่รบที่ใหญ่ที่สุดอยู่ภายใต้กะโหลก ผู้นำที่วนอยู่แต่เรื่องอดีต มักจะสนทนาถึงการศึกษาที่ผลิตแต่คนที่มาสร้างประดิษฐกรรมซึ่งทำให้มนุษย์อยู่รอดในอดีต แต่ไม่เคยคุยถึงการศึกษาที่จะสร้างคนมาผลิตนวัตกรรมที่จะทำให้มนุษย์อยู่รอดในอนาคต

เดี๋ยวนี้มีการพัฒนาโดรนให้บินไปได้ไกลหลายกิโลเมตร แถมบรรทุกของได้มากด้วย ผมขอทำนายทายว่า ในอนาคตการ ขนส่งในระยะ 1–100 กิโลเมตรจะใช้โดรนเป็นหลัก ห้างสรรพสินค้าในอนาคตก็จะเป็นแค่ที่พบปะสังสรรค์ทานอาหารเครื่องดื่ม ส่วนการซื้อสินค้าจะผ่านระบบออนไลน์เกือบทั้งหมด และใช้โดรนส่งสินค้า บ้านแต่ละหลังจะมีที่จอดโดรน เอาแค่เรื่องระบบการค้าขายและระบบการขนส่ง งานของมนุษย์ก็หายไปเยอะแล้วครับ

ปีที่แล้ว พ่อแนะนำเพื่อนรุ่นน้องซึ่งลูกได้ทุนไปเรียนปริญญาตรี โท เอก ด้านปิโตรเลียมที่สหรัฐฯ ว่า ควรจะให้ลูกไปสอบชิงทุนใหม่ ไปเรียนสาขาอื่น เพราะอีก 10-20 ปี น้ำมันจะเป็นเรื่องล้าสมัย โลกเราจะเข้ายุคเซลเชื้อเพลิงที่ใช้ไฮโดรเจนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อตอนผมยังเป็นเด็กเล็กอยู่ เคยได้ยินพ่อบรรยายว่าเสาโทรเลขจะหายไป ผู้ฟังในสมัยนั้นหัวเราะกันจนฟันกระเด็นออกมานอกปาก หาว่าผู้บรรยายเพ้อเจ้อเอาเรื่องเพ้อฝันมาพูด

ขอฝากรัฐบาลไทยและการศึกษาไทยช่วยให้คนไทยในอนาคตยังมีงานทำด้วยเถิดครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

อีกมุมหนึ่งเรื่องทะเลจีนใต้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 8 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/657016

 

ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูดในพื้นที่ภาคใต้มากที่สุด นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี กระบี่ พัทลุง ตรัง สงขลา นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล และภูเก็ต แต่ละจังหวัดเวียนกันแห่งละหลายรอบครับ

เสาร์ 9 กรกฎาคม พรุ่งนี้ นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผวจ.นครศรีธรรมราช เชิญอดีตนักศึกษาปริญญาโทรุ่นเดียวกันที่ชื่อ ร.ต.อ. ดร.นิติภูมิพูด “บทบาทข้าราชการปกครองกับการรวมตัวภูมิภาคอาเซียน” รับใช้นายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ 500 คน 09.00-12.00 น. ที่หอประชุมโรงละคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

ที่โลกกำลังจับตามองขณะนี้ก็คือ การที่ฟิลิปปินส์เสนอข้อพิพาทต่อศาลอนุญาโตตุลาการภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ซึ่งวันที่ 12 กรกฎาคม ที่จะถึงก็น่าจะรู้กันว่า ศาลจะมีอำนาจพิจารณาข้อพิพาทนี้หรือไม่? ถ้าพิจารณาว่า ไม่มีอำนาจ เรื่องทางศาลก็จบ แต่เรื่องการต่อสู้ชิงสิทธิในทะเลจีนใต้ก็คงจะต้องซัดกันอย่างรุนแรงต่อไป

ทว่าถ้าศาลอนุญาโตตุลาการตัดสินว่า มีอำนาจ ผมว่าเรื่องแรกที่ศาลต้องพิจารณาก็คือ เรื่องน่านน้ำประวัติศาสตร์ ถ้าศาลยอมรับน่านน้ำประวัติศาสตร์ ศาลก็คงตัดสินเรื่องกรรมสิทธิ์เหนือเกาะและน่านน้ำในทะเลจีนใต้ไปในคราวนี้ด้วย

ปัญหาจึงจะเหลืออยู่ 2 เรื่องครับ เรื่องการแบ่งเขตเศรษฐกิจจำเพาะระหว่างประเทศต่างๆ และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องที่จีนบอกว่าอธิปไตยเหนือดินแดนของจีนเป็นเรื่องที่อยู่นอกเขตอำนาจของศาลอนุญาโตตุลาการตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล

ถ้าจีนดื้ออย่างนั้น ต่อไปก็จะไม่มีใครเชื่อกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่เชื่อฟังสหประชาชาติ โลกจะกลับไปมุมเดิม คือมุมที่ ประเทศต่างๆ ต้องรวมตัวกันแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 คราวนี้โลกก็จะยุ่งยิ่งขึ้น

หลายคนถามผมว่า คุณคิดว่าจีนมีกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้จริงหรือเปล่า? แฮ่ๆ ผมตอบไม่ได้ดอกครับ แต่ขอเรียนว่า เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติ เอกสารที่ชี้ถึงสิทธิเหนือหมู่เกาะพาราเซลและสแปรตลีในทะเลจีนใต้ที่เราเคยเรียนกันคือ 1) แถลงการณ์ไคโรของผู้นำสหรัฐฯ + จีน + อังกฤษ เมื่อ 1 ธันวาคม 1943 ที่ประกาศว่า เกาะต่างๆใน แปซิฟิกที่ญี่ปุ่นยึดครองต้องคืนให้จีน 2) แถลงการณ์พอสดัมของผู้นำสหรัฐฯ + จีน + อังกฤษ เมื่อ 26 กรกฎาคม 1945 ข้อ 8 ที่กำหนดให้ญี่ปุ่นมีอธิปไตยเหนือเกาะฮอนชู ฮอกไกโด คิวชู ชิโกกุ และเกาะเล็กๆ ที่กำหนดไว้ 3) สนธิสัญญาสันติภาพจีน-ญี่ปุ่น ลงนามที่กรุงไทเป เมื่อ 28 เมษายน 1952 ข้อ 2 ที่บัญญัติว่า ญี่ปุ่นสละสิทธิทุกอย่างเหนือหมู่เกาะพาราเซลและหมู่สแปรตลี

ผู้อ่านท่านที่เคารพคงจำได้นะครับ ว่าญี่ปุ่นเคยยึดครองทะเลและเกาะแก่งทางแถบนี้ทั้งหมด ถ้าในสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นชนะ สงคราม ทะเลและเกาะแก่งทางแถบนี้ก็คงเป็นของญี่ปุ่นไปทั้งหมด ปัญหา เรื่องประเทศอื่นแย่งกันก็คงไม่มี แต่เพราะแพ้สงคราม ญี่ปุ่นต้องสละ สิทธิทุกอย่าง หมู่เกาะเหล่านี้จึงต้องคืนไปสู่จีนตามแถลงการณ์ไคโร

ผมเคยฟัง ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิบรรยายในชั้นเรียนอย่างนี้ล่ะครับ แล้วก็มีนักศึกษายกมือถามว่า อ้าว ถ้าอย่างนั้น ทำไมจึงมีปัญหา อยู่ในทุกวันนี้? พ่อผมตอบว่า มันเป็นเรื่องการเมือง ในช่วงทศวรรษ 1950 จีนเป็นคอมมิวนิสต์เข้มมาก และก็ทำสงครามกับสหรัฐฯ ในเกาหลี สหรัฐฯกับจีนเป็นศัตรูกันแรง สหรัฐฯจึงขัดขวางจีนในการรับหมู่เกาะพวกนี้กลับคืน

ตอนที่ตั้งสหประชาชาติ ไต้หวันหรือสาธารณรัฐจีนเป็นสมาชิกสหประชาชาติ เป็นผู้แทนของจีนทั้งมวล มีคนคิดว่าจะคืนทะเลและเกาะไปให้ไต้หวันเหมือนกัน แต่ก็มีคนค้านว่า ต่อไปในอนาคตไต้หวันอาจจะแพ้จีนคอมมิวนิสต์ ถ้าเรายกเกาะพวกนี้ให้ไต้หวัน ก็เท่ากับยกหมู่เกาะเหล่านี้ไปให้คอมมิวนิสต์ด้วย

มองตามมุมที่เคยฟัง ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิบรรยาย ผมก็ว่าปัญหาก็มาจากสหรัฐฯนี่แหละ ที่คาปัญหาเอาไว้ให้ประเทศรอบทะเลจีนใต้แย่งกับจีน สหรัฐฯตระบัดสัตย์ไม่ทำตามสิ่งที่ผู้นำของตนประกาศไว้ที่กรุงไคโร เพราะสหรัฐฯต้องการที่จะตัดผลประโยชน์ของจีน

นี่คือพฤติกรรมตะวันตก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกเจ้าอาณานิคมที่ชอบซ่อนระเบิดเวลาไว้ตามประเทศและภูมิภาคต่างๆ ไม่ให้มีความสงบ ให้ประเทศเหล่านั้นทะเลาะกัน

ประเทศทะเลาะกัน รบกัน ก็ต้องใช้อาวุธ

ไม่พ้นต้องซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ

แถมสหรัฐฯยังเข้าไปก้าวก่ายช่วยเหลือ

เพื่อเอาบุญคุณได้อีก.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand