วันชาติรัสเซีย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 9 มิ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/634384

 

ใกล้ถึงวันชาติรัสเซีย 12 มิถุนายน 2016 แต่การเฉลิมฉลองวันชาติในประเทศไทยจัดกันในวันนี้ 9 มิถุนายน 2016 ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล ซึ่ง ฯพณฯ เอกอัครราชทูต นายคิริล บาร์สกี เชิญพ่อและผมไปร่วมงานด้วย แต่บังเอิญวันนั้น พวกเราต้องไปเยือน สปป.ลาว ก็ขอแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสวันชาติแห่งสหพันธรัฐรัสเซียไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

วันชาติรัสเซียเริ่มครั้งแรกเมื่อ 12 มิถุนายน 1992 ซึ่งตอนนั้น พ่อของผมก็อยู่ในกรุงมอสโกด้วย เหตุที่ใช้ 12 มิถุนายน ก็เพราะวันนี้เมื่อ ค.ศ.1990 สมัยที่ยังเป็นสหภาพโซเวียตอยู่ สภาโซเวียตแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมรัสเซีย (ซึ่งเป็น 1 ใน 15 สาธารณรัฐที่ประกอบกันเป็นสหภาพโซเวียต) ได้รับคำแถลงการณ์เกี่ยวกับ “ความเป็นอิสรภาพ” ของสาธารณรัฐสังคมนิยมรัสเซีย

หลังจากสหภาพโซเวียตล่มเมื่อ 24 ธันวาคม 1991 ก็มีการเลือกตั้งรัฐสภาของสหพันธรัฐรัสเซีย (ประเทศเกิดใหม่) ส.ส. หลายคนขณะนั้นยื่นกระทู้ให้มีการเปลี่ยนวันชาติจาก 7 พฤศจิกายน (วันมหาปฏิวัติคอมมิวนิสต์) มาเป็น 12 มิถุนายน

ส.ส.หลายคนให้เรียก 12 มิถุนายนว่า “วันอิสรภาพ” ส.ส.บางคนให้เรียกว่า “วันเลือกตั้งประธานาธิบดีคนแรกของรัสเซีย” ซึ่งก็ เป็นความจริงครับ เพราะการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกของสาธารณรัฐรัสเซียมีขึ้นเมื่อ 12 มิถุนายน 1991 และวันนี้นี่แหละครับ นายบอริส เยลต์ซิน ชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี (ตอนนั้นมีประธานาธิบดี 2 คน คือนายกอร์บาชอฟเป็นประธานาธิบดีสหภาพ โซเวียต และนายเยลต์ซินเป็นประธานาธิบดีสาธารณรัฐรัสเซีย)

นายเยลต์ซินเป็นผู้คัดค้านพวก ส.ส.ว่า อย่าเรียกวันนี้ว่าเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีเลย และก็โปรดอย่าเรียกว่าเป็นวันอิสรภาพด้วย ข้าพเจ้าขอให้ท่านทั้งหลายเรียกว่า “เดนรัสซี” ที่หมายถึง “วันชาติรัสเซีย”

แต่ชาวบ้านอย่างป้าเคเทีย ยายเลียน่า ตาเซรเก ฯลฯ ยังคงชินกับวันชาติโซเวียตเดิม ทางรัฐบาลใหม่จึงต้องหาเทศกาลอะไรสักอย่างมาตั้งให้ตรงกับ 4-7 พฤศจิกายน และมีประกาศให้เรียกช่วงนี้อย่างเป็นทางการว่า “วันเอกภาพแห่งประชาชนคนรัสเซีย” แต่ชาวบ้านบางคนก็ยังชอบเรียกช่วงนี้ว่า “วันอิสรภาพ” ด้วย

400 กว่าปีที่แล้ว ดินแดนยุโรปตะวันออกมีอาณาจักรใหญ่อยู่ 2 แห่ง คือ 1.อาณาจักรมัสโคเวีย และ 2.สหราชอาณาจักรแห่งโปแลนด์และลิทัวเนีย ภาษาของ 2 อาณาจักรใกล้เคียงกัน สมาชิกแห่งราชวงศ์ก็เป็นญาติกัน ทว่าศาสนาต่างกัน ผู้คนในอาณาจักรมัสโคเวียนับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ ส่วนผู้คนในสหราชอาณาจักรแห่งโปแลนด์ฯ นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก สองอาณาจักรนี้เป็นพันธมิตรกันบ้าง เป็นศัตรูกันบ้าง

จนราชวงศ์รูริคของอาณาจักรมัสโคเวียเสื่อมสลาย ไม่มีผู้สืบทอดราชบัลลังก์ พวกโปแลนด์เสนอชาวรัสเซียซึ่งเป็นคนของโปแลนด์ขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่ประชาชนคนมัสโคเวียไม่ยอมรับ จึงมีการต่อสู้กัน ครั้งนั้น ฝ่ายมัสโคเวียมีผู้นำในการต่อสู้หลักอยู่ 2 คน คือเจ้าพระยาดมิทรี โปชารสกี และพ่อค้าที่มีชื่อว่ามีนิน ทั้งสองคนนำประชาชนมัสโคเวียขับไล่โปแลนด์ออกไปได้สำเร็จ

เจ้าพระยาดมิทรีและพ่อค้ามีนินจัดประชุมพวกเจ้าและขุนนางเก่าเพื่อเลือกกษัตริย์พระองค์ใหม่ บั้นปลายท้ายที่สุด ที่ประชุมลงมติเลือกเจ้าพระยามิคาฮิล โรมานอฟ เป็นกษัตริย์ และ ค.ศ.1612 นี่ล่ะครับ ก็คือปีเริ่มต้นแห่งราชวงศ์ใหม่ที่มีชื่อว่า “ราชวงศ์โรมานอฟ”

4-7 พฤศจิกายน 1612 เป็นช่วงที่เจ้าพระยาโปชารสกีและพ่อค้ามีนินนำประชาชนคนมัสโคเวียไล่พวกโปแลนด์ออกไปจากพระราชวังเครมลิน ในกรุงมอสโก

มาถึงยุคใหม่ ตั้งแต่นายเยลต์ซินนำวันที่ 4-7 พฤศจิกายนมาประกาศตั้งเป็นเทศกาลวันเอกภาพแห่งประชาชนคนรัสเซีย เวลาผ่านมาได้ 20 กว่าปีแล้ว ความชินของประชาชนก็เปลี่ยน ปัจจุบันทุกวันนี้ เทศกาลทางการที่ใหญ่ที่สุดแห่งปีก็คือ วันชาติรัสเซีย 12 มิถุนายน

แต่ 4-7 พฤศจิกายน ก็ยังเป็นเทศกาลที่ชาวบ้านหลายคนเฉลิมฉลองว่าเป็นวันเอกภาพประชาชนคนรัสเซียอยู่เหมือนเดิม แต่ผู้สนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหพันธรัฐรัสเซียยังฉลองในวันที่ 7 พฤศจิกายน ซึ่งวันนี้เมื่อปี ค.ศ.1917 เป็นวันมหาปฏิวัติคอมมิวนิสต์

วันมหาปฏิวัติคอมมิวนิสต์ผ่านไปได้ 5 ปี

ก็จึงมีการก่อตั้ง “สหภาพโซเวียต” ขึ้นมา.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

สหรัฐฯ หนักใจดูเตอร์เต

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 8 มิ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/633571

 

การเคลื่อนไหวและคำพูดจาของนายดูเตอร์เต ว่าที่ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในห้วงช่วงนี้ผมว่าทำความหนักใจให้กับสหรัฐฯไม่น้อยครับ เพราะแกชมจีนและดูเหมือนจะไม่ค่อยแคร์อเมริกา ก็มีที่ไหนครับ คนที่กำลังจะเป็นประธานาธิบดีในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ดันเอ่ยปากชมนายสี จิ้นผิง ผู้นำของจีนว่าเป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับย้ำว่าจะเลิกพึ่งพาสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมและเป็นพันธมิตรทางทหารที่สำคัญที่สุดของฟิลิปปินส์ แกบอกว่าแกจะไม่สนใจชาติไหนประเทศใดทั้งสิ้น นอกจากประโยชน์ของประชาชนคนฟิลิปปินส์

