สถานทูตไทยในสิงคโปร์ ร่วมมอบเงินช่วย นร.หญิงไทยโดนรถชน ยังไม่ได้สติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 ต.ค. 2559 18:50

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/745706

 

สถานทูตไทยในสิงคโปร์ ร่วมมอบเงินส่วนตัวสมทบช่วยเหลือ พ่อแม่ของนักเรียนหญิงไทยโดนรถชนในสิงคโปร์ เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาล ขณะที่ ตร.แดนลอดช่องยังคงติดตามอาการ เพื่อรอสอบถามรายละเอียดของอุบัติเหตุ ก่อนสรุปผลคดี…

เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 59 เวลา 14.00 น. นายธงชัย ชาสวัสดิ์ เอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ ได้มอบหมายให้ น.ส.มนัสนันท์ ทวีฤทธิ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นประจำสถานเอกอัครราชทูต นำเงินบริจาคจากเงินส่วนตัวของนายธงชัย พร้อมด้วยข้าราชการ และลูกจ้างประจำสถานเอกอัครราชทูต รวมเป็นเงินจำนวน 2,663 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 69,000 บาท ไปมอบให้แก่บิดามารดาของ น.ส.อรุณลักษณ์ เจตนาธรรมจิต อายุ 16 ปี นักเรียนไทย ซึ่งประสบอุบัติเหตุถูกรถชนอาการสาหัส และยังไม่ได้สติ เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่โรงพยาบาล KK Women and Children

นายธงชัย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางสถานเอกอัครราชทูตไทยในสิงคโปร์ มีความห่วงใยต่อครอบครัวของผู้ป่วย จึงได้ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่าย และนัดหมายจะพบกับแพทย์เจ้าของไข้อีกครั้งในวันที่ 7 ต.ค. 59 เวลา 09.00 น. ส่วนทางตำรวจสิงคโปร์ยังคงติดตามอาการของ น.ส.อรุณลักษณ์ เช่นกัน เพื่อรอสอบถามรายละเอียดของอุบัติเหตุครั้งนี้ ก่อนจะสรุปผลคดี

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ช็อก! น.ร.หญิงไทย โดนรถชนในสิงคโปร์ โคม่า กลายเป็น‘เจ้าหญิงนิทรา’

 

เสียชื่อ! หญิงไทยถูกจับข้อหาค้ามนุษย์ตามหมายจับสหรัฐฯ กำลังขึ้นศาลเบลเยียม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 ต.ค. 2559 18:20

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/745682

 

หญิงไทยถูกจับกุมตัวข้อหาค้ามนุษย์ตามหมายจับสหรัฐฯ กำลังถูกศาลเบลเยียมพิจารณาคดี อ้างมีธุรกิจท่องเที่ยวที่ให้บริการขายตั๋วเครื่องบินและรับทำวีซ่า เหมือนบริษัทนำเที่ยวทั่วไป

เมื่อ 6 ตุลาคม 2559 บุญธง ก่อมงคลกูล ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำเบลเยียม รายงาน หญิงไทยซึ่งถูกจับที่เบลเยียม ใช้ชื่อว่า นางอลิซ วาเรน (คนเดียวกับที่อัยการสหรัฐฯ แถลงชื่อ นางสุมาลี อินทรทอง) กำลังถูกศาลชั้นต้นแห่งเมืองลิเอจน์ ในเบลเยียม พิจารณาคดี โดยมีการไต่สวนมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม และครั้งที่สองเมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา โดยถูกจับกุมตัวได้ที่สนามบินสคิปโพล ในกรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงเนเธอร์แลนด์ ตามหมายจับยุโรปที่ทางการเบลเยียมประกาศ เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ในข้อหาจัดส่งหญิงไทยไปประกอบอาชีพโสเภณี ร่วมเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ การกดขี่ให้ผู้อื่นทำงานเพื่อผลประโยชน์ของตนโดยผิดกฎหมาย และการฟอกเงิน

ภายหลังจากการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นแห่งเมืองลิเอจน์เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม นางอลิซก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวตามหมายจับระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาในข้อหาเป็นผู้จัดการส่งหญิงไทยไปค้าประเวณีในสหรัฐอเมริกา การบังคับใช้แรงงานผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตน การฟอกเงิน และปลอมแปลงเอกสารเพื่อยื่นขอวีซ๋าเดินทางเข้าสหรัฐฯ ทำให้เธอต้องถูกจำคุกอีกครั้ง หลังจากที่ศาลเบลเยียมได้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยต้องใส่กำไลอิเล็กทรอนิกส์

นางอลิซได้ถูกจับกุมตัวขณะเดินทางไปเบลเยียมเพื่อพบกับชายชาวเบลเยียมชื่อ ฟิลิป ซึ่งมีความสัมพันธ์และมีแผนจะแต่งงานกัน โดยในการให้ปากคำต่อศาลนั้น นางอลิซระบุว่า เธอมีธุรกิจท่องเที่ยวที่ให้บริการขายตั๋วเครื่องบินและรับทำวีซ่าเหมือนกับบริษัทนำเที่ยวทั่วไป เมื่อมีลูกค้าเข้ามาขอบริการเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะให้บริการกรอกเอกสาร จัดเตรียมเอกสาร และพาไปยื่นขอวีซ่า โดยคิดค่าบริการตามปกติ

นอกจากนั้น นางอลิซยังให้ปากคำต่อผู้พิพากษาว่า หญิงไทยที่เดินทางมาเบลเยียมนั้น มีคนไทยชื่อเล่นว่า โรส กับน้องชายและน้องสะใภ้ที่อยู่ประเทศไทยเป็นผู้มาขอให้ทำเรื่องเพื่อจัดโปรแกรมเดินทางไปหลายประเทศในยุโรป อาทิ สเปน อิตาลี และเยอรมนี ขณะที่ ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่า โรสได้เดินทางกลับประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี 2558 และปล่อยให้เพื่อนชายชาวปากีสถานที่ถูกจับกุมตัวเป็นผู้ดำเนินธุรกิจและดูแลหญิงไทยที่ยังอยู่เบลเยียม

จากการจับกุมหญิงไทยเดินทางไปค้าประเวณีโดยผิดกฎหมายจำนวน 5 คน โดยมีหญิงไทยชื่อเล่นว่า โรส เป็นผู้จัดการในเบลเยียมร่วมกับชายชาวปากีสถานซึ่งมีถิ่นพำนักอยู่อังกฤษ และถูกจับกุมตัวด้วย โดยจะมีการประกาศให้บริการทางเพศลงในอินเทอร์เน็ต จัดหาโทรศัพท์มือถือสำหรับใช้ในการติดต่อนัดหมายเมื่อมีลูกค้าสนใจต้องการรับบริการ นอกจากนั้น ยังใช้สำหรับการตรวจสอบว่า เธออยู่ในบ้านและพร้อมที่จะให้บริการ ปกติจะทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 02.00 น. หรือบางครั้งหากมีลูกค้าจะมาใช้บริการตอนเช้าก่อน 10.00 น. ก็ต้องพร้อมที่จะให้บริการ ช่วงเวลาที่มีประจำเดือนก็จะถูกบังคับให้ใช้ผ้าอนามัยแบบสอดใส่สำหรับดูดซับประจำเดือน โดย ‘แม่เล้า’ จะเป็นผู้จัดหาถุงยางอนามัย เจลหล่อลื่น กระดาษอนามัยสำหรับทำความสะอาด ฯลฯ

เมื่อลูกค้ารายใดสนใจ หลังเห็นประกาศการให้บริการของหญิงสาว ก็จะโทรศัพท์ติดต่อเข้ามา ผู้ดูแลก็จะแจ้งอัตราค่าบริการ พร้อมให้ที่อยู่ที่หญิงสาวรอให้บริการอยู่พร้อมกับการนัดหมายเวลาและตกลงราคา จากนั้นก็จะโทรไปแจ้งหญิงสาวให้เตรียมเปิดประตูต้อนรับลูกค้าและให้บริการครั้งละครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่จะตกลงแต่แรก เมื่อให้บริการเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะต้องส่งเอสเอ็มเอสไปบอกว่า โอเค หรือ พร้อมสำหรับการให้บริการลูกค้ารายต่อไป

ขณะที่ ผู้ต้องหาชาวปากีสถานให้การซัดทอดว่า เคยพบกับนางอลิซครั้งหนึ่งในประเทศไทย และได้เคยโอนเงินให้ผ่านทางเวสเทิร์นยูเนียนด้วย ซึ่งนางอลิซให้การโต้แย้งว่า เงินที่เธอได้รับเป็นค่าตั๋วเครื่องบินและค่าบริการยื่นขอวีซ่า โดยได้ปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับขบวนการดังกล่าวแต่อย่างใด

ขณะที่หญิงสาวที่ถูกจับกุมตัวได้ให้การว่า มีการติดต่อกับนางอลิซตลอดผ่านทางไลน์ชื่อว่า ดิวอลิซ และชี้ตัวจากรูปภาพได้ถูกต้อง โดยระบุว่า นางอลิซใช้ชื่อเล่นว่า ‘เอ้’ ในการติดต่อกับพวกเธอ ทางด้านนางอลิซให้การต่อศาลว่า โทรศัพท์เธอหายและได้แจ้งความไว้พร้อมมีบันทึกแจ้งความเป็นหลักฐาน เธอเข้าใจว่า มีคนที่ขโมยโทรศัพท์ของเธอไปเพื่อใช้ในการติดต่อกับหญิงสาวที่ทำงานอยู่ต่างประเทศโดยใช้ไลน์ของเธอ

ศาลชั้นต้นแห่งเมืองลิเอจน์ได้นัดไต่สวนคดีอีกครั้งในวันที่ 19 ตุลาคม ทางด้านทนายของนางอลิซได้ยื่นคัดค้านการส่งตัวผู้ต้องหาตามหมายจับระหว่างประเทศที่ทางการสหรัฐฯ ให้กับเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกาตามที่ร้องขอ เนื่องจากผู้ต้องหาอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลเบลเยียมในข้อหาเดียวกัน ซึ่งตามหลักการพิจารณาคดีที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ หากเป็นคดีที่มีข้อหาเหมือนกัน ผู้ต้องหาจะถูกตัดสินโดยศาลประเทศเดียวเท่านั้น ไม่สามารถถูกตัดสินลงโทษในหลายประเทศได้ในเวลาเดียวกัน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ช็อก!สื่อนอกตีข่าว มะกัน‘ชัตดาวน์’ ทลายแก๊งค้ากาม หลอกหญิงไทยไปขายตัว

 

ช็อก!สื่อนอกตีข่าว มะกัน‘ชัตดาวน์’ ทลายแก๊งค้ากาม หลอกหญิงไทยไปขายตัว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 ต.ค. 2559 12:40

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/745161

 

(ภาพประกอบ)

คนไทยอึ้ง…สื่อต่างประเทศรายงาน สหรัฐฯ ‘ชัตดาวน์’ ทลายเครือข่ายแก๊งค้ากามข้ามชาติ พุ่งเป้าส่งหญิงไทยมาขายตัวในอเมริกา หลังตามสืบมานาน2ปี  จับกุม 12 คนไทย และชาวอเมริกันอีก 5 คน รวมหัวกันหลอกเหยื่อสาวไทย ฐานะยากจนหลายร้อยคนให้มาสหรัฐฯ สัญญาจะมีอนาคตที่ดี แต่พอมาถึงจริง กลับบังคับให้ขายบริการทางเพศใช้หนี้ก้อนโต

เมื่อ 6 ต.ค.59 สำนักข่าวบีบีซี และสื่อต่างประเทศหลายสำนัก รวมทั้งเว็บไซต์ การ์เดียน เกาะติดข่าวจากกรณีที่ นายแอนดริว์ ลูเกอร์ อัยการในรัฐมินนิโซตา ประเทศสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันที่ 5 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับวันที่ 6 ต.ค.ของไทย สามารถจับกุมคนไทย 12 คน และชาวอเมริกันอีก 5 คน รวม 17 คน เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการส่งหญิงไทยมาค้าประเวณีในหลายรัฐทั่วประเทศสหรัฐฯ และคาดว่า แอบดำเนินการมานานตั้งแต่ปี 2552 นั้น

บีบีซี สื่อยักษ์ใหญ่ในอังกฤษ พาดหัวข่าวที่สร้างความสะเทือนใจให้แก่คนไทยทั้งประเทศว่า ‘สหรัฐฯ ชัตดาวน์’ เครือข่ายค้าบริการทางเพศ พุ่งเป้าหญิงไทย’ ระบุว่า คณะอัยการสหรัฐฯ แถลง ทางการสหรัฐฯ กำลังดำเนินการที่จะปิดเครือข่ายค้าประเวณีข้ามชาติจากไทยมายังอเมริกา โดยขณะนี้คนไทย 12 คน และชาวอเมริกันอีก 5 คน ถูกตั้งข้อหาลักลอบนำผู้หญิงหลายร้อยคนจากประเทศไทยเข้ามาในสหรัฐฯ โดยผิดกฎหมาย โดยให้คำมั่นสัญญากับเหยื่อสาวไทยเหล่านี้ที่มีฐานะยากจนว่า จะมีอนาคตที่ดีขึ้น แต่เมื่อมาถึงแล้ว พวกเธอกลับต้องเผชิญกับ ‘ฝันร้าย’ ถูกบังคับให้ ‘ขายตัว’ ให้บริการทางเพศทั่วสหรัฐฯ

บีบีซี เผยว่า เหยื่อสาวไทยเหล่านี้เมื่อมาถึงแผ่นดินสหรัฐฯ แล้ว พวกเธอกลับถูกขังอยู่ในร้านนวด โรงแรม และอพาร์ตเมนต์ พร้อมกับโดนบังคับให้ ‘ขายตัว’ และพวกเธอยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนโดยไม่มีคนคุม ซึ่งคนคุมเหล่านี้ยังมีเซ็กซ์กับเหยื่อสาวไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งใน ‘หนี้ก้อนโต’ นับ 40,000-60,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.4-2.1 ล้านบาท) ที่หญิงไทยเหล่านี้ต้องจ่าย เนื่องจากเป็นค่าดำเนินการในการเดินทางมาสหรัฐฯ

ขณะที่ นายอเล็กซ์ คู เจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวนพิเศษของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯในเมืองเซนต์ ปอล รัฐมินเนอาโพลิส ยังเผยว่า เครือข่ายแก๊งค้ากามยังได้ทำร้ายพ่อแม่คนในครอบครัวของเหยื่อหญิงไทย ถ้าหากพวกเธอคิดจะหลบหนีอีกด้วย โดยมีรายหนึ่ง เครือข่ายแก๊งค้ากามได้ทำร้ายญาติของเหยื่อคนหนึ่งในไทย จนเขากระดูกหัก

บีบีซี ยังเผยว่า ตามสำนวนคำฟ้องระบุว่า นางสุมาลี อินทรทอง อายุ 55 ปี หญิงไทย ซึ่งเป็นรองหัวหน้าแก๊งเครือข่ายค้ากามส่งหญิงไทยมายังสหรัฐฯ เพิ่งถูกจับกุมในเบลเยียมเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยข้อหาส่งหญิงไปค้ากามในเบลเยียม และขณะนี้ ทางการสหรัฐฯ กำลังดำเนินการเพื่อขอให้เบลเยียมส่งตัวนางสุมาลีมาดำเนินคดีในสหรัฐฯ

ด้านเดอะ การ์เดียน รายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ ได้ใช้เวลานานกว่า 2 ปีในการสืบสวนเครือข่ายแก๊งค้ากามข้ามชาติแก๊งนี้ โดยนายอเล็กซ์ คู เจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวนพิเศษ ยังระบุว่า การทลายเครือข่ายส่งหญิงไทยมาขายตัวในสหรัฐฯ ครั้งนี้จะส่งผลกระทบหนักมากต่อเครือข่ายค้าประเวณีแก๊งนี้.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

รวบ12คนไทย5มะกัน ส่งสาวไทยค้ากามในอเมริกา คาดบอสใหญ่อยู่ไทย

 

รวบ12คนไทย5มะกัน ส่งสาวไทยค้ากามในอเมริกา คาดบอสใหญ่อยู่ไทย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 ต.ค. 2559 07:45

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/744897

 

ทางการสหรัฐฯ แถลงผลจับกุมคนไทย 12 คน และชาวอเมริกัน 5 คนร่วมขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ ส่งหญิงไทยไปค้าประเวณีในหลายรัฐทั่วสหรัฐอเมริกา เชื่อว่าทำมาตั้งแต่ปี 2552…

นายแอนดริว ลูเกอร์ อัยการในรัฐมินนิโซตา ของสหรัฐอเมริกาแถลงเปิดเผยเกี่ยวกับปฏิบัติการ ทลายขบวนการค้าประเวณีในหลายเมืองทั่วประเทศสหรัฐฯ โดยมีหญิงไทยนับร้อยคนตกเป็นเหยื่อการถูกล่อลวงไปค้าประเวณี

อัยการระบุว่าสามารถจับกุมคนไทย 12 คนและชาวอเมริกัน อีก 5 คน รวมทั้งหมด 17 คนที่เกี่ยวข้องในการจัดหาล่อลวงหญิงไทยจากกรุงเทพฯ ไปยังสถานบริการทางเพศ อาบอบนวดและอพาร์ตเมนต์ต่างๆในหลายเมืองของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นลอสแอนเจลิส ลาสเวกัส ฟีนิกซ์ แอตแลนตา มินเนอาโพลิส วอชิงตันและดัลลัส ตั้งแต่ปี 2552

ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดกระทำการค้าประเวณี สมรู้ร่วมคิดบังคับใช้แรงงาน สมรู้ร่วมคิดในการฟอกเงิน และสมรู้ร่วมคิดปลอมแปลงวีซ่าเข้าสหรัฐ โดยรายงานข่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้คือเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมาได้มีการจับกุมหญิงไทยในเบลเยียมชื่อว่านางสุมาลี อินทรทอง อายุ 55 ปี เป็นหัวหน้าเครือข่ายเดียวกันนี้ ซึ่งสหรัฐฯกำลังดำเนินการขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนและเชื่อว่ามีอีก 4 คนยังหลบหนี

อัยการเปิดเผยว่า ผู้หญิงที่ถูกล่อลวงค้าประเวณีมาจากครอบครัวที่ยากจน พูดภาษาอังกฤษได้เพียงเล็กน้อย โดยเครือข่ายค้ามนุษย์ใหญ่ในไทยจะไปหลอกลวงผู้หญิงเหล่านี้ โดยในเครือข่ายใช้รหัสลับเรียกเหยื่อว่า “ฟลาวเวอร์” หรือดอกไม้ มีการหลอกเหยื่อว่าพวกเธอจะไปมีชีวิตที่ดีกว่า โดยบอกว่าจะช่วยจัดหาวีซ่าและเดินเรื่องเข้าสหรัฐฯให้ แลกกับการทำสัญญาหนี้ ประมาณ 40,000-60,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.4-2.1 ล้านบาท ในระหว่างที่เป็นหนี้พวกเธอจะตกอยู่ในสถานะทรัพย์สินขององค์กรจนกว่าจะใช้หนี้หมด

อัยการกล่าวเพิ่มเติมว่า นี่เป็นเหมือนการค้าทาสในยุคสมัยใหม่ ผู้หญิงไทยที่ถูกส่งมาจะต้องทำงานค้าบริการทางเพศหลายชั่วโมงต่อวันแลกกับเงินเพียงเล็กน้อยที่ต้องนำไปใช้หนี้ก้อนโต บางรายถูกส่งเวียนไปตามเมืองต่างๆ ถูกหลอกว่าให้นำศัลยกรรมเสริมหน้าอกเพื่อดึงดูดลูกค้าให้ได้มากๆ ในส่วนของค่าใช้จ่ายทำศัลยกรรมก็จะถูกบวกทบไปกับหนี้ก้อนเดิม

นายอเล็ก คู เจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวนพิเศษของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของเอพี แสดงความเชื่อมั่นว่าการจับกุมครั้งใหญ่นี้จะส่งผลต่อการดำเนินการของเครือข่ายดังกล่าวอย่างแน่นอน .

 

โจชัว หว่อง กลับถึงฮ่องกง เผยถูก ตม.ไทยตัดขาดจากโลกภายนอก 12 ชม.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 ต.ค. 2559 18:58

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/744566

 

นักข่าวรอสัมภาษณ์ตรึม โจชัว หว่อง ถึงฮ่องกงแล้ว เผยถูก ตม.ไทยตัดขาดจากโลกภายนอก ยึดหนังสือเดินทาง เป็น 12 ชั่วโมงที่หวาดกลัว เจ้าตัวโพสต์แจงจะถ่ายทอดสดเฟซบุ๊กไลฟ์อีกรอบ

เมื่อ 5ต.ค.59สำนักข่าวต่างประเทศเกาะติดข่าว โจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง หลังจากโดนกักตัวในประเทศไทยเป็นเวลากว่า 12 ชั่วโมงว่า โจชัว หว่อง ได้เดินทางถึงฮ่องกงแล้วอย่างปลอดภัย โดยมีกองทัพสื่อมวลชนสนใจรอสัมภาษณ์จำนวนมาก โดยขณะให้สัมภาษณ์ โจชัว หว่อง ได้ถ่ายทอดสดผ่านหน้าเฟซบุ๊กเพจของเขาด้วย และหลังจากนั้นได้โพสต์ผ่านเพจดังกล่าวว่า จะถ่ายทอดสดแถลงอีกครั้งในเฟซบุ๊กเพจ เวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 19.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย

ทันทีที่ โจชัว หว่อง เดินทางถึงสนามบินฮ่องกง ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา 5 ต.ค. 2559 มายังกรุงเทพมหานคร แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยกักตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไม่อนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศไทย ทั้งยังถูกตัดขาดจากโลกภายนอกและยึดหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ตั้งแต่กรุงเทพฯ จนตอนนี้ เดินทางถึงฮ่องกงแล้ว เป็น 12 ชั่วโมงที่หวาดกลัว ขอโทษทุกคนที่ทำให้เป็นห่วง ทั้งยังเผยกับสื่อมวลชนที่มารอสัมภาษณ์ว่า ขณะที่ถูกกักตัวเขาได้ร้องขอที่จะติดต่อกับทนายของเขาในประเทศไทย หรือแจ้งพ่อแม่ให้ทราบ แต่ได้รับการปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งเขาคิดว่ามันไม่ยุติธรรม โดยจะแถลงสดเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กเพจอีกครั้งในเวลา 20.00 น. ของวันที่ 5 ต.ค. 2559


เฟซบุ๊กโจชัว หว่อง

โจซัว หว่อง เป็นนักเคลื่อนไหวทางประชาธิปไตยชื่อดังในฮ่องกง เป็นหนึ่งในแกนนำประท้วงรัฐบาลจีนเมื่อกันยายน ปี 2557 ขณะนี้อายุ 19 ปี โดยได้รับเชิญให้มาเข้าร่วมปาฐกถา หัวข้อ “การเมืองของคนรุ่นใหม่” ในวาระครบรอบ 40 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ได้ถูกกักตัวที่สนามบินสุววรณภูมิ และถูกส่งตัวกลับฮ่องกง ซึ่งเจ้าตัวและครอบครัว รวมทั้งพรรคเดโมซิสโต ไม่ทราบมาก่อน ซึ่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โจซัว หว่อง ก็เคยถูกักตัวที่มาเลเซีย และถูกส่งตัวกลับประเทศมาแล้วเช่นกัน.


โจชัว หว่อง โชว์หนังสือของตม.ไทย ปฏิเสธไม่ให้เข้าเมือง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

แอมเนสตี้ฯ แถลง โจชัว หว่อง ไม่ได้เข้าไทย สะท้อนปิดกั้นเสรีภาพล่าสุด

สื่อนอกตีข่าว โจชัว หว่อง แกนนำประท้วง ปชต.ในฮ่องกง โดนกักตัวที่ไทย

 

แอมเนสตี้ฯ แถลง โจชัว หว่อง ไม่ได้เข้าไทย สะท้อนปิดกั้นเสรีภาพล่าสุด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 ต.ค. 2559 18:10

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/744512

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล แถลง ทางการไทยไม่อนุญาตให้ โจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง เข้าประเทศ สะท้อนให้เห็นอีกครั้งว่ารัฐบาลทหารไทยจะทำทุกวิถีทางในการยับยั้งการพูดคุยด้านการเมืองในประเทศ อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นอิทธิพลของจีนต่อไทย

เมื่อ 5 ต.ค.59 สำนักเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร แถลงกรณี “โจชัว หว่อง” นักกิจกรรม เคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ถูกกักปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศไทย โดยระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอกย้ำว่าทางการไทยเต็มใจที่จะปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก ตลอดจนสะท้อนให้เห็นว่าทางการจีนใช้อิทธิพลกับไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

“การกักตัวและส่งกลับโจชัว หว่อง เป็นเครื่องสะท้อนอีกครั้งหนึ่งว่ารัฐบาลทหารของไทยจะทำทุกวิถีทางเพื่อยับยั้งการพูดคุยเกี่ยวกับการเมืองในประเทศ” แชมพา พาเทล ที่ปรึกษานักวิจัยอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว


โจชัว หว่อง ให้สัมภาษณ์นักข่าวหลังจากเดินทางถึงสนามบินในฮ่องกง

โจชัว หว่อง เป็นนักศึกษาและนักกิจกรรมในฮ่องกง เขาตกเป็นที่สนใจไปทั่วโลกตั้งแต่ปี 2557 ในฐานะหนึ่งในผู้นำการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงที่เรียกกันว่า “การปฏิวัติร่ม” ทั้งนี้ โจชัว หว่อง ได้เดินทางมาประเทศไทยเนื่องจากถูกเชิญให้ร่วมพูดในงานที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันที่ 6 ตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นงานรำลึก 40 ปีเหตุการณ์การที่ตำรวจ ทหาร และกองกำลังกึ่งทหารใช้ความรุนแรงปราบปรามนักศึกษาไทยเมื่อปี 2519

“รัฐบาลไทยไม่ควรปล่อยให้ภูมิรัฐศาสตร์อยู่เหนือพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชน และเส้นเขตแดนของประเทศไทยไม่ควรถูกนำมาเป็นเครื่องมือสำหรับการปิดกั้นการพูดคุยเกี่ยวกับประชาธิปไตยและเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อกังวลทั้งในและต่างประเทศ” แชมพา พาเทล กล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

สื่อนอกตีข่าว โจชัว หว่อง แกนนำประท้วง ปชต.ในฮ่องกง โดนกักตัวที่ไทย

 

สื่อนอกตีข่าว โจชัว หว่อง แกนนำประท้วง ปชต.ในฮ่องกง โดนกักตัวที่ไทย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 ต.ค. 2559 11:42

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/744056

 

(โจชัว หว่อง)

สื่อนอกตีข่าว พรรคเดโมซิสโต ของโจชัว หว่อง เผย นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยคนดังในฮ่องกง ยังคงโดน ตม.ไทย กักตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังเดินทางไปถึง เผยทางพรรคไม่เคยรับทราบคำเตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้จากทางการไทยมาก่อน

เมื่อ 5 ต.ค.59 สำนักข่าวบีบีซี และซีเอ็นเอ็น สื่อยักษ์ใหญ่ของโลก รายงานอ้างการเปิดเผยของพรรคเดโมซิสโต ในฮ่องกง ซึ่งเป็นพรรคที่ โจชัว หว่อง นักศึกษาหนุ่ม นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยชื่อดังในฮ่องกง เป็นผู้จัดตั้งขึ้น ว่า เมื่อวันที่ 5 ต.ค. โจชัว หว่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลจีนเมื่อเดือนกันยายน 2557 วัย 19 ปี ยังคงถูกกักกันตัวที่กรุงเทพฯ หลังจากเดินทางโดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK385 มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 23.45 น. ของวันที่ 4 ต.ค. เพื่อมาร่วมปาฐกถา ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามคำเชิญของผู้ร่วมจัดงานในวาระครบรอบ 40 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

นายนาธาน หลอ ประธานของพรรคเดโมซิสโต เผยกับนักข่าวซีเอ็นเอ็น นักเคลื่อนไหวทางการเมืองในไทยคนหนึ่ง ซึ่งไปรอรับโจชัว หว่อง ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เผยว่า โจชัว หว่อง ยังคงถูกกักกันตัวที่สนามบิน โดยนายหลอ ยังได้เปิดเผยกับนักข่าวซีเอ็นเอ็นด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยได้รับหนังสือจากรัฐบาลจีนเกี่ยวกับโจชัว หว่อง หากเข้ามาในประเทศไทย


นายนาธาน หลอ ประธานพรรคเดโมซิสโต ในฮ่องกง

ซีเอ็นเอ็น แจ้งว่า ทางพรรคเดโมซิสโต หรือครอบครัวของโจชัว หว่อง ไม่เคยได้รับทราบคำเตือนจากเจ้าหน้าที่ทางการไทย เกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ซีเอ็นเอ็น ยังไม่สามารถยืนยันคำอ้างดังกล่าวของพรรคเดโมซิสโตได้

ขณะที่บีบีซี รายงานด้วยว่า เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โจชัว หว่อง ได้ถูกกักตัวขณะเดินทางเข้ามาเลเซียเช่นกัน ขณะไปมาเลเซียตามคำเชิญให้มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับประชาธิปไตยในจีน และเขาได้ถูกส่งตัวกลับฮ่องกงทันที โดยผู้สังเกตการณ์หลายคนมีความเห็นว่าโจชัว หว่อง จะถูกตม.ไทยส่งตัวกลับฮ่องกงเช่นกัน

ทั้งนี้ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิติคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหนึ่งในผู้จัดการ ได้เชิญโจชัว หว่อง มาร่วมอภิปรายที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปีของเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 ในหัวข้อ ‘การเมืองของคนรุ่นใหม่’ โดยก่อนหน้านี้ นายเนติวิทย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า เขามารอรับโจชัว หว่อง ที่สนามบินตามที่กำหนดไว้ แต่รู้สึกแปลกใจมาก เพราะรอจนกระทั่ง 01.00 น. ประมาณ 2 ชั่วโมง โจชัว หว่อง ก็ยังไม่มาถึง จึงสอบถามไปที่สายการบินเอมิเรตส์ จึงทราบจากพนักงานว่า โจชัว หว่อง ถูกกักตัวและไม่ทราบรายละเอียดเพิ่มเติม

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ศาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกงได้ตัดสินให้ โจชัว หว่อง รับโทษบำเพ็ญประโยชน์ แทนโทษจำคุก 2 ปี จากความผิดฐานปล่อยให้ผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยปีนรั้วเข้าไปในเขตสำนักงานรัฐบาลในระหว่างมีการประท้วงต่อต้านจีน เมื่อก.ย.2557.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง.

ตม.ไทยส่ง ‘โจชัว หว่อง’ นักเคลื่อนไหวปชต.ฮ่องกง จ่อส่งกลับประเทศ

 

ขอให้มีปาฏิหาริย์! นร.หญิงไทยโดนรถชนที่สิงคโปร์ อาการดีขึ้น พ้นโคม่า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 4 ต.ค. 2559 19:14

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/743451

 

(เครดิตภาพโดย Mrs.Yeen Fuangfoo)

ช่วยกันภาวนา…นักเรียนหญิงไทย วัย 16 โดนรถชนที่สิงคโปร์ อาการดีขึ้น พ้นโคม่า สามารถย้ายออกจากห้องไอซียูได้แล้ว หลังกลายเป็น ‘เจ้าหญิงนิทรา’ ผ่าตัดสมองถึง 2 ครั้ง พ่อเผยลูกสาวสามารถขยับมือและขาได้เล็กน้อยแล้ว

เมื่อวันที่ 4 ต.ค.59 สื่อต่างประเทศรายงานความคืบหน้าอาการของนางสาวอรุณลักษณ์ เจตนาธรรมจิต นักเรียนหญิงชาวไทยวัย 16 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง โดนรถชนในสิงคโปร์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 18 ก.ย. จนกลายเป็น ‘เจ้าหญิงนิทรา’ ไม่มีอาการตอบสนองใดๆ หลังได้รับการผ่าตัดสมองแล้วถึง 2 ครั้ง ที่โรงพยาบาล KK Women’s and Children’s ในสิงคโปร์ ท่ามกลางความเป็นห่วงกังวลของพ่อแม่ที่คอยเฝ้าและภาวนาขอให้ลูกคนเดียวของครอบครัวฟื้นขึ้นมานั้น

เว็บไซต์ asiaone รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค. นางสาวอรุณลักษณ์ ซึ่งกำลังเรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.2 โรงเรียน ซาน ยู แอดเวนติสต์ ในสิงคโปร์ มีอาการไปในทางที่ดีขึ้น และพ้นจากภาวะวิกฤติแล้ว หลังจากได้รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูนานถึง 10 วัน ก่อนจะถูกย้ายออกมาที่หออภิบาลผู้ป่วย โดยจากการเปิดเผยของนายสรายุทธ เจตนาธรรมจิต ผู้เป็นพ่อ ต่อผู้สื่อข่าวในสิงคโปร์ ผ่านทางล่ามบอกว่า ขณะนี้ นางสาวอรุณลักษณ์สามารถขยับมือและขาได้เล็กน้อยแล้ว และสามารถไอได้ โดยคณะแพทย์ที่ให้การรักษาบอกกับเขาว่า ถือเป็น ‘สัญญาณที่ดี’

ข่าวแจ้งด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนของสิงคโปร์ กำลังเร่งสืบหาว่าใครคือคนขับรถยนต์ชนนางสาวอรุณลักษณ์ โดยพ่อแม่ของเธอ ซึ่งทำธุรกิจเล็กๆ ค้ายางพาราในจังหวัดตรัง ได้มาเฝ้าดูแลลูกสาวทุกวัน นับตั้งแต่วันที่นางสาวอรุณลักษณ์ ประสบอุบัติเหตุโดนรถชนขณะกำลังเดินข้ามถนน เพื่อไปทำกิจกรรมที่โรงเรียน

เว็บไซต์ asiaone รายงานด้วยว่า หลังจากมีการรายงานข่าวนักเรียนหญิงไทยโดนรถชนในสิงคโปร์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นข่าวใหญ่ในสิงคโปร์แล้ว ปรากฏว่า มีชาวสิงคโปร์บางคนได้ชักชวนให้พ่อและแม่ของนางสาวอรุณลักษณ์มาพักที่บ้านของพวกเขา ทว่านางจิรณี ผู้เป็นแม่ วัย 45 ปี บอกว่า เธอเป็นห่วงอาการของลูกและอยากจะอยู่เฝ้าลูกอยู่ข้างเตียงคนไข้ทั้งวันมากกว่า

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง

ช็อก! น.ร.หญิงไทย โดนรถชนในสิงคโปร์ โคม่า กลายเป็น‘เจ้าหญิงนิทรา’

 

สื่อนอกทึ่งไอเดีย! สนามฟุตบอลหลากรูปทรงใจกลางกรุงเทพฯ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 4 ต.ค. 2559 00:40

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/742536

 

(ภาพจาก: ทวิตเตอร์ Dr.Caligari @Dr_Caligari)

สื่อต่างประเทศรายงานข่าว บริษัทก่อสร้างอาคารในไทยมีความคิดที่แปลกแหวกแนว โดยสร้างสนามฟุตบอลที่ไม่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามแบบสากล ในกรุงเทพมหานคร เน้นย้ำเรื่องการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัทก่อสร้างอาคารไทยได้ทำการก่อสร้างสนามฟุตบอลที่แปลกแหวกแนวคือ ไม่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามมาตรฐานสนามฟุตบอล ในบริเวณย่านที่ยากจนและหนาแน่นของกรุงเทพมหานครจำนวน 4 สนาม ความประหลาดของสนามฟุตบอลดังกล่าวคือ จะออกแบบก่อสร้างตามพื้นที่ที่มีอยู่โดยไม่เป็นไปตามกฎกติกาของสนาม แต่คำนึงถึงการเล่นเป็นสำคัญ


(ภาพจาก: ทวิตเตอร์ Dr.Caligari @Dr_Caligari)

ปกติแล้ว การแข่งขันฟุตบอลจะต้องมีผู้เล่นสองข้าง ลูกฟุตบอล และสนามที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า จึงจะเริ่มการแข่งขันฟุตบอลได้ ยกเว้นในประเทศไทย ผู้สื่อข่าวเอพีรายงานว่า มีบริษัทก่อสร้างของไทยที่ได้ทำการก่อสร้างสนามฟุตบอลในรูปทรงที่แตกต่างออกไปจำนวน 4 สนามที่บริเวณคลองเตย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่นมาก

อาจจะมีสนามฟุตบอลที่แปลกประหลาดกระจายอยู่ทั่วไปในโลก แต่เป็นครั้งแรกที่พบว่ามีจำนวนถึง 4 สนามในเมืองเดียว พื้นสนามเป็นวัสดุซินเทติกที่มีสีอิฐและมีการตีเส้นด้วยสีเทาบนพื้น


(ภาพจาก: ทวิตเตอร์ Dr.Caligari @Dr_Caligari)

สำนักงาน CJ Worx ที่รับผิดชอบโครงการกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “เป้าหมายของที่นี่คือ การกระตุ้นให้คนที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ช่วยกันพัฒนาพื้นที่ว่างที่มีรูปผิดปกติให้เกิดประโยชน์ สนามฟุตบอลที่ไม่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเหมือนสนามฟุตบอลทั่วไปเป็นการแสดงให้เห็นว่า เราสามารถสร้างสรรค์พื้นที่ใหม่ให้กับทุกคนตามการปรับสภาพของเงื่อนไขที่จำกัด”


(ภาพจาก: ทวิตเตอร์ Dr.Caligari @Dr_Caligari)
 

สถานทูตไทยในสวีเดน จับมือการบินไทย-ททท. จัดกิจกรรมปั่นจักรยานรอบโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 27 ก.ย. 2559 19:35

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/736297

 

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ร่วมกับ บ.การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ ททท. สนับสนุนกิจกรรมปั่นจักรยานรอบโลก โครงการ “Happy World Tour for Happy Child Foundation” ระดมทุนช่วยเหลือมูลนิธิเด็กไทย-สวีเดน Barnhem Muang Mai

เมื่อเวลา เวลา 09.30 น. ของวันที่ 27 ก.ย. ณ สำนักงานใหญ่ บริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน) นางเพชรพริ้ง สารสิน ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร เป็นประธานในพิธีปล่อยตัวทีมนักปั่นจักรยานชาวสวีเดน Mr.Calle Wollgard Ms.Eva Eriksson และ Ms.Lovisa Hakansson พร้อมด้วยทีมนักปั่นจากชมรมจักรยานพนักงานการบินไทย จำนวน 50 คน ในกิจกรรม “ปั่นจักรยานชมเกาะรัตนโกสินทร์” เพื่อเป็นการเปิดตัว และประชาสัมพันธ์โครงการ “Happy World Tour for Happy Child Foundation”


นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ เอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม มาส่งทีม Happy World Tour ที่สนามบิน Arlanda

นางเพชรพริ้ง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวไทยรัฐว่า การบินไทยยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่มีส่วนร่วมในการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-สวีเดน ซึ่งในครั้งนี้นอกจากสนับสนุนตั๋วเครื่องบินไปกลับ สวีเดน-กรุงเทพฯ 3 ใบแล้ว ยังได้นำชมรมจักรยานการบินไทย ซึ่งมีพนักงานจิตอาสาจากฝ่ายต่างๆ ร่วมปั่นไปส่งที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ด่านปาดังเบซาร์ อีกด้วย

ด้าน Mr.Calle Wollgard ผู้ก่อตั้งโครงการ The Happy World Tour เพื่อระดมทุนช่วยเหลือมูลนิธิ Happy Child Foundation ซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่มชาวสวีเดนที่สูญเสียครอบครัวจากเหตุสึนามิ จ.ภูเก็ต กล่าวกับผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ถึงจุดเริ่มต้นของโครงการว่ามาจากการที่เขาได้มาเป็นอาสาสมัครที่ มูลนิธิเด็กไทย-สวีเดน หรือรู้จักกันในชื่อ Barnhem Muang Mai ในปี 2551 รู้สึกประทับใจในความเสียสละของทีมงาน จึงอยากระดมทุนช่วยเหลือ ซึ่งสองครั้งที่ผ่านมาเป็นการทำด้วยทุนส่วนตัว แต่ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุน ตั๋วเครื่องบิน และที่พักจาก การบินไทย และ ททท. อีกทั้งได้รับความร่วมมือจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม จึงคาดว่าจะระดมทุนได้ไม่น้อยกว่า 100,000 เหรียญสหรัฐ


นางเพชรพริ้ง สารสิน ประธานในพิธี ให้สัญญาณออกเดินทางจากจุดปล่อยตัว

เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นางสาวญาณินี สายศรีโกศล กรรมการและเลขานุการมูลนิธิเด็กไทย-สวีเดน ซึ่งได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มูลนิธิเริ่มต้นจากการดูแลเด็กกำพร้าจากเหตุการณ์สึนามิ และปัจจุบันยังได้ขยายความช่วยเหลือไปยังเด็กด้อยโอกาสอื่นๆ เช่น เด็กที่พ่อแม่โดนตัดสินจำคุก และเด็กที่พ่อแม่ติดเชื้อ HIV เป็นต้น ขณะนี้ มูลนิธิมีเด็กในความดูแลอยู่ จำนวน 34 คน ซึ่งทุกคนได้รับโอกาสในการศึกษา และการอบรมเลี้ยงดูเป็นอย่างดี


เริ่มออกสตาร์ทปั่นจักรยานชมเกาะรัตนโกสินทร์ ก่อนไปเริ่มปั่นรอบโลกที่ภูเก็ต

สำหรับเส้นทางการปั่นจักรยานรอบโลกในครั้งนี้ จะเริ่มต้นเวลา 13.00 น. ในวันที่ 1 ตุลาคม 2559 จากมูลนิธิเด็กไทย-สวีเดน ที่ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอถลาง ออกไปทางด่านปาดังเบซาร์ ประเทศมาเลเซีย ลงไปทางสิงคโปร์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เดินทางต่อไปยังสหรัฐอเมริกา ข้ามมายังทวีปยุโรป และเข้าสู่ทวีปเอเชียทางประเทศตุรกี ผ่านตะวันออกกลาง จีน ลาว ลงมาทางเมียนมา และกลับเข้าสู่ประเทศไทย ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และจะปั่นจนมาจบที่จุดเริ่มต้นคือ มูลนิธิเด็กไทย-สวีเดน ที่จังหวัดภูเก็ต คาดว่าจะใช้เวลาปั่นรอบโลกทั้งสิ้น 14 เดือน

ทั้งนี้ ผู้สนใจร่วมสบทบทุน สามารถทำได้โดยโอนเงินไปที่ บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาถลาง ชื่อบัญชี Barnhem Thai-Swedish Foundation หมายเลขบัญชี 573-0-22686-6