สื่อนอกตีข่าว ไทยเจอบึม 11 จุด 5 จังหวัด-เชื่อไม่เกี่ยวลงประชามติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 ส.ค. 2559 23:45

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/688952

 

เจ้าหน้าที่กั้นที่เกิดเหตุใน อ.หัวหิน

สื่อต่างประเทศยังคงเกาะติดสถานการณ์ความไม่สงบของประเทศไทย หลังจากระเบิดหลายระลอกใน 5 จังหวัดเมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่า เหตุระเบิดครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผลการลงประชามติ…

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ประเทศไทยต้องเผชิญเหตุระเบิดถึง 11 ลูกใน 5 จังหวัดภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 วัน ระหว่างคืนวันพฤหัสบดีถึงวันศุกร์ โดยเหตุระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 34 คน ขณะที่ไม่มีใครหรือกลุ่มใดออกมาอ้างตัวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีที่เกิดขึ้น


หน่วยฉุกเฉินเข้าไปรับตัวผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่หัวหินเมื่อคืนวันพฤหัสบดี

ซีเอ็นเอ็นยังอ้างคำพูดของตำรวจไทยว่า ไม่มีหลักฐานว่าเหตุโจมตีครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายระหว่างประเทศ “เหตุการณ์เหล่านี้แตกต่างจากพฤติกรรมก่อการร้ายปกติ แต่เป็นการก่อวินาศกรรมเฉพาะจุดมากกว่า” พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์

ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 15:00 น. วันพฤหัสบดีตามเวลาไทย เกิดระเบิดลูกแรกขึ้นที่จ.ตรัง ทำให้มีชายคนหนึ่งเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 6 คน ต่อมาในเวลาประมาณ 22:15 น. วันเดียวกัน เกิดระเบิดขึ้นที่ อ.หัวหิน สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใกล้กับบาร์ชื่อ ‘จอห์นนีส์ 56’ (Johnny’s 56) และเกิดระเบิดอีกลูกในเวลา 23:00 น. หน้า ‘เรน ทรี สปา’ (Rain Tree Spa) ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากระเบิดลูก่อนหน้านี้


ตำรวจกั้นที่เกิดเหตุระเบิดและวางเพลิงที่ตลาดนัดบางเนียง จ.พังงา

พ.ต.ท.เสมอ อยู่สำราญ รอง ผกก.ป.สภ.หัวหิน เปิดเผยว่า ระเบิดถูกซุกซ่อนในกระถางต้นไม้ใกล้เป้าหมาย เหตุการณ์นี้ยังทำให้หญิงคนหนึ่งซึ่งเปิดแผงขายอาหารใกล้จุดระเบิดเสียชีวิต ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 21 คน ซึ่งบางส่วนเป็นพลเรือนชาวอิตาลี, เยอรมัน, เนเธอร์แลนด์ และออสเตรีย

ต่อมาในวันศุกร์ เกิดระเบิดอย่างน้อย 8 ลูกใน 5 จังหวัดของไทย โดยระเบิดอีกลูกที่หัวหิน ตามด้วยระเบิดที่ จ.สุราษฎร์ธานี, ตรัง, พังงา และที่เกาะภูเก็ต ซึ่งตามการเปิดเผยของสำนักงานตำรวจไทย ระเบิด 2 ลูกใน จ.ภูเก็ตเกิดขึ้นในเวลา 07:45 น. และ 08:45 น. ตามเวลาไทย ใกล้กับหาดป่าตอง และถนนบางลา ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน

ส่วนที่สุราษฎร์ธานี เกิดระเบิด 2 ลูกในเวลา 08:01 น. และ 08:30 น. ห่างกันประมาณ 200 ม. โดยระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าหน้าที่เทศบาลหญิงเสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3-4 คน ต่อมาในเวลาประมาณ 09:00 น. เกิดระเบิดอีก 2 ลูกที่ตลาดนัดบางเนียง จ.พังงา แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ในเวลาเดียวกันที่ อ.หัวหิน ระเบิดที่ซุกซ่อนในกระถางต้นไม้อีก 2 จุด ระเบิดในเวลา 09:00 น. และ 09:05 น. ใกล้กับหอนาฬิกาหัวหิน


เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังเกิดระเบิดในจ.สุราษฎร์ธานี

เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปี เหตุระเบิดที่หน้าศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ กรุงเทพมหานคร เมื่อ 17 ส.ค. ปีก่อน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 ราย และเพียง 5 วันหลังจากชาวไทยลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ยืนยันว่า เหตุระเบิดครั้งล่าสุดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่หน้าศาลพระพรหม

ขณะที่นายพอล ควาเกลีย ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในไทย และอดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ของสหรัฐฯ ผู้มีประสบการถึง 20 ปี ระบุว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นไม่น่าเกี่ยวข้องกับการทำประชามติเมื่อ 7 ส.ค. เนื่องจากเป็นเรื่องยากที่จะวางแผนและลงมือโจมตีประสานงานกันเช่นนี้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ

 

หลายชาติ เตือน พลเมือง เที่ยวไทย เลี่ยงพื้นที่เสี่ยง-ตามข่าวสารใกล้ชิด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 ส.ค. 2559 14:55

