13 คนไทยไม่รอดคุก! ศาลสิงคโปร์ตัดสิน ร่วมกันฉ้อโกง บ่อนกาสิโน 50ล้าน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 8 ส.ค. 2559 13:00

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/684681

 

13 ผู้ต้องหาคนไทย สร้าง‘ชื่อเสีย’ให้ประเทศ…โดนศาลแขวงสิงคโปร์ลงดาบตัดสินจำคุก ฐานร่วมกันฉ้อโกงเล่นไพ่บาคาร่า ที่สถานกาสิโนมารินา เบย์ แซนด์ เป็นเงินร่วม 50 ล้านบาท

เมื่อ 8 ส.ค. 59 เว็บไซต์ ‘สเตรทไทม์ส’ สื่อในสิงคโปร์ รายงานข่าวคนไทย 13 คน โดนศาลแขวงในสิงคโปร์ตัดสินจำคุก ฐานพบกระทำผิดในคดีร่วมกันฉ้อโกงเงินที่สถานกาสิโน มารินา เบย์ แซนด์ (Marina Bay Sand) หรือ MSB เมื่อวันที่ 6-7 พ.ค. 2556 เป็นเงินถึง 1.37 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 50 ล้านบาท จนถือเป็นการร่วมกันฉ้อโกงเงินครั้งใหญ่สุดที่สถานกาสิโนในสิงคโปร์

สเตรทไทม์ส เผยว่า ผู้ต้องหาชาวไทย 13 คนดังกล่าว ประกอบด้วย ชาย 9 คน และหญิง 4 คน มีอายุระหว่าง 24-53 ปี ถูกศาลแขวงสิงคโปร์ลงดาบตัดสินจำคุกเป็นเวลา เฉลี่ยตั้งแต่ 12.75-17.25 เดือน จากการกระทำผิดร่วมกันฉ้อโกง ในการเล่นไพ่บาคาร่า ที่สถานกาสิโนมารินา เบย์ แซนด์ และถูกจับกุมหลังจากทางสถานกาสิโนได้เกิดความสงสัย จึงทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด

ด้านผู้พิพากษาศาลแขวงสิงคโปร์ ได้ใช้เวลาในการดำเนินคดี 109 วัน และมีการสอบพยานในคดีนี้ จำนวนถึง 53 คน กว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนจะมีการพิจารณาตัดสินคดีเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยสื่อสิงคโปร์ยังรายงานด้วยว่า ผู้ต้องหาคนไทยทั้ง 13 คน พากันนิ่งเงียบหลังคำตัดสิน เมื่อถูกถามว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีหรือไม่.

 

สื่อนอกตีข่าว ร่างรธน.ไทยผ่านประชามติ ฉลุย! ชี้บททดสอบความนิยม‘บิ๊กตู่’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 8 ส.ค. 2559 11:19

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/684613

 

สื่อต่างชาติรายงานครึกโครม ร่าง รธน.ฉบับใหม่ของไทยได้รับการเห็นชอบท่วมท้น ได้คะแนนเสียงสนับสนุนเกือบ 62% ขณะที่ไม่เห็นชอบ 38% ชี้เป็นบททดสอบความนิยมของคนไทยที่มีต่อรัฐบาลนายกฯ ประยุทธ์ ที่สามารถสร้างเสถียรภาพให้แก่ประเทศชาติและยังยุติความรุนแรงบนถนน

เมื่อ 8 ส.ค.59 สื่อต่างประเทศ อย่างเว็บไซต์ของ อินดิเพนเดนซ์ และบีบีซี รายงาน คนไทยลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ (รธน.) อย่างท่วมท้น โดยจากจำนวนผู้มาใช้สิทธิลงประชามติประะมาณ 55% ปรากฏว่า มีผู้เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถึงร้อยละ 61.45 ขณะที่ไม่เห็นชอบร่าง รธน.ฉบับใหม่อยู่ที่เพียงร้อยละ 38

สำนักข่าวบีบีซี ระบุว่า การที่มีประชาชนคนไทยออกมาลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายใต้การปกครองโดยรัฐบาลทหาร หรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แสดงให้เห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่มีความเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะช่วยเสริมสร้างฟื้นฟูเสถียรภาพของประเทศได้


ด้านเว็บไซต์ อินดิเพนเดนซ์ ชี้ว่า ผลประชามติที่ออกมาว่ามีคนไทยเห็นชอบร่าง รธน.ฉบับใหม่ถึงเกือบร้อยละ 62 ถือเป็นบททดสอบความนิยมของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นผู้นำกองทัพยึดอำนาจปกครองประเทศมาตั้งแต่พ.ค. 2557 แต่ได้นำมาตรการหลายอย่างมาใช้เพื่อสร้างเสถียรภาพความมั่นคงของประเทศให้กลับคืนมา และยังเป็นการช่วยยุติเหตุรุนแรงการประท้วงบนท้องถนน รวมถึงความแตกแยกทางการเมืองของสังคมไทย ที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายปี จนบั่นทอนเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศ.

 

สถานทูตไทยในสิงคโปร์ จัดงานผ้าไทย’ 6-8ส.ค. เฉลิมพระเกียรติ ‘พระราชินี’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 ส.ค. 2559 16:08

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/682476

 

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ สิงคโปร์ จัดงาน “Royal Revival of Thai Silk ระหว่างวันที่ 6-8ส.ค.นี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงส่งเสริมความสำคัญของผ้าไทย และผลิตภัณฑ์ผ้าไทย พร้อมเชิญคณะนางสาวไทยไปร่วมเดินแฟชั่นด้วย …

เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 59 นายธงชัย ชาสวัสดิ์ เอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ และทีมประเทศไทย ณ สิงคโปร์ ได้ร่วมกันจัดนิทรรศการ “Royal Revival of Thai Silk” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 ณ สถานเอกอัครราชทูต ถนนออร์ชาร์ด สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 6-8 สิงหาคม 2559 งานดังกล่าวประกอบด้วย การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจด้านการส่งเสริมความสำคัญของผ้าไทย พร้อมทั้งข้อมูลประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับผ้าไหมและสิ่งทอของไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และกิจกรรมเดินแบบชุดไทยพระราชนิยมและชุดผ้าไหมไทยประยุกต์

นายธงชัย กล่าวอีกว่า สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับความร่วมมือจาก ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษเกี่ยวกับประวัติของผ้าไทย ตลอดจนพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการอนุรักษ์ผ้าไทย ภายใต้โครงการศิลปาชีพ และเป็นผู้ดำเนินการจัดนิทรรศการ “Royal Revival of Thai Silk” ภายในงานยังจัดการฉายวีดิทัศน์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตและถักทอผ้าไหมไทย พร้อมทั้งแจกเอกสารประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และประวัติความเป็นมาของสิ่งทอไทยให้แก่ผู้เข้าร่วมด้วย

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสำคัญอีกกิจกรรม ได้แก่ การแสดงแฟชั่นผ้าไทย โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับความร่วมมือจากคณะนางสาวไทยประจำปี 2558 ได้แก่ น.ส.วิลาสินี จันทร์วุฒิวงศ์ นางสาวไทย น.ส.พิมพ์ชนก จิตชู รองฯ อันดับ 1 และ น.ส.เสาวลักษม์ ไชยศิริธญญา รองฯ อันดับ 2 ในฐานะทูตวัฒนธรรม ทูตการท่องเที่ยวและทูตการค้า มาร่วมเดินแบบชุดไทยพระราชนิยมและชุดผ้าไหมไทยประยุกต์ ในพิธีเปิดนิทรรศการฯ วันที่ 6 สิงหาคม 2559 เวลา 17.00 น. โดยงานพิธีเปิดได้เชิญผู้มีเกียรติเข้าร่วมกว่า 300 คน ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงของสิงคโปร์ คณะทูตานุทูตประเทศต่างๆ ที่ประจำการที่สิงคโปร์ พร้อมคู่สมรส นักออกแบบเสื้อผ้าและเจ้าของกิจการสิ่งทอของสิงคโปร์ สื่อมวลชนต่างๆ และชาวไทยที่พำนักในสิงคโปร์ ซึ่งผู้เข้าร่วมงานต่างได้รับทราบถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยและต่อกิจการผ้าไหมตลอดจนสิ่งทอของไทย รวมทั้งได้แสดงความชื่นชมกับความสวยงามของผ้าไหมไทย และความเป็นเอกลักษณ์ไทยที่สะท้อนออกมาเป็นอย่างดี

“ผมคาดว่าตลอดทั้ง 3 วัน ของการจัดนิทรรศการฯ จะมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 1,000 คน พร้อมกันนี้ขอขอบคุณ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน), สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ที่สนับสนุนให้คณะนางสาวไทยมาร่วมงาน และขอบคุณ สายการบินไทยแอร์เอเชีย ที่ให้การสนับสนุนการเดินทางของคณะนางสาวไทย และคณะสื่อมวลชนจากประเทศไทยมาร่วมงาน” นายธงชัย กล่าว

 

ทายาทแฝดสยาม“อิน-จัน” รุ่นที่ 4,5,6 ร่วมงานวันรวมญาติคึกคัก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 ส.ค. 2559 05:35

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/682048

 

งานรวมญาติผู้สืบเชื้อสายแฝดสยามชื่อดังระดับโลก “อิน-จัน” ปีนี้จัดรวมญาติครั้งที่ 27 มีทายาทรุ่นที่ 4, 5 และ 6 เป็นเด็กเล็กกว่า 200 คน เข้าร่วมงาน ต่างให้ความสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศไทย…

เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางภัทราวรรณ เวชชศาสตร์ อัครราชทูต ณ กรงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ไปเป็นประธานในงานวันรวมญาติผู้สืบเชื้อสายจาก “แฝดสยามอิน-จัน ครั้งที่ 27” เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2559 ที่ผ่านมา โดยจัดเป็นประจำทุกปีในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม ณ โบสถ์เฟริสต์แบพติสท์เฟลโลว์ชิพฮอลล์ เมืองเมาต์ แอรี มลรัฐนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเป็นเมืองที่อินและจันใช้ชีวิตกว่า 30 ปี หลังสมรสกับภรรยาชาวอเมริกันและมีบุตรหลานทายาทสืบสกุลบังเกอร์จนถึงปัจจุบันกว่า 1,500 คน


นางภัทราวรรณ เวชชศาสตร์ อัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ถ่ายภาพกับนายกเทศมนตรีเมืองเมาต์ แอรี และตัวแทนทายากแฝด“อิน-จัน”

การจัดงานรวมญาติ “แฝดอิน-จัน” นี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ได้ห้การสนับสนุนกิจกรรมวันรวมญาติดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทั้งจัดอาหารไทย นิทรรศการ หนังสือและสิ่งพิมพ์นำเที่ยวประเทศไทย และของที่ระลึกไทยๆ โดยในปีนี้ น.อ.สุรพงษ์ เบ็ญจมาตร รองผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือ น.อ.อนุรักษ์ ศิริวงศ์ รองผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศ และนายกฤษฎา ธาราสุข อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ไปร่วมงานด้วย และทายาท “แฝดอิน-จัน” ที่มาร่วมงานปีนี้ส่วนใหญ่เป็นทายาทรุ่นที่ 4 และ 5 และรุ่นที่ 6 เป็นเด็กเล็กกว่า 200 คน ต่างให้ความสนใจเรื่องราวประเทศไทยจากนิทรรศการที่จัดขึ้น