ผู้อ่านท่านคงนึกถึงใจสหรัฐฯได้นะครับ ในยุคของประธานาธิบดีเบนิโญ อากีโน ทุกครั้งที่มีปัญหากับจีน นายอากีโนก็จะไปพึ่งพา สหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯก็ช่วยเหลือฟิลิปปินส์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ก่อนหน้านั้น ทั้งจีนและฟิลิปปินส์ต่างก็แข่งขันกันอ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ แต่ฟิลิปปินส์ไม่ค่อยประท้วงจีน เพราะไม่รู้ว่าจีนทำอะไรหรือไปก่อสร้างอะไรในทะเลอันไกลโพ้น คนที่เอาข้อมูลมาใส่หัวฟิลิปปินส์ ก็คือสหรัฐฯครับ หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ เอารูปถ่ายสิ่งปลูกสร้างที่จีนกำลังสร้างในพื้นที่ของทะเลจีนใต้เอามาให้ฟิลิปปินส์ดู

ฟิลิปปินส์จึงกระดิกพลิกตัว เอารูปถ่ายที่สหรัฐฯให้มาไปประท้วงจีน จีนกับฟิลิปปินส์ก็ทะเลาะกันหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ความที่เป็นชาติเล็ก ฟิลิปปินส์ไม่รู้จะต่อกรกับจีนยังไง จึงไปเอ่ยปากขอความกรุณาอนุเคราะห์จากสหรัฐฯ ว่าให้ช่วยฟิลิปปินส์ด้วยเถิด

ความมุ่งหวังของสหรัฐฯ ก็คือ การหาความชอบธรรมในการเข้ามามีอิทธิพลในดินแดนแถบนี้อีกครั้งหนึ่ง การขอความอนุเคราะห์ของฟิลิปปินส์ทำให้สหรัฐฯ ยิ้มจนปากฉีกถึงใบหู อา สหรัฐฯสามารถส่งทหารและสามารถเข้าไปใช้ฐานทัพในฟิลิปปินส์ได้แล้ว จากนั้น สหรัฐฯ ก็จัดเรือรบให้ไปตรวจน่านน้ำ เอาไปยึดเกาะที่ฟิลิปปินส์อ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้

ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีสนธิสัญญาฉบับหนึ่งที่จะลงนามกัน เป็นสนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทุกประเทศในอาเซียนจะลงนามกัน แต่มีประเทศหนึ่งละล้าละลัง เพราะพอมีเรื่องกับจีน สหรัฐฯก็บอกกับฟิลิปปินส์ว่า สหรัฐฯจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ปกป้องฟิลิปปินส์ก็สนธิสัญญาฉบับที่ว่า ห้ามประเทศภาคีมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงหรือโดยอ้อมทั้งภายในประเทศของตนและนอกประเทศ

แต่ตอนหลังฟิลิปปินส์กล้าลงนามในสนธิสัญญาฉบับนี้ เพราะสหรัฐฯบอกว่า ลงนามไปเถอะ เรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์นั้นเป็นเรื่องของสหรัฐฯเอง ฟิลิปปินส์ไม่เกี่ยว ประเทศส่วนมากในโลกของเราใบนี้แขยงแขงขนเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ ในแต่ละภูมิภาคจึงมีการลงนามรับรองเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ แต่ประเทศที่ไม่ยอมลงนามกับใครคือ สหรัฐอเมริกา เพราะสหรัฐฯปรารถนาจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ไปขู่ประเทศโน้นชาตินี้ ผมก็ไม่รู้นะครับ ว่าสหรัฐฯใช้ฟิลิปปินส์เป็นฐานปฏิบัติการทางนิวเคลียร์อย่างเช่น ข้อมูลการยิงจรวดติดหัวรบนิวเคลียร์ หรือสถานีเรดาร์ชี้นำทิศทางจรวดติดหัวรบนิวเคลียร์ เมื่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องการให้เป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ พวกมหาอำนาจโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐฯ จึงไม่ยอมรับสนธิสัญญา เพราะบางทีในทะเลจีนใต้มีเกาะบางเกาะที่ฐานเกาะใต้ระดับน้ำเว้าลึกเข้าไป เหมาะสำหรับใช้เป็นที่ซ่อนเรือดำน้ำปรมาณู เรือที่ติดหัวรบนิวเคลียร์จะทำให้เขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ศักดิ์สิทธิ์

แผนการของสหรัฐฯก็คือ วันไหนจีนหือขึ้นมา สหรัฐฯก็จะใช้พันธมิตรที่ตัวเองรวบรวมได้ไว้แล้วในขณะนี้ชุมนุมสุมหัวกันปิดล้อมจีนทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สิงคโปร์และอินเดีย

ผมคิดว่าจีนก็คงรู้เรื่องนี้ และจีนก็คงจะแอบช่วยนายดูเตอร์เตในตอนเลือกตั้ง (หรือเปล่า?) ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครรู้แท้แน่ชัด มีเพียงนายดูเตอร์เตกับจีนเท่านั้น พวกเราเองก็ทำนายทายทักจากคำพูดของนายดูเตอร์เต ที่ออกมาหลังจากชนะเลือกตั้ง จะเห็นว่าสหรัฐฯ โจมตีจีนด้วยวาจาเยอะ จีนเองก็โต้ตอบกลับมาอย่างแรงทุกครั้ง

หากนายดูเตอร์เตรู้เห็นเป็นใจกับจีนอย่างที่เราคิดกันจริง

ผมว่าสหรัฐฯลำบากครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

สหรัฐฯ เสียเพื่อน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 7 มิ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/632794

 

อดีต มี 3 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีนโยบายเอียงเข้าหาสหรัฐฯ คือ ไทย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์

ทว่า 2 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าสหรัฐฯ จะเสียไทยให้รัสเซียและจีน

ประเทศที่ยังเข้มแข็งกับสหรัฐฯอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูก็คือ ฟิลิปปินส์ เพราะฟิลิปปินส์ต้องพึ่งสหรัฐฯ ในการแย่งพื้นที่ทะเลจีนใต้

17 กุมภาพันธ์ 2015 สหรัฐฯส่งเครื่องบินตรวจการณ์ P-8A Poseidon ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ก้าวหน้าที่สุดให้บินไปยังบริเวณที่จีนกับฟิลิปปินส์แย่งสิทธิกัน ในเครื่องบินตรวจการณ์ลำนี้มีทหารฟิลิปปินส์นั่งอยู่ในเครื่องด้วย เรื่องนี้ทำให้จีนไม่พอใจมาก

การนำเครื่องบินตรวจการณ์ไปบินอย่างนี้ก็เหมือนกับเป็นการจารกรรมไปสืบหาความลับ โดยปกติก็ต้องปิดกันน่าดู แต่ในการบินตรวจการณ์ 180 ชั่วโมงของ P-8A Poseidon ฟิลิปปินส์กลับตะโกนก้องร้องบอกโลกว่า อ้า ฉันบินอยู่กับสหรัฐฯนะ

เรื่องนี้มีผล 2 อย่างครับ อย่างแรก เป็นการขู่จีนว่าข้ามีพวกนะเว้ย มาทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ข้าและพวกเอาแกตาย อีกอย่างหนึ่งก็อาจจะแสดงถึงความกระจอกงอกง่อยของฟิลิปปินส์ว่า ไม่มีความสามารถในการหาข่าว กะอีแค่บินตรวจการณ์ก็ต้องไปพึ่งชาวบ้าน

ก่อนหน้านั้น รัฐบาลฟิลิปปินส์ใช้เรือเก่าที่หมดอายุการใช้งานแล้วไปจมไว้ที่สันทรายในเขตเศรษฐกิจจำเพาะที่ฟิลิปปินส์อ้างสิทธิ ฟิลิปปินส์ใช้เรือลำนี้เป็นที่พักอาศัยของทหารเพื่อดูแลอธิปไตยของตน เป็นการอ้างสิทธิในทะเลจีนใต้ โดยส่งทหารเวียนกันมาประจำอยู่บนเรือลำนี้ผลัดละ 8 คน

จีนสั่งให้ฟิลิปปินส์ถอนเรือออกไปจากสันทราย แต่ฟิลิปปินส์ก็ทำเป็นหูทวนลม จนถึง 10 มีนาคม 2014 จีนก็หมดความอดทน และใช้เรือตรวจการณ์ชายฝั่งเข้าสกัดกั้นเรือฟิลิปปินส์ 2 ลำที่นำเสบียงอาหาร วัสดุก่อสร้าง และธงฟิลิปปินส์ซึ่งนำมาส่งที่เรือ ทำให้ฟิลิปปินส์ต้องส่งเสบียงอาหารและวัสดุโดยการทิ้งทางอากาศ

เรื่องการกระทบกระทั่งกันระหว่างจีนและฟิลิปปินส์เกิดขึ้นเป็นรายเดือนครับ บางครั้งเรือจีนฉีดน้ำไล่เรือประมงฟิลิปปินส์ หลายครั้งที่จีนใช้เรือตรวจการณ์ไล่กระแทกเรือประมงฟิลิปปินส์ บังคับให้ออกนอกน่านน้ำ บางวันฟิลิปปินส์ก็จับเรือประมงจีน เอาไต้ก๋งและลูกเรือมาขัง จีนเองก็ส่งเรือลาดตระเวนและเรือรบเข้าไปฝึกซ้อมโดยกินพื้นที่ลงใต้ไปเรื่อยๆ

ฟิลิปปินส์เล็กกว่าจีนเยอะ แม้ว่าจะไปยืมจมูกสหรัฐฯ มาหายใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถสู้กับจีนได้ ที่สุด ฟิลิปปินส์ตัดสินใจเสนอข้อพิพาทต่อศาลอนุญาโตตุลาการภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล

ฟิลิปปินส์ยื่นเสร็จ ก็หันมายักคิ้วหลิ่วตากับจีนว่า เฮ้ย อย่าทะเลาะกันเลย มารอฟังคำพิพากษาของศาลดีกว่า จีนหัวเราะ หึหึ ถามว่า ศาลไหน? อธิปไตยเหนือดินแดนของจีนอยู่นอกเขตอำนาจของศาลอนุญาโตตุลาการตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลนะเฟ้ย ให้ศาลออกคำพิพากษามาล้านฉบับ ข้าก็ไม่สนใจ

พูดเสร็จ จีนก็ส่งนักท่องเที่ยวไปอุจจาระปัสสาวะตามเกาะแก่งต่างๆ 130 เกาะในหมู่เกาะสี่ซาและพาราเซลที่มีข้อพิพาท นักท่องเที่ยวจีนลงเรือที่เกาะไหหลำไปทางใต้ 300 กว่ากิโลเมตรเพื่อแสดงว่า จีนมีอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะพวกนี้ จากนั้น จีนก็ออกประกาศให้เรือต่างชาติต้องขออนุมัติก่อนเข้าน่านน้ำทะเลจีนใต้ตามกฎหมายจีน ใครไม่ขออนุมัติจะต้องถูกยึดปลาที่จับได้ + เครื่องมือทำประมง+เสียค่าปรับสูงสุด 500,000 หยวน

รัฐบาลฟิลิปปินส์ของนายเบนีโญ อากีโนจับมือกับสหรัฐฯ สู้กับจีนอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู กระทั่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา นายโรดริโก ดูเตอร์เต ชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของฟิลิปปินส์ และจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 30 มิถุนายน 2016 นโยบายเรื่องของจีนก็น่าจะเปลี่ยนไป

นายดูเตอร์เตแกยกย่องสี จิ้นผิงว่าเป็นประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่

แถมแถลงข่าวว่า จะเลิกพึ่งสหรัฐฯ

นายเปอร์เฟ็กโต ยาเซย์ ว่าที่ รมว.ต่างประเทศ ก็ออกมาประกาศว่า เรื่องอธิปไตยและสิทธิของฟิลิปปินส์นั้น เราจะจัดการความขัดแย้งด้วยตัวเอง “เราจะไม่เดินตามก้นชาติใดทั้งสิ้น”

ผมก็ชักมั่นใจแล้วนะครับ

ว่าสหรัฐฯกำลังจะเสียฟิลิปปินส์ไปอีกประเทศหนึ่ง…

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

สหรัฐฯ หน้าแหก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/632270

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 6 มิ.ย. 2559 05:01

 

กลับจากเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียมปุ๊บ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ออกเดินสายพูดปั๊บ เสาร์วานซืนพูดที่ปทุมธานี วันอาทิตย์เมื่อวานพูดถึง 3 แห่งคือที่ปัตตานี สงขลา และสตูล

ส่วนจันทร์วันนี้ ได้รับเชิญจาก สนง.กศน.ตรัง+กอ.รมน.ตรัง พูดเพื่อพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา 536 คน ให้ก้าวทันอาเซียน ที่ รร.วัฒนา พาร์ค จ.ตรัง 13.00-16.30 น.

ใครจะนึกครับว่าธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย Asian Infrastructure Investment Bank (AIIB) จะจับมือกับธนาคารพัฒนาเอเชีย Asian Development Bank (ADB) ปล่อยเงินกู้ก่อสร้างทางหลวงเอ็ม 4 เชื่อมเมืองชอร์กอตกับเมืองข่านอีวัล แคว้นปัญจาบของปากีสถาน เพราะใครๆก็นึกว่าธนาคารทั้งสองเป็นศัตรูกัน

อดีต สหรัฐฯ กีดกันจีนไม่ให้เข้าไปถือหุ้นในสถาบันการเงินสำคัญของโลก จีนจึงแก้ไขปัญหาด้วยการไปชักจูงประเทศต่างๆ ให้ร่วมกันจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชียที่เราเรียกชื่อย่อว่า เอไอไอบี

ตอนนั้นไม่มีใครนึกนะครับ ว่ากลุ่มประเทศคอหอยลูกกระเดือกกับอเมริกาคือ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลีจะกระโจนเข้าไปร่วมจัดตั้งเอไอไอบีกับจีน พอประกาศว่าจะไปเข้าร่วม สหรัฐฯ คัดค้านเสียงดัง

สหรัฐฯ ต่อต้านการตั้งเอไอไอบี โดยให้เหตุผลว่า ธนาคารนี้จะเป็นคู่แข่งกับธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย และสร้างวาทะให้โลกกลัวว่าเอไอไอบีอาจจะไม่ใช้มาตรฐานสูงทางด้านบริหารการควบคุมสิ่งแวดล้อมและการป้องกันสังคม

แต่สหรัฐฯกลับชมธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาแห่งเอเชียว่า ปล่อยกู้ให้กับโครงการที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือสภาพสังคม ประเทศไหนจะมากู้เงินจากสถาบันการเงินทั้งสองก็จะต้องถูกตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างว่าต้องโปร่งใส ต้องมีการประกวดราคา บริษัทที่เข้ามารับงานหากทุจริตจะต้องถูกขึ้นบัญชีดำและห้ามรับงานที่ใช้เงินกู้ของธนาคารโลกหรือธนาคารพัฒนาเอเชียอีกต่อไป

ตอนแรกสหรัฐฯคิดว่าน่าจะมีหลายประเทศฟังคำเตือนเรื่องมาตรฐานการกู้ ก็จะกลัวและอาจจะไม่เข้าร่วม สหรัฐฯประเมินว่าศัตรูของจีนไม่เข้าร่วมเอไอไอบีแน่นอน อย่างอินเดียนี่ไม่มีทาง เพราะทะเลาะกับจีนเรื่องเขตแดน ส่วนฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย และบรูไนก็ทะเลาะกับจีนเรื่องกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้

แต่ผิดคาดครับ ประเทศคอหอยลูกกระเดือกกับสหรัฐฯ รวมทั้งประเทศศัตรูของจีนต่างกระโจนมาเข้าร่วมกับเอไอไอบีกันเกือบหมด นอกจากเป็นหมาหัวเน่าแล้ว สหรัฐฯ ยังโดนด่าเรื่องมาต่อต้านจีนอย่างมีอคติ กลัวจีนจะเป็นใหญ่ในโลก บางประเทศถึงขนาดแนะนำสหรัฐฯ ว่า ก็ถ้ากลัวเอไอไอบีไม่มีมาตรฐาน สหรัฐอเมริกานั่นแหละต้องเข้ามาร่วมลงทุนเพื่อช่วยกันวางกฎเกณฑ์ของเอไอไอบีให้อยู่ในมาตรฐานที่สูง

คนที่เก็บอาการได้ดีที่ผมขอชมก็คือ ผู้นำของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และผู้นำของธนาคารโลก ที่แม้จะรู้สึกได้ว่า จีนตั้งเอไอไอบีเพื่อแข่งขันกับสถาบันของตน แต่ท่านทั้งสองไม่ออกมาวิจารณ์เอไอไอบีในทางลบเลยแม้แต่ประโยคเดียว แถมยังออกมากล่าวแสดงความหวังว่าจะได้หารือกับเอไอไอบีเพื่อความร่วมมือครั้งต่อไปในอนาคต

นายคิม จิม ยอง ซึ่งได้รับการหนุนจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาให้เป็นประธานธนาคารโลกยังออกมาประกาศต้อนรับการตั้งเอไอไอบีเสียด้วยซ้ำไป ผมยังจำคำพูดแกได้ที่ว่า ประเทศกำลังพัฒนายังต้องการเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอีกมาก

นายทาเคฮิโกะ นากาโอะ ประธานธนาคารพัฒนาแห่งเอเชียก็ยังออกมาพูดเลยครับว่า เอดีบีจะร่วมมือกับเอไอไอบีร่วมปล่อยกู้ในโครงการที่เข้ามาตรฐาน

ทุกประเทศเห็นด้วยที่จีนจะตั้งเอไอไอบีและบอกว่า เป็นสิ่งที่เหมาะสม เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของเอเชียและของโลก

การค้านการตั้งเอไอไอบีนี่ ทำให้เราลดศรัทธาสหรัฐฯไปเยอะ และเมื่อสหรัฐฯไม่สามารถหยุดประเทศต่างๆ ให้มาร่วมตั้งธนาคารกับจีน ก็ทำให้เรามองเห็นว่า 1. สหรัฐฯ ลดการเป็นเจ้าโลกทางเศรษฐกิจ และ 2.จีนเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจแล้ว

การร่วมกันให้กู้เพื่อสร้างถนนสายเอ็ม 4 พิสูจน์ความจริงใจของธนาคารพัฒนาเอเชียว่าไม่ได้มีอคติต่อธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชียครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

โรงเรียนยูเนสโกในอัมสเตอร์ดัม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/629663

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 2 มิ.ย. 2559 05:01

 

จักรวรรดิออตโตมานครองโลกระหว่าง ค.ศ.1288-1922 เวลา 634 ปี ชาวเติร์กหรือตุรกีประสบความสำเร็จด้วยการใช้การศึกษาสร้างมนุษย์ที่มีความสามารถ

ถึงยุคนี้ชาวเติร์กก็กลับมามุ่งเรื่องการสร้างมนุษย์จากการศึกษาอีกครั้ง ผู้อ่านท่านที่ติดตามความเคลื่อนไหวการให้ความช่วยเหลือที่มาจากโลกอิสลามจะพบว่า กาตาร์ คูเวต ซาอุดีอาระเบีย ฯลฯ มักจะมอบเงินเพื่อให้สร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ แต่ไม่ได้ส่งบุคลากรมาช่วยบริหาร ผิดกับตุรกีซึ่งพวกนี้มักจะให้บุคลากรและให้ระบบการจัดการมาด้วยในระยะแรก จากนั้นเมื่อทุกอย่างเดินได้แล้ว ก็มักจะถอยออกมา ปล่อยให้คนท้องถิ่นบริหารงานกันเอง

อย่างโรงเรียนเมทิส มอนเทสซอรี ลีเซอุม (Metis Montessori Lyceum) ซึ่งตั้งอยู่ที่ 58 ถนนมัวริเทส์คาเด กรุงอัมสเตอร์ดัม ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ที่พ่อผมและคณะไปเยือนเมื่อ 29 พฤษภาคม 2559 โรงเรียนนี้ตั้งเมื่อ 8 ปีก่อน เมื่อชุมชนตุรกีแถบนี้อยากมีโรงเรียน ก็ไปปรึกษาขบวนการฮิซเม็ตของตุรกี ช่วยกันเขียนโครงการบริหารจัดการโรงเรียนและยื่นโครงการไปที่รัฐบาล รัฐบาลเนเธอร์แลนด์อ่านแล้วเห็นว่าดี ก็อนุมัติให้เปิดโรงเรียนได้ ตอนที่เปิดสอนครั้งแรกมีนักเรียน 60 คน เกือบทั้งหมดเป็นนักเรียนมุสลิมเชื้อสายตุรกี

3 ปีต่อมา ก็เริ่มมีนักเรียนชาวดัตช์มาเรียนด้วย

ความเก่งของพวกตุรกีเก่งเรื่องบริหารการศึกษา ทำให้โรงเรียนมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วและรัฐบาลเห็นผลงาน 4 ปีที่แล้ว รัฐบาลจึงมอบอาคารที่เป็นมรดกโลกให้ใช้เป็นสถานที่เล่าเรียน อาคารนี้อยู่ในความดูแลของยูเนสโก จนถึงตอนนี้มีนักเรียนมากถึง 840 คน

โรงเรียนเมทิส มอนเทสซอรี ลีเซอุม ตั้งอยู่ในย่านที่มีชื่อเสียงของกรุงอัมสเตอร์ดัมซึ่งที่ดินราคาแพงมาก แต่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์เห็นว่าการบริหารการศึกษาเป็นไปอย่างดียอดเยี่ยม ก็จึงมอบอาคารยูเนสโกและที่ดินแปลงสวยให้โรงเรียน

วันที่ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ และคณะไปเยือน ก็ได้ทราบข่าวดีว่ารัฐบาลกำลังจะมอบอาคารเก่าอายุเกิน 100 ปีให้อีก เพื่อให้ขยายโรงเรียน โดยรัฐบาลไม่ได้รังเกียจเลยว่าโรงเรียนแห่งนี้เริ่มโดยชนกลุ่มน้อยในประเทศที่มีภูมิหลังเป็นชาวตุรกี

ปัจจุบันโรงเรียนเมทิส มอนเทสซอรี ลีเซอุม มีนักเรียนชาวดัตช์เชื้อชาติตุรกี 50% เป็นชาวดัตช์ของแท้ 30% ชาวซูรินัม ปากีสถาน โมร็อกโก และอื่นๆ อีก 20% นักเรียนเหล่านี้ไม่ได้แบ่งแยกเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา ทุกคนถูกสอนให้เป็น Global citizen หรือพลเมืองโลกเช่นเดียวกับโรงเรียนใน 172 ประเทศที่เครือข่ายฮิซเม็ตเข้าไปช่วยเหลือในเบื้องแรก

อาจารย์อูมิท อาร์ดิช (Umit Ardic) และอาจารย์โอเมอร์ โอคูร์ (Omer Okur) ที่มาต้อนรับ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ และคณะบอกว่าโรงเรียนนี้มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า UNESCO School in Amsterdam ซึ่งหมายถึงโรงเรียนยูเนสโกในกรุงอัมสเตอร์ดัม ที่ถูกเรียกอย่างนี้ เพราะโปรแกรมที่ใช้สอนเป็นโปรแกรมเดียวกับยูเนสโกที่มุ่งมั่นให้นักเรียนเป็น Global citizen หรือพลเมืองโลก

สังคมในเนเธอร์แลนด์และเยอรมนีที่คณะของเราเข้าไปสัมผัสในครั้งนี้ ไม่มีใครแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา เพศ ความเชื่อ ฯลฯ อะไรอีกแล้ว คนที่แบ่งแยกเรื่องนี้เป็นพวกล้าสมัย ใต้สมองเต็มไปด้วยหยากไย่ใยแมงมุมและเชื้อรา อย่างเช่นครูในโรงเรียนเมทิส มอนเทสซอรี ลีเซอุม มีทั้งหมด 90 คน จำนวน 25 คนเป็นมุสลิม ที่เหลือเป็นคริสเตียน ยิว จำนวนไม่น้อยที่ประกาศว่าตนเองไม่มีศาสนา ครูหลายคนบอกว่าตนเองเป็นเกย์ เป็นเลสเบียน

ขณะที่โลกกล่อมเกลาเยาวชนให้เป็นพลเมืองโลก โรงเรียนบางแห่งในประเทศไทยกลับให้นักเรียนตัวน้อยๆ แต่งชุดทหาร เพื่อย้อมจิตใจให้โตขึ้นไปมีแนวโน้มไปทางเผด็จการอำนาจนิยม แถมยังวุ่นอยู่กับการรวบอำนาจการศึกษาเอาไว้ที่ส่วนกลางกับภูมิภาค

ทุกวันนี้ เราตามหลังโลกเรื่องการศึกษาอยู่ไกลมาก ความเก่งที่เยาวชนเรามีอยู่ ก็เก่งเฉพาะคน เฉพาะกลุ่ม

ปฏิรูปการศึกษากันแต่ละที ก็พูดถึงแต่เรื่องงบประมาณ

ไม่พูดถึงปรัชญาการศึกษา

ที่จะทำให้เยาวชนไทยอยู่ในโลกได้อย่างมีความสุข.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

การสร้างพลเมืองโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/628938

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 1 มิ.ย. 2559 05:01

 

พวกเราต้องเขียนคอลัมน์กันบนรถขณะเดินทางจากเมืองดึสเซลดอร์ฟ รัฐนอร์ดไรน์-เวสต์ฟาเลิน ไปยังมหานครแฟรงก์เฟิร์ต เพราะการดูงานการศึกษาที่พ่อและคณะตระเวนกันอยู่ในขณะนี้ทำกันทุกวัน มีโปรแกรมทั้งเช้าสายบ่ายเย็น แถมบางวันก็ยังมีงานกลางคืนอีกด้วย

วันที่ 26 พฤษภาคม เราไปเยือนโรงเรียนจิมนาซิอุม รีอัลชูเล ไดอาลอก พอถึงวันที่ 27 พฤษภาคมก็ไปเยือนโรงเรียนจิมนาซิอุม แอรินเกอร์เฟลด์ ทั้งสองโรงเรียนตั้งอยู่ในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี

ต่อจากนั้น 29 พฤษภาคม พวกเราออกเดินทางจากเมืองดึสเซลดอร์ฟแต่เช้า นั่งรถข้ามประเทศไปที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ไปเยี่ยมโรงเรียนเมทิส มอนเทสซอรี ลีเซอุม (Metis Montessori Lyceum) โรงเรียนเหล่านี้เป็นโรงเรียนเครือข่ายของขบวนการฮิซเม็ตของตุรกีซึ่งความมุ่งหวังตั้งใจของขบวนการนี้ก็คือ การสร้างพลเมืองโลก

โรงเรียนจิมนาซิอุม แอรินเกอร์เฟลด์มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่ โตมาก เป็นโรงเรียนประจำ มีนักเรียนทั้งหมด 650 คน อยู่แบบประจำ 500 คน นักเรียนส่วนใหญ่เป็นชาวเยอรมัน เชื้อสายตุรกี โรงเรียนให้ความทุ่มเทกับนักเรียนเหล่านี้สูงมาก ดูเหมือนว่าจะมากกว่าโรงเรียนรัฐบาลของรัฐบาลเยอรมันซะด้วยซ้ำ ดังนั้น การแข่งขันด้านต่างๆ ทั้งวิชาการ การดนตรี การกีฬา ฯลฯ เด็กจากโรงเรียนเหล่านี้ที่กระจายกันอยู่ในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีจึงเอาไปกินหมด

ประชากรของเยอรมนีทั้งหมด 82 ล้านคน เป็นชาวตุรกี 3 ล้านคน นอกนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นชาวมุสลิมเยอรมันที่มาจากชนชาติอื่นๆ ซึ่งแต่ละเชื้อชาติต่างก็มุ่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของตนเองอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่เท่าที่ประเมินจากหลายแหล่งข้อมูล ผมว่าเสร็จพวกตุรกี เพราะตุรกีมีขบวนการฮิซเม็ตซึ่งไปสร้างโรงเรียนเครือข่าย และสร้างมหาวิทยาลัยเอาไว้ทั่วโลกมากถึง 172 ประเทศ การที่ครูบาอาจารย์และผู้บริหารของโรงเรียนเครือข่ายของพวกตุรกีเวียนย้ายกันไปรับผิดชอบในภูมิภาคต่างๆของโลกกันรอบละ 2 ปีบ้าง 4 ปีบ้าง 10 ปีบ้าง ทำให้กลุ่มครูและผู้บริหารพวกนี้มีวิสัยทัศน์แตกต่างจากครูและผู้บริหารชาวเยอรมันที่มีภูมิหลังดั้งเดิมเป็นชาวเยอรมันแท้ๆ

อย่างโรงเรียนจิมนาซิอุม แอรินเกอร์เฟลด์ สร้างห้องพักไว้มากถึง 1,500 ห้อง นักเรียนและครูในเครือข่ายความช่วยเหลือของขบวนการฮิซเม็ตสามารถมาพักเพื่อหาความรู้และประสบการณ์ได้ตลอดเวลาโดยที่แทบไม่มีค่าใช้จ่าย แม้แต่ในขณะที่ผมเขียนคอลัมน์อยู่นี่ก็มีนักเรียนจากโรงเรียนมาร์มาร่าวิชัยวิทยา เชียงใหม่ โรงเรียนจินดามณี และโรงเรียนศิริวัฒน์ กรุงเทพฯ มาพักกัน 26 คน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ได้รับการดูแลจากเครือข่ายของตุรกีทั้งหมด

เมื่อวาน ผมเรียนรับใช้ไปว่าผู้บริหารของโรงเรียนจิมนาซิอุม รีอัลชูเล ไดอาลอก เป็นนักกฎหมายที่มีชื่อเสียง ก่อนมารับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ส่วนโรงเรียนจิมนาซิอุม แอรินเกอร์เฟลด์ ก็มีผู้อำนวยการโรงเรียนหนุ่มที่มีภูมิหลังเป็นวิศวกรโยธาที่มีชื่อเสียงมากชื่อนายนิฮัท เซวินซ์ (Nihat Sevinc) ตลอดหลายชั่วโมงที่สนทนากัน เรารู้เลยว่าใต้สมองของ ผอ.เซวินซ์ คิดมากกว่าเรื่องเยอรมันไปแล้ว ในใจแกมุ่งมั่นแต่การสร้างพลเมืองโลกที่สามารถพูดจาได้หลายภาษา ทั้งเยอรมัน ตุรกี อังกฤษ ฯลฯ และเป็นพวกที่สามารถจะดูแลอนาคตของโลกให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน และมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน

เมื่อวันเสาร์ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมาพวกผมมีโอกาสเข้าไปร่วมงานภาษาและวัฒนธรรมนานาชาติ International Festival of Language & Culture : IFLC ครั้งที่ 16 ที่สปอนเซอร์โดยตูร์กแชแดร์ หรือสมาคมนานาชาติแห่งภาษาตุรกี ที่ ISS Dome เมืองดึสเซลดอร์ฟ นครหลวงของรัฐนอร์ดไรน์-เวสต์ฟาเลิน โดยมีนักเรียนจาก 28 ประเทศ จำนวน 450 คนมาร่วมแสดง ทั้งหมดเป็นนักเรียนที่มาจากโรงเรียนของประเทศต่างๆ ที่ได้รับความช่วยเหลือจากขบวนการฮิซเม็ตของตุรกี งานนี้ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง การแสดงทุกอย่าง ทุกกิจกรรม ยิ่งใหญ่อลังการในระดับโลกทั้งสิ้น ซึ่งผมได้ฝากช่างกล้องถ่ายทำไว้อย่างละเอียด เพื่อที่จะนำไปตัดต่อแพร่ภาพในรายการเปิดเลนส์ส่องโลก และเวิลด์ บียอนด์เดินทางสร้างชาติ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3

ดูแล้วท่านก็จะได้เห็นว่านักเรียนตัวเล็กๆ จากตรอกซอกมุมของประเทศต่างๆนั้น สร้างผลงานระดับโลกกันอย่างไร.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

Hizmet Movement

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/628140

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 31 พ.ค. 2559 05:01

 

พฤหัสบดี 26 พฤษภาคม 2559 ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ และคณะดูงานการศึกษาที่โรงเรียนจิมนาซิอุม รีอัลชูเล ไดอาลอก (Gymnasium & Realschule DIALOG) เลขที่ 11 ถนนอาร์นส์เบอร์เกอร์ เมืองเคิล์น หรือโคโลญ และได้รับการต้อนรับอย่างดีมากจากนายออสมัน เอเซน ผู้อำนวยการโรงเรียน

นักเรียนกว่าร้อยละ 90 ของจิมนาซิอุม รีอัลชูเล ไดอาลอก เป็นชาวเยอรมันเชื้อสายตุรกี ทุกคนพูดภาษาตุรกีได้ คนตุรกีไม่ว่าจะไปอยู่ประเทศไหนที่ใดก็จะต้องพูดภาษาตุรกีที่บ้าน จิมนาซิอุมรีอัลชูเล ไดอาลอก เป็นโรงเรียนเอกชนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ก่อตั้งครั้งแรกด้วยเงินจากนักธุรกิจในตุรกีที่บริจาคเข้าขบวนการฮิซเม็ตที่ผมเรียนรับใช้ไปแล้วเมื่อวาน