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/688713

 

จากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ รัฐบาลหลายชาติ ออกประกาศเตือนพลเมืองของตน เข้มความปลอดภัย เลี่ยงเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง และสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่น พร้อมทั้งติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ด้าน รมว.กต. สั่งจนท.เกี่ยวข้องเยียวยานักท่องเที่ยวเต็มที่…

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 59 รัฐบาลหลายชาติ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย อังกฤษ นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น ออกคำประกาศเตือนให้พลเมืองสัญชาติตนที่ท่องเที่ยวหรือพำนักอยู่ในประเทศไทยระมัดระวังตัวเรื่องความปลอดภัยในระดับสูงและให้หลีกเลี่ยงพื้นที่จังหวัดทางตอนใต้ของไทย หลังเกิดเหตุระเบิดโจมตีขึ้นหลายจุดตั้งแต่คืนวันที่ 11 และ 12 สิงหาคม เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย โดยเว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ให้ข้อมูลถึงเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นหลายจุดในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมร้องขอให้ชาวอเมริกันที่เดินทางมาหรือพำนักอยู่ในไทยระมัดระวังตัวและหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

ขณะที่ เว็บไซต์ของรัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศเตือนความเสี่ยงภัยระดับสูงในพื้นที่จังหวัดใต้สุดของไทย ได้แก่ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี และ สงขลา โดยให้พลเมืองชาวนิวซีแลนด์ระมัดระวังตัว เนื่องจากเกิดเหตุอาชญากรรมและการก่อความรุนแรงที่มีแรงจูงใจทางการเมืองเกิดขึ้น จึงขอให้แนะนำให้นักท่องเที่ยวทุกคนและผู้ที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไป ให้หลีกเลี่ยงพื้นที่เหล่านี้ นอกจากนี้ รัฐบาลนิวซีแลนด์เตือนด้วยว่ามีความเสี่ยงภัยสูงตามแนวพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า พร้อมเตือนให้นักท่องเที่ยวและผู้ไม่มีความจำเป็น หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวด้วย

ส่วนเว็บไซต์ของกระทรวงกิจการต่างประเทศและการค้าออสเตรเลียเตือนว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของไทยที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ จึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและสถานที่ที่มีฝูงชนหนาแน่น รวมถึงให้ติดตามข่าวสารจากสื่อท้องถิ่นและคำแนะนำของทางการไทยอย่างใกล้ชิด และว่าระดับการเตือนภัยของรัฐบาลออสเตรเลียที่ให้พลเมืองชาวออสเตรเลียที่อยู่ในไทยให้ระมัดระวังตัวอย่างสูงนั้นยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยการเตือนภัยระดับสูงนี้ให้ใช้ในบางพื้นที่ของไทย

ด้าน รัฐบาลแคนาดาประกาศเตือนให้ชาวแคนาดาระมัดระวังตัวในเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในไทยยังคงตึงเครียดและยังคงมีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และพื้นที่อื่นๆ อยู่เป็นระยะ อย่างไรก็ดี ในส่วนของพื้นที่จังหวัดทางตอนใต้ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี สงขลา และยะลา รัฐบาลแคนาดาประกาศเตือนให้พลเมืองของตนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่นี้ทั้งหมด โดยชี้ว่าพื้นที่เหล่านี้ยังคงเกิดเหตุรุนแรงที่มีแรงจูงใจทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศเบลเยียมออกประกาศเตือนว่า ตามที่ได้เกิดเหตุระเบิดในหลายพื้นที่ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 11 และ 12 สิงหาคม ขอแนะนำให้คนเบลเยียมที่อยู่ในประเทศไทยขณะนี้ เพิ่มความระมัดระวังอย่างสูงสุดและติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์จากหน่วยงานท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด อีกทั้งขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยราชการไทยอย่างเคร่งครัดขอให้คนเบลเยียม ที่พักอยู่ใกล้กับบริเวณที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงติดต่อกับคนใกล้ชิดเพื่อแจ้งให้ทราบถึงความเป็นไปของตนเอง

ดอน หวังเหตุบึมใต้ไม่ใช่ก่อการร้าย ยันเยียวยานทท.ต่างชาติเต็มที่

ขณะที่ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กล่าวถึงเหตุระเบิดหลายจุดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ยังไม่มีข่าว แต่เรารับทราบเหตุการณ์แล้ว หากมีความคืบหน้าจะชี้แจงผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

เมื่อถามว่า จากนี้ต้องทำความเข้าใจสถานการณ์ในบ้านเราเพื่อให้ความเข้าใจกับต่างประเทศหรือไม่ นายดอน กล่าวว่า แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง ซึ่งเราต้องรับทราบถึงสถานการณ์โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบก่อนแล้วค่อยว่ากัน ส่วน กต. ติดตามข่าวอยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็ขอให้ประชาชนทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตากันด้วยจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องหาทางเยียวยากันต่อไปและหาทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก

“ส่วนการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการอยู่แล้ว ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการชี้แจงกับต่างประเทศแต่อย่างใด ซึ่งรมว.ท่องเที่ยวฯ ต้องดูแลเป็นพิเศษอยู่แล้ว กต.ก็หวังว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้น และไม่สร้างความแตกตื่น ด้านสถานทูตต่างๆ ที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บยังไม่มีการประสานเข้ามา” นายดอนกล่าว

นายดอน กล่าวอีกว่า “หวังว่าจะไม่เป็นอะไรเลยที่จะมีปัญหาตามมา เอาเป็นว่าวางใจในเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่คอยดูแลเรื่องอย่างใกล้ชิด ซึ่งเรื่องนี้ยอมรับว่าเหนือความคาดหมายที่มาเกิดเหตุในบริเวณดังกล่าว ขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลไม่ใช่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ดูแลเท่านั้น”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รวมเหตุความไม่สงบ! ‘ระเบิด-เพลิงไหม้’ ใต้ตอนบน

 

สื่อนอกตีข่าว บึม 2 จุดที่หัวหิน ชี้ซุกระเบิดในกระถาง ดับ 1

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 ส.ค. 2559 05:50

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/688376

 

สื่อต่างประเทศรายงานข่าวเหตุระเบิด 2 จุดที่ อ.หัวหิน เมื่อคืนวันพฤหัสบดี โดยระบุว่าระเบิดถูกซ่อนในกระถางต้นไม้ และทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีกจำนวนมาก…

สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก รายงานข่าวเหตุระเบิด 2 จุดที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของไทย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิง 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 19 คน โดยเป็นชาวต่างชาติ 5 คน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยสัญชาติของคนเหล่านี้

ตามรายงานของสำนักข่าว บีบีซี อ้างการเปิดเผย ระเบิดทั้งสองลูกถูกซุกซ่อนอยู่ในกระถางต้นไม้ และอยู่ห่างกันราว 50 ม. ถูกจุดโดยโทรศัพท์มือถือในระยะเวลาห่างกันประมาณครึ่งชั่วโมง ขณะที่สื่อท้องถิ่นของไทยระบุว่า หญิงที่เสียชีวิต เป็นแม่ค้าซึ่งกำลังเปิดแผงขายอาหารใกล้จุดที่เกิดระเบิด

ด้านนายมาร์ค เกนส์ฟอร์ด ชาวสหราชอาณาจักร บอกกับบีบีซีว่า เขาอยู่ที่บาร์แห่งหนึ่งใกล้จุดที่เกิดระเบิด “ผมได้ยินเสียงผู้คนตะโกนว่า ‘ระเบิด! ระเบิด!’ แต่ผมไม่ได้ยินเสียงระเบิด ผมจึงวิ่งออกไปเพื่อดูว่าผมจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง ผมเห็นผู้บาดเจ็บ 8-10 คนนอนอยู่บนพื้น ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุไวมากๆ”

ขณะที่นายเอ็ดวิน วีค ผู้อาศัยในประเทศไทยมานานเกือบ 30 ปี บอกกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า ระเบิดลูกหนึ่งเกิดขึ้นใกล้ ‘ลอนดอน บาร์’ ไม่ห่างจากหาดหัวหิน เขายังทวีตรูปภาพกระถางต้นไม้ที่แตกเสียหายเพราะแรงระเบิด ลงบนเว็บไซต์ทวิตเตอร์ด้วย

 

เทิดไท้ ‘พระราชินี’ 84 พรรษา นานาชาติทูลเกล้าฯถวาย รางวัลเชิดชู-สดุดี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 ส.ค. 2559 05:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/687852

 

“ขอเดชะ องค์สมเด็จพระราชินี คู่บุญบารมี จักรีเกริกฟ้า….” เสียงเพลง ‘สดุดีมหาราชา’ ร้องโดยเด็กๆ นักเรียนโรงเรียนวัดโมลีดังกึกก้อง ในช่วงเช้าของวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากวันรุ่งขึ้น 12 สิงหาคม 2559 เป็นวันที่ปวงชนชาวไทยทุกคนจดจำได้เป็นอย่างดีว่า เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และปีนี้ยังเป็นปีมหามงคล เนื่องในโอกาสที่พระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา อีกด้วย

นับเป็นบุญของพสกนิกรชาวไทย ที่ตลอดระยะเวลาแห่งการดำรงพระอิสริยยศ ‘พระราชินี’ จนถึง ‘สมเด็จพระบรมราชินีนาถ’ นั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่อาณาประชาราษฎร์ ทั้งในฐานะ ‘คู่บุญคู่พระราชหฤทัย’ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ผู้เป็นที่พึ่งของปวงชนชาวไทย

แม้จะตรากตรำพระวรกายเพียงใด สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ อย่างมิทรงเห็นแก่ความเหนื่อยยาก โดยพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนิน ติดตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปเยี่ยมราษฎรในชนบททั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ขณะที่การคมนาคมในสมัยนั้น ยังไม่สะดวกสบายเหมือนในปัจจุบัน

ด้วยความวิริยอุตสาหะปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างมิทรงย่อท้อ เนื่องจากทรงมีพระราชประสงค์ให้พสกนิกรชาวไทยทุกคนได้อยู่ดีกินดี นอกจากจะทำให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นที่เคารพรักเทิดทูนของปวงชนชาวไทยอย่างยิ่งแล้ว ยังทำให้รัฐบาลและองค์การเอกชนต่างประเทศ ได้ทูลเกล้าฯ ถวาย รางวัลเชิดชูและสดุดีเฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมถึง 13 รางวัล


*FAO ทูลเกล้าฯ ถวาย ‘เหรียญเซเรส’ ในฐานะสตรีดีเด่น

• วันที่ 11 พฤษภาคม 2522 องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ทูลเกล้าฯ ถวาย ‘เหรียญเซเรส’ ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นสตรีดีเด่น ทรงอุทิศพระองค์พัฒนาสตรีและประชาชนในชนบท และทรงสนับสนุนพระราโชบายในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเกษตรและที่ดินทำกิน

* ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวาย ‘รางวัลเกียรติคุณ’ ทรงช่วยเหลือผู้ยากไร้ในชนบท-เด็กด้อยโอกาส

• วันที่ 9 พฤศจิกายน 2524 สหพันธ์พิทักษ์เด็ก นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ทูลเกล้าฯ ถวาย ‘รางวัลเกียรติคุณ’ในวาระฉลองครบรอบ 50 ปี ขององค์การ ในพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงช่วยเหลือผู้ยากไร้ในชนบทผู้ลี้ภัยและเด็กพิการ

12 พฤศจิกายน 2524 เลขาธิการองค์การสหประชาชาติทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญ ‘The First Thai Proof Coins In Series Commemorating The International Year of The Child-IYC

• 19 มิถุนายน 2524 โครงการจัดการทำเหรียญที่ระลึก ปีเด็กสากล ขององค์การยูนิเซฟทูลเกล้าฯถวาย “เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกปีเด็กสากล


* ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลเกียรติคุณ ในหลายสาขา

• 14 มีนาคม 2528 สมาคมเอเชียทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล “ด้านมนุษยธรรม” เป็นรางวัลแรกของสมาคมนับแต่ก่อตั้งมา ด้วยพระราชกรณียกิจทรงยกฐานะสตรีให้สูงขึ้นทางการศึกษา เศรษฐกิจ และศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาติ

• 19 พฤศจิกายน 2529 World Wildlife Fund ทูลเกล้าฯ ถวายประกาศนียบัตร เทิดพระเกียรติ นักอนุรักษ์ดีเด่นด้านการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่า

• 1 พฤษภาคม 2531 ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งกรุงลอนดอนทูลเกล้าฯ ถวาย สมาชิกภาพกิตติมศักดิ์ ของราชวิทยาลัย ด้วยทรงประกอบพระราชภารกิจนานาประการ ยังให้เกิดผลดีทางการแพทย์และสาธารณสุข

• 29 มีนาคม 2533 ศูนย์ศึกษาการอพยพ (CMS) ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยประจำปี ทั้งนี้ด้วยทรงส่งเสริมด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ลี้ภัยนับล้านคน ที่หลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2518


• 1 พฤศจิกายน 2534 กลุ่มผู้สนับสนุนพิพิธภัณฑ์เด็กแห่งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทูลเกล้าฯ ถวาย รางวัลมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ประจำปี 2534 เป็นรางวัลที่ชาวต่างประเทศได้รับเป็นครั้งแรกของรางวัลนี้

*ยูเนสโก ทูลเกล้าฯ ถวาย เหรียญทอง โบโรพุทโธ และเหรียญที่ไม่เคยมอบให้แก่บุคคลใดมาก่อน

• 30 มกราคม 2535 องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ทูลเกล้าฯ ถวาย เหรียญทองโบโรพุทโธ เนื่องในพิธีเปิดงาน “มรดกสิ่งทอเอเชียหัตถกรรมและอุตสาหกรรม” ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

• 2 สิงหาคม 2534 องค์การระหว่างประเทศ 2 องค์กร ได้แก่ องค์การกองทุนเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNIFEM) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งประเทศไทย จัดงานเฉลิมพระเกียรติ ชื่อ “งานนานาชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชินีนาถ” องค์การระหว่างประเทศทั้ง 2 องค์การ ได้ทูลเกล้าฯ ถวาย รางวัลสดุดีดังต่อไปนี้


• องค์การยูนิเชฟ ทูลเกล้าฯ ถวาย ‘เหรียญ UNICEF Special Recognition Award’ ซึ่งเป็นเหรียญที่เคยมอบให้แก่ กาชาดสากล ไม่เคยมอบให้แก่บุคคลใด และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นพระองค์แรกที่ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญนี้

• องค์การยูนิเฟม ทูลเกล้าฯ ถวาย ‘UNIFEM Award of Excellence’ เป็นรางวัลดีเด่นที่พระองค์ทรงมุ่งมั่นสนับสนุนบทบาทสตรีไทยในการพัฒนาประเทศ


• 14 พฤษภาคม 2536 ครั้งล่าสุด มหาวิทยาลัยจอร์ทาวน์ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ทูลเกล้าฯ ถวาย ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขามนุษยศาสตร์

• 26 พฤษภาคม 2536 เวลาใกล้เคียงกัน มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา เช่นกัน ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล ‘สตรีแห่งปี 1993’ ในฐานะที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวมเสมอมา


จากรางวัลหลากหลายสาขา ที่รัฐบาลและองค์การต่างประเทศ ได้ทูลเกล้าฯถวาย เชิดชูและสดุดีพระเกียรติคุณ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นับเป็นความปลาบปลื้มปีติยินดีของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น ที่มีสมเด็จพระราชินี ผู้ทรงเป็น ‘แม่’ ของแผ่นดินและปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง.

(ขอบคุณข้อมูลจาก : นบพระมิ่งมาตา ราชินี ‘สิริกิติ์’ เนื่องในโอกาสวันมหามงคล สมเด็จพระนางเจ้า ‘สิริกิติ์’ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ 12 สิงหาคม 2535)

 

รบ.ญี่ปุ่นยินดีชาติแรก! ไทย ลงประชามติร่างรธน. ‘เรียบร้อย ไร้รุนแรง’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 ส.ค. 2559 11:45

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/687613

 

กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ในนามรัฐบาล ยินดีต่อการลงประชามติร่าง รธน.ของไทยเป็นไปอย่างเรียบร้อย ไร้เหตุรุนแรง ประกาศพร้อมสนับสนุนความพยายามของไทยในการฟื้นฟูประชาธิปไตย รวมถึงการออกมาตรการต่างๆ ที่จำเป็นเพื่อความสงบสุขปลอดภัยของประชาชน

จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งของไทยได้ออกมาประกาศผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ(รธน.)ฉบับใหม่อย่างเป็นทางการเมื่อ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้มีสิทธิออกเสียงเห็นชอบร่าง รธน.ร้อยละ 61.35 ไม่เห็นชอบ 38.65 นั้น ในเวลาต่อมา นายยาสึชิสะ คาวามูระ เลขานุการกองการสื่อต่างประเทศ ของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ได้ออกแถลงการณ์ในนามรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะว่า รัฐบาลญี่ปุ่นขอแสดงความยินดีต่อการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไทย เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมาเป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีเหตุวุ่นวายรุนแรงเกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทย

ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ของกองการสื่อต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ยังระบุว่า จากผลการลงประชามติของไทยที่กกต.ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ส.ค.นี้ รัฐบาลญี่ปุ่นคาดหวังว่ากระบวนการฟื้นฟูประชาธิปไตยของไทย รวมทั้งการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาจะดำเนินไปอย่างราบรื่น ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งได้รับการเห็นชอบจากการทำประชามติในครั้งนี้

นอกจากนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นยังหวังว่า ประเทศไทยจะยังคงเสริมสร้างเสถียรภาพและการพัฒนาในภูมิภาค ขณะที่ รัฐบาลญี่ปุ่นจะยังคงให้การสนับสนุนความพยายามของไทยในการฟื้นฟูประชาธิปไตย เช่นเดียวกับ การสนับสนุนในการออกมาตรการต่างๆที่จำเป็น เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยของประชาชนชาวญี่ปุ่นและการดำเนินธุรกิจของชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย.

 

ชาวไทยในญี่ปุ่น ปลื้มปีติร่วมถวายพระพร ‘สมเด็จพระราชินี’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 ส.ค. 2559 02:40

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/687166

 

ภาพจากสถานทูต

เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จัดงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยมีประชาชนคนไทยและข้าราชการประจำญี่ปุ่น ร่วมถวายพระพรกันจำนวนมาก พร้อมจัดแสดงภาพวาดดอกไม้ที่มีความเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระราชินี โดยศิลปินชาวไทย พร้อมเปิดประมูลภาพวาดดอกกุหลาบ “ควีนสิริกิติ์” นำรายได้สมทบทุนมูลนิธิสายใจไทยฯ


เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2559 เวลา 09.30 น. นายบรรสาน บุนนาค เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว เป็นประธานในพิธีถวายพระพรและถวายพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 โดยจัดพิธีทางศาสนาและเจริญจิตภาวนา มีพระสงฆ์จากวัดต่างๆ ในกรุงโตเกียว และจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมในพิธี ณ หอประชุม สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ในการนี้ภริยาเอกอัครราชทูตฯ ข้าราชการฝ่ายต่างๆ ประจำกรุงโตเกียว พร้อมคู่สมรส และชุมชนชาวไทยในญี่ปุ่น เข้าร่วมพิธีกว่า 100 คน ท่ามกลางความปลาบปลื้มยินดีของทุกคน ในโอกาสนี้สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้เปิดโอกาสให้ข้าราชการประเทศไทย และประชาชนชาวไทยในญี่ปุ่น ร่วมลงนามถวายพระพรเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถด้วย


ต่อจากนั้น เวลา 14.00 น. นายบรรสาน ได้เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการภาพวาดสีน้ำ ภายใต้ชื่อ “Flowers of Her Majesty Queen Sirikit” ที่ทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวันที่ 12 ส.ค. 2559 ภายในงานได้จัดแสดงรูปภาพดอกไม้ที่มีความเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจำนวน 16 รูป ซึ่งวาดโดยศิลปินชาวไทย นายอดิศร พรศิริกาญจน์ นักวาดภาพสีน้ำ และ floral painter ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และผลงานของนายอดิศรได้ถูกตีพิมพ์ใน magazine ต่างชาติแล้วเป็นจำนวนมาก รวมทั้งนิตยสาร The Art of Watercolour ของฝรั่งเศสด้วย


สำหรับแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ มีทั้งตัวแทนระดับสูงของประเทศญี่ปุ่น อาทิ นายโนบุตาเกะ โอดาโนะ ราชเลขานุการในพระองค์ของมกุฎราชกุมารญี่ปุ่น อดีตเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย คณะทูตต่างชาติในญี่ปุ่น ตัวแทนจากภาครัฐบาลญี่ปุ่น และตัวแทนระดับสูงจากภาคเอกชนที่มีความผูกพันกับไทย เช่น ประธานธนาคาร Sumitomo Mitsui (SMBC) ประธานห้างสรรพสินค้า Isetan ประธานเครือบริษัท Kowa Group รวมทั้งสื่อมวลชนญี่ปุ่น


ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมชมนิทรรศการต่างรู้สึกซาบซึ้งถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนชาวไทย และชื่นชมความสามารถของศิลปินไทย ที่มีความละเอียดอ่อนโยน และสามารถถ่ายทอดความสวยงามของธรรมชาติผ่านภาพวาดสีน้ำได้อย่างมีเอกลักษณ์และโดดเด่น โดยผู้เข้าร่วมได้ร่วมประมูลภาพดอกกุหลาบ “ควีนสิริกิติ์” เพื่อนำรายได้ไปสมทบทุนมูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ด้วย การจัดนิทรรศการครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จ คนให้ความสนใจกันมาก ทางสถานทูตจะเปิดโอกาสให้เยาวชนและภาคส่วนต่างๆ ของญี่ปุ่นเข้าชม จนถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้



‘อภิสิทธิ์’ จ้อสื่อนอก ชี้คนไทยรับร่างรธน. สะท้อนคนเบื่อนักการเมือง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 ส.ค. 2559 05:55

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/686351

 

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยสัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ระบุว่า เหตุที่คนที่ลงประชามติสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญใหม่เป็นผลสะท้อนจากการเบื่อนักการเมือง และแย้มว่าตัวเขาอาจลงเลือกตั้งครั้งหน้า…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ซีเอ็นบีซี เมื่อวันจันทร์ว่า การที่คนไทยลงคะแนนสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ร่างโดยรัฐบาลทหาร ในการลงประชามติเมื่อ 7 ส.ค. สะท้อนให้เห็นปฏิกิริยาของโลกที่ต่อต้านระบบการเมือง ซึ่งสามารถเห็นได้ในสหราชอาณาจักร (ยูเค) และสหรัฐอเมริกา

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คนไทยลงประชามติรับร่าง รัฐธรรมนูญ (รธน.) อย่างท่วมท้น โดยจากจำนวนผู้มาใช้สิทธิลงประชามติประมาณ 55% ปรากฏว่า มีผู้เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถึง 61.45% ขณะที่ไม่เห็นชอบร่าง รธน.ฉบับใหม่อยู่ที่เพียง 38%

การลงประชามติดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการทดสอบความนิยมของรัฐบาลทหารครั้งแรกหลังจากกองทัพเข้ายึดอำนาจในปี 2014 และยังเป็นการปูทางสู่การเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตย ในช่วงปลายปี 2017 ด้วย

ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ ซึ่งรณรงค์โหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงประชามติครั้งนี้ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ซีเอ็นบีซี ว่า การสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญของรัฐบาลทหารของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงชาวไทย เป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์การหมดความสนใจในการเมืองแบบเดิมๆ

“ผมคิดว่าหลายๆ ประเทศกำลังเผชิญช่วงเวลาที่ไม่ปกติในแง่ของประชาธิปไตย” นายอภิสิทธิ์กล่าว “มีการแสดงปฏิกิริยาอย่างรุนแรงต่อต้านระบบการเมืองจากทั้งในสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ซึ่งเราได้เห็นไปแล้ว และเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นในไทยเช่นกัน” นายอภิสิทธิ์อ้างถึงการลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรปของยูเค และการสนับสนุนนักการเมืองสุดโต่งอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ ในสหรัฐฯ

“แต่ในไทย แน่นอนว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีการก่อความวุ่นวายบนท้องถนนและทหารต้องก้าวออกมาเพื่อคืนความสงบ ดังนั้นสำหรับผม จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ตอนนี้ความรู้สึกต่อต้านระบบการเมืองกำลังแสดงให้เห็นการสนับสนุนคนนอกเข้ามาดูแลบางแง่มุมในการเมืองของเรา”

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ผู้นี้ยังบอกเป็นนัยว่า เขาอาจลงเลือกตั้งครั้งต่อไป “ผมยังเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง และผมหวังจะวางนโยบายที่จะตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน”

“ผมคิดว่าประชาชนลงคะแนนเสียงเมื่อวานนี้ (วันอาทิตย์) ก็เพื่อก้าวสู่การเลือกตั้ง เพื่อความแน่นอน, เสถียรภาพ และความสงบในสังคม และเราต้องเคารพเรื่องนั้น แต่พรรคการเมืองตอนนี้ต้องปรับตัว และตอบสนองต่อเรื่องนั้น และในเวลาเดียวกันก็ต้องไม่หลงจากประเด็นปัญหาที่สำคัญต่อผู้โหวตจริงๆ ซึ่งรวมถึงเรื่องเศรษฐกิจ, ความยากจน, หนี้สิน, การหลีกเลี่ยงความขัดแย้งเหมือนในอดีต, การต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชัน และทำให้เกิดการปฏิรูปในเรื่องสำคัญ”

นายอภิสิทธิ์ ยังเผยมุมมองของเขาต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นของไทย ซึ่งธนาคารโลกคาดการณ์ตัวเลขเติบโตปี 2016 ไว้ที่ 2.5% ว่า “สิ่งที่ผมคิดว่าเราเห็นมาตลอดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือ เราจะแข็งแกร่งขึ้นได้เมื่อเราช่วยเหลือคนที่อ่อนแอที่สุด ซึ่งหมดถึงชาวไร่ชาวนาในชนบท, ผู้ที่ยังเป็นหนึ้สิน, เหล่าผูที่ต้องการโอกาสและเงินได้ มิเช่นนั้นจะไม่มีเศรษฐกิจภายในประเทศที่เข้มแข็งพอสำหรับทุกคน”

 

เยาวชนเวียดนามประทับใจร่วมฉลอง 40 ปี สัมพันธ์ทางการทูตไทย-เวียดนาม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 ส.ค. 2559 04:35

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/686067

 

สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม จัดโครงการนำเยาวชนเวียดนามจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ร่วมโครงการ มาฉลองครบรอบ 40 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เวียดนาม รับฟังข้อมูลความสัมพันธ์ระดับภาคประชาชน และทำกิจกรรมกับนักศึกษาไทยที่ศึกษาเกี่ยวกับประเทศเวียดนาม ต่างประทับใจซึ่งกันและกัน

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 59 นางอุรีรัชต์ รัตนพฤกษ์ กงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม กล่าวว่า สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ ได้จัดโครงการนำคณะเยาวชนเวียดนามเยือนประเทศไทย (Friendship Ambassador Programme 2016) ระหว่างวันที่ 1-6 ส.ค. 59 ที่ผ่านมา เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 40 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เวียดนาม โดยสถานกงสุลใหญ่ฯ ได้รับการสนับสนุนบัตรโดยสารเครื่องบินจากสายการบินไทยแอร์เอเชีย นำคณะเยาวชนเวียดนามซึ่งเป็นผู้แทนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในภาคกลางและภาคใต้ของเวียดนาม รวมทั้งผู้แทนของสหพันธ์องค์กรเยาวชนเวียดนามนครโฮจิมินห์ จำนวน 20 คน เดินทางเยือนไทยเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ฉันมิตร โดยเฉพาะในระดับประชาชนต่อประชาชน ระหว่างไทยกับเวียดนามที่มีมาอย่างช้านาน และเป็นรากฐานสำคัญของการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับเวียดนามตลอดระยะเวลา 40 ปี


เยาวชนเวียดนามพบปะคณะกรรมการสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม

ทำกิจกรรมรวมกับนักศึกษาไทย

สำหรับกิจกรรมตลอด 6 วันในประเทศไทย คณะเยาวชนเวียดนามได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะนายกสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม เพื่อรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระดับประชาชนของทั้งสองประเทศ เข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองเนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เวียดนามที่กระทรวงการต่างประเทศ และมีโอกาสเยี่ยมชมสถานที่สำคัญที่สะท้อนประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม อาทิ อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์และหมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม บ้านนาจอก จังหวัดนครพนม รวมทั้งอนุสรณ์สถานบ้านหนองโอน จังหวัดอุดรธานี ตลอดจนร่วมกันทำกิจกรรมกับนักศึกษาไทยที่ศึกษาเกี่ยวกับเวียดนามที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยภัฏอุดรธานี


เยี่ยมอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ จ.นครพนม

“กิจกรรมในครั้งนี้ เป็นส่วนช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชนต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะเป็นผู้ที่ดำเนินความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม ในอนาคตให้มีความแน่นแฟ้น ปูทางสู่โอกาสการพัฒนาความร่วมมือในมิติต่างๆ ต่อไป นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการต่างชื่นชอบและประทับใจมาก” นางอุรีรัชต์ กล่าว


เจ้าหน้าที่สายการบินไทยแอร์เอเชีย ดูแลการเดินทางอย่างดี
 

ปิดฉาก งานแสดงผ้าไหมไทยที่สิงคโปร์ ทองคำ พลอย ได้รับความนิยม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 9 ส.ค. 2559 21:03

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/686086

 

งานแสดงผ้าไหมไทย Royal Revival of Thai Silk Exhibition เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ สิงคโปร์ ช่วง 6-8 ส.ค.ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จด้วยดี ยอดขายสินค้ารวมกว่า 2 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายธงชัย ชาสวัสดิ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ สิงคโปร์ ว่า การจัดงานแสดงผ้าไหมไทย Royal Revival of Thai Silk Exhibition ประสบความสำเร็จด้วยดี มีผู้สนใจซื้อผ้าไหม และเครื่องประดับที่นำมาโชว์และจำหน่าย รวมเป็นเงินประมาณ 2 ล้านบาท โดยเฉพาะเครื่องประดับทองคำ จากร้านทองต้นมะขาม จำหน่ายได้มากที่สุด รองลงมาเป็นเครื่องประดับที่ทำจากพลอย และผ้าไหม จาก จ.กาฬสินธุ์


นายศุภวัฒน์ วัฒนธาดา ประธานกรรมการบริษัท ทามาจิวเวลลี่ จำกัด เจ้าของร้านทองต้นมะขาม ได้นำเครื่องประดับทองคำลายโบราณ มาร่วมแสดงและจำหน่าย กล่าวว่า สร้อยคอทองคำ เข็มขัดทองคำ เครื่องประดับทองคำที่เข้ากับ ชุดผ้าไหมไทย มาจัดแสดงได้รับความสนใจ มีผู้มาขอซื้อหลายชิ้น รวมมูลค่านับล้านบาท ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก


ด้าน น.ส.วิลาสินี จันทร์วุฒิวงศ์ นางสาวไทยประจำปี 2558 ที่มาร่วมเดินแบบชุดผ้าไหมไทย เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติ ที่ทางสถานทูตฯ เชิญคณะนางสาวไทยมาทำหน้าที่ทูตวัฒนธรรม ส่วนตัวแล้วชอบชุดที่ทำจากผ้าแพรวา ของ จ.กาฬสินธุ์ เนื่องจากมีความสวยงาม ส่วนการเดินแบบในครั้งนี้เป็นการโชว์ความสวยงามของผ้าไทยให้ชาวต่างชาติได้เห็น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนไทยจะหันมาสวมใส่ผ้าไทยกันมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการแสดงความกตัญญูต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีต่อเนื่องในโอกาสวันแม่ปีนี้

นอกจากนี้ คณะนางสาวไทยยังมี น.ส.พิมพ์ชนก จิตชู รองฯ อันดับ 1 และ น.ส.เสาวลักษม์ ไชยศิริธญญา รองฯอันดับ 2 ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน), สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย และสายการบินแอร์เอเชีย


ชาวไทยใน แอลเอ ขึ้นบิลบอร์ดเฉลิมพระเกียรติ ‘พระราชินี’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 9 ส.ค. 2559 19:11

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/686033

 



(ภาพ สถานกงสุล)

ชาวไทยในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมใจกันติดตั้งบิลบอร์ดเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ กลางไทยทาวน์ ถนนฮอลลีวูด เป็นเวลา 1 เดือน ชาวอเมริกันเห็นแล้วต่างชื่นชมในความจงรักภักดีของชาวไทย

ผู้สื่อข่าวไทยรัฐรายงานจากนครลอสแอนเลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค.59 เวลา 18.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นตรงกับประเทศไทยวันที่ 9 ส.ค. เวลา 07.00 น. นายธานี แสงรัตน์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส พร้อมด้วย ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ฯ ร่วมกับชุมชนไทยในนครลอสแอนเจลิสกว่า 100 คน ได้พร้อมใจกันแสดงความจงรักภักดีถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา โดยการติดตั้งป้ายบิลบอร์ดเฉลิมพระเกียรติบนถนนฮอลลีวูด ในกลางไทยทาวน์ นครลอสแอนเจลิส


สำหรับพิธีขึ้นป้ายบิลบอร์ดถวายพระพร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ใจกลางไทยทาวน์ นครลอสแอนเจลิสครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่สวมเสื้อสีฟ้า และพร้อมใจกันแปรอักษรถวายพระพรข้อความภาษาอังกฤษ “We Love Queen Sirikit” และ “Long Live Queen Sirikit” ตลอดจนการร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชาอย่างพร้อมเพรียงกัน สร้างความประทับใจแก่ชาวอเมริกันที่เห็นถึงความจงรักภักดีของชาวไทย

ทั้งนี้ บิลบอร์ดถวายพระพรดังกล่าว ชาวไทยในนครลอสแอนแจลิสได้ร่วมใจกันสละเงินจัดทำขึ้นและเสียค่าติดตั้งเป็นเวลา 1 เดือนตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2559 เป็นต้นไป โดยได้รับการสนับสนุนจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส โดยใช้ชื่อจัดทำในนาม “ชุมชนไทยในแคลิฟอร์เนียภาคใต้” ขนาดความกว้าง 24 ฟุต สูง 26 ฟุต พื้นสีฟ้า มีตราพระนามาภิไธยย่อ “สก” พร้อมพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยมีข้อความถวายพระพรภาษาไทย “ทรงพระเจริญ” และภาษาอังกฤษ “Long Live Her Majesty Queen Sirikit of Thailand”

นอกจากการติดตั้งบิลบอร์ดเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ใจกลางไทยทาวน์นครลอสแอนเจลิสแล้ว นายธานี แสงรัตน์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ยังเปิดให้ชาวไทยในสหรัฐอเมริกา ลงนามถวายพระพรที่สถานกงสุลใหญ่ตลอดเดือนสิงหาคมนี้ด้วย