ทายาทรุ่นลื่อ (ต่อจากรุ่นเหลน) สนใจอาหารไทย

ส่วนผู้ใหญ่ของทางการท้องถิ่นที่มาร่วมงานได้แก่ นายเดวิด โรว์ นายกเทศมนตรีเมืองเมาต์ แอรี นายดีน บราว์น และนางเชียร์เลย์ บริงเคลย์ ผู้ช่วยนายกเทศมนตรี และนายแรนดี คอลลินส์ ประธานหอการค้าเมืองเมาต์ แอรี รวมทั้งชุมชนคนไทยทั้งจากในและนอกมลรัฐนอร์ทแคโรไลนา ตลอดจนสื่อมวลชนท้องถิ่นทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์สนใจรายงานข่าวและเข้าร่วมงานจำนวนมาก.


เด็กน้อยทายาทรุ่นล่าสุด สนใจของที่ระลึกจากเมืองไทย
 

ทูตไทย ณ กรุงโตเกียว เยี่ยมชมเมืองเก็บตัวนักแบดฯไทย โอลิมปิก 2020

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 ส.ค. 2559 02:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/682013

 

เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นำคณะเชื่อมความสัมพันธ์กับจังหวัดอาคิตะ ของญี่ปุ่น เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการลงทุน ท่องเที่ยว การศึกษาและกีฬา โดยเยี่ยมสถานที่เก็บตัวและฝึกซ้อมนักกีฬาแบดมินตันของไทยที่เมืองมิซาโตะ โดยจะรับนักกีฬาที่มาฝึกซ้อมและเก็บตัวนักกีฬาแบดมินตันเพื่อเข้าแข็งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 2020 ด้วย

เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบรรสาน บุนนาค เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้นำคณะเดินทางไปเยือนจังหวัดอาคิตะ ระหว่างวันที่ 3-4 สิงหาคม 2559 ตามคำเชิญของนายไอกิชิ ไซโตะ ประธานธนาคารโฮคูโตะ ธนาคารท้องถิ่นที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของจังหวัดอาคิตะ และมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างจังหวัดอาคิตะกับประเทศไทย


นายบรรสานและคณะ ได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับนายโนริฮิซะ ซาตาเกะ ผู้ว่าราชการจังหวัดอาคิตะ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2559 ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับท้องถิ่น รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในมิติต่างๆ เช่น การค้าการลงทุน การท่องเที่ยว และการศึกษาและกีฬา เป็นต้น โดยล่าสุดผู้ว่าราชการจังหวัดอาคิตะ ได้นำคณะผู้แทนกว่า 80 คน เดินทางเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 25-28 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัด รวมถึงได้มีการลงนามใน MOU ความร่วมมือด้านการศึกษากับโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย และโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ตามนโยบายการเผยแพร่วิทยาการด้านการศึกษาของจังหวัดโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค

โอกาสนี้ นายบรรสาน ได้แสดงความพร้อมที่จะร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินงานของจังหวัดอย่างเต็มความสามารถ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของไทยและญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2560 ซึ่งครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ญี่ปุ่น ครบ 130 ปี


ต่อจากนั้น นายบรรสานและภริยา ได้รับเชิญให้เข้าร่วมเทศกาล “คันโตะ” เป็นเทศกาลเก่าแก่ประจำปีของจังหวัดอาคิตะ มีความเป็นเอกลักษณ์คือการแห่ประทีปไปตามถนนหลักในตัวเมือง ความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-6 ส.ค.2559 และมีการแห่ประทีปทั้งสิ้น 288 ดวง เทศกาลนี้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและขอพรสำหรับความเจริญรุ่งเรือง ตามความเชื่อของท้องถิ่น และช่วงเทศกาลมีนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศมาเที่ยวกว่า 1 ล้านคน

