เชื่อมไทยกับโบราณสถานกัมพูชา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 23 มิ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/644139

 

ท่านหนึ่งถามผมมาทางอีเมลว่า การค้นพบความลับของอารยธรรมโลกที่ยิ่งใหญ่ในอดีตสำหรับผมนั้นมีอะไรบ้าง ขอเรียนว่ามีเยอะครับ เอามาเขียนกันได้ไม่หมดดอก

เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว คนก็ไม่รู้ว่ากรุงทรอยมีจริงหรือเปล่า หรือเป็นเพียงเรื่องเล่า จนกระทั่งมีชาวเยอรมันชื่อไฮน์ริช ชลีมานน์ ไปเรียนภาษากรีกโบราณและก็ตะลุยอ่านเอกสารกรีกโบราณจำนวนมากจนมั่นใจว่ากรุงทรอยมีจริง จึงลงมือขุดเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ.1870 ตามเอกสารโบราณตามที่อ่านพบ การขุดของชลีมานน์พบสมบัติล้ำค่าจำนวนมากของกษัตริย์ไพรอัมและทำให้โลกได้ทราบว่ากรุงทรอยในตำนานนั้นมีอยู่จริง

กรณีของฟาโรห์ตุตันคาเมน ก็เป็นเรื่องเล่าปรัมปราที่คนเชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง ภายหลังมีการค้นคว้าและลงมือขุดกันอย่างจริงจัง ก็จึงเจอสุสาน โลง และมัมมี่ของพระองค์ เราก็จึงได้เห็นพระพักต์อันแท้จริงของผู้ปกครองอียิปต์เมื่อ 3,300 ปีที่แล้วพระองค์นี้

จีนเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณสำคัญไม่แพ้ดินแดนไอยคุปต์ หรือเมโสโปเตเมีย มีการพบน้ำยาดองศพที่รักษาร่างกายสตรีที่เสียชีวิตเมื่อสองพันกว่าปีก่อนไว้ได้เหมือนกับเพิ่งเสียชีวิตไปเพียงไม่กี่วัน มีการบันทึกเรื่องราวของพีระมิดบรรจุพระศพจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นตำนานที่แต่งขึ้น จนกระทั่งมีการพบสารปรอทในปริมาณที่มากผิดปกติใต้เขตภูเขาหลี ทำให้มีนักโบราณคดีคิดว่า เรื่องแม่น้ำปรอทที่นักเขียนชื่อว่า สื่อหม่าเฉียน เขียนบรรยายไว้นั้นอาจจะเป็นเรื่องจริงที่สื่อหม่าเฉียนบันทึกไว้เมื่อสองพันปีก่อน แต่ก็ยังไม่มีการค้นพบอะไรจริงจัง

กระทั่ง ค.ศ.1974 ไม่ไกลจากนครซีอาน เมืองหลวงของมณฑลชานสี ชาวไร่คนหนึ่งขุดพื้นดินห่างจากภูเขาหลี 1 กิโลเมตรเพื่อจะปลูกผัก จอบก็ไปกระทบกับวัตถุแปลกประหลาด รัฐบาลจีนจึงส่งนักโบราณคดีเข้ามาขุดพื้นที่แถบนี้ และก็พบหุ่นกองทหารดินเผาจำนวนหลายพันตัว หุ่นพวกนี้ปั้นเพื่อทำหน้าที่อารักขาจิ๋นซีฮ่องเต้มานานกว่าสองพันปี การค้นพบสุสานของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ทำให้เรารู้ประวัติศาสตร์จีนเมื่อหลายพันปีที่แล้ว

ยังมีการขุดค้นพบสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่งครับ เช่นการเจอพระราชวังของมิโนทอร์ที่คนอสซอสซึ่งเป็นต้นรากของมหากาพย์ของชาวกรีก การค้นพบนครเจอริโคในพระคัมภีร์โดยนักโบราณคดีหญิงคัทริน แคนยอน ซึ่งเธออาศัยอ่านจากพระคัมภีร์ไบเบิลแล้วก็นำไปขุดค้นหาซากนครโบราณ จึงพบหลักฐานที่ทำให้เราทราบว่ากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนย้ายชาวฮิบรูในแคว้นยูดายไปสู่กรุงบาบิโลนเมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว

การพบเมืองโบราณในแต่ละแห่ง เป็นการสร้างทรัพยากรการท่องเที่ยวทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ให้กับประเทศ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเราก็เป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้บริเวณอื่นของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไทย กัมพูชา และลาว ที่มีอาณาจักรและนครรัฐโบราณอยู่มากมายหลายแห่ง แต่ทุกวันนี้ ประชาชนคนส่วนหนึ่งได้เข้าไปครอบครองเป็นเจ้าของแผ่นดินโดยไม่มีความรู้ด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี บางครั้ง การพัฒนาที่ดินเพื่อใช้ทำมาหากินของท่านเหล่านั้น ได้ทำลายโบราณวัตถุและโบราณสถานอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปเป็นจำนวนไม่น้อย

กัมพูชาวันนี้เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยนักสำรวจนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ออสเตรเลีย อินเดีย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฯลฯ ที่ต่างเข้าไปทำงานเพื่อค้นหาอาณาจักรและเมืองโบราณ ไม่นานมานี้มีการเจอกรุงหริหราลัยบนเทือกเขามเหนทรบรรพต จ.เสียมราฐ เป็นทรัพยากรการท่องเที่ยวใหม่ที่จะนำความมั่งคั่งจากการท่องเที่ยวมาให้กัมพูชาอย่างต่อเนื่องยาวนานไม่รู้จบสิ้น

การเชื่อมโยงกรุงโบราณและสถานที่โบราณต่างๆของ กัมพูชากับเมืองและสถานที่ประเทศไทยนั้น ยังทำกันน้อยมาก ทุกวันนี้เราขายทรัพยากรการท่องเที่ยวทางธรรมชาติและขายการร้องรำทำเพลง บาร์เบียร์ อะโกโก และนวดแผนไทย กันเสียส่วนมาก แต่เรื่องทรัพยากรการท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ทางโบราณคดีและโบราณสถาน ยังทำกันน้อยไปหน่อยครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

สารพัดเรื่องในกัมพูชา (3)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 22 มิ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/643112

 

พระมหาเข้ม จิตฺตธมฺโม เจ้าอาวาสวัดป่าคลองกุ้ง ขณะมีอายุ 40 ปี ได้รับนางเชื้อน อยู่พร้อม หญิงชนบทที่พาลูกชายคนโตไปฝากอยู่วัดเพื่อให้ได้เรียนหนังสือ ปัจจุบันพระมหาเข้มท่านนั้นคือ พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ เด็กวัดคนนั้นก็คือ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์

พฤหัสบดีพรุ่งนี้ พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (เข้ม จิตฺตธมฺโม) จะมีอายุ 80 ปี 60 พรรษา มีพิธีบำเพ็ญกุศลอสีติวัสสายุวัฒนมงคล จิตฺตธมฺมมหาเถร ที่วัดป่าคลองกุ้ง อ.เมือง จ.จันทบุรี เชิญศิษย์ท่านพ่อมหาเข้มไปพร้อมเพรียงกันตั้งแต่เช้าตรู่ครับ

ไม่กี่วันก่อน รัฐสภายุโรปขอให้รัฐบาลกัมพูชาเลิกฟ้องฝ่ายค้านและปล่อยนักโทษการเมือง สมเด็จฮุนเซ็นสวนรัฐสภายุโรปไปทันที ว่าคุณรู้จักคำว่าอธิปไตยไหม? อธิปไตยของประเทศใครของมัน ผมไม่ไปยุ่งกับประเทศคุณ คุณก็อย่ามายุ่งกับประเทศผม

รัฐสภายุโรปขู่ว่าจะตัดความช่วยเหลือกัมพูชา ถ้าเป็นเมื่อก่อน สมเด็จฮุนเซ็นก็คงเงียบ แต่ตอนนี้แกไม่เงียบแล้วครับ สมเด็จฮุนเซ็นสวนกลับว่า รัฐบาลกัมพูชาไม่เคยได้รับความช่วยเหลืออะไรจากพวกคุณเลย เงินที่สหภาพยุโรปให้มา ส่วนใหญ่จะไปลงที่พวกเอ็นจีโอ ก็พวกองค์กรเอกชนทั้งหลาย