สมัยก่อน คนตุรกีในเยอรมนียากจน พอประกาศว่าจะเปิดโรงเรียนก็โดนพวกเยอรมันเจ้าของประเทศดูหมิ่นถิ่นแคลนอย่างหนัก กว่าจะได้ที่ดินและอาคารตามมาตรฐานของรัฐบาลเยอรมัน ก็ต้องใช้ ความพยายามอยู่นานหลายปี

คนตุรกีขยัน อดทน และประหยัด แถมยังมุ่งมั่นเรื่องการศึกษา นอกจากความช่วยเหลือที่รัฐบาลเยอรมันมอบให้ ในฐานะโรงเรียนเอกชนของประเทศแล้ว ผู้ปกครองนักเรียนที่แต่เดิมยากจน แต่ตอนนี้สร้างตัวจนมีฐานะดีแล้ว ก็ยังมอบความช่วยเหลือให้แก่โรงเรียนอีก จนห้องเรียนและอาคารสถานที่ตลอดจนอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือดีกว่าโรงเรียนของรัฐ

เงินเดือนของครูและของผู้บริหารในโรงเรียนเอกชนเยอรมัน จ่ายโดยรัฐบาลเยอรมัน และความที่จิมนาซิอุม รีอัลชูเล ไดอาลอก ก็ยังเป็นโรงเรียนในเครือข่ายของขบวนการฮิซเม็ต ทำให้มีครูและผู้บริหารที่มีประสบการณ์จากสถานที่ต่างๆในโลกมาช่วย การเยือนโรงเรียนจิมนาซิอุม รีอัลชูเล ไดอาลอก ของคณะในครั้งนี้ เราจึงได้พบกับหนึ่งในคณะผู้บริหารชาวตุรกีที่เคยสอนที่โรงเรียนมาร์มาร่าวิชัยวิทยา เชียงใหม่ อยู่นานถึง 9 ปี ทำงานอยู่ในโรงเรียนนี้ด้วย

ส่วนผู้อำนวยการที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของจิมนาซิอุม รีอัลชูเล ไดอาลอกนั้น อายุไม่มาก จบนิติศาสตร์และเป็นนักกฎหมายที่ประสบความสำเร็จ เกิดในตุรกี แต่อพยพมาอยู่ในเยอรมนีตั้งแต่เด็ก เมื่อดังในอาชีพนักกฎหมายแล้ว ก็ต้องการตอบแทนสังคมด้วยการเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน สิ่งเหล่านี้ไม่เกิดในประเทศอื่น แต่เกิดได้ในสังคมของพวกตุรกี ที่ดูเหมือนทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันในเรื่องต้องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของโลกให้มีคุณภาพ

ผมเองก็เคยเรียนในชั้นมัธยมของโรงเรียนรัฐบาลเยอรมนีที่มีชื่อว่าจิมนาซิอุม บามเฟลด (Gymnasium Bamfled) ในเมืองฮัมบูร์ก ต้องยกย่องนะครับ ว่าสถานศึกษาที่นี่คัดครูได้เก่งมาก แต่ที่เก่งไม่แพ้ครูก็คือผู้บริหารโรงเรียน ซึ่งเป็นคนละพวกกับครู ผู้บริหารส่วนใหญ่เป็นนักบริหารมืออาชีพ เป็นคนข้างนอกที่มีฝีมือการบริหารชั้นเซียนที่ผ่านการสรรหา

หลักการของโรงเรียนในประเทศนี้ก็คือ ผู้บริหารไม่สอน ครูก็ไม่บริหาร แยกกันอย่างเด็ดขาด แต่ทำงานร่วมกัน

โรงเรียนเยอรมันที่เด็กนักเรียนเยอรมันเรียนกันอย่างที่ผมเคยเรียนนี่ ผมว่าสุดยอดแล้ว แต่ก็ยังแพ้โรงเรียนเยอรมันที่นักเรียนส่วนใหญ่มีเชื้อสายตุรกี เพราะความทุ่มเทที่จะเอาชนะและเพื่อให้มีชีวิตที่ดีกว่าบรรพบุรุษที่เคยถูกดูหมิ่นถิ่นแคลนมาก่อนนั้นมีสูงมาก ประกอบกับโรงเรียนในเครือข่ายของขบวนการฮิซเม็ตมากกว่า 1,200 โรงเรียนจาก 172 ประเทศทั่วโลก มีครูและผู้บริหารที่เห็นโลกกว้างขวางกว่า มองโลกได้ครบทุกมิติกว่า

ไอเดียของขบวนการฮิซเม็ตนั้น นักธุรกิจชาวตุรกีจะทุ่มทุนช่วยกันบริจาคในตอนเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อโรงเรียนดำเนินไปได้ด้วยตนเองแล้ว ก็จะงดส่งเงินและความช่วยเหลือ พวกขบวนการฮิซเม็ตจะไม่ช่วยตลอดไปเหมือนขบวนการของประเทศอื่น ดังนั้น เมื่อบริหารโรงเรียนได้กำไร ก็ไม่ต้องเอากำไรออกนอกประเทศ แต่อาจจะใช้กำไรไปเปิดโรงเรียนอื่นในประเทศนั้นต่อ

เรื่องการศึกษาเพื่อสร้างพลเมืองโลกรุ่นใหม่ของขบวนการฮิซเม็ตของตุรกีนี่น่าสนใจมากครับ พรุ่งนี้ขอมารับใช้กันต่อ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ตุรกีผงาดโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/627596

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 30 พ.ค. 2559 05:01

 

สถานทูตบังกลาเทศประจำไทย + สนง.ส่งเสริมการส่งออกบังกลาเทศ จัดมหกรรมการค้าและการลงทุนบังกลาเทศครั้งแรกในไทย ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 1 มิ.ย.2559 มีบริษัทส่งออกสินค้าและบริการชั้นแนวหน้าของบังกลาเทศมาร่วมงานมากกว่า 50 ราย ท่านใดสนใจเชิญครับ

ท่านที่เคารพ ออตโตมานหรืออุษมานียะห์ เป็นมหาอาณาจักรของตุรกีที่เคยยิ่งใหญ่มายาวนานถึง 634 ปี สถาปนาเมื่อ ค.ศ. 1288 และล่มสลายเมื่อ ค.ศ.1922

พ่อผมมีความเชื่อว่า ตุรกีจะกลับมาเป็นมหาอำนาจโลกอีกครั้งในประมาณ ค.ศ.2030 หรือในระยะเวลาอันใกล้กว่านั้น ซึ่งเชื่อไม่เหมือนคำทำนายของนักอนาคตวิทยาอย่างจอร์ช ฟรีดแมน ผู้ก่อตั้งสถาบันสแตรทฟอร์ และเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีที่สุดของโลกหลายเล่ม ได้พยากรณ์โลกใน 100 ปี เอาไว้ว่า ตุรกีจะเป็น 1 ในมหาอำนาจอีกครั้งใน ค.ศ.2020 และยังเขียนต่ออีกว่าในปีเดียวกันนี้จีนจะเริ่มแตก ส่วนปี ค.ศ.2050 จะเกิดสงครามระหว่างมหาอำนาจใหม่ ทั้งสหรัฐอเมริกา ตุรกี โปแลนด์ และญี่ปุ่น ปี ค.ศ.2080 อวกาศจะเป็นฐานพลังงานใหม่ของโลก และ ค.ศ.2100 สหรัฐเม็กซิโกจะท้าทายสหรัฐอเมริกา

ออตโตมานอาณาจักรของชาวตุรกีกินดินแดนจนถึงโคตาเมีย ชายฝั่งของทะเลดำ ไปจนถึงแม่น้ำยูเฟรติส ช่องแคบยิบรัลตา ครอบครองดินแดนบางส่วนของกรีซ ออสเตรีย ฮังการี เมื่อ 94 ปีที่แล้ว ขณะกำลังจะเข้าครอบครองยุโรปไว้ได้เกือบทั้งหมดก็ล่มสลาย หลังจากนั้น จึงเป็นยุคทองของสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต

สัปดาห์ที่แล้วจนถึงสัปดาห์นี้ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ และคณะ ซึ่งประกอบด้วย พลอากาศโท นายแพทย์สุชิน บุญมา อดีต ผอ.รพ.ภูมิพลอดุลยเดช, นางรัตนธร รัตนสกุล ผอ.เขตสายไหม, นายชุมพล รัตน์เลิศลบ อดีต ผอ.เขตพื้นที่การประถมศึกษาเชียงใหม่เขต 1, นางพัทยา รัตน์เลิศลบ อาจารย์ ร.ร.ยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่, นางรานีนาถ ไชยวงศ์ ผอ.ร.ร.มาร์มาร่าวิชัยวิทยา เชียงใหม่ และนางศิริพร แสนรัตน์ ผอ.ร.ร.มาร์มาร่าศิริวัฒน์วิทยา กรุงเทพฯ ตระเวนเยือนโรงเรียนในเยอรมนี และดูการศึกษาประเภทอื่นในเบลเยียมกับเนเธอร์แลนด์

พอตกเย็น ก็ไปทานอาหารในบ้านเรือนของชาวเยอรมันเชื้อสายตุรกี การได้มาเยือนเยอรมนีครั้งนี้ ทำให้ได้ทราบว่า คนตุรกีในเยอรมนีมีจำนวนมากถึง 3 ล้าน โดย 1.5 ล้านได้สัญชาติเป็นชาวเยอรมันเรียบร้อยแล้ว

สงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงเมื่อ ค.ศ.1919 ตามด้วยการล่มสลายของอาณาจักรออตโตมานเมื่อ ค.ศ.1922 คนตุรกีส่วนหนึ่งอพยพมาอยู่เยอรมนี ตอนแรกก็เข้ามาทำงานในเหมืองถ่านหินหรือตามโรงงาน พอมาถึงคนรุ่นที่ 2 ก็เริ่มทำมาค้าขาย ไม่ว่าจะยากจนหรือลืมตาอ้าปากได้ คนตุรกีก็จะให้ลูกหลานได้รับการศึกษา

ขณะนี้ ชาวตุรกีในเยอรมนีที่เป็นรุ่นที่ 3 เป็นพวกที่มีการศึกษาและฐานะดีมาก แต่ทุกคนยังพูดภาษาตุรกี ฟังเพลงตุรกี และยึดมั่นในศาสนาอิสลาม และวัฒนธรรมประเพณีของตุรกีอย่างเคร่งครัด

ในตุรกีมีขบวนการฮิซเม็ต (Hizmet movement) ที่มีความเชื่อว่า การบริการให้ความช่วยเหลือดูแลมนุษยชาติทั้งปวงนั้น เป็นการรับใช้อัลลอฮฺ (ซุบฯ) พวกนี้ช่วยสร้างโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกระดับในตุรกี ทุนส่วนใหญ่มาจากการบริจาคช่วยเหลือของนักธุรกิจชาวตุรกีที่ประสบความสำเร็จ โดยสร้างครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1982 ที่อิสตันบูล ต่อมาก็ไปสร้างที่อังการา แล้วก็กระจายสร้างไปทั่วประเทศ นอกจากจะสอนชั้นประถมและมัธยมแล้ว ยังเปิดสถาบันเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วย เพราะการสอบแข่งขันเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในตุรกีนั้น ยากมาก

โซเวียตล่มเมื่อ ค.ศ.1991 ขบวนการฮิซเม็ตก็เข้าไปช่วยสร้างหรือเข้าไปบริหารโรงเรียนในสาธารณรัฐเกิดใหม่ที่แตกมาจากโซเวียต เช่นในอาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน คีร์กีซ อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน ฯลฯ จากนั้น ก็เข้าไปช่วยสร้างและบริหารโรงเรียนในอีกกว่า 172 ประเทศ มีโรงเรียนมากกว่า 1,200 แห่งทั่วโลก สำหรับที่เมืองไทยก็มี 4 แห่ง คือ ร.ร.มาร์มาร่าวิชัยวิทยา เชียงใหม่, ร.ร.นานาชาติแพน เอเชีย เขตประเวศ กทม., ร.ร.จินดามณี หลักสูตรภาษาอังกฤษ กทม. และ ร.ร.ศิริวัฒน์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ กทม.

การศึกษาเกี่ยวอะไรกับการกลับมาของตุรกี

พรุ่งนี้ขออนุญาตกลับมารับใช้กันครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

รัฐธรรมนูญฉบับแรกของโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/625963

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 27 พ.ค. 2559 05:01

 

จบประถมโรงเรียนวัด เมื่อขึ้นชั้นปริญญา พวกเราก็ถูกกระจาย ไปเรียนในหลายภูมิภาคของโลก พี่ชายผมถูกส่งไปฮาวาย พี่สาวไปลอนดอน น้องสาวไปปักกิ่ง ส่วนผมมาเรียนมัธยมปลายที่เยอรมนี 1 ปี แล้วก็มาเรียนต่อที่เนเธอร์แลนด์อีก 5 ปี

มาดูงานบริหารการศึกษาในโรงเรียนในเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม ระหว่าง 23-31 พฤษภาคม 2559 ครั้งนี้ จึงเหมือนกลับมายังถิ่นเดิม

ระหว่างนั่งรถ มีคนถามเรื่องรัฐธรรมนูญ เราก็เลยคุยเรื่องนี้กันนิดหน่อย พ่อเล่ารับใช้ย้อนหลังกลับไปสมัยที่มีการใช้รัฐธรรมนูญประเพณีกรีกโบราณ ทั้งของนครรัฐสปาตาร์ ของนครรัฐเอเธนส์และเล่าเรื่อยมาจนถึงสมัยโรมัน

เมื่อถูกถามถึงรัฐธรรมนูญฉบับแรกของยุคปัจจุบัน พ่อตอบว่า ก็คือ “มหากฎบัตร แมกนา คาร์ตา ค.ศ.1215 ของอังกฤษ” มหากฎบัตรว่าด้วยสิทธิและเอกสิทธิ์แห่งประชาชนฉบับนี้ รู้จักกันดีในอีกชื่อหนึ่งว่า “มหากฎบัตรแห่งสิทธิเสรีภาพ” แต่เนื้อหาก็ยังไม่เสรีโดยสมบูรณ์ เพราะข้อความส่วนใหญ่กำหนดขอบเขตพระราชอำนาจของกษัตริย์ไม่ให้มีฟุ่มเฟือยอย่างในอดีตเนื้อหาครอบคลุมถึงประโยชน์ของตัวแทนของพวกเจ้าที่ดิน พวกโบสถ์ พวกอัศวิน ไม่ให้ราชวงศ์มา ก้าวก่ายสิทธิของโบสถ์ ไม่ให้เก็บภาษีอัศวิน มหากฎบัตรให้อำนาจคณะขุนนาง 25 คนใช้กำลังต่อต้านกษัตริย์ได้ พระเจ้าจอห์นของอังกฤษจึงไปทูลขอให้พระสันตะปาปาทรงประณามมหากฎบัตรและอีก 4 เดือนต่อมา ก็เกิดสงครามบารอนขึ้นเป็นครั้งแรก

หลายคนถือว่า The Great Charter หรือมหากฎบัตร เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของโลก ซึ่งมีอิทธิพลต่อผู้คนในทวีปยุโรปมาก ก่อนหน้านั้น มนุษย์ยังไม่มีหลักคิดเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่พอได้อ่านมหากฎบัตรกันแล้ว ก็เกิดความคิด ข้อความในมหากฎบัตรมีอิทธิพลต่อหลักการด้านเสรีภาพในรัฐธรรมนูญอังกฤษ และเป็นแบบอย่างของรัฐธรรมนูญในประเทศเกิดใหม่

ตั้งแต่มีมหากฎบัตร เราก็จึงรู้ว่ารัฐธรรมนูญสำคัญต่อมนุษย์ที่มาอยู่รวมกันเป็นประเทศชาติบ้านเมือง มนุษย์ยุคต่อมาจึงให้ความสำคัญกับคนร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่มั่วไปเอาไอ้ปื้ดอีเปี๊ยกลูกเจ้น้องก้นซอยสองที่เคยมีบุญคุณต่อกันมาร่าง คนร่างต้องตกผลึกเรื่องสิทธิเสรีภาพ จะต้องมีความสุขุมลุ่มลึก และมีสำนึกในหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญจึงจะยุติธรรม และตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่อยู่รวมกันเป็นชาติรัฐอย่างแท้จริง

สภาร่างรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศจึงเป็นที่รวมของเหล่าปรมาจารย์ นักปราชญ์ราชบัณฑิตด้านการเมืองการปกครองและกฎหมาย ผู้ร่างบางคนต้องเคยต่อสู้เรื่องสิทธิเสรีภาพอย่างหนักหน่วงมาแล้วทั้งชีวิต จนความรู้สึกนึกคิดตกผลึก