ในตอนค่ำวันเดียวกัน นายบรรสานและภริยา ได้รับประทานอาหารค่ำ ร่วมกับนาย ไอกิชิ ไซโตะ ประธานธนาคาร โฮคูโตะ และภริยา นายทาดาโนริ อิชิอิ ประธานสมาคมมิตรภาพอาคิตะ-ไทย และภริยา นายโทโมมิ มัตซูดะ นายกเทศมนตรี เมืองมิซาโตะ และภริยา และนายคาซูชิ ซาซาบูชิ กรรมการผู้จัดการธาคารโฮคูโตะ ซึ่งทั้งหมดเป็น friends of Thailand คนสำคัญ และเป็นกลุ่มนักธุรกิจชั้นนำและนักการเมืองท้องถิ่น ที่มีบทบาทหลักในการส่งเสริมความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจังหวัดอาคิตะกับประเทศไทย ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในหลายด้านตลอดเวลาที่ผ่านมา


ต่อมาวันที่ 4 ส.ค. 2559 นายบรรสาน และภริยา ได้เดินทางเยือนเมืองมิซาโตะ ของจังหวัดอาคิตะ เพื่อเยี่ยมชมสถานที่เก็บตัวและฝึกซ้อมสำหรับนักกีฬาแบดมินตันของไทย ตามที่ได้มีการลงนามความร่วมมือระหว่างสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย และสมาคมแบดมินตันประจำจังหวัดเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 เพื่อพัฒนาความสามารถของนักกีฬาแบดมินตัน รวมถึงเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชน ทั้งนี้สมาคมแบดมินตันประจำจังหวัดมีแผนที่จะรับนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทยมาเก็บตัวและฝึกซ้อมสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 ณ กรุงโตเกียว ด้วย.

 

สถานทูตสหรัฐฯ เตือนพลเมืองอเมริกันในไทย เฝ้าระวัง ช่วงลงประชามติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 ส.ค. 2559 18:20

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/680792

 

สถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ เตือนชาวอเมริกันที่อยู่และกำลังท่องเที่ยวในไทย ระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงสถานที่ชุมนุม ขณะที่ไทยจะมีการจัดลงประชามติร่าง รธน. วันที่ 7 ส.ค.นี้

เมื่อวันที่ 3 ส.ค.59 เว็บไซต์สถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์เตือนพลเมืองชาวอเมริกัน เกี่ยวกับเรื่องการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ โดยระบุว่า ตามที่ประเทศไทยจะจัดการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคมนี้ ทางสถานทูตขอเตือนชาวอเมริกันที่เดินทางอยู่ในประเทศไทยว่า ควรจะมีการเฝ้าระวัง หลีกเลี่ยงสถานที่ชุมนุมที่มีผู้คนจำนวนมากและสถานที่ที่มีการชุมนุม

สถานทูตสหรัฐฯ ระบุว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีคำสั่งห้ามการชุมนุมทางการเมือง และจำกัดสิทธิสื่อ เสรีภาพในการพูด และเสรีภาพในการชุมนุม ขณะที่กองกำลังฝ่ายความมั่นคงมีอำนาจเพิ่มขึ้น รวมถึงสิทธิในการควบคุมการเคลื่อนไหวใดๆ และการค้นหาอาวุธ พลเมืองชาวอเมริกันอาจจะเจอกับการตรวจตราของเจ้าหน้าที่ทหารเพิ่มมากขึ้นในไทยในช่วงเวลานี้ โดยบุคคลใดๆ หรือแม้แต่ชาวต่างชาติ อาจจะถูกควบคุมตัวได้หากมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง คสช.หรือเรื่องเกี่ยวกับสถาบันในที่สาธารณะ ซึ่งที่ผ่านมา ปฏิบัติการด้านความมั่นคงเพื่อจัดการกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการชุมนุม ได้นำไปสู่การขัดขวางการจราจร รวมไปถึงบริการด้านการขนส่งสาธารณะบางอย่าง และการจำกัดการเข้าถึงพื้นที่บางแห่งบริเวณรอบๆ ห้างสรรพสินค้าและโรงแรมใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งมาตรการต่างๆ อาจจะถูกนำมาบังคับใช้ได้ตลอดเวลา

ดังนั้น จึงขอแนะนำพลเมืองชาวอเมริกันให้อยู่ในภาวะตื่นตัว ระมัดระวัง และคอยติดตามสื่อต่างประเทศและสื่อไทย และหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการชุมนุมประท้วง การรวมตัวกันจำนวนมาก หรือที่ที่มีปฏิบัติการด้านความมั่นคง และคอยติดตามคำแนะนำใดๆ และประกาศข้อจำกัดใดๆ ที่ออกโดยทางการท้องถิ่น แม้ว่าความรุนแรงอาจจะไม่เกิดขึ้น รวมถึงการรวมตัวกันหรือการเดินขบวนอย่างสันติที่อาจนำไปสู่การเผชิญหน้าและการบานปลายได้

ทางสถานทูตขอแนะนำอย่างจริงจังให้พลเมืองอเมริกันที่เดินทางหรือพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยให้มาลงทะเบียนที่เว็บไซต์ http://www.Travel.State.Gov ของโครงการลงทะเบียนผู้เดินทางอัจฉริยะ (สเต็ป) เพื่อที่ทางสเต็ปจะได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงล่าสุดให้ รวมถึงทำให้ง่ายสำหรับสถานทูตหรือสถานกงสุลในการติดต่อหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น หรือหากไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้ ก็สามารถเดินทางไปลงทะเบียนโดยตรงได้ที่สถานทูตหรือสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่อยู่ใกล้ที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีการแจ้งเบอร์โทรศัพท์ที่ชาวอเมริกันสามารถติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับข้อจำกัดในการเดินทางต่างๆ โดยสามารถโทรศัพท์ไปที่เบอร์ 1-888-407-4747 ฟรี สำหรับผู้ที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา หรือที่เบอร์ 1-202-501-4444 สำหรับผู้ที่อยู่ในประเทศอื่นๆ

 

สมาคมธุรกิจไทย-ตุรกีเต้น! โดนสถานทูตตุรกีประจำไทยซัด เอี่ยวรัฐประหาร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 ส.ค. 2559 15:08

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/680656

 

(ประธานาธิบดีเรเซป เทยิบ เออร์โดกันแห่งตุรกี)

สมาคมธุรกิจไทย-ตุรกี ตอบโต้สถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย หลังโพสต์เฟซฯ กล่าวหาสมาคมธุรกิจไทย-ตุรกี มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์พยายามก่อรัฐประหารในตุรกี กลางเดือนก่อน

จากกรณี สถานเอกอัครราชทูตตุรกี ประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา กล่าวถึงเหตุการณ์พยายามก่อรัฐประหารในตุรกี เมื่อ 15 ก.ค. 59 ว่า ทางการตุรกีมีหลักฐานแน่นหนาที่บ่งชี้ว่า องค์กรก่อการร้ายของ นายเฟตฮุลเลาะห์ กูเลน นักสอนศาสนาชาวตุรกีซึ่งลี้ภัยอยู่ในสหรัฐฯ (FETO) อยู่เบื้องหลังการพยายามก่อรัฐประหาร โดยได้สั่งการไปยังเครือข่าย ทั้งโรงเรียน นักธุรกิจ นายธนาคาร และบริษัทประกันชีวิต โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรหรือเอ็นจีโอ หนังสือพิมพ์ สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ และสถาบันสอนศาสนาต่างๆ ในตุรกี โดยเครือข่ายเหล่านี้ทั้งหมดได้ถูกปิดลงหลังเหตุการณ์พยายามก่อรัฐประหารล่าสุด

