ตะลึง! วัตถุปริศนาตกจากฟ้าลงเหมืองหยกในภาคเหนือเมียนมาร์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 พ.ย. 2559 23:20

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/780731

 

(ภาพจาก YANNAING PYI SONE AUNG)

วัตถุทำจากเหล็กขนาดใหญ่ ตกจากท้องฟ้าลงสู่เหมืองหยกแห่งหนึ่งในภาคเหนือของประเทศเมียนมาร์ โดยเชื่อว่าอาจเป็นส่วนที่เหลือของจรวดส่งดาวเทียมของจีน แต่ไม่ทำให้มีผู้บาดเจ็บ…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วัตถุทรงกระบอกทำจากเหล็กความยาว 4.5 ม. กว้าง 1.2 ม. ร่วงจากท้องฟ้าตกลงสู่เหมืองหยกแห่งหนึ่งในรัฐคะฉิ่น ในภาคเหนือของประเทศเมียนมาร์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในเวลาเดียวกันก็มีวัตถุทำจากเหล็กอีกชิ้นซึ่งมีตัวอักษรภาษาจีนติดอยู่ ตกทะลุหลังคาบ้านที่อยู่ใกล้เคียง สร้างความตกตะลึกให้แก่ผู้อยู่อาศัยในบริเวณนั้น แต่เคราะห์ดีที่ไม่มีรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บ

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ ‘โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมาร์’ ชาวบ้านท้องถิ่นระบุว่า พวกเขาได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นก่อนที่วัตถุดังกล่าวจะตกลงสู่พื้น ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงท้องถิ่นกล่าวว่า วัตถุนี้ไถลกับพื้นไปไกลประมาณ 50 ม. และหยุดลงตรงพื้นที่ดินโคลนของเหมือง

ส่วนชาวบ้านอีกคนระบุว่า ชาวบ้านหวาดกลัวเสียงระเบิดที่เกิดขึ้น เพราะตอนแรกพวกเขานึกว่าเกิดการต่สู้กัน การระเบิดทำให้บ้านของพวกเขาสั่นสะเทือน และมีกลุ่มควันลอยออกจากหมู่บ้านของพวกเขา ขณะที่บริเวณรอบจุดที่วัตถุปริศนาตกลงมา มากลิ่นฉุนมากด้วย

หนังสือพิมพ์ฉบับนี้รายงานด้วยว่า วัตถุปริศนาดังกล่าวอาจเป็นชิ้นส่วนของดาวเทียม, หรือเครื่องยนต์ของเครื่องบินหรือจรวดส่งดาวเทียม โดยจีนเพิ่งยิงจรวดส่งดาวเทียม ‘ลอง มาร์ช 11’ เพื่อส่งดาวเทียม ขึ้นสู่วงโคจรโลกในคืนวันพุธที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานแน่ชัดว่าวัตถุดังกล่าวคืออะไร โดยรัฐบาลรัฐคะฉิ่นส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสบแล้ว

 

ทรัมป์ ชนะ ส่งผลค่าเงินริงกิต ดิ่งเหวต่ำสุดในรอบ 30ปี นักธุรกิจไทยอ่วม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 พ.ย. 2559 17:54

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/780601

 

โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่สหรัฐฯ ส่งผลให้ค่าเงินในตลาดทั่วเอเชียปั่นป่วน รวมทั้ง ค่าเงินริงกิตของมาเลเซีย ดิ่งเหว ตกฮวบหนักสุดในรอบ 30 ปี อัตราแลกเปลี่ยนกับเงินบาทร่วงลงมาเหลือแค่ 7.8 บาท ต่อ 1 ริงกิต ส่งผลนักธุรกิจพ่อค้าไทยส่งสินค้าไปขายมาเลเซียขาดทุนทันที

เมื่อ 11พ.ย.59 ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์วิกฤติทางด้านการแลกเปลี่ยนตามแนวชายแดนไทยติดกับมาเลเซีย เช่นที่ บ้านไทยจังโหลน ต.สำนักขาม และที่บ้านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา รวมทั้งที่อื่นตามแนวชายแดน เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินริงกิตของมาเลเซีย ดิ่งเหว ตกต่ำเหลือเพียง 7.8 บาท ต่อ 1 ริงกิต ส่งผลให้การค้าตามแนวชายแดนได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากบรรดานักธุรกิจพ่อค้าที่ส่งสินค้าออกไปยังประเทศมาเลเซียต้องขาดทุนทันที กว่าร้อยละ 20 รวมทั้งส่งผลต่อการท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาในภาพรวม และส่งผลให้ราคาทองคำตกฮวบทันที จากบาทละ 21,400 บาท เหลือบาทละ 21,100 บาท หรือตกลงทันที 300 บาท ต่อน้ำหนักทองคำ 1 บาท หรือ 16.16 กรัม

นายดนุพล ตันติพยัคฆ์ ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ร้านทองนิมิตร เลขที่ 90/5-6 ถนนกาญจนวณิชย์ บ้านไทยจังโหลน (ด่านนอก) อ.สะเดา ซึ่งเป็นร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตรารายใหญ่ใน อ.สะเดา ได้เปิดเผยว่าวันนี้ได้เกิดเหตุวุ่นวายในวงการรับแลกเปลี่ยนเงินตรา หลังจากที่เปิดตลาดรับแลกเงินริงกิต เมื่อช่วงเช้า เพราะได้เกิดปรากฏการณ์เงินริงกิต มาเลเซียตกต่ำเป็นประวัติการณ์ เหลือ 7.80 บาท ต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี ถือเป็นวิกฤติของตลาดการเงินมาเลเซีย เมื่อเทียบกับค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินไทยกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 34.80 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ หรือ 4.192 ริงกิต ต่อ 1 ดอลลาร์


ขณะเดียวกัน อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินริงกิตได้แกว่งตัวอยู่ในระยะครึ่งวัน ก่อนช่วงบ่ายได้ขยับขึ้นเป็น 8.00 บาท ต่อ 1 ริงกิต หลังจากในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา อัตราแลกเปลี่ยนเงินริงกิตยืนอยู่ที่ 8.30-8.50 บาทต่อริงกิต จากที่เคยมีค่าแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 10 บาท ต่อ 1 ริงกิต เมื่อ 10 ปีก่อน

ส่วนสาเหตุที่เงินริงกิตมาเลเซียได้เกิดวิกฤติในครั้งนี้ นายดนุพล ตันติพยัคฆ์ นักธุรกิจหนุ่มใน อ.สะเดา กล่าวว่า มีผลมาจากการปรับราคาน้ำมันพืช และราคาแก๊สหุงต้มสำหรับบริโภค ได้ขึ้นราคาถึง 40 % เรารับทราบมาว่าทางรัฐบาลมาเลเซียต้องการให้คนมาเลย์พักการใช้เงิน รวมทั้งการท่องเที่ยว เพื่อต้องการให้เงินริงกิตหมุนเวียนในตลาดเงินมากขึ้น และทางธนาคารเนการ่าแห่งมาเลเซีย (Bank Negara Malaysia) ได้วางกฎเหล็กห้ามย้ายเงินออกนอกประเทศ


ทั้งนี้เงินริงกิตที่อ่อนค่า ส่งผลมาจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น สาเหตุมาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่สหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดทั่วเอเชียมีความปั่นป่วน แต่ทั้งนี้เงินริงกิตอาจมีโอกาสดีดขึ้นตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศมาเลเซีย.

 

ศาลสูงสุดปินส์ไฟเขียว ให้ฝังศพจอมเผด็จการ ‘มาร์กอส’ ที่สุสานวีรชน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 8 พ.ย. 2559 23:50

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/777711

 

ศาลสูงสุดของประทศฟิลิปปินส์ตัดสินเมื่อวันอังคาร ชี้ ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต มีอำนาจสั่งให้ย้ายศพของจอมเผด็จการ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ไปฝังที่สุสานวีรชนในกรุงมะนิลาได้…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศาลสูงสุดของประทศฟิลิปปินส์มีคำตัดสินในวันอังคารที่ 8 พ.ย. โดยเปิดทางให้สามารถฝังศพนาย เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส อดีตผู้นำเผด็จการแห่งแดนตากาล็อก ที่สุสานวีรชน ซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้ของกรุงมะนิลาได้ ท่ามกลางเสียงยินดีและเสียงต่อต้านจากชาวฟิลิปปินส์

ศาลสูงสุดมีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 5 ปฏิเสธคำร้องซึ่งยื่นโดยนักเคลื่อนไหวฝ่ายซ้าย และเหยื่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสมัยการปกครองของนายมาร์กอส (ค.ศ. 1965-1986) เพื่อคัดค้านที่ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต ออกคำสั่งเมื่อเดือนส.ค. ให้กองทัพเคลื่อนย้ายศพของนายมาร์กอสมาฝังที่สุสานวีรชนตามที่เขาสัญญาเอาไว้ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี

อย่างไรก็ตาม ศาลระบุว่า ประธานาธิบดีดูเตร์เตมีอำนวจในการสั่งให้ฝั่งศพนายมาร์กอสที่สุสานวีรชน และไม่มีกฏหมายข้อใดที่ห้ามในเรื่องนี้


กลุ่มต่อต้านการฝังศพเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ที่สุสานวีรชน ออกมาเดินขบวนในกรุงมะนิลา หลังศาลมีคำตัดสิน

ในเวลาต่อมา นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ลูกชายของนายมาร์กอส ซึ่งพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เมื่อเดือนพ.ค.อย่างเฉียดฉิว ออกมากล่าวว่า คำตัดสินของศาลในวันอังคารเป็นเรื่องที่สูงส่ง และแสดงออกถึงความหวังว่ามันจะนำพประเทศไปสู่การสมานบาดแผลได้ ขณะที่ผู้สนับสนุนนายมาร์กอสซึ่งชุมนุมกันที่หน้าศาล ต่างแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน

อย่างไรก็ตาม นายเนรี โคลเมเนเรส อดีตสมาชิกสภาฟิลิปปินส์ และผู้เห็นหนึ่งในหลายพันคนที่ถูกดำเนินคดีในยุคการปกครองของนายมาร์กอส ออกมาแสดงความไม่พอใจคำตัดสินของศาลโดยระบุว่า “ประวัติศาสตร์ได้สูญเสียความหมายของมันไปแล้ว และมันน่าสับสบและน่าผิดหวัง ที่หลังจากมีคำตัดสินต่อต้านนายมากอสมากมาย ศาลสูงสุดกลับมากลับลำ” นายโคลเมเนเรสระบุด้วยว่า กลุ่มฝ่ายซ้ายจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินนี้

 

ไม่ง้อก็ได้! ดูเตร์เตยกเลิกสั่งซื้อไรเฟิลมะกัน 26,000 กระบอก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 8 พ.ย. 2559 03:50

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/776786

 

ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต สั่งยกเลิกการซื้อปืนไรเฟิลหลายหมื่นกระบอกจากสหรัฐฯ หลังจากสหรัฐฯ ระงับการซื้อขาย เพราะกังวลเรื่องสิทธิมนุษยชน…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต แห่งประเทศฟิลิปปินส์ ออกคำสั่งให้ตำรวจยกเลิกการซื้อปืนไรเฟิล ‘เอ็ม-4’ 26,000 กระบอกจากสหรัฐฯ หลังจากผู้ช่วยส.ว.ระดับสูงของสหรัฐฯ ระบุเมื่อปลายเดือนต.ค. ว่า พวกเขาจะระงับการขายปืนให้แดนตากาล็อก เนื่องจากกังวลเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการทำสงครามยาเสพติดของฟิลิปปินส์

“เราจะไม่ตื๊อซื้อปืนแพงๆ จากสหรัฐฯ เราสามารถหาพวกมันจากที่อื่นได้เสมอ ผมกำลังออกคำสั่งให้ตำรวจยกเลิกเรื่องนี้ เราไม่ต้องการมัน” ดูเตร์เตกล่าวระหว่างการปราศรัยผ่านทางโทรทัศน์เมื่อวันจันทร์ที่ 7 พ.ย. ที่งานซึ่งผู้นำกลุ่มกบฏมุสลิมได้รับเชิญให้มาเข้าร่วม “เราแค่ต้องหาแหล่งใหม่ที่ถูกกว่า และอาจทนทานและดีเท่าปืนของสหรัฐฯ”

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างฟิลิปปินส์ และสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรกันมานาน ย่ำแย่ลงหลังจากประธานาธิบดีดูเตร์เตไม่พอใจที่สหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์มาตรการกวาดล้างยาเสพติดของเขา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วหลายพันคน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ดูเตร์เต’ ด่ามะกัน ‘โง่’ ฉุน โดนยกเลิกขายไรเฟิลลอตใหญ่

 

‘ดูเตร์เต’ ด่ามะกัน ‘โง่’ ฉุน โดนยกเลิกขายไรเฟิลลอตใหญ่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 พ.ย. 2559 05:15

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/772261

 

ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ออกโรงด่ากราดสหรัฐอเมริกาอีกครั้งในวันพุธ หลังจากสหรัฐฯ ระงับแผนขายอาวุธปืนไรเฟิลจำนวนหลายหมื่นกระบอกแก่ฟิลิปปินส์…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต แห่งประเทศฟิลิปปินส์ ออกมาก่นด่าสหรัฐอเมริกาอย่างรุนแรงอีกครั้งในวันพุธ เนื่องจากไม่พอใจที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระงับแผนขายปืนไรเฟิลจู่โจม ‘M4’ จำนวนถึง 26,000 กระบอกให้ฟิลิปปินส์ โดยดูเตร์เตเรียกผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจดังกล่าวว่า ‘พวกโง่’ กับ ‘พวกลิง’ และว่าเขาจะให้ไปซื้อปืนจากจีนและรัสเซียแทน

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ตัดสินใจระงับแผนการขายปืนไรเฟิลจำนวนดังกล่าวให้แก่ตำรวจฟิลิปปินส์ หลังจากเจ้าหน้าที่ของสำนักงานนายเบน คาร์ดิน ประธานคณะกรรมการความสัมพันธ์ต่างประเทศแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ ระบุว่า นายคาร์ดิน จะต่อต้านแผนการนี้ เนื่องจากกังวลเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในฟิลิปปินส์ จากการทำสงครามกวาดล้างยาเสพติดของประธานาธิบดีดูเตร์เตที่ดำเนินมานาน 4 เดือนแล้ว

ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้นายดูเตร์เต และกล่าวระหว่างการปราศรัยผ่านโทรทัศน์ในฟิลิปปินส์เมื่อวันพุธว่า เขาเคยเชื่อในสหรัฐฯ แต่ได้สูญเสียความเคารพในพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดประเทศนี้ไปแล้ว “ดูพวกลิงเหล่านี้สิ ปืน 26,000 กระบอกที่เราอยากจะซื้อ แต่พวกเขาไม่อยากจะขาย ลูกโสเภณี เรามีปืนผลิตเองมากมาย เจ้าพวกโง่อเมริกัน”

ดูเตร์เต ยังระบุอีกว่า รัสเซียและจีนแสดงความตั้งใจมาตลอดที่จะขายอาวุธให้ฟิลิปปินส์ แต่เขากำลังรอดูท่าทีว่ากองทัพของเขายังต้องการอาวุธของสหรัฐฯ อีกหรือไม่ “รัสเซีย พวกเขาเชื้อเชิญเรา จีนด้วย จีนเปิดกว้าง อะไรก็ตามที่คุณต้องการ พวกเขาส่งโบรชัวร์ให้ผมด้วย และบอกว่า เราเลือกจากในนั้น และเราจะจัดหาให้”

“แต่ผมขอรอก่อน เพราะผมกำลังถามกองทัพว่าพวกเขามีปัญหาอะไรหรือไม่ ถ้าหากมีและคุณอยากใช้อาวุธอเมริกัน ก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อมองดุลยภาพของสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว พวกเขา (สหรัฐฯ) หยาบคายกับเรา” ดูเตร์เต กล่าว

ทั้งนี้ มาตรการกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดของนายดูเตร์เตที่ใช้มานาน 4 เดือน ทำให้มีผู้เสียชีวิตในปฏิบัติการของตำรวจแล้วมากกว่า 2,300 คน ทำให้นานาชาติรวมทั้ง สหรัฐฯ ออกมาแสดงความกังวลต่อการสังหารโดยไม่สนกฎหมายที่เกิดขึ้นในฟิลิปปินส์ ทำให้ดูเตร์เตไม่พอใจ และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศย่ำแย่ลงเรื่อยๆ

 

สลด! เรือเร็วขนผู้อพยพล่มนอกชายฝั่งอินโดนีเซีย ดับ 18 ศพ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 พ.ย. 2559 02:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/772241

 

เรือเร็วบรรทุกผู้อพยพล่มนอกชายฝั่งเกาะสุมาตรของอินโดนีเซียเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 18 ราย แต่ยังมีผู้สูญหายอีกหลายสิบคน…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันพุธที่ 2 พ.ย. เกิดเหตุเรือเร็วซึ่งบรรทุกผู้อพยพ 98 คน และลูกเรืออึก 3 คน ล่มนอกชายฝั่งจังหวัดเรียว ทางตะวันออกของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 18 ราย รวมเด็ก 1 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้แล้ว 39 คน แต่อีก 44 คน ยังสูญหาย

สำนักงานจัดการภัยพิบัติส่วนภูมิภาคจังหวัดเรียว ระบุว่า เรือลำนี้กำลังอยู่ระหว่างเดินทางจากรัฐยะโฮร์ ตอนใต้ของประเทศมาเลเซีย ไปยังเกาะบาตัม ก่อนจะประสบคลื่นลมแรงจนทำให้เราไปชนเข้ากับหินโสโครก ทำให้เรืออับปางในที่สุด

 

อาเซียนจี้เมียนมา สอบเหตุทหารละเมิดสิทธิมนุษยชนในรัฐยะไข่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 3 พ.ย. 2559 01:20

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/772072

 

สมาชิกรัฐสภาแห่งสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาสอบสวนกรณีมีรายงานว่า ทหารเมียนมาละเมิดสิทธิมนุษยชนในรัฐยะไข่อย่างกว้างขวาง หลังถูกส่งเข้าไปรับมือกลุ่มติดอาวุธ…

เมื่อ 2 พ.ย. สมาชิกรัฐสภาแห่งสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อสิทธิมนุษยชน (เอพีเอชอาร์) เรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาสอบสวนอย่างถี่ถ้วนและเป็นกลางในรายงานที่ว่าทหารเมียนมาละเมิดสิทธิมนุษยชนในรัฐยะไข่ ทั้งสังหาร ข่มขืน และเผาบ้านเรือนราษฎร หลังกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อว่าเป็นชาวมุสลิมโรฮีนจาบุกโจมตีด่านชายแดนเมื่อ 9 ต.ค. ทำให้ตำรวจเสียชีวิต 9 นาย จากนั้นเมียนมาส่งทหารเข้ากวาดล้างรัฐยะไข่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 30 คน ถูกจับหลายสิบคน และมีผู้ลี้ภัยเพราะความกลัวกว่า 15,000 คน

วันเดียวกัน เหล่านักการทูตต่างชาติ รวมทั้งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ จีน อังกฤษ สหภาพยุโรป (อียู) เดินทางจากเมืองสิตตะเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ไปยังหมู่บ้านต่างๆในอำเภอหม่องดอว์ ทางตอนเหนือรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นเขตปิดล้อมของทหาร เพื่อสำรวจสถานการณ์ความรุนแรงที่นั่น.

 

ดวงแข็ง! หนุ่มออสซี่รอดตาย หลงป่าบนภูเขามาเลย์ 2 สัปดาห์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 1 พ.ย. 2559 23:50

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/771022

 

(ภาพจาก RTM SARAWAK)

เจ้าหน้าที่ของประเทศมาเลเซียพบตัวชายชาวออสเตรเลีย ซึ่งหายตัวไปในป่าบนภูเขาแห่งหนึ่งบนเกาะบอร์เนียวเมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อนแล้ว และขณะนี้กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของประเทศมาเลเซีย พบตัวนาย แอนดรูว์ แกสเคลล์ วิศวกรหนุ่มชาวออสเตรเลียวัย 26 ปี ซึ่งถูกแจ้งหายเมื่อวันที่ 20 ต.ค. หลังจากเข้าไปเดินป่าในอุทยานแห่งชาติ มูลู ในรัฐซาราวัก บนเกาะบอร์เนียวแล้ว โดยใช้เจ้าหน้าที่กว่า 60 นายในการค้นหา

ตามรายงานของสำนักข่าว บอร์เนียว โพสต์ นายแกสเคลล์มีอาการขาดสารอาหาร แต่ยังมีสติ สามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ให้การช่วยเหลือได้ ก่อนจะถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมืองมีรี โดยเจ้าหน้าที่พบปลิงจำนวนมากเกาะบนขาของเขาด้วย ขณะที่ญาติของนายแกสเคลล์ ออกมาขอบคุณทางการมาเลเซียที่ช่วยเหลือพวกเขาในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

ทั้งนี้ นายแกสแคลล์โพสต์ข้อความลงบนบล็อกส่วนตัวของเขาว่า เขากำลังเตรียมตัวเดินทางทัวร์เอเชียในเดือน ส.ค. และบางที ระหว่างทางเขาอาจจะพบข้อสรุปว่า เขาเป็นใครและต้องการทำอะไรในชีวิต

 

‘ดูเตร์เต’ กร้าวอีก อยากให้ทหารสหรัฐฯ ถอนทหารจากฟิลิปปินส์ใน 2 ปี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 26 ต.ค. 2559 23:15

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/765422

 

ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต แห่งฟิลิปปินส์ กล่าวระหว่างเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันพุธว่า เขาต้องการให้ทหารสหรัฐฯ ในฟิลิปปินส์ถอนกำลังออกไปภายในเวลา 2 ปี…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต แห่งประเทศฟิลิปปินส์ แสดงท่าทีที่ไม่เป็นมิตรต่อสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง โดยเขากล่าวระหว่างการเยือนประเทศญี่ปุ่นในวันพุธที่ 26 ต.ค. ว่า เขาต้องการให้ทหารอเมริกันถอนกำลังออกจากประเทศภายใน 2 ปี หากเป็นไปได้ เขายังบอกกับผู้นำญี่ปุ่นด้วยว่า จะอยู่เคียงข้างในประเด็นพิพาททะเลจีนใต้กับจีน

ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงความมั่นคงในปัจจุบัน สหรัฐฯ มีทหารประจำการที่ค่ายทหาร 5 แห่งในฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ประธานาธิบดี ดูเตร์เต รับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อเดือนก.ค. เขาก็เน้นย้ำเรื่องการถอยห่างออกจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดมานาน และอดีตเจ้าอาณานิคม โดยหันไปพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศจีนแทน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ดูเตร์เตเพิ่งประกาศแยกตัวจากสหรัฐฯ ระหว่างเยือนกรุงปักกิ่งของจีน

ล่าสุด ดูเตร์เต กล่าวที่การประชุมผู้บริหารธุรกิจญี่ปุ่นในกรุงโตเกียวเมื่อวันพุธว่า “ผมต้องการให้ประเทศของผมปลอดทหารต่างชาติ บางทีอาจจะภายใน 2 ปีข้างหน้า ผมต้องการให้พวกเขาออกไป” ดูเตร์เตยังพูดซ้ำเรื่องความเป็นไปได้ที่เขาจะยกเลิกข้อตกลงทางทหารกับสหรัฐฯ รวมทั้งพูดถึงความต้องการของเขาที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับจีนให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ดูเตร์เตจะมีท่าทีที่แข็งกร้าวต่อสหรัฐฯ มากขึ้น แต่สหรัฐฯ ก็ยังยืนยันที่จะร่วมมือกับฟิลิปปินส์ต่อไป โดยนาย จอช เคียร์บี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันอังคารว่า “สหรัฐฯ จะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อทุกคำพูดจากนายดูเตร์เต เราจะทำงานร่วมกันต่อไปด้วยความสัมพันธ์นี้ เราจะทำตามพันธสัญญาของเราภายใต้สนธิสัญญาความมั่นคงต่อไป”


ประธานาธิบดีดูเตร์เตพบปะกับนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น

อนึ่ง ในการเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ นอกจากกล่าวโจมตีสหรัฐฯ แล้ว ดูเตร์เตยังยืนยันต่อหน้าเหล่านักธุรกิจชาวญี่ปุ่นด้วยว่า การเดินทางเยือนประเทศจีนเมื่อสัปดาห์ก่อนของเขานั้น เป็นการเยือนเพื่อพูดคุยในเรื่องเศรษฐกิจ ไม่ใช่การทหาร และหลีกเลี่ยงที่จะพูดคุยกับจีนเรื่องการเป็นพันธมิตร ขณะที่เขารับประกันระหว่างการเข้าพบนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ด้วยว่า เขาจะยืนหยัดเคียงข้างญี่ปุ่นในประเด็นเรื่องข้อพิพาททะเลจีนใต้

 

อิเหนาวิสามัญฯ หนุ่มคลั่งไอเอสไล่ฟันตำรวจ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 21 ต.ค. 2559 06:00

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/760137

 

เมื่อวันที่ 20 ต.ค. เกิดเหตุระทึกขวัญกลางสี่แยกถนนเมืองตันเกรัง ไม่ไกลจากกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย หลังคนร้ายไม่เปิดเผยชื่ออายุ 21 ปี ก่อเหตุใช้มีดพร้าไล่ฟันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ก่อนถูกยิงวิสามัญฆาตกรรม ไปเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล

จากการเปิดเผยของนายอาวี เซติโยโน โฆษกกรมตำรวจกรุงจาการ์ตา ระบุว่าคนร้ายเดินมายังป้อมตำรวจบริเวณสี่แยกเมืองตันเกรัง และนำสติกเกอร์สัญลักษณ์กองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส มาติดที่เสาสัญญาณไฟจราจร จากนั้นจึงชักมีดพร้าออกมา และลงมือไล่ฟันเจ้าหน้าที่ในบริเวณนั้น ทั้งโยนระเบิดที่เชื่อว่าเป็นไปป์บอมบ์ใส่เจ้าหน้าที่ 2 ลูก แต่ไม่ทำงาน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจยิงวิสามัญฯ โดยคนร้ายได้รับบาดเจ็บหนักและเสียชีวิตต่อมา การสอบสวนเบื้องต้นพบคนร้ายเป็นสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงท้องถิ่น ขณะที่พี่น้องของคนร้าย 2 คนก็เป็นตำรวจ

เหตุการณ์ระทึกขวัญลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา กลุ่มคนร้ายและมือระเบิดฆ่าตัวตายอ้างตัวเป็นกลุ่มไอเอส โจมตีกลางสี่แยกกรุงจาการ์ตา พลเรือนเสียชีวิต 4 คน เจ้าหน้าที่บาดเจ็บหลายราย ซึ่งวันเดียวกัน ศาลอินโดนีเซียสั่งจำคุก 4 ปีและ 10 ปี แก่ผู้ต้องหา 2 คน ที่พัวพันเหตุดังกล่าว.