“พวกเอ็นจีโอในประเทศนี้” สมเด็จฮุนเซ็นพูด “กินเงินเดือนกันคนละเป็นพันดอลลาร์ เงินที่คุณส่งมาช่วยเหลือไม่เคยมาถึงรัฐบาล เอ็นจีโอเป็นคนคุมเงินทั้งหมด คุณจะตัดงบช่วยเหลือก็เชิญ เพราะคนที่ตายไม่ใช่รัฐบาล แต่เป็นพวกคนที่ทำงานเป็นเอ็นจีโอ”

สมเด็จฮุนเซ็นแสดงออกอย่างเปิดเผยว่า ชาติที่ช่วยกัมพูชานั้น ไม่ใช่ฝรั่งมังค่า แต่เป็นจีน แกจึงไม่สนยุโรป กัมพูชาเรียกจีนว่ามหามิตร ทุกครั้งที่กัมพูชาต้องการเงิน จีนก็จะส่งเงินมาช่วย ทั้งให้เปล่า ทั้งให้กู้ ส่วนยุโรปนั้น นอกจากไม่ช่วยแล้ว ยังบีบอีก

สหภาพยุโรปฟังสมเด็จฮุนเซ็นแล้วก็เงียบ แต่ที่หนาวจนจับขั้วหัวใจคือพวกเจ้าของโรงงานผลิตเสื้อผ้าและรองเท้าที่รับจ้างผลิตสินค้าแบรนด์เนมให้กับบริษัทจากสหภาพยุโรป ถ้าสมเด็จฮุนเซ็นไปท้าทายสหภาพยุโรปมากๆ กัมพูชาก็อาจจะโดนสหภาพยุโรปตัดสิทธิพิเศษทางภาษี ถ้าโดนตัดจีเอสพีเมื่อใด เศรษฐกิจกัมพูชาจะต้องล่มจมเละเทะตุ้มเป๊ะแน่ พวกโรงงานตายทำให้พวกคนงานตาย พวกเอ็นจีโอนั้นไม่ตายดอกครับ

เงินเดือนโดยเฉลี่ยของคนงานในโรงงานผลิตเสื้อผ้าและรองเท้าในกัมพูชาอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ นี่รวมทั้งค่าล่วงเวลาแล้วนะครับ คนงานประท้วงกันบ่อยๆ ว่าขอขึ้นไป 120 ดอลลาร์ แต่รัฐบาลไม่ให้ เพราะกลัวว่าถ้าค่าแรงสูง โรงงานทั้งหลายจะย้ายไปเมียนมา

ขณะที่กดค่าแรงกรรมกร สมเด็จฮุนเซ็นกลับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการครู เมื่อก่อนครูได้เงินเดือนพันกว่าบาท แต่เดี๋ยวนี้ ครูมัธยมได้เงินเดือน 250 ดอลลาร์ มากถึงหนึ่งล้านเรียล เป็นเงินไทยก็ถึงหนึ่งหมื่นบาท

บรรดาข้าราชการทุกกระทรวงทบวงกรม เงินเดือนเริ่มต้นของครูสูงที่สุด สูงกว่าศาล สูงกว่าแพทย์ สูงกว่าศุลกากร คนกัมพูชาจึงแย่งกันเป็นครู การสอบเข้าครูค่อนข้างยาก และประชาชนก็ไม่รังเกียจที่จะให้ครูมีเงินเดือนสูงๆ

ตอนที่มีเรื่องพระวิหารกับไทย กระแสของสมเด็จฮุนเซ็นขึ้นสูงมาก เป็นผลทำให้การเลือกตั้ง 27 กรกฎาคม 2551 พรรคของสมเด็จฮุนเซ็นได้ ส.ส. มากถึง 90 คน (จาก 123 คน) ความลืมตัวทำให้แกกร่างและความนิยมหายไป

แต่ตอนนี้ สมเด็จฮุนเซ็นกลับมาได้รับความนิยมสูงขึ้น เพราะการเปลี่ยนพฤติกรรม ตอนเช้าๆ แกจะมาออกกำลังกายกับชาวบ้าน บางทีก็เดินไปซื้อของแบบคนธรรมดา

ในอดีต สมเด็จฮุนเซ็นไม่เคยจ่ายตลาด แต่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นสมเด็จฮุนเซ็นไปเดินจ่ายตลาดซื้อข้าวของ การ
ใกล้ชิดกับประชาชนทำให้กระแสเปลี่ยน

สมเด็จฮุนเซ็นรู้ดีว่า รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับวัยรุ่น เพราะวัยรุ่นโตขึ้นทุกวัน ส่วนฐานคะแนนเดิมของพรรคประชาชนเป็นพวกคนรุ่นก่อนที่ทยอยตาย

วันนี้ สมเด็จฮุนเซ็นจึงหันมาดูความต้องการของคนรุ่นใหม่ด้วย

แกเชื่อว่า คนรุ่นใหม่จะทำให้พรรคประชาชนคงอยู่ต่อไปครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

สารพัดเรื่องในกัมพูชา (2)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 21 มิ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/642295

 

ร.ร.ธรรมศาสน์วิทยามูลนิธิ หมู่บ้านน้ำตกนกรำ ม.1 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง รับนักเรียน ม.1-6 ที่พ่อแม่มีรายได้น้อย พ่อแม่หย่าร้างหรือตาย ฯลฯ ให้เรียนฟรี ที่พักและอาหารฟรี 3 มื้อแก่นักเรียนทุกคน โดยใช้งบอุดหนุนรายหัวของรัฐ + เงินบริจาค มีนายหร้อหมาน โต๊ะราหนี รองประธานกรรมการอิสลาม จ.พัทลุง เป็นผู้บริหาร ท่านใดมีจิตศรัทธาจะช่วยเหลือติดต่อไปที่โรงเรียน โทร.08-9296-4764 ครับ

เดือนก่อน นักศึกษากลุ่มสเรยจำเริญเรียกร้องให้นายกึม ซกคา รองหัวหน้าพรรคกู้ชาติกัมพูชา ออกมาอธิบายขยายความให้สังคมได้รับความกระจ่างสว่างใจในกรณีที่มีภาพและเสียงของนายกึมกับสตรีคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่ภรรยา ทั้งภาพและเสียงสื่ออย่างชัดถนัดแจ้งว่า คนทั้งสองมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวอย่างลึกซึ้ง ซึ่งผิดกฎหมายกัมพูชาที่กำหนดให้ชายมีภรรยาได้เพียงคนเดียว ถ้าจะมีภรรยาใหม่ ต้องหย่าขาดกับภรรยาเดิมเสียก่อน

แม้ภรรยาจะไม่ฟ้อง หากมีผู้อื่นร้องถึงความสัมพันธ์ฉันชู้สาวที่ว่าก็สามารถนำตัวฝ่ายชายขึ้นสู่ศาลได้ กรณีของนายกึม นอกจากจะทำผิดกฎหมายแล้ว นายกึมยังมีสถานะเป็นรองหัวหน้าพรรคกู้ชาติกัมพูชา ซึ่งเป็นพรรคอันดับสองที่มี ส.ส.มากถึง 55 คน ทุกครั้งที่กลุ่มสเรยจำเริญและสังคมเรียกร้อง นายกึมจะต้องบ่ายเบี่ยงไปพูดประเด็นอื่น

หลังจากปฏิเสธมาหลายสัปดาห์ กิ๊กของนายกึมก็ออกมายอมรับถึงความสัมพันธ์ จากนั้นกลุ่มต่างๆที่ต่อต้านนายกึมก็ไปแจ้งความ เมื่อศาลออกคำสั่งให้นายกึมไปให้การ นายกึมไม่ยอมไป ศาลจึงออกหมายจับ นายกึมหลบเข้าไปอยู่ในที่ทำการพรรคกู้ชาติกัมพูชา โดยมีสมาชิกพรรคจำนวนพันไปกินนอนอยู่ในนั้น ทำหน้าที่เป็นกำแพงมนุษย์ไม่ให้ตำรวจเข้าถึงตัวนายกึม ตำรวจไม่กล้าเข้าไปด้วยเกรงว่าจะบานปลายกลายเป็นเหตุปะทะกัน

หลายคนสงสัยว่า กลุ่มสเรยจำเริญเป็นเพียงนักศึกษา ทำไมจึงมีอุปกรณ์ดักฟัง หรือนักศึกษากลุ่มนี้ถูกซื้อตัวและถูกใช้งานโดยรัฐบาลไปเรียบร้อยแล้ว?

สองปีที่ผ่านมา น.ส.ที สุวันทา คอมเมนต์ในเฟซบุ๊กโจมตีรัฐบาลอย่างดุเด็ดเผ็ดมันจนแฟนเพจเข้ามากดไลค์ให้เธอหลายแสน น.ส.ที เป็นไอดอลของฝ่ายค้านกัมพูชาที่สามารถสั่นคลอนความนิยมของรัฐบาลได้มากที่สุด การสอบไล่ชั้นมัธยม 6 ครั้งล่าสุด น.ส.ที สอบตก คนเป็นจำนวนมากเชื่อว่ารัฐบาลดิสเครดิต น.ส.ที ด้วยเรื่องสอบไม่ผ่านมัธยมปลาย

เดือนนี้มีเรื่องแปลก ผู้สนับสนุนฝ่ายค้านอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูอย่าง น.ส.ที กลับหันมาโจมตีนายกึม นอกจากเรื่องความสัมพันธ์ที่ผิดกฎหมายแล้ว น.ส.ที ยังโจมตีว่านายกึมเอาชื่อของเธอไปเรี่ยไรขอการสนับสนุนจากคนกัมพูชาในต่างประเทศ สัปดาห์ที่ผ่านมา มีขบวนการแนะนำประชาชนถึงการ unlike แฟนเพจของ น.ส.ที โดยสร้างเงื่อนงำความสงสัยว่า น.ส.ที ถูกซื้อตัวโดยฝ่ายรัฐบาลไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้ น.ส.ทีจึงมีแฟนเหลือน้อยมาก

การเมืองกัมพูชาพัฒนามาจนถึงขั้นเป็นระบบ 2 พรรคสมบูรณ์ การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ พ.ศ.2556 พรรคประชาชนได้ ส.ส. 68 คน พรรคกู้ชาติที่มีนายสม รังสี เป็นหัวหน้า และนายกึม ซกคา เป็นรองหัวหน้า ได้ ส.ส. 55 คน นอกนั้นไม่มีพรรคไหนได้ ส.ส.เลย

ปีที่แล้ว ความนิยมของสมเด็จฮุนเซ็นและพรรคประชาชนตกต่ำมาก ทุกคนทำนายทายทักว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไปใน พ.ศ.2561 สมเด็จฮุนเซ็นแพ้แน่ แต่หลังจากที่มีเทคโนโลยีใหม่ Facebook Fanpage Live ที่แพร่ภาพสดกิจกรรมของสมเด็จฮุนเซ็นตั้งแต่เช้าจดเย็น ทำให้ความนิยมในสมเด็จฮุนเซ็นกลับมาเด่นกว่าเก่ามาก ผมเองก็เป็น 1 ใน 4.42 ล้านคน ที่เป็นแฟนเพจ Samdech Hun Sen, Cambodian Prime Minister ยอมรับครับ ว่าวันไหนไม่ได้ดูกิจกรรมของสมเด็จฮุนเซ็น ก็เหมือนขาดสิ่งสำคัญไปอย่างหนึ่ง

วัยรุ่นกัมพูชาวันนี้ คลั่งดาราน้อยกว่าคลั่งนายกรัฐมนตรีของตนเอง ผู้อ่านท่านเข้าไปดูเองเถิด มีทั้งผู้ที่คอมเมนต์เป็นภาษากัมพูชา ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศส ไม่ใช่เฉพาะคนกัมพูชาเท่านั้น คนต่างชาติก็เป็นแฟนของสมเด็จฮุนเซ็นจำนวนมาก

ส่วนฝ่ายค้าน แม้ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีการศึกษาดี แต่มีพฤติกรรมเก่า ที่เอาแต่ค้านและโจมตีทุกเรื่อง วันนี้กลายเป็นกลุ่มตกโลกที่เหี่ยวหายลงไปทุกวัน.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

สารพัดเรื่องในกัมพูชา (1)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 20 มิ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/641833

 

23 มิถุนายน พฤหัสบดีที่จะถึง ที่จันทบุรีมีงานบำเพ็ญกุศลอสีติวัสสายุวัฒนมงคล จิตธมฺมมหาเถร ครบ 80 ปี 60 พรรษา พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (ท่านพ่อมหาเข้ม จิตธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดป่าคลองกุ้ง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด (นายวิทูรัช ศรีนาม) ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (พล.ร.ท.รัตนะ วงษาโรจน์) ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน) และศิษยานุศิษย์ จะไปวัดป่าคลองกุ้งกันครบ ตั้งแต่ 07.00-10.00 น. มีกิจกรรมทั้งฟังธรรมเทศนา ปฏิบัติธรรม ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์สามเณร 139 รูป และทอดผ้าป่าสามัคคีจัดซื้อเครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง

ขณะนี้ พวกผมป้วนเปี้ยนอยู่แถวชายแดนไทย-กัมพูชา ฝั่งกัมพูชากำลังมีประเด็นร้อนกับคนไทยในเรื่องที่ว่าใครเป็นเจ้าของ “โขน” แต่เป็นประเด็นระดับประชาชน ส่วนรัฐบาลกัมพูชายังนิ่ง คนกัมพูชาจำนวนไม่น้อยอ่านภาษาไทยออก เข้ามาเล่นโซเชียลมีเดียที่โต้ตอบกันเป็นภาษาไทยแล้วก็เอาไปขยายผลต่อเป็นภาษาเขมร

ในเฟซบุ๊กของคนไทยหลายท่านทำไม่เหมาะ ท่านเอาธงชาติกัมพูชาบ้าง เอาพระบรมฉายาลักษณ์ของกษัตริย์กัมพูชาบ้าง ไปประกอบกับสิ่งต่ำเพื่อสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับคนกัมพูชา โดยไม่ได้นึกถึงเลยว่า ท่านได้สร้างความขัดแข้งระหว่างประชาชนคนทั้งสองประเทศ ท่านเอาธงชาติกัมพูชาไปอยู่กับอุจจาระสุนัข ท่านคิดว่าคนกัมพูชาจะยอมหรือ? ท่านทำให้ธุรกิจของคนไทยในกัมพูชาถูกต่อต้าน และก็กำลังจะแพ้คู่แข่งชาติอื่น

โขนไม่ได้มีเฉพาะในไทยและกัมพูชาเท่านั้นนะครับ ไปที่อินโดนีเซียก็มี เมียนมา ลาว อินเดีย ก็มี ถือว่าเป็นวัฒนธรรมร่วมและเป็นภูมิปัญญาที่หลายประเทศมีคล้ายกัน กัมพูชาเคยเอาหนังใหญ่ (สแบกธม) ไปเป็นมรดกทางวัฒนธรรมประจำชาติ ถึงแม้กัมพูชาเอาไปทำแล้ว อินโดนีเซียกับไทยก็ดำเนินการได้เช่นเดียวกัน เรื่องโขนก็เหมือนกัน

ไทยเป็นสมาชิกภาคีอนุสัญญาว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เราจึงมีสิทธิ์เสนอมรดกทางภูมิปัญญาให้ยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของโลก หรือมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของโลก

ปกติการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกมี 2 ประเภทนะครับ ทั้งประเภทที่ 1.อยู่ในประเทศเดียว และ 2.ในหลายประเทศมีคล้ายกัน อย่างการเต้นแทงโก้ ทั้งอุรุกวัย เปรู และอาร์เจนตินา ต่างก็ไปขึ้นทะเบียนไว้หมด เรื่องอย่างนี้ผมว่ารัฐบาลไทยควรจะส่งคนไปเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาและออกแถลงการณ์ร่วม รวมทั้งอรรถาธิบายขยายความให้ประชาชนคนทั้งสองประเทศเข้าใจ ก่อนที่จะมีความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากน้ำผึ้งหยดเดียว

ปีที่แล้ว ผมเคยทำนายทายทักว่าการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาใน พ.ศ.2561 พรรคประชาชนกัมพูชาของสมเด็จฮุนเซนอาจจะแพ้พรรคกู้ชาติกัมพูชาของนายสม รังสี กับนายกึม ซกคา พอมาถึงปีนี้ สถานการณ์เปลี่ยนครับ

ตั้งแต่สมเด็จฮุนเซนแพร่ภาพกิจกรรมส่วนตัวทางแฟนเพจไลฟ์ ความนิยมของสมเด็จฮุนเซนกลับเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ตอนนี้รัฐบาลฟ้องพวกฝ่ายค้านหลายคดี ถ้าเป็นเมื่อก่อน ประชาชนจะไม่เห็นด้วย แต่เท่าที่ผมสำรวจตรวจดูกระแส คนกลับเชียร์รัฐบาล

การเลือกตั้งครั้งล่าสุด พรรคประชาชนกัมพูชาของฮุนเซนได้ ส.ส. 68 คน พรรคกู้ชาติกัมพูชาที่มีนายสม รังสี เป็นหัวหน้าและนายกึม ซกคา เป็นรองหัวหน้า ได้ ส.ส. 55 คน ตอนนี้ นายกึม กำลังแย่ เพราะศาลสั่งให้ตำรวจเข้าไปจับ นายกึมเข้าไปหลบอยู่ในที่ทำการพรรคโดยมีสมาชิกพรรคหลายพันเข้าไปอยู่ไปกินเป็นกำแพงมนุษย์ให้ ทำให้ตำรวจไม่กล้าปฏิบัติการจับกุม เพราะถ้าจับกุมก็ต้องปะทะกับประชาชน และจะต้องมีการตายเกิดขึ้น

ไทยกับกัมพูชามีอะไรคล้ายกันหลายอย่าง อาหารก็คล้ายกัน มีวัฒนธรรมคล้ายกัน การแสดงไม่ว่ารำ โขน หนังใหญ่ ฯลฯ เหมือนแทบจะแยกกันไม่ออก

แม้แต่วิธีการป้องกันการถูกจับกุม ก็ยังเหมือนกันอีก

นายกึมมีภรรยาแล้ว แต่มีสัมพันธ์กับสตรีอื่น ซึ่งตามกฎหมายกัมพูชาถือว่านายกึมทำผิดกฎหมายอาญา แม้ภรรยาของนายกึมไม่ฟ้องร้อง แต่ถ้ามีผู้อื่นที่ทราบการกระทำผิดไปแจ้งความดำเนินคดี นายกึมก็ไม่รอด เรื่องนี้ ผมจะมารับใช้ท่านต่อในวันพรุ่งนี้ครับ

จันทร์วันนี้ 13.00-16.00 น. ม.เกษตรศาสตร์ เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “อนาคตสินค้าเกษตรไทย” ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ แล้วเจอกันนะครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

เส้นทางน่าน-หลวงพระบาง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 17 มิ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/640112

 

รศ.ดร.รัฐบุรุษ คุ้มทรัพย์ อธิการบดีวิทยาลัยนครราชสีมา จัดประชุมวิชาการและเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2559 “ก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 : บูรณาการงานวิจัย ใช้องค์ความรู้ สู่ความยั่งยืน” และเชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ปาฐกถาพิเศษ “เปิดโลกการศึกษาสู่ศตวรรษที่ 21” 09.00-10.30 น. 17 มิถุนายน 2559 ที่วิทยาลัยฯ จ.นครราชสีมา

พฤษภาคม 2535 รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ขณะนั้นเป็นคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ฝากให้พ่อผมซึ่งกำลังเป็นนิสิตปริญญาเอก พาตระเวนกรุงมอสโก และนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เพื่อเก็บข้อมูลประเทศที่เพิ่งล่ม นำไปสอนที่ ม.ธรรมศาสตร์ ปัจจุบัน รศ.ดร.วรากรณ์เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ที่เรียกชื่อย่อว่า เนด้า ท่านชวนพ่อผมเดินทางจากจังหวัดน่านเข้า สปป.ลาว เพื่อดูโครงการก่อสร้างถนนจากบ้านนาปุง เมืองหงสา แขวงไชยะบุรี ไปที่บ้านเชียงแมน เมืองจอมเพชร แขวงหลวงพระบาง ระยะทาง 114 กม. ซึ่งรัฐบาลไทยโดยเนด้าให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ สปป.ลาว 1,977 ล้านบาท ไปก่อสร้าง

เดิม การขับรถจากน่านไปหลวงพระบางต้องใช้เวลานานกว่า 8 ชม. ถ้าเส้นทางสายนี้เสร็จ ก็จะใช้เวลาเพียง 4.5 ชม. เท่านั้น เราสามารถขับรถจากจุดผ่านแดนห้วยโก๋นถึงเมืองหลวงพระบางด้วยเวลาเพียง 2.5 ชม. และเดินทางจากจังหวัดน่านไปยังกรุงฮานอยเมืองหลวงของเวียดนามได้ไวขึ้น หรือจะขับขึ้นไปที่เมืองเชียงรุ่งของจีนก็ใช้ระยะเวลาน้อยลง

เส้นทางสายนี้จะเสร็จประมาณ 30 เมษายน 2561 พ่อคุยกับนายแพง ดวงเงิน และนายปอทอง โงนพะจัน อธิบดีและรองอธิบดีกรมขัวทาง (กรมทางหลวง) ของ สปป.ลาว ท่านให้ข้อมูลว่า ถนนเสร็จเมื่อใด การท่องเที่ยวน่านและหลวงพระบางจะบูมขึ้นอีกหลายเท่า สองข้างถนน 114 กม. จะเต็มไปด้วยร้านอาหาร ที่พัก สถานีให้บริการน้ำมัน ฯลฯ

11 มิถุนายน 2559 พวกเรามีโอกาสพบกับนายคำขัน จันทะวิสุข เจ้าแขวง (ผู้ว่าราชการ) หลวงพระบาง และนางสิริพอน สุพันทอง ผู้อำนวยการ สำนักการวางแผนและการลงทุน แขวงหลวงพระบาง ก็ได้ข้อมูลว่า ตั้งแต่ได้รับการประกาศเป็นเมืองมรดกโลก หลวงพระบางบูมด้านการท่องเที่ยวมาก นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ แขวงหลวงพระบางอยากจะได้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ โรงแรม เกสต์เฮาส์ รีสอร์ต ร้านอาหาร ภัตตาคาร ฯลฯ ก็อยากให้ล้วนมีคุณภาพระดับสากล ที่สำคัญที่สุดก็คือ ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ ที่จะใช้ประกอบอาหารผลิตจากหลวงพระบางได้ไม่พอ จำเป็นต้องนำเข้าจากที่อื่น ทำให้มีราคาแพง

ความเป็นเมืองมรดกโลก ทำให้การก่อสร้างอาคาร การทำเรือกสวนไร่นาในแขวงหลวงพระบางต้องเป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับของยูเนสโก ถ้าเส้นทางจากน่านไปหลวงพระบางเสร็จ ก็สามารถทำเรือกสวนไร่นา ปศุสัตว์ ที่ผลิตภัณฑ์ถูกขนส่งไปยังเมืองหลวงพระบางได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว นี่ก็เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่นักลงทุนไทยจะเข้าไปร่วมกับนักลงทุนลาว ผลิตวัตถุดิบอาหารป้อนนักท่องเที่ยวในเมืองมรดกโลกหลวงพระบาง

รศ.ดร.วรากรณ์บอกพ่อผมว่า “มาลาวครั้งนี้ มีแต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ฝ่าย สปป.ลาว เป็นเพื่อนคุณทั้งนั้น เพราะเคยเรียนอยู่ที่เดียวกัน คุณน่าจะแนะนำคนไทยให้มาสำรวจเส้นทางแถบนี้อย่างละเอียด เพื่อประโยชน์ในการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวตามกรอบ ACMECS Tourism Transport Corridor และเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งในภูมิภาค และอนุภูมิภาคให้สมบูรณ์ คล่องตัว และมีประสิทธิภาพขึ้นนะครับ”

พ่อผมสัญญากับ รศ.ดร.วรากรณ์และผู้ใหญ่ฝ่ายลาว ว่าจะมาดูความก้าวหน้าการก่อสร้างเป็นระยะ นี่ก็เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ผมอยากเรียนผู้บริหารระดับต่างๆ ในภาคอีสานและภาคเหนือของไทยให้ส่งคนไปตระเวนสำรวจโอกาสการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน การคมนาคมขนส่งที่เชื่อมจังหวัดของท่านไปยัง สปป.ลาว เวียดนาม และจีน

สิบปากว่า ไม่เท่าหนึ่งตาเห็น หลายท่านวางยุทธศาสตร์จังหวัดจากเอกสารและการประชุม ผมว่าไม่พอครับ พ่อผมสั่งช่างภาพถ่ายทำเส้นทางเชื่อมโยงภูมิภาคนี้ไว้โดยละเอียด นอกจากนำมารับใช้ในรายการเปิดเลนส์ส่องโลก และเวิลด์บียอนด์เดินทางสร้างชาติ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 แล้ว ก็ยังนำไปใช้ในการบรรยายที่พ่อผมออกไปพูดทุกจังหวัดทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้

ผมมีแผนจะเดินทางเก็บข้อมูลตามเส้นทางน่าน-หลวงพระบาง (ลาว) และเส้นทางน่าน-เดียนเบียนฟู (เวียดนาม)-ฮานอยอีกหลายครั้ง และก็จะนำข้อมูลมารับใช้ท่านผู้อ่าน ท่านผู้ชม และท่านผู้ฟัง ในโอกาสต่อไปครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

กรุงหริหราลัยใหญ่กว่าที่คิด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 16 มิ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/639396

 

พฤหัสบดีวันนี้ 13.00-16.00 น. ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “สถานการณ์โลกปัจจุบันกับบทบาทการพัฒนาท้องถิ่น” รับใช้นักบริหารงานท้องถิ่น รุ่นที่ 81 ที่สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น จ.ปทุมธานี

ตอนแรก ผมกะจะเขียนรับใช้เรื่องที่ได้มีโอกาสพบกับนายแพง ดวงเงิน และนายปอทอง โงนพะจัน อธิบดีและรองอธิบดี กรมขัวทาง (กรมทางหลวง) กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว นายคำขัน จันทะวิสุข เจ้าแขวง (ผู้ว่าราชการ) หลวงพระบาง นางสิริพอน สุพันทอง ผู้อำนวยการสำนักการวางแผนและการ
ลงทุน แขวงหลวงพระบาง ฯลฯ ซึ่งผมได้มีโอกาสพบระหว่าง 10-11 มิถุนายน 2559

มีเรื่องดังระดับโลกมาแทรก เกี่ยวกับศาสตราจารย์เดเมียน อีแวนส์ ผอ.ศูนย์วิจัยทางโบราณคดี ม.ซิดนีย์ ไปให้รายละเอียดที่ราชสมาคมภูมิศาสตร์ในกรุงลอนดอน และกำลังจะตีพิมพ์การค้นพบ เมืองโบราณลงในวารสาร Journal of Archeological Science

ปีที่แล้ว พ่อผมพาคณะไปเรียชเธียนี แดลบาน บัดบอง หรือราชธานีที่หายสาบสูญ และเพิ่งค้นพบ The Lost City เมืองโบราณของกัมพูชาที่หายสาบสูญไปมากกว่า 1,200 ปี พ่อและคณะไปสำรวจมาแล้วหลายครั้ง ในตอนแรกๆ ต้องไปกินไปนอนในเต็นท์ ในศาลาวัดเรียลเปรียะกราล หรือบางทีก็ไปอาศัยนอนตามบ้านผู้คนในหมู่บ้านจบเลอ อ.สวายเลอ จ.เสียมราฐ หลายคนบอกว่าลำบากแต่สนุก ทว่าเมื่อได้เห็นเมืองโบราณในสภาพเดิมที่สุด ที่ยังไม่มีการพัฒนา และได้เห็นกรุงหริหราลัยในสภาพกลางป่าดงดิบ ก็หายเหนื่อย

ตอนนี้ทีมงานฝรั่งค้นพบเพิ่มเติมว่า กรุงหริหราลัย เมืองหลวงที่สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 นั้น ใหญ่เท่ากรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชาในปัจจุบัน และการค้นพบอาคารเก่าและโบราณวัตถุกินอาณาบริเวณมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นไปได้นะครับ ว่าบั้นปลายท้ายที่สุด อาจจะมีมหานครโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรานี่เอง และถ้าเราค้นคว้าหาหลักฐานเชื่อมโยงกับจังหวัดและอำเภอในประเทศของเรา เราก็อาจจะสร้างความมั่งคั่งจากการท่องเที่ยวได้อย่างมโหฬารแบบที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน

ทรัพยากรการท่องเที่ยวยิ่งใหญ่ของโลกที่เจอกันใหม่แห่งนี้ เราสามารถจะเชื่อมโยงกับรัฐเล็กๆ ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 11-16 ของอาณาจักรทวาราวดี เช่น เมืองคูสวรรค์ (สิงห์บุรี) เมืองจันเสนและโคกไม้เดน (นครสวรรค์) เมืองหนองแซง (สระบุรี) เมืองดงพระศรีมหาโพธิ์ หรือเมืองศรีวัตสะปุระ (ปราจีนบุรี) เมืองศรีเทพหรือเขาถมอรัตน์ (เพชรบูรณ์) เมืองคูบัว (ราชบุรี) เมืองฟ้าแดดสงยาง (กาฬสินธุ์)

ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ นายกเทศมนตรี และท่านที่อยากจะเชื่อมท้องถิ่นไปสู่การท่องเที่ยวโลก ก็ทำได้ครับ โดยการลงมือศึกษาเรื่องราวของเมืองต่างๆ ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 12–19 ซึ่งเป็นยุคที่อาณาจักรต่างๆ อย่างอาณาจักรศรีวิชัยรุ่งเรือง ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปที่เชื่อมกับเกาะสุมาตรา ชวา เกาะใกล้เคียง ฯลฯ และนำมาใช้ประโยชน์

ที่ผมเห็นว่าเป็นโอกาสอีกด้วยก็คือ อาณาจักรลพบุรีที่ร่วมสมัยกับอาณาจักรทวาราวดี อาณาจักรโยนกเชียงแสน และอาณาจักรทางภาคอีสานของไทย อย่างอาณาจักรเจนละ ซึ่งเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองในพุทธศตวรรษที่ 11-13

16-19 กรกฎาคม 2559 เวลา 3 คืน 4 วัน เป็นวันหยุดยาวของไทย พวกผมเตรียมสำรวจกรุงหริหราลัยซ้ำอีกรอบหนึ่ง เพื่อนำความรู้มาบรรยายให้กับหลักสูตรของสถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น และสถาบันอื่นๆ การเดินทางครั้งนี้ ก็รับบุคคลภายนอกที่จะนำความรู้ไปพัฒนาจังหวัดและเมืองของท่าน ไม่เกิน 15 คน ใครสนใจก็ติดต่อที่ 09-8262-9293

ขณะนี้เราต้องสู้กับบริษัทท่องเที่ยวของเกาหลี ญี่ปุ่น จีน อินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ที่จ้องกรุงหริหราลัยกันตาเป็นมัน และต่างก็คิดว่า กรุงโบราณที่เจอใหม่นี้เพียงเมืองเดียวจะสร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาลต่อปีต่อเนื่องไปอีกยาวนาน

เสียดายที่คนไทยยังบุกเข้าไปสำรวจกรุงนี้กันน้อยมาก พวกที่ไปกินไปนอนอยู่กลางป่าดงพงไพรมีเพียงกลุ่มที่เดินทางกับพ่อผมเท่านั้น เราอยู่ในสถานะใกล้เกลือกินด่าง ผมจึงขอใช้โอกาสนี้ เข้าไปร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้นำท้องถิ่นเพื่อสร้างและเชื่อมโปรดักส์การท่องเที่ยวของท่านกับทรัพยากรการท่องเที่ยวระดับโลกที่เพิ่งเจอใหม่นี้.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

ทัศนะคับแคบสร้างความรุนแรง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 15 มิ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/638691

 

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระชนมพรรษา ครบ 84 พรรษา 7 รอบ ในวันที่ 12 สิงหาคม 2559 และจะครบ 60ปีที่ทรงดำรงตำแหน่งสภานายิกาสภากาชาดไทย เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สภากาชาดไทย + วัดบวรนิเวศวิหาร จัดสร้าง “พระพุทธรูปปางรำพึงประจำพระชนมวาร” และเหรียญพระ “สมเด็จนางพญา” ขึ้น ร่วมบริจาคและสั่งจองได้ที่ 0-2251-7804 และ 0-2256-4440 หรือที่ http://www.redcrossfundraising.org รายได้จากการบริจาคจะร่วมสมทบทุนในการจัดหาอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ให้ผู้ป่วยของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถวายเป็นพระราชกุศลครับ

วันนี้ 09.30-10.45 น. ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “มิติต่างประเทศกับผู้บริหาร พม.” รับใช้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว. พม. และผู้บริหารระดับรองอธิบดีขึ้นไป 65 คน ที่ห้องประชุม สป.1 ของกระทรวงฯ พอถึง 13.00-16.00 น. พูด “อาเซียนกับการบริหารงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ที่สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น ปทุมธานี

ศุกร์ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา คริสติน่า กริมมี่ นักร้องดาวรุ่งจากเดอะวอยซ์ แสดงคอนเสิร์ตเสร็จ ก็เดินไปพบปะและแจกลายเซ็น ไม่มีใครคิดมาก่อนนะครับ ว่า ขณะที่คริสติน่าจะสวมกอดนายเควิน เจมส์ ลอยเบิล อายุ 27 ปี ในฐานะแฟนเพลง เธอกลับถูกยิงสวนมาถึง 5 นัด นัดหนึ่งเข้าที่ศีรษะ จากนั้นคนร้ายก็ใช้ปืนนั้นยิงตัวเองตาย คริสติน่าทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตำรวจสหรัฐฯพบปืนพก 2 กระบอก และมีดอีก 1 เล่มอยู่ในตัวคนร้ายซึ่งได้ชื่อว่าคลั่งไคล้คริสติน่าเป็นอย่างมาก

อาทิตย์ 12 มิถุนายน ที่พัลส์ ไนต์คลับของคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ก็มีการกราดยิงฆ่าคนตายไปมากถึง 50 คน บาดเจ็บอีก 53 คน มือสังหารเป็นคนที่มีอาการป่วยทางจิตที่มีชื่อว่านายโอมาร์ มาทีน อายุ 29 ปี แกมีอารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียวง่าย และไม่ชอบคนที่รักเพศเดียวกัน

อาทิตย์วันเดียวกัน ตำรวจจับนายเจมส์ เวสลีย์ ฮาวเวลล์ อายุ 20 ปี ได้ที่เมืองซานตาโมนิกา พร้อมไรเฟิล 3 กระบอก แมกกาซีนพร้อมเครื่องกระสุน และสารเคมีผลิตระเบิดอีก 5 แกลลอน สอบไปสอบมา ก็ได้ความว่า แกวางแผนจะไปโจมตีงานพาเหรดลอสแอนเจลิสเกย์ไพรด์ที่จะจัดขึ้นในเย็นวันนั้น ที่มีผู้เข้าร่วมงานหลายแสนคน

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงข่าวแสดงความเสียใจ และประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เกิดจาก “ความเกลียดชัง” แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้แทนของพรรครีพับลิกันกลับแถลงการณ์ชื่นชมตัวเองที่คิดถูกแล้วเรื่องการก่อการร้ายจาก “กลุ่มหัวรุนแรง” ผู้อ่านท่านยังจำคำพูดของนายทรัมป์ได้นะครับ แกบอกว่าจะห้ามมุสลิมเข้าสหรัฐฯ

ทรัมป์บอกให้โอบามาลาออกจากประธานาธิบดี ถ้าไม่ยอมออกมาพูดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจาก “อิสลามหัวรุนแรง” และแกก็บอกนางฮิลลารี คลินตัน ว่า ถ้าคุณไม่สามารถพูดคำว่า “อิสลามหัวรุนแรง” ก็ถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไปซะ

สหรัฐฯเป็นเหมือนชามสลัดผักขนาดใหญ่ ที่มีผักมากมายหลายชนิดมาอยู่ในชามเดียวกัน ก็เป็นธรรมดานะครับ ที่ผู้คนจะมีความคิดความอ่านความเชื่อไม่เหมือนกัน แต่แนวโน้มใหม่ที่เราๆ ท่านๆ เห็นว่าเป็นแนวโน้มใหม่ของผู้คนในสหรัฐฯ ก็คือ ความรุนแรงเกิดขึ้นบ่อย และเริ่มมีคนตายคราวละมากๆ คนที่ก่อร่างสร้างปัญหาก็อายุอานามน้อยลงไปเรื่อยๆ และแทนที่ผู้คนระดับเป็นตัวแทนของพรรคใหญ่หนึ่งในสองของประเทศ จะออกมาให้สติสังคมกระตุกความรุนแรงให้ลดระดับลง กลับออกมาโยนน้ำมันเข้าลงไปในกองไฟ

โลกแคบลงทุกวัน ผู้คนเดินทางไปมาหาสู่กันมากขึ้นทุกวัน ความหลากหลายของผู้คนในแต่ละแห่งก็มีมาก สังคมแห่งมนุษยชาติของเราต้องช่วยกันแนะนำให้คนยอมรับความหลากหลาย ไม่ใช่จะห้ามคนศาสนาโน้นศาสนานี้เข้าประเทศ ซึ่งถ้าคุณห้ามคนศาสนาหนึ่งเข้าประเทศของคุณ ต่อไปคุณก็อาจจะถูกห้ามเข้าไปในประเทศอื่นเหมือนกัน

คนคิดแบบทรัมป์ไม่ใช่มีเฉพาะในสหรัฐฯนะครับ ถ้าผู้อ่านท่านตามในโซเชียลมีเดีย ท่านจะได้เห็นคอมเมนต์ด้วยภาษาไทยของพวกที่มีทัศนะคับแคบเยอะเหมือนกัน

ทัศนะคับแคบนำสู่ความขัดแย้ง

เหมารวมว่าพวกเอ็งผิดหมด พวกข้าถูกหมด

ถ้าคิดอย่างนั้นกันมากๆ

ความรุนแรงเกิดมากขึ้นแน่นอนครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

จากใจ ฯพณฯ บาร์สกี ทูตรัสเซีย (3)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 14 มิ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/637584

 

ความเสื่อมลงของความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ มาจากสาเหตุอะไรไม่ทราบ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-รัสเซีย ดีขึ้นมากในช่วงนี้นั้น มาจากความสัมพันธ์ที่พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 ของพวกเราชาวไทยทรงปูพื้นเอาไว้อย่างดีเมื่อ 119 ปีที่แล้ว

ฯพณฯ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำไทย ดร.คีริล บาร์สกี ชวน ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ สนทนาถึงความสัมพันธ์ของรัสเซียและไทย ที่สถานทูตรัสเซียเมื่ออังคาร 7 มิถุนายน 2559 ผมนำเสนอข้อใหญ่ใจความไปแล้ว 2 วัน อังคารวันนี้เป็นตอนที่ 3 ตอนจบครับ

“นายกรัฐมนตรีของไทยและรัสเซียร่วมตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า จะต้องให้ทั้ง 2 ประเทศเพิ่มปริมาณการหมุนเวียนการค้า 5 ปี มากขึ้นถึง 5 เท่า ใน ค.ศ.2020 ต้องมียอดหมุนเวียนการค้า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่า พวกเราทำได้แน่นอน”

“เราต้องยอมรับว่าคนไทยและคนรัสเซียต่างรู้จักซึ่งกันและกันน้อย คนรัสเซียจะรู้เรื่องเมืองไทยมากกว่าคนไทย เพราะคนรัสเซียมาเที่ยวเมืองไทยเยอะ สิบปีที่ผ่านมามีคนรัสเซียมาเยือนเมืองไทยมากกว่า 10 ล้านคน แต่คนไทยไปรัสเซียน้อยกว่าคนรัสเซียมาไทย ก็อาจจะเป็นไปได้ ว่าในอนาคต คนไทยอาจจะเดินทางไปเยือนรัสเซียกันมากกว่านี้”

“อุปสรรคที่ทำให้คนไทยไม่ค่อยเดินทางไปรัสเซียก็คือ ยังคงติดอยู่กับความคิดแบบเดิมๆ คนไทยบางคนยังอาจมองภาพรัสเซียเป็นศัตรูเหมือนที่เคยมองในช่วงสงครามเย็น ข้าพเจ้าอยากให้ท่านช่วยสื่อสารให้ชัด ถึงคนที่อาจจะลืมไปแล้วว่า คนสัญชาติไทยสามารถจะเดินทางไปเยือนรัสเซียได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า พูดได้เลยว่าไทยเป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่ประเทศ ที่รัสเซียมีความสัมพันธ์แบบที่เดินทางเข้าไปได้โดยที่ไม่ต้องใช้วีซ่า”

“ปีหน้าจะฉลองการครบรอบ 120 ปีตั้งแต่เริ่มสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศ ผู้นำ 2 ประเทศคุยกันที่เมืองโซชิ ตกลงกันว่าจะทำเป็นเทศกาลใหญ่ ทำให้ใหญ่มากๆ ต่างฝ่ายต่างเสนอโครงการ เสนอแผนกิจกรรมวัฒนธรรมที่จะเป็นการฉลองในครั้งนี้ ตอนนี้ฝ่ายรัสเซียกำลังเตรียมแผนแล้ว เป็นกิจกรรมทางวัฒนธรรมของรัสเซียในเมืองไทย มีงานนิทรรศการต่างๆ งานบันเทิงต่างๆ”

“ทราบว่าฝ่ายไทยตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อเตรียมแผนแล้ว นำโดยปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ตอนนี้ทั้ง 2 ฝ่ายมีความคิดหลายอย่างที่น่าสนใจสำหรับการฉลอง 120 ปีมิตรภาพ เรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนต่อประชาชนอย่างมาก ส่งเสริมแบบพุ่งแรง ถึงตอนนี้ เราก็มีวิธีการฉลองที่เคยทำมาแล้วหลายครั้ง ท่านอาจจะจำได้ว่า ค.ศ. 1997 เป็นปีที่ครบรอบความสัมพันธ์รัสเซีย-ไทย 100 ปี มีคณะผู้แทนไทยซึ่งนำโดย ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เดินทางไปในนามผู้แทนพระองค์ในการเยือนรัสเซีย”

“ค.ศ.2007 ซึ่งเป็นปีที่มีการฉลอง 110 ปีของความสัมพันธ์ 2 ประเทศ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จเยือนรัสเซีย ทุกครั้งการเยี่ยมเยือนแบบนี้ ก็จะมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม โรงละคร การแสดงต่างๆ เทศกาลภาพยนตร์ หนังสือที่ออกมาร่วมกัน ถึงแม้เวลายังเหลือเยอะที่จะเตรียมงานที่จะมีขึ้นในช่วงหน้าร้อนของรัสเซียในปีหน้า ซึ่งจะเป็นการฉลองการเสด็จเยือนรัสเซียของรัชกาลที่ 5 แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็ร่วมมือกันทำงานอย่างหนัก เพื่อให้คนที่ร่วมงานเทศกาลนี้ จะได้จดจำไปตลอดชีวิต”

“ดูจากประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ตามขอบเขตต่างๆสรุปได้จากการวิเคราะห์ประวัติศาสตร์และขอบเขตความร่วมมือกัน จะเห็นได้ชัดว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยไม่เกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศ รัฐบาลไหนดูแลประเทศก็เหมือนกันหมด ก็คือขอความร่วมมือของเราทั้งสองประเทศมีต่อกันและเจริญขึ้น”

“ในฐานะเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ข้าพเจ้าถือเป็นเกียรติสูงสุดที่ได้เป็นคนหนึ่งในจำนวนคนที่ดำเนินงานให้ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันเพิ่มขึ้น ในฐานะเอกอัครราชทูต ข้าพเจ้าพยายามใช้ทุกโอกาสทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการกับทั้ง สื่อมวลชน เพื่อเดินหน้าความร่วมมือระหว่างกันตลอดไป ขอบคุณครับ”.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

จากใจ ฯพณฯ บาร์สกี ทูตรัสเซีย (2)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 13 มิ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/637004

 

กลับจากหลวงพระบาง สปป.ลาว ปุ๊บ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ก็ต้องไปปราจีนบุรีปั๊บ จันทร์วันนี้ ต้องไปพูด “สร้างพลเมืองอาเซียนผ่านการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์อย่างสร้างสรรค์” รับใช้ครู อาจารย์ จากฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก สมุทรปราการ จันทบุรี ชลบุรี ระยอง และตราด 240 คน ที่โรงแรมวังสำราญ อ.ศรีมหาโพธิ 09.00-12.00 น. จัดโดย สนง.ศึกษาธิการภาค 9

อังคาร 7 มิถุนายน 2016 ฯพณฯ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำไทย ดร.คีริล บาร์สกี ชวน ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ สนทนาถึงความสัมพันธ์ของรัสเซียและไทย มีข้อมูลจำนวนมากที่เราคนไทยควรจะทราบ เพราะนี่คือโฉมหน้าใหม่ของความสัมพันธ์ของไทย-รัสเซีย ผมถอดเทปที่ถูกส่งมาให้อย่างประโยคต่อประโยคครับ

“พฤษภาคมของปีนี้ ทั้งรัสเซียและไทยได้ลงนามในสนธิสัญญาความร่วมมือทางด้านการทหาร โดยไทยซื้อเฮลิคอปเตอร์ MI 17 จากรัสเซีย และมีการเจรจาเกี่ยวกับยุทโธปกรณ์และอาวุธหลายชนิดด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้ ก็ยังมีคณะเจรจาฝ่ายไทยกำลังอยู่ในรัสเซีย”

“นอกจากยุทโธปกรณ์ด้านทหารแล้ว ฝ่ายไทยก็สนใจซื้อยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในกิจการพลเรือนด้วย เช่น เฮลิคอปเตอร์ดับเพลิง เฮลิคอปเตอร์เพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติ และอื่นๆอีกหลายอย่าง”

“มาดูความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจกันบ้าง มีสินค้าหลายอย่างที่ไทยนำเข้าจากรัสเซีย เช่น อุปกรณ์เทคนิค อย่างเทอร์ไบน์ ยานพาหนะขนส่ง ตู้รถไฟ น้ำมันและผลิตภัณฑ์จากน้ำมัน”

“ไทยก็เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ด้านอะไหล่รถยนต์ ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ และส่งไปขายที่รัสเซีย นอกจากนั้น ไทยยังเป็นมหาอำนาจทางการเกษตร ซึ่งรัสเซียนำเข้าผลิตภัณฑ์เกษตรจากไทยเป็นจำนวนมาก ปีที่แล้วปีเดียว การนำเข้าผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชั้นสูงจากรัสเซียมาไทยเพิ่มขึ้น 13 เท่า และการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปรัสเซียเพิ่มขึ้นมากถึง 10 เท่า”

“กลุ่มซีพี เข้าไปลงทุนในรัสเซียแล้วเป็นยอดเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ ได้เซ็นบันทึกข้อตกลงว่าจะลงทุนเพิ่มในโครงการที่มีมูลค่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไม่ใช่แค่เรื่องลงทุนเฉพาะเงินเท่านั้น ทว่าโรงงานต่างๆยังใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาในเมืองไทยในการผลิตสินค้าปศุสัตว์ครบวงจร”

“ยังมีการลงทุนจากบริษัทไทย SUTEC Engineering ด้านอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาล โดยไปตั้งโรงงานในเขตตะวันออกไกล ใช้วัตถุดิบจากไทย บริษัทนี้ลงทุนในรัสเซียมีมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ผลิตภัณฑ์ของโรงงานน้ำตาลที่ว่าจะถูกจำหน่ายในรัสเซียและส่งไปขายยังประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซีย”

“นอกจากนั้น เทคโนโลยีรัสเซียก็จะเข้ามาในเมืองไทยด้วย เช่น ในเวลานี้ 2 ฝ่ายเตรียมการสร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรมของรัสเซียในนิคมอุตสาหกรรมของไทยแห่งหนึ่ง ในคลัสเตอร์นั้น รัสเซียจะนำเข้าและพัฒนาเทคโนโลยีด้านชีวภาพ และนาโนเทคโนโลยีมาใช้”

“นี่คือสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจของรัสเซียกับไทย ในอดีต เราค้าขายกันอย่างเดียว ตอนนี้เริ่มพัฒนาการลงทุน จน 2 ฝ่ายถือว่าถึงเวลาแล้ว ที่เราจะต้องเซ็นสนธิสัญญาฉบับใหม่เกี่ยวกับการปกป้องการลงทุน ในความร่วมมือนี้ สิ่งที่สำคัญมากก็คือ ความร่วมมือกันระหว่างธนาคารของ 2 ประเทศ อย่างเช่น การเปิดสาขาของตนเองในประเทศที่เป็นฝ่ายร่วมมือ การเปิดบัญชีซึ่งกันและกัน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการปกป้องการลงทุนและสำหรับการทำธุรกิจทั่วไป”

“ในอดีต เราไม่เคยมีความร่วมมือกันระหว่างธนาคารมาก่อน แต่ในตอนนี้ มีความร่วมมือของธนาคารกสิกรของไทยและธนาคาร VTB ของรัสเซียซึ่งเป็นธนาคารสำหรับการค้าต่างประเทศ อีกไม่นานจะมีงานการประชุมเศรษฐกิจโลกที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก SPIEF (St. Petersburg Investment Economic Forum) ประมาณ 16-18 มิถุนายนนี้ จะมีการลงนามในสัญญาระหว่างธนาคารทั้งสอง และที่สำคัญก็คือ ขณะนี้ไทยกำลังยื่นแบบการจัดตั้งเขตการค้าเสรีไทยกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย”

“เพราะน้ำมันราคาลดลง ทำให้ค่าเงินของเราลดลงไปด้วย โดยแท้ที่จริง เราสองประเทศค้าขายกันมากขึ้นกว่าแต่เดิมมาก ทว่าได้มูลค่าเงินน้อยลงเพราะเงินตก ค.ศ.2014 มูลค่าการค้าของเราคือ 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ปี 2015 มูลค่า 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถ้าโครงการต่างๆที่พูดถึงและความร่วมมือระหว่างธนาคารสามารถทำร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์ จะทำให้มูลค่าการค้าต่อกันเพิ่มสูงขึ้นได้กว่านี้อีกมาก”

นี่คือ คำสนทนาของท่านทูตยังไม่จบ ผมขออนุญาตมารับใช้ต่อกันในวันพรุ่งนี้ครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

จากใจ ฯพณฯ บาร์สกี ทูตรัสเซีย (1)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 10 มิ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/635130

 

ก่อนจะเดินทางมา สปป.ลาว เมื่อพฤหัสบดีเมื่อวาน ฯพณฯ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ดร.คีริล บาร์สกี ชวน ร.ต.อ. ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ไปสนทนากันถึงความสัมพันธ์ของรัสเซียและไทย ซึ่งสัมพันธ์กันยาวนานมาจะครบ 120 ปีในปีหน้า ในห้วงช่วงนี้ ต้องถือว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศรุดหน้ามากที่สุดแห่งยุค

ท่านทูตบาร์สกีคุยกับพ่อของผมว่า….

“ข้าพเจ้าคิดว่าในอดีต เงื่อนไขความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับไทยยังไม่สุกงอมเพียงพอ แต่ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ของเรามีศักยภาพมากกว่าเดิมหลายเท่า เงื่อนไขที่สมบูรณ์นี้ ไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่ได้รับการพัฒนามาแล้วนานถึง 25 ปี ตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลายและสหพันธรัฐรัสเซียชาติรัฐที่เกิดใหม่ ก็ไม่ได้นำแนวความคิดเดิม (คอมมิวนิสต์) มาเกี่ยวข้อง”

“ประเทศสองเราเจอวิกฤติเศรษฐกิจในเวลาใกล้เคียงกัน ไทยเจอเมื่อ ค.ศ.1997 รัสเซียเจอเมื่อ ค.ศ.1998 เราต่างแก้ไขจนพ้นวิกฤตินั้นมาได้ กระทั่ง ค.ศ. 2003 ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน มาเยือนไทย ในอดีต เราไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางด้านการเมืองในระดับผู้นำสูงสุดของประเทศ เมื่อท่านปูตินมาเยือน ความสัมพันธ์ระดับสูงสุดก็อุบัติขึ้น”

“ไทยมีปัญหาการเมืองภายในอยู่ระยะหนึ่ง ทว่าบัดนี้ ปัญหานั้นหมดไปแล้ว บัดนี้ ไทยมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพที่สามารถพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันได้ในระยะยาว เราก็จึงพัฒนาความร่วมมือด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมไปได้อย่างเร็ว”

“ประเทศสองเรามีหลายอย่างที่เหมือนกัน เช่น เรามีอิสระในการสร้างนโยบายต่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน เรามีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของตนเอง เราเลือกทางเดินของตนเอง และเราไม่ชอบให้ประเทศที่สามมาชี้นำ หรือแทรกแซงเรา”

“เรามีนโยบายภายในประเทศที่คล้ายกัน เช่น มีการพัฒนาประชาธิปไตยในรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับบ้านเมืองของเราเอง การสร้างสังคมในประเทศที่อยู่ภายใต้กฎหมาย และความมั่นคงภายในของประเทศของตนเอง”

“หลายประการที่ข้าพเจ้ากล่าวให้ท่านฟังนี้ เราทำไปเพื่อต้องการพัฒนา ยกระดับชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอบเขตการศึกษาและเศรษฐกิจ ปีกว่าที่ผ่านมา เราทั้ง 2 ฝ่ายได้สังเกตว่า มีโอกาสร่วมมือทางเศรษฐกิจมากกว่าก่อน ทั้งความร่วมมือทางด้านพลังงานไฟฟ้า ขนส่ง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เกษตร และวิจัยอวกาศ ซึ่งเรื่องวิจัยอวกาศ เราไม่เคยมีความร่วมมือกันมาก่อนหน้านี้”

“จากความสัมพันธ์ที่ผ่านมา ท่านจะเห็นว่า คนรัสเซียรักเมืองไทย และคนไทยก็ชอบคนรัสเซีย อาจจะมีอยู่เพียงอย่างเดียวก็คือ คนรัสเซียไม่ค่อยยิ้ม”

“บางคนตำหนิความสัมพันธ์ของสองเรา มากล่าวหาว่าเรารัสเซียใช้อุบาย หรือวางแผนลึกลับซับซ้อนในการกีดกันอเมริกาให้ออกไปจากประเทศไทย เพื่อให้รัสเซียเข้ามาแทนที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จะนำเข้าในกองทัพไทย ทว่าตามความเป็นจริงแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียเป็นไปตามธรรมชาติทั้งสิ้น”

“ส่วนความสัมพันธ์ด้านการเมือง นายกรัฐมนตรีของไทยเพิ่งไปเยือนรัสเซียเมื่อเดือนที่แล้ว และได้พบกับประธานาธิบดีปูตินที่เมืองโซชิ เมื่อปีที่แล้ว พ.ศ.2558 ในเดือนเมษายน นายกรัฐมนตรี ดมิทรี เมียดแวเดียฟ ก็มาเยือนเมืองไทย ในช่วงปีกว่าที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีรัสเซียและนายกรัฐมนตรีไทยพบกันอย่างเป็นทางการแล้วมากถึง 4 ครั้ง”

“ข้าพเจ้าถือว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 2 นายกรัฐมนตรีเป็นความสัมพันธ์ที่ดีมาก ทั้งสองท่านตกลงกันแล้วว่า จะมาเยี่ยมกันปีละครั้ง และในปีหน้า ค.ศ.2017 นายกรัฐมนตรีของไทยยังได้เชิญประธานาธิบดี
ปูตินมาเยือนไทยอีกด้วย”

“ความสัมพันธ์ด้านความมั่นคง ประเทศของสองเรามีปัญหาใกล้เคียงกัน เช่น การก่อการร้าย ยาเสพติด และอาชญากรรมข้ามชาติ เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประเทศของเราสร้างหน่วยงานร่วมเพื่อให้คำปรึกษาทางด้านความมั่นคง นำโดยเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติทั้ง 2ฝ่าย”

“ความสัมพันธ์ด้านการทหารก็คืบหน้าไปอย่างมาก ในเวลาเพียง 6 เดือน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมของไทยไปเยือนรัสเซียมากถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกไปเตรียมงานให้นายกฯ ครั้งที่สอง ไปประชุมความมั่นคงระหว่างประเทศในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และได้พบรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย พลเอก เซรเก ชอยกู ด้วย”

ผู้อ่านท่านผู้เจริญ ใกล้จะถึงวันชาติรัสเซียในวันที่ 12 มิถุนายน 2016 ท่านทูตบาร์สกีมีสิ่งที่อยากจะสื่อสารกับประชาชนคนไทยเยอะมาก วันนี้ ผมยังถ่ายทอดคำสนทนาระหว่างท่านทูตกับพ่อของผมไม่จบ ต้องขอมารับใช้ต่อในวันจันทร์ที่จะถึงครับ

สำหรับวันนี้ ขออนุญาตลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand