ดูเตร์เตขออีก 6 เดือน ล้างบางค้ายาเสพติด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 20 ก.ย. 2559 04:40

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/727890

 

เมื่อ 18 ก.ย. นายโรดริโก ดูเตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ แถลงว่า การปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปจากประเทศใน 3-6 เดือน ที่ตนเคยรับปากไว้ตอนหาเสียง อาจทำไม่ได้ตามกำหนด อาจต้องยืดเวลาไปอีก 6 เดือน เพราะหลังจากตนขึ้นมาเป็นผู้นำแล้วถึงได้รู้ว่าสถานการณ์รุนแรงขนาดไหน และจากประมาณการมีผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจยาเสพติดหลายแสนคน ในจำนวนนี้บางส่วนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

ก่อนหน้านี้ ดูเตร์เตระบุว่า ถึงตนจะอยากแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจฆ่าทั้งหมดได้ เพราะจะทำให้บันทึกรายงานหนาเป็นปึก ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดูเตร์เตเคยเผยแพร่รายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจยาเสพติดแล้ว 2 ครั้ง มีทั้งทหาร ตำรวจ นักการเมือง ผู้พิพากษา และรายชื่อฉบับใหม่ที่ยังไม่เผยแพร่ มีผู้ใหญ่บ้านจำนวนหนึ่งรวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตจากมาตรการกวาดล้างยาเสพติดใน 3 เดือนที่ผ่านมาถึง 3,500 ศพ เฉลี่ยวันละ 47 คน.

 

ทหารเมียนมาปะทะทัพกะเหรี่ยง ‘DKBA’ ตาย 8 ลี้ภัยหลายพัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 20 ก.ย. 2559 04:10

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/727889

 

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 19 ก.ย. สถานการณ์ในรัฐกะเหรี่ยง ทางภาคใต้เมียนมา ติดพรมแดนไทย ส่อเค้าทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หลังตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. เกิดการปะทะระหว่างกองทัพรัฐบาลเมียนมากับกลุ่มกะเหรี่ยงติดอาวุธดีเคบีเอ ซึ่งทางดีเคบีเออ้างสาเหตุว่ามาจากการที่กองทัพเมียนมาพร้อมด้วยหน่วยลาดตระเวนชายแดนเมียนมาที่ยังคงปฏิบัติการทางทหารอยู่ในพื้นที่ ขณะที่ชาวบ้านต้องอพยพพลัดถิ่นแล้วกว่า 4,000 คน

ทั้งนี้ นายทหารกลุ่มดีเคบีเอผู้ไม่ประสงค์ออกนาม เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทหารฝ่ายตนเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 5 นาย เช่นเดียวกับ พ.ต.เนียง เมือง ซาว แห่งกองกำลังพิทักษ์ชายแดนของรัฐบาลเมียนมา (บีจีเอฟ) ที่ระบุว่า ทหารเมียนมาเหยียบกับระเบิดเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บจากการปะทะกันกว่า 40 นาย

การปะทะเกิดขึ้นหลังรัฐบาลเมียนมาภายใต้การนำของนางอองซาน ซูจี จัดการเจรจาสันติภาพกับ 17 กลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศเมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา หวังยุติความขัดแย้งที่ยาวนานมากว่า 7 ทศวรรษ ทั้งยังมีความพยายามคลี่คลายความขัดแย้ง อย่างกรณีวันที่ 16 ก.ย. ที่ทหารเมียนมาถูกสั่งจำคุก 7 นาย ฐานสังหารชาวบ้านในรัฐฉาน ซึ่งการลงโทษทหารเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก.

 

รอดตายแล้ว! กบฏ ‘อาบูไซยาฟ’ ยอมปล่อยตัวประกันชาวนอร์เวย์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 ก.ย. 2559 00:05

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/726003

 

ทหารฟิลิปปินส์บนเกาะโฮโล เตรียมโจมตีกลุ่มอาบูไซยาฟ

อาบูไซยาฟ กลุ่มกบฏในฟิลิปปินส์ปล่อยตัวประกันชาวนอร์เวย์ที่ถูกลักพาตัวไปเมื่อกว่า 1 ปีก่อนแล้วในวันเสาร์ หลายเดือนหลังจากตัวประกันชาวแคนาดา 2 คนที่ถูกจับไปพร้อมกันถูกสังหาร…

สำนักข่าวต่างประเทศรายานว่า ‘อาบูไซยาฟ’ กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนซึ่งมีฐานที่มั่นในภาคใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ ยอมปล่อยตัวประกันชาวนอร์เวย์ ที่พวกเขาจับตัวเอาไวตั้งแต่เมื่อปีก่อนแล้ว หลังจากกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ สังหารตัวประกันชาวแคนาดา 2 คนที่ถูกจับมาพร้อมกันไปแล้ว 2 คนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

ข่าวระบุว่า นาย คาร์ตาน เซคคิงสตัด ได้รับการปล่อยตัวที่เมืองปาติคุล บนเกาะโฮโล ทางใต้ของฟิลิปปินส์ โดยถูกส่งตัวให้แก่กลุ่มกบฏ ‘แนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติโมโร’ (MNLF) ซึ่งลงนามในข้อตกลงสันติภาพกับรัฐบาลฟิลิปปินส์แล้ว และมีส่วนช่วยเหลือในการเจรจาเพื่อปล่อยตัวประกันกับอาบูไซยาฟ

อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าเหตุใด อาบูไซยาฟ จึงยอมปล่อยตัวนายเซคคิงสตัด โดยประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต แห่งฟิลิปปินส์กล่าวเมื่อเดือนส.ค.ว่า เงินค่าไถ่จำนวนมากถูกส่งไปให้อาบูไซยาฟแล้ว แต่กลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ยังไม่ยอมปล่อยตัวประกัน ขณะที่ฝ่ายกองทัพระบุในวันเสาร์ว่า นายเซคคิงสตัดได้รับการปล่อยตัว เพราะพวกเขาโจมตีกดดันอาบูไซยาฟอย่างหนัก

ทั้งนี้ นายเซคคิงสตัด รวมทั้งนาย จอห์น ริดส์เดล และนาย โรเบิร์ต ฮอลล์ ชาวแคนาดา และน.ส. มาริตส์ เฟลอร์ แฟนชาวฟิลิปปินส์ของนายฮอลล์ ถูกลักพาตัวไปจากท่าเรือใกล้เมืองดาเวาของฟิลิปปินส์ ต่อมาในเดือนเม.ย. อาบูไซยาฟก็สังหารนายริดส์เดลด้วยการตัดคอ เนื่องจากพ้นเส้นตายการจ่ายเงินค่าไถ่ และสัปดาห์ต่อมา นายฮอลล์ก็ถูกสังหารด้วยเหตุผลเดียวกัน อย่างไรก็ตาม น.ส.เฟลอร์ได้รับการปล่อยตัวในเดือนมิ.ย.

 

สลด! เกิดระเบิดบนเรือขนนักท่องเที่ยวที่บาหลี ดับ 2 เจ็บอื้อ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 ก.ย. 2559 04:25

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/724300

 

เกิดระเบิดบนเรือเร็วขนส่งนักท่องเที่ยวที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเบื้องต้นเชื่อว่าสาเหตุมาจากไฟฟ้าลัดวงจร…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดบนเรือเร็วขนส่งนักท่องเที่ยวลำหนึ่งที่เกาะบาหลี ของประเทศอินโดนีเซีย เป็นเหตุให้มีหญิงต่างชาติเสียชีวิต 2 ราย โดยรายหนึ่งเป็นชาวออสเตรีย ส่วนอีกรายยังไม่ชัดเจน ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 14 คน

ข่าวระบุว่า เรือ ‘กีลี แคท 2’ ลำนี้ กำลังมุ่งหน้าไปยังเกาะ กีลี ทราวันกัน ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับเกาะบาหลี พร้อมกับผู้โดยสารอย่างน้อย 30 คน โดยเป็นชาวต่างชาติทั้งชาวสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, อิตาลี, โปรตุเกส, ไอร์แลนด์ และสเปน และมีลูกเรืออีก 4 คน ก่อนจะเกิดระเบิดขึ้นขณะที่เรืออยู่ห่างจากท่าเรือประมาณ 200 ม.


เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ

โดยนายสุเกง สุดาร์โส ผู้บังคับการตำรวจท้องถิ่นระบุว่า จากการสอบถามผู้โดยสารในเบื้องต้น และจากสิ่งที่เขาเห็นในที่เกิดเหตุ เหตุระเบิดเกิดขึ้นที่แทงค์บรรจุน้ำมัน โดยเหนือแทงค์เป็นแบตเตอรี่ ซึ่งอาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจรทำปฏิกิริยาจนเกิดการระเบิด

ทั้งนี้ อินโดนีเซียมีประวัติด้านความปลอดภัยในการเดินเรือที่ไม่ดีนัก โดยเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตบ่อยครั้ง เช่นเมื่อปีก่อน เรือข้ามฟากที่เกาะบาหลีก็เกิดระเบิด ทำให้มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บหลายสิบคน

 

มาแล้ว!! นาซา เผยภาพ พายุโซนร้อน ราอี จ่อถล่มเวียดนาม ก่อนเข้าไทย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 ก.ย. 2559 10:54

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/720918

 

(ภาพจาก NASA)

นาซา เผยแพร่ภาพถ่าย ความรุนแรงของพายุดีเปรสชัน ในทะเลจีนใต้ ที่ได้ทวีกำลังเป็นพายุโซนร้อน ‘ราอี’ เคลื่อนตัว ถล่มภาคกลางของเวียดนาม แบบเต็มๆ ก่อนมุ่งหน้าสู่ไทย ส่งผลให้เกิดลมกระโชกแรงจัด ฝนตกหนัก

เมื่อ 13 ก.ย. 59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) เผยแพร่ภาพถ่ายจากดาวเทียมสำรวจสภาพอากาศ Aqua (อาคัว )ของนาซา ขณะโคจรเหนือทะเลจีนใต้ เมื่อเวลา 15.00 UTC ของวันที่ 12 ก.ย. (หรือตรงกับ 22.00 น. ของวันเดียวกัน ตามเวลาในประเทศไทย) แสดงให้เห็นความรุนแรงของพายุดีเปรสชัน ในทะเลจีนใต้ ขณะเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกมุ่งหน้าสู่ประเทศเวียดนาม ห่างจากเมืองดานัง ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 97 ไมล์

ข่าวแจ้งว่า ดีเปรสชันลูกนี้ ได้ทวีกำลังเป็นพายุโซนร้อน ‘ราอี’ แล้วขณะเคลื่อนตัวมุ่งหน้าสู่เวียดนาม ขณะที่ ศูนย์ร่วมเตือนภัยพายุไต้ฝุ่น ได้ประกาศเตือนชาวเวียดนามว่า พายุลูกนี้จะเคลื่อนตัวและขึ้นฝั่ง ถล่มภาคกลางของเวียดนาม ในช่วง 12 ชั่วโมง นับตั้งแต่เวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

‘ดูเตร์เต’ จี้มะกันถอนทหารจากมินดาเนา ชี้เป็นต้นเหตุความไม่สงบ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 ก.ย. 2559 01:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/720495

 

โรดริโก ดูเตร์เต ผู้นำของประเทศฟิลิปปินส์ ออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯ ถอนกองกำลังพิเศษออกจากเกาะมินดาเนา ทางใต้ของประเทศให้หมด และชี้ว่าสหรัฐฯ เป็นสาเหตุของเหตุความไม่สงบในฟิลิปปินส์…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต แห่งประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 12 ก.ย. ว่า เขาต้องการให้กองกำลังพิเศษของสหรัฐอเมริกา ถอนกำลังทั้งหมดออกจากเกาะมินดาเนาในภาคใต้ของประเทศ และกล่าวโทษสหรัฐฯ ว่าทำให้ความไม่สงบในภูมิภาคดังกล่าวรุนแรงยิ่งขึ้น ถือเป็นการแสดงความต่อต้านการมีอยู่ของทหารอเมริกันในฟิลิปปินส์อย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรกของดูเตร์เต

ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาส่งทหารเข้าไปในฟิลิปปินส์เมื่อปี 2002 เพื่อทำหน้าที่ฝึกฝน, แนะนำ และให้ช่วยเหลือด้านข้อมูลข่าวกรองและอาวุธแก่กองทัพฟิลิปปินส์ซึ่งกำลังต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธ อาบูไซยาฟ ในภาคใต้ของประเทศ ซึ่งสหรัฐฯ ได้ถอนกำลังส่วนใหญ่ออกจากฟิลิปปินส์แล้วเมื่อเดือนก.พ.ปีก่อน โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าจะเหลือกองกำลังส่วนหนึ่งเอาไว้ เพื่อให้คำปรึกษาแก่ทหารฟิลิปปินส์

อย่างไรก็ตาม ระหว่างพิธีแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รัฐบาลเมื่อวันจันทร์ นายดูเตร์เตได้อ้างถึง เหตุการณ์กบฏโมโร ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1900 ซึ่งชนกลุ่มน้อยโมโรต่อสู้กับทหารสหรัฐฯ ที่ขณะนั้นเป็นเจ้าอาณานิคมของฟิลิปปินส์ ว่าเป็นรากเหง้าของความไม่สงบของชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในภาคใต้ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ “ตราบเท่าที่เราอยู่กับชาวอเมริกัน เราจะไม่มีวันมีความสงบในประเทศ”


บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ดูเตร์เตยังได้แสดงภาพที่เขาระบุว่า เป็นชาวฟิลิปปินส์นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งมีทั้งเด็กและถูกหญิง ที่ถูกทหารสหรัฐฯ สังหารในช่วงต้นทศวรรษที่ 1900 และถูกทิ้งลงในปากปล่องภูเขาไฟที่ บุด ดาโฮ ซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาทางใต้ของจังหวัดซูลู “กองกำลังพิเศษ พวกเขาต้องไป พวกเขาต้องไปจากมินดาเนา” ดูเตร์เตกล่าว และย้ำด้วยว่า “ผมไม่ได้ต้องการทำให้เกิดรอยร้าวกับสหรัฐฯ แต่พวกเขาต้องไป” โดยที่เข้าไม่ได้กำหนดเส้นตายใดๆ ขณะที่สถานทูตสหรัฐฯ ในฟิลิปปินส์ ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

อนึ่ง โรดริโก ดูเตร์เตมีความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีกับสหรัฐฯ นับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อเดือนมิ.ย. และกล่าวโจมตีนโยบายความมั่นคงของสหรัฐฯ อย่างเปิดเผย นอกจากนี้เขายังวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ หลายต่อหลายครั้ง ที่ยกประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนมาแสดงความกังวลต่อมาตรการกวาดล้างยาเสพติดที่ทำให้มีคนถูกสังหารไปแล้วมากกว่า 2,800 รายของเขา

 

ยอดสะสมผู้ติดเชื้อซิกาในสิงคโปร์พุ่ง 329 ราย หญิงท้องป่วย 8 คน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 ก.ย. 2559 23:15

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/719285

 

ทางการสิงคโปร์เผยความคืบหน้าล่าสุดของสถานการณ์การแพร่กระจายของไวรัสซิกาในประเทศ โดยในวันอาทิตย์พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 11 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 329 รายแล้ว…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขแห่งประเทศสิงคโปร์ ออกแถลงการณ์ยืนยันในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ย. ว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาแบบติดต่อภายในประเทศเพิ่มอีก 11 คน ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมจนถึงตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 329 รายแล้ว และในจำนวนนี้เป็นหญิงตั้งครรภ์ 8 คน ซึ่งแพทย์กำลังให้คำปรึกษา และการสนับสนุนอย่างใกล้ชิด

ด้านสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า พวกเขายังคงดำเนินปฏิบัติการควบคุมพาหะนำโรคต่อไป โดยจนถึงเมื่อวันเสาร์ พวกเขาพบและทำลายแหล่งเพาะพันธ์ุยุงลายซึ่งเป็นพาหะของเชื้อซิกาไปแล้ว 202 แห่ง โดย 121 แห่งในจำนวนนี้อยู่ภายในบ้านที่อยู่อาศัย ส่วนอีก 81 แห่งอยู่ในสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ

 

ไม่ถือดูเตร์เต-โอบามาชี้พูดแบบนี้เป็นนิสัย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 9 ก.ย. 2559 05:50

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/716828

 

การประชุมสุดยอดผู้นำสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และเวทีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก (อีสต์ เอเชีย ซัมมิต) ที่ สปป.ลาว สิ้นสุดลงแล้วเมื่อ 8 ก.ย. แต่ก่อนหน้านั้น ปัญหาทะเลจีนใต้ยังเป็นประเด็นร้อนในที่ประชุม โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ กล่าวเตือนจีนไม่ควรเพิกเฉยคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการถาวร (พีซีเอ) ที่ตัดสินปฏิเสธการอ้างครอบครองดินแดนทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมดของจีน คำตัดสินดังกล่าวถือว่า มีผลผูกมัดและช่วยสร้างความกระจ่างเรื่องสิทธิทางทะเลในภูมิภาค แต่ยอมรับว่าได้สร้างความตึงเครียดขึ้นแล้ว แต่ตนเฝ้ารอที่จะพูดคุยหาทางแก้ปัญหากันอย่างสร้างสรรค์

อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้กลับไม่เข้มข้นในส่วนของอาเซียนเมื่อแถลงการณ์ที่ออกมาทั้งสองเวที ระบุเพียงว่ารู้สึกวิตกอย่างมากต่อสถานการณ์ทะเลจีนใต้ แต่ไม่ได้พูดถึงคำตัดสินของศาลพีซีเอโดยตรง ขณะที่จีนต้องการแก้ปัญหาเรื่องนี้กับอาเซียนโดยไม่ต้องมีคนอื่นๆมาแทรกแซง ส่วนประเด็นอื่นๆในที่ประชุมอีสต์ เอเชีย ซัมมิต นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะของญี่ปุ่น เรียกร้องนานาชาติคว่ำบาตรให้หนักข้อขึ้นจึงจะหยุดยั้งเกาหลีเหนือไม่ให้ทดลองนิวเคลียร์ได้

อีกประเด็นร้อนหนีไม่พ้นกรณีของนายโอบามากับประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เตของฟิลิปปินส์ ซึ่งฝ่ายหลังได้ด่านายโอบามาอย่างหยาบคายก่อนมาประชุมอาเซียนในช่วงตอบคำถามสื่อถึงกำหนดการที่ผู้นำทั้งสองคนจะพบหารือทวิภาคีกันและอาจถูก โอบามาสอนเชิงเรื่องสิทธิมนุษยชนเกี่ยวข้องการใช้วิธีการเด็ดขาดปราบยาเสพติดจนมีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 3,000 คน แม้ดูเตร์เตจะขอโทษในวันต่อมา แต่ฝ่ายโอบามาได้ยกเลิกการหารือกันแล้วนั้น ผู้นำทั้งสองคนได้จับมือทักทายกันช่วงสั้นๆ ก่อนเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับเมื่อคืนวันพุธ 7 ก.ย. แต่หลังจากนั้นโอบามาและดูเตร์เตไม่ได้พบปะพูดคุยกันตลอดงานเลี้ยงที่กินเวลากว่า 1 ชั่วโมงกับอีก 20 นาที แต่ฝ่ายฟิลิปปินส์ระบุว่า แค่การจับมือทักทายแม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่บ่งบอกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันยังแนบแน่นและแข็งแกร่ง

ต่อมาโอบามาพูดถึงเรื่องนี้ว่าไม่ได้ถือสาคำพูดของดูเตร์เตมากนัก ดูเหมือนเป็นคำพูดที่ผู้นำฟิลิปปินส์พูดบ่อยๆ อีกทั้งคนอื่นๆก็ถูกด่าว่าเหมือนกัน จึงน่าเป็นนิสัยหรือวิธีการพูดของดูเตร์เต โอบามายังเรียกร้องนายดูเตร์เตทำสงครามต่อต้านยาเสพติดในทางที่ถูกต้อง ถ้าไม่ถูกต้องอาจมีผู้บริสุทธิ์ได้รับเคราะห์และแก้ปัญหาไม่ได้.

 

ผอ.ปราบยาบ้าอินโดฯ ชูโมเดลปินส์แก้ยาเสพติด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 8 ก.ย. 2559 06:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/715738

 

เมื่อ 7 ก.ย. นายบูดี วาเซโซ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด (บีเอ็นเอ็น) ของอินโดนีเซีย เรียกร้องอินโดนีเซียนำวิธีการปราบปรามยาเสพติดตามแบบฟิลิปปินส์มาใช้ ชื่นชมผลงานของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ของฟิลิปปินส์ที่ใช้วิธีการเด็ดขาดจัดการปัญหายาเสพติด แม้มีผู้เกี่ยวข้องคดียาเสพติดถูกสังหารเสียชีวิตเกือบ 3,000 คน โดยหลายคนในนี้เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำจนถูกนานาชาติวิจารณ์เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน

นายบูดีระบุด้วยว่า บีเอ็นเอ็นจะระดมกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องมือ รวมทั้งเทคโนโลยีเพื่อปราบปรามการค้ายาเสพติดในอินโดฯ ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นก่อนผู้นำฟิลิปปินส์จะเดินทางมาเยือนอินโดนีเซียช่วงปลายสัปดาห์นี้และผู้นำทั้งสองจะหารือแนวทางแก้ปัญหายาเสพติดร่วมกันด้วย.

 

พุทธฮือไล่อดีตผู้นำยูเอ็นแก้ปัญหายะไข่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 7 ก.ย. 2559 05:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/714553

 

เมื่อ 6 ก.ย. กลุ่มชาวพุทธกว่า 1,000 คน ชุมนุมประท้วงคณะกรรมการที่ปรึกษา 9 คน นำโดยนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ชาวกานา ที่นางอองซาน ซูจี ผู้นำโดยพฤตินัยของรัฐบาลเมียนมาตั้งขึ้นเดือนที่แล้วเพื่อให้ช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธและมุสลิมโรฮีนจาในรัฐยะไข่ ระหว่างไปเยือนยะไข่

กลุ่มผู้ประท้วงนำโดยพรรคอาระกันแห่งชาติ (เอเอ็นพี) กับเครือข่ายสตรียะไข่ มีชาวบ้านกับพระสงฆ์ร่วมด้วย ชุมนุมประท้วงที่สนามบินซิตตะเว เมืองเอกรัฐยะไข่ ตั้งแต่คณะกรรมการชุดนี้ลงจากเครื่องบิน ทั้งยังตามขบวนรถของอันนันไปยังสำนักงานเทศบาลรัฐยะไข่ ที่ซึ่งเขาพบปะเหล่าผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่รัฐบาล ตำรวจ และกลุ่มเอ็นจีโอ โดยผู้ประท้วงตะโกนต่อต้านคณะกรรมการฯ ว่าเป็นพวกต่างชาติที่แทรกแซงกิจการภายในของเมียนมาอย่างมีอคติ โดยไม่เข้าใจประวัติศาสตร์ในรัฐยะไข่ และขอให้ยุบคณะกรรมการชุดนี้


โคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ

นายอันนันเรียกร้องให้ชาวพุทธและมุสลิมก้าวข้ามความขัดแย้งต่างๆ และปรองดองเพื่ออนาคตร่วมกัน แต่เอเอ็นพีประกาศจะไม่พบปะทำงานกับคณะกรรมการฯชุดนี้ ซึ่งจะเยือนยะไข่ 6 วัน หลังซูจีขอให้ไปดูรากเหง้าปัญหาด้วยตาตนเอง อนึ่ง ความรุนแรงระหว่างชาวพุทธกับมุสลิมในยะไข่ในปี 2555 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 125,000 คน และซูจีถูกกล่าวหาว่าเพิกเฉยในชะตากรรมของชาวโรฮีนจาที่ยังเป็นคนไร้รัฐ.