รอปาฏิหาริย์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 4 ต.ค. 2559 07:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/742717

 

นายสรายุทธิ์ เจตนาธรรมจิต และภรรยา เดินทางจากไทยมาดูแล “น้องลักษณ์” วัย 16 ปี ลูกสาวคนเดียวที่ถูกรถชนขณะข้ามถนนไปโรงเรียน จนเลือดคั่งในสมองอาการสาหัส นอนโคม่าที่ รพ.ในสิงคโปร์มาร่วมครึ่งเดือน.

 

ช็อก! น.ร.หญิงไทย โดนรถชนในสิงคโปร์ โคม่า กลายเป็น‘เจ้าหญิงนิทรา’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 ต.ค. 2559 15:42

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/742136

 

(เครดิตภาพโดย Mrs.Yeen Fuangfoo)

สื่อสิงคโปร์ เผย นักเรียนหญิงไทย วัย 16 เคราะห์ร้าย ประสบอุบัติเหตุโดนรถชนในสิงคโปร์ จนกลายเป็น‘เจ้าหญิงนิทรา’ ผ่าตัดสมองมาแล้ว 2 ครั้ง พ่อสุดเศร้า.ได้แต่ภาวนาขอให้ลูกฟื้นขึ้นมา แม้หมอบอกให้ทำใจ โอกาสรอดแค่50-50

เมื่อ 3 ต.ค.59 เว็บไซต์ สเตรทไทม์ ในสิงคโปร์รายงาน นางสาวอรุณลักษณ์ เจตนาธรรมจิต นักเรียนหญิงชาวไทยวัย 16 ปี กำลังสู้กับความเป็นความตาย หลังประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์ชนได้รับบาดเจ็บสาหัสอาการโคม่าในสิงคโปร์ จนต้องได้รับการผ่าตัดสมองแล้วถึง 2 ครั้ง และขณะนี้อยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ในสิงคโปร์ ขณะที่ผู้เป็นพ่อยังคงได้แต่หวังว่าบุตรสาวของเขา ซึ่งตอนนี้ กลายเป็น‘เจ้าหญิงนิทรา’จะฟื้นขึ้นมา แม้แพทย์จะบอกกับเขาว่าโอกาส‘รอด’มีแค่50-50เท่านั้น

สเตรทไทม์ แจ้งว่าว่า นายสรายุทธ เจตนาธรรมจิต ผู้เป็นพ่อของนางสาวอรุณลักษณ์ เผยว่า บุตรสาวของตน กำลังศึกษาอยู่ชั้นม.2 โรงเรียน ซาน ยู แอดเวนติสต์ ในสิงคโปร์ และเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้กับลูกสาวของตน

ข่าวแจ้งว่า นางสาวอรุณลักษณ์ประสบอุบัติเหตุโดนรถชนในสิงคโปร์ เมื่อตอนก่อนเวลา 07.00 น.ของเช้าวันที่ 18กันยายน ขณะเดินจากที่พักบนถนนบาเลสเทียร์ เพื่อไปทำกิจกรรมที่โรงเรียน แต่แล้ว ได้มีรถยนต์คันหนึ่งชนเธออย่างแรง ขณะกำลังเดินข้ามถนนไปยังป้ายรถประจำทาง โดยเพื่อนร่วมห้องพักของนาวสาวอรุณลักษณ์ ซึ่งเป็นนักเรียนหญิงชาวไทยเช่นกัน เผยว่า เธอได้ออกจากหอพัก หลังจากนางสาวอรุณลักษณ์ออกไปก่อนหน้า เพียงไม่นาน และได้มีชายคนหนึ่งซึ่งจำเครื่องแบบชุดนักเรียนของนางสาวอรุณลักษณ์ได้สอบถามเธอ ว่ารู้จักนักเรียนหญิงชื่อนี้หรือเปล่า ซึ่งเธอตอบว่ารู้จัก แต่ตอนนั้น นางสาวอรุณลักษณ์ ซึ่งเป็นเด็กเรียนหนังสือเก่งที่สุดในห้อง ได้ถูกนำไปส่งโรงพยาบาลKK Women’s and Children’s ไปแล้ว เหลือแต่เพียงร่องรอยการเกิดอุบัติเหตุ มีสิ่งของที่เธอจำได้อย่างดี คือแว่นตาและร่มที่ตกอยู่ด้วยกัน ส่วนรองเท้าของนางสาวอรุณลักษณ์ข้างหนึ่งยังตกอยู่กลางถนน ส่วนอีกข้างลอยกระเด็นไปอยู่บนฟุตปาธ

สเตรทไทม์ แจ้งว่า โฆษกกองป้องกันภัยพลเรือนของสิงคโปร์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กองฯได้รับโทรศัพท์แจ้งเหตุเมื่อตอนประมาณ 06.50 น. ว่าเกิดอุบัติเหตุมีเด็กสาววัยรุ่นโดนรถชนบนนถนนบาเลสเทียร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนอุบัติเหตุครั้งนี้ โดยนายสรายุทธ พ่อของนางสาวอรุณลักษณ์ ซึ่งอยู่ที่จังหวัดตรัง มาทราบข่าวร้ายของลูก หลังจากแม่ของเพื่อนร่วมห้องพักโทร.มาบอก ทำให้เขาและภรรยารีบเดินทางไปสิงคโปร์ในเที่ยวบินถัดไปทันที และอยู่เฝ้าลูกสาวมาตั้งแต่วันเกิดเหตุ

 

แปลงภูเขาไฟให้กลายเป็นโรงไฟฟ้า ใช้ความร้อนใต้ดิน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 3 ต.ค. 2559 08:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/740966

 

อินโดนีเซียคิดทำโครงการใหญ่ จะแปลงภูเขาไฟให้กลายเป็นโรงไฟฟ้า เพราะมีอยู่อย่างอุดมตามหมู่เกาะต่างๆ ที่ประเทศตั้งอยู่

ลึกลงไปใต้ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่เกือบทุกลูก จะเป็นแหล่งพลังงานความร้อนภายในโลก ส่วนใหญ่จะเป็นรูปของไอน้ำร้อน อินโดนีเซียก็ได้เริ่มวางท่อ เลี้ยวซอกแซกไปตามเชิงเขาอันขรุขระ เรียงรายอยู่ตามไร่ชา ดูดเอาพลังงานไอน้ำ จากที่อยู่ลึกลงไปในแกนของโลก เอามาใช้ที่โรงไฟฟ้าใหญ่ วายัง วินดู บนเกาะชวา

ขณะนี้อินโดนีเซียยังดึงพลังงานไอร้อนใต้พิภพเหล่านี้ไปใช้ปั่นไฟ ได้แค่ 1,400 เมกะวัตต์ สามารถจ่ายให้กับประชากรได้เพียง 1 ล้าน 4 แสนหลังคาเรือนเท่านั้น ในขณะที่มีพลเมืองมากถึง 255 ล้านคน รัฐบาลได้ตั้งเป้าไว้ว่า จะเพิ่มผลิตไฟฟ้าให้ได้มากถึง 7,200 เมกะวัตต์ ขึ้นภายในปี พ.ศ. 2568 นี้.

 

อาบูไซยาฟปล่อยตัว 3 ลูกเรืออิเหนา ถูกจับเป็นตัวประกัน 3 เดือน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 ต.ค. 2559 02:05

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/741487

 

ตัวประกันชาวอินโดนีเซีย 3 คนซึ่งถูกอาบูไซยาฟจับตัวไปพร้อมกับเรือลำเลียงสินค้าเมื่อราว 3 เดือนก่อน ได้รับการปล่อยตัวแล้ว และกำลังจะถูกส่งกลับบ้านเกิด…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาวอินโดนีเซีย 3 คน ซึ่งถูก อาบูไซยาฟ กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนซึ่งมีฐานที่มั่นในภาคใต้ของประเทศฟิลิปปินส์จับตัวไปพร้อมกับเรือลำเลียงสินค้าที่กำลังเดินทางในน่านน้ำของจังหวัดซูลูเมื่อราว 3 เดือนก่อน ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

เฮซุส ดูเนซา เลขาธิการสำนักงานที่ปรึกษาประธานาธิบดีเรื่องกระบวนการสันติภาพแห่งประเทศฟิลิปปินส์ เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 ต.ค. ว่านาย เอดี ซูร์โยโน, เฟอร์รี อาริฟิน กัปตันเรือโยง และ โมฮัมหมัด มาบรูร์ ดาห์รี ถูกส่งตัวให้กับนาย นูร์ มิซุารี ประธานกิตติมศักดิ์ของแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติโมโร (MNLF) และนายโตโตห์ ตัน ผู้ว่าราชการจังหวัดซูลูในเวลาประมาณเที่ยงวัน

“ประธานมิซูอารีโทรศัพท์หาผมด้วยตัวเอง และแจ้งเกี่ยวกับการฝ่าทางตันครั้งสำคัญอีกครั้งในความพยายามช่วยเหลือตัวประกันที่ถูกกลุ่มอาบูไซยาฟจับตัวเอาไว้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผมได้ประสานงานกับพลเอกเด ลา เวกา แห่งกองกำลังเฉพาะกิจซูลูเพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งตัวประกันแล้ว” นายดูเรซากล่าว

ขณะเดียวกัน นายตันยืนยันกับนายดูเรซาด้วยว่า เขากำลังดูแลชาวอินโดนีเซียทั้ง 3 คน และกำลังจะส่งมอบตัวพวกเขาให้กองกำลังท้องถิ่น ภายใต้การนำของพลเอก อาร์เนล เด ลา เวกา แห่งกองกำลังเฉพาะกิจร่วมซูลู ดูแล และทั้งหมดจะได้รับการตรวจร่างกายและจะถูกส่งกลับอินโดนีเซียหลังทหารสอบปากคำพวกเขาเสร็จแล้ว

ทั้งนี้ ชาวอินโดนีเซียทั้ง 3 คนเป็นลูกเรือของเรือโยงชื่อ ‘ชาร์ลส์ 001’ และเรือลำเลียง ‘ร็อบบี 152’ โดยเรือทั้ง 2 ลำกำลังขนส่งถ่านหินจากประเทศอินโดนีเซียไปส่งที่เมืองดาเวา ก่อนถูกกลุ่มติดอาวุธบุกจี้เรือเมื่อช่วงกลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

ในเบื้องต้น เรือทั้ง 2 ลำนี้มีลูกเรือ 13 คน โดย 6 คนได้รับการปล่อยตัวเกือบจะในทันทีหลังเกิดเหตุ ส่วนอีก 3 คนได้รับการปล่อยตัวเมื่อ 17 ก.ย. วันเดียวกับที่อาบูไซยาฟตัดสินใจปล่อยตัวนายคาร์ตาน เซคคิงสตัด ตัวประกันชาวนอร์เวย์ซึ่งถูกจับตัวเอาไว้นานเกือบ 1 ปี

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยว่าเหตุได้อาบูไซยาฟจึงปล่อยตัวประกันทั้งหมดนี้ แต่นายดูเรซาระบุว่า นี่เป็นความพยายามที่มาบรรจบกันระหว่าง คำสั่งของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต, กลุ่ม MNLF, รัฐบาลจังหวัดซูลู และกองกำลังซึ่งกำลังปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่เพื่อต่อต้านกลุ่มอาบูไซยาฟ

 

ผวา อาเซียน! มะกันเตือน หญิงตั้งครรภ์ เลื่อนมาเยือน เสี่ยงติดเชื้อซิกา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 30 ก.ย. 2559 13:13

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/739311

 

ทางการสหรัฐฯ ออกคำเตือนแนะนำการเดินทาง เรียกร้อง หญิงตั้งครรภ์ ควรเลื่อนมาเยือน 11 ประเทศในอาเซียน รวมทั้งไทย มัลดีฟส์ และติมอร์ตะวันออก ชี้เสี่ยงติดเชื้อไวรัสซิกา

เมื่อ 30 ก.ย. 59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ออกคำเตือน เรียกร้องสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ ควรเลื่อนการเดินทางมาเยือน 11 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) หากไม่มีความจำเป็น เนื่องจากเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสซิกา (Zika) ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะ และมีความเกี่ยวข้องกับการทำให้ทารกเกิดมามีศีรษะขนาดเล็กกว่าปกติ

สำหรับ 11 ประเทศล่าสุด ที่ซีดีซีของสหรัฐฯ ออกคำเตือนเลี่ยงมาเยือน ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย มัลดีฟส์ ฟิลิปปินส์ ไทย ติมอร์ตะวันออก หรือติมอร์เลสเต และเวียดนาม


ซีดีซี ชี้ว่า การออกคำแจ้งเตือนระมัดระวังในการเดินทาง ในครั้งนี้ เหมือนกับการเตือนชาวอเมริกันก่อนหน้านี้ ในการเดินทางไปเยือนบราซิล และสิงคโปร์ ที่พบการระบาดของไวรัสซิกา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ซิกาถึงอาเซียน! อินโดฯสกรีนคนจากสิงคโปร์ -มาเลย์ผวา พบติดเชื้อรายแรก

ไม่แคร์มะกัน! ‘ดูเตร์เต’ สนใจเป็นพันธมิตรการค้ากับจีน-รัสเซีย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 27 ก.ย. 2559 04:35

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/735317

 

ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต แห่งฟิลิปปินส์ ประกาศจะเดินทางเยือนจีนและรัสเซียในปีนี้ เพื่อเสนอเป็นพันธมิตรทางการค้า และกล่าวด้วยว่า ฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ อยู่ในจุดที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีก…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต แห่งประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 26 ก.ย. ว่า เขาสนใจที่จะยื่นข้อเสนอเป็นพันธมิตรทางการค้า และทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาวกับจีนและรัสเซีย พร้อมยอมรับด้วยว่า เขารู้ตัวดีว่าเขากำลังข้ามเส้นทางไม่มีอาจย้อนกลับได้ ในแง่ของความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม นายดูเตร์เตยืนยันว่า เขาไม่ได้จะสะบั้นความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดและอดีตเจ้าอาณานิคม แต่เขาอยากจะสร้าวความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกลัชิดกับ อีกด้านหนึ่งของกำแพงอุดมการณ์ ซึ่งก็คือจีนกับรัสเซีย ไม่รวมการเป็นพันธมิตรทางทหาร ขณะที่บริษัทของจีนและรัสเซียจะสามารถทำสัญญาเช่าที่ดินในฟิลิปปินส์ได้นานสุดไม่เกิน 120 ปี

ผู้นำฟิลิปปินส์บอกกับสื่อว่า เขากำลังจะเดินทางไปจีนในเร็วๆนี้ เพื่อพูดคุยกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และเขาได้เริ่มการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ดีมิทรี เมดเวเดฟ แห่งรัสเซียไปแล้วระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศลาวเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา โดยเขาบอกกับเมดเวเดฟว่า กำลังจะข้ามแม่น้ำรูบิคอน ระหว่างเขากับสหรัฐฯ และเมื่อนักข่าวถามว่า ข้ามแม่น้ำรูบิคอน หมายถึงอะไร เขาก็ตามว่า จุดที่ไม่มาทางย้อนกลับ

เขาบอกกับเมดเวเดฟอีกว่า เขาต้องการความช่วยเหลือจากรัสเซียในทุกด้าน ทั้งการค้าและการพาณิชย์ และเขาจะเปิดกว้าง นอกจากนี้ ผู้นำฟิลิปปินส์ยังกล่าวว่า ไม่ต้องสนใจที่ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ สถาบันจัดอันดับชื่อดังออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ภายใต้การนำของดูเตร์เต เมื่อสัปดาห์ก่อน “อยากถานการลงทุนหรือ เอาเลบ เชิญตามสบาย ผมจะเปิดกว้างกับอีกฝั่งของกำแพงอุดมการณ์ จีน, รัสเซีย เชิญเข้ามาเลย”


บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์กำลังมีความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีกับสหรัฐฯ ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์มาตรการกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติด ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่ดูเตร์เตรับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนก.ค. และทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วหลายพันราย โดยดูเตร์เตใช้วาจาหยาบคายโจมตีสหรัฐฯ และประธานาธิบดีบารัค โอบามา หลายครั้ง รวมทั้งกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความไม่สงบบนเกาะมินดาเนา และเรียกร้องให้ถอนทหารทั้งหมดออกไปด้วย

อนึ่ง ยังไม่แน่ชัดว่าคำพูดของดูเตร์เตในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างฟิลิปปินส์และสหรัฐฯอย่างไร โดยทั้งสองประเทศมีกำหนดการร่วมซ้อมรบทางทหารในช่วงครึ่งแรกของเดือนต.ค.

 

ซูจีขึ้นพูดยูเอ็นป้องแก้ปัญหาโรฮีนจา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 23 ก.ย. 2559 03:00

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/731360

 

นางอองซาน ซูจี รมว.ต่างประเทศเมียนมา กล่าวแถลงการณ์ต่อเวทีประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ในฐานะผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่เบื้องหลัง โดยออกตัวปกป้องมาตรการของรัฐบาลในการแก้ปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจาว่า เมียนมายึดมั่นต่อการหาทางออกโดยสันติที่จะนำไปสู่สันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาสำหรับทุก ชุมชนในประเทศ เมียนมาไม่กลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากต่างชาติ เพียงแค่ขอความเข้าใจ และความช่วยเหลือที่เป็นประโยชน์จากประชาคมโลก

นอกจากนี้ นางซูจีซึ่งถูกวิจารณ์มาตลอดว่าแก้ไขปัญหาชาวมุสลิมโรฮีนจาน้อยไป ยังชี้แจงด้วยว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างการจัดตั้งศูนย์พัฒนา เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และเพื่อส่งเสริมความเข้าใจและความเชื่อใจระหว่างชาวเมียนมาและชาวโรฮีนจา

วันเดียวกัน กลุ่มเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนในรัฐฉานของเมียนมาออกเรียกร้องต่อกรณีศาลทหารเมียนมาสั่งจำคุกทหาร 7 นาย เป็นเวลา 5 ปี ฐานสังหารชาวบ้านในรัฐฉานว่า เป็นโทษที่เบาเกินไป และครอบครัวผู้เสียชีวิตควรจะได้รับเงินชดเชยจากทางการ.

 

ดูเตร์เตกร่างอีก ชูนิ้วกลาง-ด่า EU

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 22 ก.ย. 2559 06:00

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/730199

 

ระหว่างการพบปะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่เมืองดาเวาทางภาคใต้เมื่อคืน 20 ก.ย. ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต แห่งฟิลิปปินส์ แสดงความโกรธกริ้วที่สหภาพยุโรป (อียู) ประณามการใช้ศาลเตี้ยเข่นฆ่าพวกค้ายาเสพติดในฟิลิปปินส์ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 3,000 คน โดยเขา “ชูนิ้วกลาง” กล่าวว่า “ฟัค ยู” และชี้ว่าการกระทำของอียูเพื่อไถ่โทษในบาปที่อียูก่อขึ้น

พฤติกรรมของดูเตร์เตล่าสุดมีขึ้น หลังเขาตอบโต้คำวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้แล้วหลายครั้ง รวมทั้งเรียกประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯว่า เป็น “ลูกโสเภณี” ขณะที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อ “สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์” ระบุว่าการทำสงครามกับอาชญากรรมของดูเตร์เตเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจและสถาบันประชาธิปไตยของฟิลิปปินส์เอง.

 

สลด! ฝนถล่มอิเหนา ทำน้ำท่วม-ดินถล่มบนเกาะชวา ดับแล้ว 20

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 ก.ย. 2559 04:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/730250

 

ฝนตกหนักบนเกาะชวาของประเทศอินโดนีเซีย ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักและดินถล่มในหลายพื้นที่ จนมีผู้เสียชีวิตแล้ว 20 ราย และมีผู้สูญหายอีก 14 คน…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของประเทศอินโดนีเซียเปิดเผยเมื่อวันพุธที่ 21 ก.ย. ว่าเกิดฝนตกหนักบนเกาะชวา ตอนกลางของประเทศ จนเกิดน้ำท่วมและดินถล่มในหลายพื้นที่ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 20 ราย มีผู้สูญหายอีก 14 คน และมีผู้ต้องอพยพอีกเป็นจำนวนมาก

นายสุโตโป ปูร์โว นูโกรโฮ โฆษกสำนักงานจัดการและบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติของสิงคโปร์ ระบุว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมากที่สุดคือ เขตการุต ในจังหวัดชวาตะวันตก โดยพบผู้เสียชีวิตถึง 17 ราย ในจำนวนนี้เป็นทารกอายุ 8 เดือน 1 ราย และเด็กคนอื่นๆ อีก 8 คน ขณะที่มีผู้สูญหาย 13 คน นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านอีก 1,000 คนต้องอพยพไปพักอาศัยที่ค่ายทหารและที่หลบภัยชั่วคราว

นายนูโกรโฮ เผยอีกว่า เกิดดินถล่มที่เขตสุเมดัง ฝังบ้าน 2 หลังไว้ใต้ดินและทำลายมัสยิดอีก 1 แห่ง ส่งผลให้มีชาวบ้าน 3 คนเสียชีวิต และมีผู้สูญหายอีก 1 คน โดยเหตุน้ำท่วมและดินถล่มในเขตการุตและเขตสุเมดัง ยังทำให้มีผู้บาดเจ็บมากกว่า 30 คน

เขายังเตือนด้วยว่า ฝนจะตกในประเทศอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงเดือน ม.ค. บางส่วนเป็นผลกระทบจากปรากฏการณ์ ลา นีญา

 

สงครามปราบยาปินส์ดุ ! ลูกสาวบารอนอังกฤษ ถูกยิงตายข้างถนนในมะนิลา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 20 ก.ย. 2559 15:36

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/728555

 

บุตรสาวบารอน แห่งอังกฤษ ถูกยิงดับอยู่ริมถนนในกรุงมะนิลา นับเป็นหนึ่งในคนดังที่สุด ที่โดนสังหาร ระหว่างที่รัฐบาลประธานาธิบดีดูเตร์เต ทำสงครามปราบยาเสพติด ขณะที่เป็นที่ทราบกันดีว่าหญิงผู้นี้ติดต่อพัวพันกับแก๊งค้ายา และยังเคยถูกจับในข้อหาใช้ยาเสพติด

เมื่อ 20 ก.ย.สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน มาเรีย ออโรรา มอยนิฮาน บุตรสาวของบารอน แอนโธนี มอยนิฮาน ขุนนางแห่งอังกฤษ ซึ่งหนีคดีฉ้อโกงมาอยู่ในฟิลิปปินส์ กลายเป็นหนึ่งในคนดังที่สุด ที่โดนปลิดชีพในสงครามปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต แห่งฟิลิปปินส์ หลังจากมีผู้พบศพเธอถูกยิงเสียชีวิตอยู่ข้างถนน ในย่านเกซอน ซิตี้ ในกรุงมะนิลา เมื่อตอนรุ่งเช้าของวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับมีป้ายวางไว้ข้างศพ ข้อความว่า ‘คนค้ายา มาถึงคนดัง คุณคือคนต่อไป’

บีบีซี แจ้งว่า สารวัตรสืบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ เผย มีพยานหลายคนบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพวกเขาได้ยินเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัด จากนั้นก็เห็นรถยนต์คันหนึ่งแล่นออกไปจากบริเวณดังกล่าว โดยตำรวจยังพบห่อยาบ้าหลายห่อที่ศพของนางสาวมอยนิฮานด้วย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนสอบสวนคดีนี้


มาเรีย ออโรรา มอยนิฮาน ถูกยิงเสียชีวิต

ทั้งนี้ นางสาวมอยนิฮาน วัย 45 ปี อยู่ระหว่างการได้รับการประกันตัว จากการถูกจับกุมและโดนตั้งข้อหาใช้ยาเสพติด ในระหว่างปฏิบัติการบุกจู่โจมจับกุมเครือข่ายยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจฟิลิปปินส์เมื่อปี 2556 โดยตำรวจตรวจพบว่า นางสาวมอยนิฮาน มีกัญชา ยาบ้าและยาอี ไว้ในครอบครอง แต่เธอได้รอดพ้นจากข้อหาจำหน่ายยาเสพติด

ขณะเดียวกัน เป็นที่ทราบกันดีในฟิลิปปินส์ว่า นางสาวมอยนิฮาน มีการติดต่อกับแก๊งค้ายา แก๊งฉ้อโกงและค้าประเวณีในฟิลิปปินส์ อีกทั้งเธอยังเป็นพี่สาวของมาริโตนี เฟอร์นานเดซ เซเลบและนักแสดงสาวคนดังในฟิลิปปินส์ด้วย

บีบีซี รายงานด้วยว่า นับตั้งแต่ประธานาธิบดีดูเตร์เตก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์และประกาศทำสงครามปราบยาเสพติดได้มีเครือข่ายและผู้ติดต่อเกี่ยวข้องกับแก๊งค้ายา ถูกฆ่าตายไปแล้วกว่า 3,000 คน