เมื่อได้ร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ประชาชนก็ต้องใช้อำนาจไปลง ประชามติ บางประเทศประชาชนไปลงประชามติร่างที่ประชาชนร่วมริเริ่มร่างกันขึ้นมาเอง อย่างเช่นรัฐธรรมนูญของสวิตเซอร์แลนด์ ค.ศ.1874

บางประเทศรัฐบาลร่างหรือตั้งคณะกรรมการร่าง พอร่างเสร็จ ก็ให้ประชาชนไปลงประชามติ อย่างรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส ค.ศ.1958 และรัฐธรรมนูญฟิลิปปินส์ ค.ศ.1987

หลายประเทศให้ประชาชนเลือกสมาชิกสภาร่าง บางประเทศผู้มีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกสภาร่าง เมื่อสภาฯยกร่างเสร็จแล้ว ก็ให้ประชาชนไปลงประชามติว่าจะเอาหรือไม่เอา อย่างเช่นรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส ค.ศ.1946 รัฐธรรมนูญสเปน ค.ศ.1978 หรืออย่างที่พวกเราชาวไทยกำลังไปลงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคมที่จะถึง ก็เป็นแบบนี้

รัฐธรรมนูญที่จะอยู่ได้ศักดิ์สิทธิ์มั่นคงยาวนาน จะต้องไม่เขียนเพื่อบังคับมนุษย์ตลอดไป ผมหมายถึงรัฐธรรมนูญที่ดีต้อง “ไม่เสถียร” คือต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่แก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความจำเป็นของสังคมได้ไม่ยากนัก

รัฐธรรมนูญที่แก้ไขยาก บั้นปลายท้ายที่สุด ก็จะถูกยกเลิกโดยการจลาจลของประชาชนที่ทนไม่ไหว หรือไม่ก็ถูกยกเลิกโดยการปฏิวัติรัฐประหาร

ก่อนจะลงประชามติรับ หรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ประชาชนของหลายประเทศจึงถูกรณรงค์ให้อ่านทำความเข้าใจความยากง่ายในการแก้ไข และดูใครหรือองค์กรใดที่จะทำหน้าที่แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ตามครรลองของกฎหมาย

ร่างรัฐธรรมนูญในโลกนี้จำนวนไม่น้อย

เมื่อเป็นรัฐธรรมนูญสมบูรณ์แล้ว

นำหายนะมาสู่ประชาชนที่ลงประชามติรับร่าง

เป็นหายนะที่มาโดยไม่รู้ตัว.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

องค์กรสังเกตการณ์ลงประชามติฯ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/625350

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 26 พ.ค. 2559 05:01

 

23-31 พฤษภาคม 2559 ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ และคณะมีภารกิจเดินทางดูโรงเรียนและการศึกษาในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ และราชอาณาจักรเบลเยียม

ก่อนจะขึ้นเครื่องบินเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา คณะท่านผู้ใหญ่และนักวิชาการจากยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา สตูล และพัทลุง มาพบและสนทนากัน ผมและพ่อจึงได้ทราบว่า ท่านที่เคารพเหล่านี้ได้ตั้งองค์กรสังเกตการณ์ลงประชามติ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีชื่อเป็นภาษามลายูว่า SUARA RAKYAT SELATAN 1437H

ได้ฟังท่านอรรถาธิบายขยายความถึงวัตถุประสงค์แล้ว ผมขอแสดงความชื่นชมครับ เพราะองค์กรนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนเข้าใจเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ, เชิญชวนประชาชนให้ไปใช้สิทธิลงประชามติ, ให้มีการลงประชามติเป็นไปตามกฎหมายและเกิดความยุติธรรม, ป้องกันและดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนไม่ให้กระทำผิดกฎหมายประชามติ, สังเกตการณ์และเฝ้าระวังไม่ให้มีการทุจริตในการนับคะแนนลงประชามติ และเพื่อสื่อสารสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

เราต้องยอมรับความจริงกันนะครับ ว่าปัญหาหนึ่งที่หนักมากของประเทศไทยในห้วง 10 ปีที่ผ่านมา ก็คือปัญหาความไม่สงบของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเวลา 20 ปีพอดีที่ผมและน้องๆ ผลัดกันตามพ่อไปบรรยายในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สิ่งหนึ่งซึ่งเราสัมผัสได้ก็คือ ความรู้สึกของความเป็นเจ้าของการเมืองการปกครองของผู้คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้บางส่วนยังมีน้อย ถ้าเราช่วยกันรณรงค์ให้ผู้คนเกิดความรู้สึกว่าตนเองเป็นเจ้าของประเทศ เป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญ และมีส่วนร่วมอย่างสมบูรณ์ในการเมืองการปกครองก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก และจะเป็นส่วนหนึ่งของการบรรเทาเบาบางปัญหาให้น้อยลง

เราต้องมาช่วยกันคิดครับว่า ทำอย่างไรจึงจะสามารถชักชวนประชาชนให้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนออกเสียงประชามติกันให้มากๆ แต่ต้องจำนวนมากอย่างมีคุณภาพและบริสุทธิ์ยุติธรรม จากการที่ฟังท่านอรรถาธิบายขยายความถึงองค์กรสังเกตการณ์ลงประชามติ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมชอบที่ท่านจะดำเนินงานตามแนวคิดและทฤษฎีพื้นฐานในการใช้อำนาจอธิปไตยของราษฎร ท่านเน้นย้ำกับพ่อและผมว่า ท่านเชื่อมั่นว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน

ส่วนหลักคิดพื้นฐานทั่วไปในการรณรงค์ให้ผู้คนไปลงคะแนนที่ท่านเล่าให้ผมและพ่อฟัง ก็เป็นไปตามหลักสากลทุกประการครับ หลักสากลก็คือ ต้องจัดให้ประชาชนผู้ถือสัญชาติของประเทศนั้นๆ ที่มีสิทธิออกเสียงประชามติ ได้ออกเสียงพร้อมกันทั่วประเทศอย่างทั่วถึง โดยไม่เลือกปฏิบัติหรือจำกัดสิทธิของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือกลุ่มศาสนาใดศาสนาหนึ่งเป็นพิเศษ

การออกเสียงลงประชามติ ก็เช่นเดียวกับหลักสากลของการออกเสียงเลือกตั้ง เช่น ต้องโดยลับ โดยเสรี และต้องเป็นไปโดยแท้จริง ซึ่งหลักสากลพวกนี้ เราก็ใช้ในการเลือกตั้งระดับต่างๆในประเทศของเรามานานหลายสิบปี ผมเชื่อว่าทุกคนเข้าใจและปฏิบัติได้เหมือนกันหมดนั่นแหละครับ

สิ่งที่น่าจะเป็นภาระหนักขององค์กรสังเกตการณ์ลงประชามติ จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผมพอนึกออกในขณะนี้ก็คือ จะทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าใจเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญและต้องให้จินตนาการได้ว่า เมื่อร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติและได้รับการนำมาใช้อย่างสมบูรณ์แล้ว จะมีผลอย่างไรต่อการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ของตน

ฝากไว้อีกเรื่องหนึ่งครับ การเชิญชวนประชาชนให้ไปใช้สิทธิลงประชามติจะต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ซึ่งขณะนี้กฎหมายออกมามีผลบังคับใช้แล้ว นอกจากนั้นการกระดิกพลิกตัวขององค์กรฯ จะต้องเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย

ขณะนี้ พวกผมอยู่ต่างประเทศ จึงยังไม่ได้มีส่วนร่วมในองค์กรฯ แต่ก็ขอส่งกำลังใจและให้การสนับสนุนในแนวคิดและทฤษฎีพื้นฐานต่างๆ ที่มีการนำมาใช้กันอย่างเป็นสากล

โลกทุกวันนี้แคบลงมาก และมีความไวอย่างยิ่งยวด ในการลงประชามติครั้งนี้ หากมีสิ่งใดบิดเบี้ยวไปจากทฤษฎีมาตรฐานสากล ผมก็เชื่อว่าโลกทั้งใบจะทราบภายในเวลาอันสั้น จากนั้นก็จะกระทบต่อสถานะของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ ว่าเราสอบตกหรือสอบได้

ประเทศที่สอบตกมาตรฐานโลก

จะถูกโดดเดี่ยวจากโลก

เช่น เกาหลีเหนือ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand