‘ดูเตร์เต’ ประกาศแยกตัวจากสหรัฐฯ หันหน้าซบจีน-ตกลงคุยแก้ข้อพิพาท

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 ต.ค. 2559 00:15

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/759996

 

ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต แห่งประเทศฟิลิปปินส์ จับมือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน

ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ประกาศแยกตัวจากสหรัฐฯ ระหว่างที่เขาเดินทางเยือนประเทศจีนเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่ทั้งสองประเทศตกลงใช้การเจรจาเพื่อแก้ข้อพิพาททะเลจีนใต้..

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต แห่งประเทศฟิลิปปินส์ ประกาศ ‘แยกตัว’ จากสหรัฐอเมริกา ระหว่างที่เขาเดินทางเยือนประเทศจีนเมื่อวันพฤหัสบดี (20 ต.ค.) นอกจากนี้ยังประกาศปรับความสัมพันธ์กับจีน และตกลงแก้ปัญหาข้อพิพาทของทั้งสองประเทศ เรื่องการแย่งอธิปไตยหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ด้วยวิธีเจรจา

“ท่านผู้มีเกียรติในที่ประชุมแห่งนี้ ผมขอประกาศการแยกตัวจากสหรัฐอเมริกาของผม ทั้งในทางทหาร สังคมและเศรษฐกิจ อเมริกาแพ้แล้ว” ดูเตร์เตกล่าว และได้รับเสียงปรบมือกึกก้องจากนักธุรกิจทั้งชาวจีนและฟิลิปปินส์กว่า 200 คน ที่มหาศาลาประชาชน (Great Hall of the People) ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี จาง เกาลี่ เข้าร่วมด้วย “ผมปรับตัวเองเข้าสู่กระแสทางความคิดของคุณ และผมอาจจะเดินทางไปรัสเซียเพื่อพูดคุยกับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน และบอกเขาว่า มีพวกเราทั้ง 3 ฝ่าย จีน, ฟิลิปปินส์ และรัสเซีย เผชิญหน้ากับโลก” ตูเตร์เตกล่าว


ดูเตร์เตกล่าวปราศรัยต่อหน้านักธุรกิจทั้งชาวจีนและฟิลิปปินส์กว่า 200 คน ที่มหาศาลาประชาชน

ทั้งนี้ คำพูดของดูเตร์เตจะสร้างความกังวัลครั้งใหม่ให้แก่สหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลของประธานาธิบดี บารัก โอบามา มองฟิลิปปินส์ว่าเป็นพันธมิตรสำคัญ ในการสร้างสมดุลทางทรัพยากรในเอเชีย เพื่อคานอำนาจกับจีน โดยรัฐบาลโอบามาเคยทำข้อตกลงกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ก่อนหน้ายุคของดูเตร์เต ให้สิทธิ์ทหารอเมริกันสามารถผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปประจำตามฐานทัพต่างๆ ในแดนตากาล็อกได้ แต่คำพูดของผู้นำฟิลิปปินส์คนใหม่ทำให้เกิดความกังขาเกี่ยวกับอนาคตของข้อตกลงนี้

อย่างไรก็ตาม เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังประธานาธิบดีดูเตร์เตประกาศแยกตัวจากสหรัฐฯ นาย การ์ลอส โดมินเกวซ และนายเอร์เนสโต เปร์เนีย เลขาธิการด้านการคลังและการวางแผนเศรษฐกิจของดูเตร์เต ก็ออกแถลงการณ์ร่วมกันเพื่อยืนยันว่า ฟิลิปปินส์ไม่ได้มีแผนหันหลังใช้ชาติตะวันตก “เราจะคงความสัมพันธ์กับชาติตะวันตก แต่เราปรารถนายิ่งขึ้นที่จะบูรณาการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันประเทศเพื่อนบ้าน”

อนึ่ง ฟิลิปปินส์กับจีนกำลังมีปัญหาพิพาทเรื่องการแย่งชิงอำนาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ ซึ่งจีนอ้างกรรมสิทธิ์ในพื้นที่เกือบทั้งหมด โดยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายแย่ลงหลังจาก เมื่อเดือนตัดสินเมื่อเดือน ก.ค. ว่าจีนไม่มีหลังฐานทางประวัติศาสตร์ที่จะใช้อ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ทะเลจีนใต้ แต่นายดูเตร์เตกำลังพยายามฟื้นความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศหลังรับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนเดียวกัน

อีกด้านหนึ่ง นาย หลิว เจิ้นหมิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีน กล่าวหลังนายดูเตร์เตเข้าพบกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนในวันเดียวกันว่า ข้อพิพาททะเลจีนใต้ไม่ไช่ภาพรวมทั้งหมดในความสัมพันธ์ระหว่างจีนและฟิลิปปินส์ “ทั้งสองฝ่ายตกลงจะทำในสิ่งที่ตกลงกันไว้เมื่อ 5 ปีก่อน นั่นคือการเจรจาและปรึกษาหารือแบบทวิภาคี เพื่อหาทางแก้ปัญหาเรื่องทะเลจีนใต้อย่างเหมาะสม”

 

ฟิลิปปินส์รอรับไต้ฝุ่น ‘ไห่หม่า’ พายุระดับ 5 แรงกว่า ‘ซาเระกา’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 19 ต.ค. 2559 23:45

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/758981

 

ไต้ฝุ่นไห่หม่า (ขวา) จ่อพัดถล่มฟิลิปปินส์ต่อจากไต้ฝุ่นซาเระกา (ซ้าย)

ไต้ฝุ่นไห่หม่า ซึ่งทวีความรุนแรงเป็นพายุระดับ 5 แล้ว กำลังจะเคลื่อนตัวเข้าสู้ภาคเหนือของเกาะลูซานของฟิลิปปินส์ ในคืนวันพุธหรือเช้าวันพฤหัสบดี คาดว่าจะทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วม และดินถล่ม…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประเทศฟิลิปปินส์กำลังรอรับการมาถึงของไต้ฝุ่น ‘ไห่หม่า’ ซึ่งทวีความรุนแรงเป็นพายุระดับ 5 ความเร็วลมถึง 315 กม./ชม. เมื่อวันอังคาร โดยพยากรณ์อากาศท้องถิ่นคาดว่าพายุลูกนี้จะขึ้นฝั่งทางเหนือของเกาะลูซอนช่วงเที่ยวคืนวันพุธจนถึงเข้าวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น และจะทำให้ฝนตกหนัก, น้ำท่วม หรือดินถล่ม ซึ่งทางการออกคำสั่งอพยพประชาชนหลายพันคนออกจากบ้านเรือน ยกเลิกเที่ยวบินและห้ามเรือออกจากฝั่งแล้ว

การมาของพายุ ไห่หม่า เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากไต้ฝุ่น ‘ซาเระกา’ พัดถล่มภาคเหนือของฟิลิปปินส์ และเคลื่อนตัวออกสู่ทะเลจีนใต้ โดยสำนักงานจัดการภัยพิบัติของฟิลิปปินส์ยังไม่มียันจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากพายุซาเระกา แต่เตือนว่า ไต้ฝุ่นไห่หม่ามีความอันตรายกว่ามาก และอาจรุนแรงกว่าไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตในฟิลิปปินส์กว่า 6,000 คน เมื่อปี 2013 เสียอีก


ชาวฟิลิปปินส์ที่อพยพจากหมู่บ้านติดชายฝั่งทะเล รวมตัวกันที่ศูนย์อพยพในเมืองอัลคาลา จังหวัดคากายาน ทางเหนือของกรุงมะนิลา

ขณะที่นาย เทย์เลอร์ วาร์ด นักอุตุนิยมวิทยาของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นระบุว่า ผลกระทบจากพายุลูกนี้ที่จะมีต่อฟิลิปปินส์ ขึ้นอยู่กับจุดที่มันขึ้นฝั่ง โดยพื้นที่บริเวณจุดศูนย์กลางพายุจะได้รับความเสียหายอย่างหนักจากกระแสลมรวมทั้งคลื่นพายุหนุนซัดฝั่ง (สตอร์มเซิร์จ) แต่พื้นที่ชายฝั่งที่คาดว่าพายุลูกนี้จะเคลื่อนตัวเข้าไปหา แทบไม่มีประชาชนอาศัยอยู่ อย่างไรก็ตาม ไต้ฝุ่นไห่หม่าจะสั่งผลกระทบต่อประชากร 2.7 ล้านคนใน 7 จังหวัดของฟิลิปปินส์

นายวาร์ดระบุอีกว่า จากนั้นไห่หม่าจะเคลื่อนตัวออกจากฟิลิปปินส์ทางตะวันตกเฉียงเหนือ และเข้าสู้ชายฝั่งประเทศจีนในช่วงเย็นวันศุกร์ ที่มณฑลกวางตุ้งทางตะวันออกของจีน และฮ่องกง

ทั้งนี้ ไต้ฝุ่นไห่หม่า เป็นไต้ฝุ่นระดับ 5 ลูกที่ 7 ของปีนี้ มีความรุนแรงเป็นอันดับที่ 3 รองจากไต้ฝุ่น เนพาร์ตัก และเมอรันติ ที่พัดถล่มจีนกับไต้หวันก่อนหน้านี้ และเป็นพายุลูกที่ 12 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในปีนี้

 

ดูเตร์เต หยอดคำหวานก่อนเยือนจีน เล็งฟื้นความไว้ใจ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 19 ต.ค. 2559 04:50

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/758097

 

ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต แห่งฟิลิปปินส์ เดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ 4 วัน ตั้งแต่ 18 ต.ค. โดยก่อนเดินทางเขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวของจีนว่า จีนเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวและเป็นแหล่งเงินทุนช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของจีน ปู่ของตนก็เป็นคนจีน การเยือนจีนจะฟื้นฟูความไว้วางใจระหว่างกัน หลังเกิดกรณีพิพาทแย่งกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ จีนไม่เหมือนสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกอื่นๆ จีนสนับสนุนรัฐบาลอายุ 3 เดือนของตนโดยไม่ติติง

ก่อนหน้านี้ ดูเตร์เตประกาศว่าจะค่อยๆ ลดความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ลง หันไปคบค้าสมาคมกับจีนและรัสเซียแทน เพราะไม่พอใจที่สหรัฐฯโจมตีนโยบายกวาดล้างยาเสพติดและอาชญากรรมของตน ถึงขั้นเรียกประธานาธิบดีบารัค โอบามา ว่า “ลูกโสเภณี” และไล่ให้ไปลงนรกมาแล้ว.

 

ปินส์อ่วมหนัก! ไต้ฝุ่น ‘ไห่มี่’ จ่อถล่มอีกลูก แรงเท่าเฮอริเคนระดับ 4

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 ต.ค. 2559 11:54

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/757262

 

ภาพดาวเทียมจากนาซา ไต้ฝุ่นซาเระกา(ซ้าย) – ไต้ฝุ่นไห่มี่ (ขวา)

ชาวฟิลิปปินส์อ่วมแน่ เผชิญไต้ฝุ่น 2 ลูกในสัปดาห์เดียว…ไต้ฝุ่นไห่มี่ ความรุนแรงเท่าเฮอริเคนระดับ 4 จ่อถล่มภาคเหนืออีกแล้ว คาดจะทวีกำลังเป็น ซุปเปอร์ไต้ฝุ่น ขณะขึ้นฝั่งถล่มฟิลิปปินส์ เตือนจะก่อให้เกิดลมกระโชกแรงจัด ฝนตกหนัก และคลื่นสูง-สตอร์มเซิร์จซัดฝั่ง

เมื่อ 18 ต.ค.59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ชาวฟิลิปปินส์ทางภาคเหนือของประเทศ เผชิญหน้ากับพายุไต้ฝุ่นกำลังแรง ‘ไห่มี่’ (Haimi) ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้ามายังเกาะลูซอน ขณะที่สำนักอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์คาดว่า ไต้ฝุ่นลูกนี้จะทวีกำลังขึ้นเป็น ‘ซุปเปอร์ไต้ฝุ่น’ มีความเร็วลมสูงถึง 240 กม.ต่อชั่วโมง ในช่วง 12-24 ชั่วโมงข้างหน้า และคาดว่าจะขึ้นฝั่งถล่มเกาะลูซอนทางภาคเหนือของฟิลิปปินส์ในค่ำวันพุธที่ 19 ต.ค.นี้

อิทธิพลของไต้ฝุ่นไห่มี่ ซึ่งขณะนี้สำนักอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์แจ้งเตือนมีความรุนแรงเทียบเท่ากับเฮอริเคน ระดับ 4 (รองสูงสุด) จะก่อให้เกิดลมกระโชกแรง ฝนตกหนัก และสามารถทำให้เกิดดินสไลด์ลงมาจากภูเขาหลังจากเกิดฝนตกหนักติดต่อกัน โดยไต้ฝุ่นไห่มี่นับเป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 2 ในช่วงสัปดาห์นี้ที่ถล่มฟิลิปปินส์ต่อจากไต้ฝุ่นซาเระกา ที่ได้เคลื่อนตัวผ่านทางตอนเหนือของกรุงมะนิลา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา ก่อนจะมุ่งหน้าไปถล่มเกาะไห่หนาน หรือเกาะไหหลำของจีน


นาซาเผยแพร่ภาพดาวเทียม แสดงให้เห็นความรุนแรงของไต้ฝุ่นซาเระกา ขณะมุ่งหน้าถล่มจีนและเวียดนาม เมื่อ 17 ต.ค.59

ด้านซีเอ็นเอ็น เตือนภัยพายุไต้ฝุ่นไห่มี่ ซึ่งมีกำลังความรุนแรงมากว่า ถ้าเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งฟิลิปปินส์แล้ว จะทำให้บริเวณโดยรอบศูนย์กลางพายุได้รับความเสียหายอย่างหนักจากลมพายุกระโชกแรง รวมทั้งการเกิดคลื่นสูงซัดฝั่ง (สตอร์มเซิร์จ) ขณะที่ทิศทางของพายุหลังจากถล่มฟิลิปปินส์แล้ว จะเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือมุ่งสู่ชายฝั่งทางภาคตะวันออกของจีน ในเย็นวันศุกร์ที่ 21 ต.ค.ที่จะถึง.

 

ลงนามอาลัย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 18 ต.ค. 2559 07:55

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/757014

 

สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลงนามแสดงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา โดยมีนายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร เอกอัครราชทูตไทย ให้การต้อนรับ.

 

เมียนมาสลด! เร่งค้นหาผู้สูญหาย เรือเฟอร์รี่โดยสารล่ม พบศพแล้ว 32

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 ต.ค. 2559 19:41

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/756646

 

เมียนมา เร่งค้นหาผู้สูญหาย เหตุการณ์เรือเฟอร์รี่โดยสารล่มในแม่น้ำทางตอนเหนือของเมียนมา พบผู้เสียชีวิตแล้ว 32 คน และยังสูญหายอีกจำนวนมาก

17 ต.ค. 59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุเรือเฟอร์รี่โดยสารในเมียนมาล่มในแม่น้ำ ชินด์วิน (Chindwin) เขตสะกาย ทางตอนเหนือของประเทศ เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. ของเช้าวันเสาร์ที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา พบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 32 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนมาก ขณะที่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยชีวิตผู้โดยสารกว่า 154 คน ขณะที่ ยังไม่ทราบจำนวนผู้โดยสารแน่ชัดที่เดินทางมากับเรือเฟอร์รี่ลำนี้ว่ามีจำนวนกี่คน โดยผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่าขณะเกิดเหตุเรือล่มนั้น มีผู้โดยสารบนเรือมากถึงประมาณ 300 คน ทั้งที่เรือสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้เพียง 120 คนเท่านั้น

เรือเฟอร์รี่ลำดังกล่าว ได้เดินทางจากเมืองโฮมาริน ไปเมืองโมนยวา แต่เรือประสบเหตุล่ม และจมอย่างรวดเร็วใกล้กับเมืองคะนี ห่างจากเมืองมัณฑเลย์ ประมาณ 137 กิโลเมตร โดยผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นักศึกษา ครู และคนทำงาน ที่เดินทางกลับบ้านเพื่อร่วมเทศกาลตาติงยุด หรืองานฉลองโคมประทีป ซึ่งเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการกลับมายังโลกมนุษย์ของพระพุทธเจ้า


ประชาชนริมแม่น้ำมาเฝ้าดูเหตุการณ์จำนวนมาก

ข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่พบจุดที่เรือเฟอร์รี่โดยสารจมลงแล้ว และพยายามใช้เครนกู้ซากเรือขึ้นจากแม่น้ำ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวลูกเรือเฟอร์รี่โดยสารลำนี้ ได้แล้ว 4 คน ส่วนอีกคนอยู่ระหว่างการหลบหนี รวมทั้งเจ้าของเรือด้วย โดยทั้งหมดจะถูกดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ สาเหตุของอุบัติเหตุทางน้ำของเมียนมา ส่วนใหญ่เกิดจากเรือบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนด อีกทั้งเรือยังชำรุดทรุดโทรมเกินไป

 

สะพานแขวนเชื่อมเกาะในอินโดนีเซียถล่ม ดับ 8 รายเจ็บอื้อ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 ต.ค. 2559 05:35

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/756046

 

เกิดเหตุสะพานซึ่งเชื่อมระหว่างเกาะเล็กๆ 2 เกาะใกล้กับเกาะบาหลี ของประเทศอินโดนีเซีย พังถล่ม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่คนจำนวนมากกำลังเดินข้ามสะพานแขวนเชื่อมระหว่างเกาะ นูซา เลมบงกัน และเกาะ นูซา เจนิงัน นอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะบาหลี เพื่อไปร่วมพิธีกรรมทางศาสนา ก่อนที่สะพานจะพังถล่มลงไปในทะเล

สะพานดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่อให้คนและรถจักรยานยนต์ใช้ข้ามไปมาระหว่างเกาะทั้งสองแห่ง โดยนาย สุโตโป พูร์โว นูโกรโฮ โฆษกสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติของอินโดนีเซีย ระบุว่า สะพานสั่นก่อนอยู่แล้วที่มันจะพังถล่ม ทำให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้คนจำนวนหนึ่งตกลงไปในทะเล

ขณะที่ตำรวจเปิดเผยว่า ระดับน้ำทะเลในจุดเกิดเหตุไม่ลึกมาก แต่เหตุที่มีผู้คนเสียชีวิตถึง 8 รายและได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 30 คน เป็นเพราะถูกซากปรักหักพังหล่นใส่ โดยมีเด็ก 3 คนรวมอยู่ในหมู่ผู้เสียชีวิตด้วย ขณะที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีผู้สูญหายหรือไม่ โดยจะเจ้าหน้าที่จะเริ่มออกปฏิบัติการค้นหาในช่วงเช้าวันจันทร์

ทั้งนี้ ตามการเปิดเผยของนาย แอนดรูว์ ซูเธอร์แลนด์ ชาวสหราชอาณาจักรที่อาศัยอยู่ในอินโดนีเซีย และเป็นผู้ให้บริการทัวร์ บอกกับสำนักข่าวบีบีซีว่า สะพานสายนี้เป็นเส้นทางเดียวที่เชื่อมระหว่างเกาะ นูซา เลมบงกัน และเกาะ นูซา เจนิงัน ใช้งานมานานกว่า 30 ปีแล้ว และอยู่ในสภาพค่อนข้างทรุดโทรม

 

ไต้ฝุ่น ‘ซาเระกา’ อัดปินส์อ่วม ดับ 2 -จับตาพายุลูกใหม่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 ต.ค. 2559 23:40

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/755937

 

ไต้ฝุ่นซาเระกาเคลื่อนตัวออกจากประเทศฟิลิปปินส์แล้ว หลังจากทำให้เกิดฝนตกหนัก ต้องอพยพประชาชนนับเมื่อคน และสร้างความเสียหายแก่ผลผลิตทางการเกษตรในภาคเหนือมูลค้าหลายสิบล้านบาท…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ไต้ฝุ่น ‘ซาเระกา’ ซึ่งพัดถล่มจังหวัดทางตอนเหนือของประเทศฟิลิปปินส์ในวันอาทิตย์ที่ 16 ต.ค. อ่อนกำลังอีกและกำลังเคลื่อนตัวออกสู่ทะเลจีนใต้ ขณะที่หน่วยงานสภาพอากาศท้องถิ่นของแดนตากาล็อก กำลังสังเกตการณ์พายุอีกลูกหนึ่งที่อาจพัดเข้าสู่พื้นที่ทางตะวันออกของประเทศในวันจันทร์นี้อย่างใกล้ชิด

สำนักงานจัดการภัยพิบัติ ระบุว่า ไต้ฝุ่นซาเระกา ทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรกในภาคเหนือของฟิลิปปินส์ สร้างความเสียหายให้แก่ผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งส่วนใหญ่คือข้าวและข้าวโพด คิดเป็นมูลค่ากว่า 53.5 ล้านเปโซ (ราว 25.9 ล้านบาท) ขณะที่มีรายงานว่าพบผู้เสียชีวิตจากผลกระทบของพายุลูกนี้แล้ว 2 ราย

ก่อนหน้าที่ไต้ฝุ่นซาเระกา จะเคลื่อนตัวเข้าสู้พื้นที่ทางเหนือ ทางการฟิลิปปินส์ได้ออกคำสั่งอพยพประชาชน 2,552 ครัวเรือน หรือ 12,496 คน ไปยังที่หลบภัย, สั่งยกเลิกบริการเรือข้ามฟาก และยกเลิกเที่ยวบินทั้งในและระหว่างประเทศกว่า 160 เที่ยวบิน

ด้านพยากรณ์อากาศของฟิลิปปินส์ระบุว่า ไต้ฝุ่นลูกนี้เคลื่อนตัวออกสู่ทะเลจีนใต้ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ โดยมีความเร็วลมประมาณ 120 กม./ชม. นอกจากนี้พวกเขาปรับลดระดับการเตือนภัยพายุลง แต่กำลังจับตาดูพายุอีกลูกหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘ไห่หม่า’ (ภาษาจีนแปลว่า ม้าน้ำ)

“มันยังอยู่ห่างไกล นอกเขตความรับผิดชอบของฟิลิปปินส์ แต่ตอนนี้มันมีความรุนแรงในระดับพายุแล้ว ตลอดเวลาที่มันเคลื่อนตัวผ่านมหาสมุทร มันก็เพิ่มกำลังขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นจะเป็นสิ่งที่เรากังวลต่อไป” นาย ริการ์โด ฮาลาด ผู้อำนวยการบริหารของ คณะกรรมการจัดการและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติ (NDRRMC) กล่าว

 

น้ำท่วมเวียดนาม 4 จังหวัดดับแล้ว 11 ราย รอรับพายุ ‘ซาเระกา’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 ต.ค. 2559 04:55

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/755127

 

สถานการณ์น้ำท่วมใน 4 จังหวัดตอนกลางของประเทศเวียดนามล่าสุด มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 ราย ในขณะที่พายุในทะเลจีนใต้กำลังเคลื่อนตัวเข้าหาชายฝั่งภาคกลางของเวียดนามด้วย…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน อ้างแถลงการณ์ของรัฐบาลเวียดนามที่เผยแพร่ในวันเสาร์ที่ 15 ต.ค. ว่า พื้นที่ตอนกลางของประเทศเผชิญฝนตกหนักจากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำเขตร้อน จนเกิดน้ำท่วมตั้งแต่เมื่อวันพุธที่ 12 ต.ค. ตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงสำหรับคนหลายพันคน และปิดกั้นทางสัญจรระหว่างพื้นที่ตอนเหนือและตอนใต้


บ้านเรือนในจังหวัดกว๋างบิ่ญถูกน้ำท่วม

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 รายจากการจมน้ำหรือถูกไฟช็อต ในจังหวัดกว๋างบิ่ญ ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 3 รายอยู่ใน 3 จังหวัดโดยรอบ มีบ้านเรือนอย่างน้อย 30,000 หลังจมน้ำ นักท่องเที่ยวต่างชาติอีกหลายสิบคนตกค้างอยู่ที่สถานีรถไฟ 22 แห่ง ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งทำให้ทางการท้องถิ่นต้องเร่งส่งน้ำและอาหารเข้าช่วยเหลือ ขณะที่มีการยกเลิกเที่ยวบินในประเทศจำนวนมาก

ในเวลาเดียวกัน พายุโซนร้อน ‘ซาเระกา’ ซึ่งขณะนี้กำลังเคลื่อนตัวอยู่เหนือประเทศฟิลิปปินส์ กำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าสู้ภาคกลางของเวียดนาม และอาจส่งผลให้เกิดฝนตกในพื้นที่ประสบภัยมากขึ้นอีก


เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและผู้ที่ติดค้างอยู่ที่สถานีรถไฟในจังหวัด กว๋างบิ่ญ

ยูเอ็นห่วงขัดแย้งรัฐยะไข่-วอนสงบอย่าตอบโต้กัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 13 ต.ค. 2559 03:00

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/752026

 

เมื่อ 12 ต.ค.นายวิจัย นัมเบียร์ ที่ปรึกษาพิเศษด้านกิจการเมียนมาของนายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงแสดงความเป็นห่วงและเรียกร้องพลเรือนในพื้นที่รัฐยะไข่ ภาคตะวันตกของเมียนมา ใช้ความระงับยับยั้งอย่างสูงและอย่าได้ตอบโต้ต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ในปัจจุบัน ทั้งนี้หลังสื่อรัฐบาลเมียนมารายงานวันเดียวกันนี้ว่ามีผู้เสียชีวิตอีก 12 คนในเหตุปะทะระหว่างกลุ่มชายติดอาวุธและทหารที่รัฐยะไข่

โดยสื่อรัฐบาลเมียนมารายงานว่า มีทหาร 4 นายและสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ 1 คน เสียชีวิตเมื่อ 11 ต.ค. เมื่อเกิดเหตุชายฉกรรจ์นับร้อยคนที่มีดาบและปืนสั้นเป็นอาวุธ บุกโจมตีทหารเมียนมาในหมู่บ้านพยองพิต เมืองหม่องดอ ซึ่งพลเมืองส่วนใหญ่เป็นมุสลิมโรฮีนจาและยังมีผู้เสียชีวิตในเหตุรุนแรงอีก 7 คนในหมู่บ้านอีกหนึ่งแห่งในเมืองเดียวกัน

เหตุรุนแรงในพื้นที่รัฐยะไข่ระลอกล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อทางการเมียนมาส่งทหารเข้าพื้นที่ซึ่งอยู่ติดพรมแดนบังกลาเทศ หลังมีตำรวจ 9 นายเสียชีวิตในเหตุกลุ่มคนร้ายไม่ทราบฝ่ายบุกโจมตีด่านตรวจผ่านแดน 3 ด่านในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อ 9 ต.ค. และแม้จับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 6 คน แต่เจ้าหน้าที่เมียนมาไม่เปิดเผยรายละเอียดของผู้ต้องสงสัยและมูลเหตุจูงใจมากนัก ขณะที่บางคนกล่าวหาว่าเป็นฝีมือชาวมุสลิมโรฮีนจาหรือไม่ก็เป็นกลุ่มคนร้ายชาวบังกลาเทศ

ขณะเดียวกัน ได้เกิดข่าวลือแพร่สะพัดทางสื่อสังคมออนไลน์ว่าจะมีการเข้ามากวาดจับและเข่นฆ่าหมู่ผู้คนทั่วเมืองหม่องดอ ยิ่งทำให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ชาวบ้าน หลายคนไม่กล้าออกจากบ้านขณะมีทหารเดินแถวลาดตระเวนตามถนนหนทาง ด้านกลุ่มนักเคลื่อนไหว เตือนว่าอาจมีการยกเหตุเข้ามาไล่ตัวผู้ต้องสงสัยเป็นข้ออ้างปราบปรามชาวมุสลิมโรฮีนจาในพื้นที่ได้

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้หวั่นเกรงกันว่าอาจลุกลามนำไปสู่เหตุปะทะครั้งใหญ่ในพื้นที่เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2555 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คน ชาวมุสลิมโรฮีนจาต้องเป็นคนไร้บ้านและเข้าไปอยู่ตามค่ายพักพิงนับหมื่นคน เหตุขัดแย้งยังเกิดขึ้นขณะนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและ รมว.ต่างประเทศเมียนมา ตั้งคณะทำงานพิเศษที่นำโดยนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการยูเอ็น ขึ้นมาหาแนวทางเยียวยาความขัดแย้งในพื้นที่.