นอกจากนั้น สถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย ยังระบุด้วยว่า กลุ่มเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับการพยายามก่อรัฐประหารในตุรกี ยังมีการปฏิบัติการในประเทศไทยด้วยเช่นกัน อย่างเช่น กลุ่มที่เรียกว่าสมาคมธุรกิจไทย-ตุรกี ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้น และยังคงดำเนินการอยู่ในฐานะเป็นหน่วยงานที่ทำงานเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างไทยกับตุรกี โดยมีชื่อเรียกว่า ‘Thai Turkish Business Association’ (สมาคมธุรกิจไทย- ตุรกี) ในประเทศไทย ซึ่งความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าของสมาคมนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับการยอมรับอย่างสิ้นเชิงจากตุรกีแล้ว ยังเป็นการก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะมีผลในแง่ลบต่อความสัมพันธ์เหล่านี้ด้วย


นายเฟตฮุลเลาะห์ กูเลน นักสอนศาสนาชาวตุรกี ซึ่งลี้ภัยอยู่ในสหรัฐฯ

‘สำหรับการติดต่อทางเศรษฐกิจและการค้ากับตุรกี การค้าทั้งหมด สมาคมธุรกิจ และสภาธุรกิจ ขอให้ติดต่อโดยตรงกับสำนักงานพาณิชย์ของสถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทยโดยตรง’ ข้อความบนหน้าเฟซบุ๊กของสถานทูตตุรกี ประจำประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม หลังจากสถานทูตตุรกีประจำประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความดังกล่าวในหน้าเฟซบุ๊กของทางสถานทูตแล้ว ต่อมา สมาคมธุรกิจไทย-ตุรกี ได้ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาที่ว่า ทางสมาคมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพยายามก่อรัฐประหารในตุรกีผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของสมาคม พร้อมทั้งยังตอบโต้ว่า สมาชิกของสมาคมธุรกิจไทย-ตุรกี (TIBA) ประกอบด้วยนักลงทุนและนักธุรกิจ นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของตุรกี นายบินาลี ยิลดิริม ยังมาร่วมในพิธีเปิดสมาคมด้วย อีกทั้ง สมาคมไม่มีการติดต่อเกี่ยวข้องกับเครือข่ายก่อการร้ายใดๆ และคำกล่าวหาของสถานทูตตุรกีไม่สามารถยอมรับได้


ขณะเดียวกัน เพื่อต้องการแสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ของทางสมาคมธุรกิจไทย-ตุรกี ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์พยายามก่อรัฐประหาร จึงขอให้ทางการตุรกีแสดงหลักฐาน หรือคำตัดสินของศาลมายืนยันข้อกล่าวหาในเรื่องนี้

 

งานเทศกาลไทย ณ กรุงสตอกโฮล์ม กระตุ้นชาวสวีเดนเที่ยวไทย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 30 ก.ค. 2559 06:20

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/676881

 

ปลัดบัวแก้ว เปิดงานเทศกาลไทย ณ กรุงสตอกโฮล์ม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ กระตุ้นชาวสวีเดนท่องเที่ยวไทย ขณะที่ บินไทย ร่วมเปิดบูธครบ 30 ปี เปิดเส้นทางมาสวีเดน ภายในงานมีชาวไทย-สวีเดน แห่ร่วมงานคึกคัก…

ที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ร่วมกับหน่วยงานภายใต้ทีมประเทศไทย ประกอบด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสตอกโฮล์ม บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานสตอกโฮล์ม สำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน สำนักงานสตอกโฮล์ม สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กรุงโคเปนเฮเกน (เขตอาณาครอบคลุมสวีเดน) จัดงานเทศกาลไทย ภายใต้ชื่อ Thailand@Kungsträdgården ขึ้น ณ สวนสาธารณะ Kungsträdgården ใจกลางกรุงสตอกโฮล์ม โดยมี ดร.อภิชาติ ชิณวรรณโณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานเปิดงาน


สำหรับงานดังกล่าว มีจัดต่อเนื่องทุกปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 โดยปีนี้ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงวัฒนธรรม นำคณะนาฏศิลป์มาจัดแสดงในงาน โดยกิจกรรมบนเวที นอกจากมีการแสดงนาฏศิลป์ โดยคณะรักษ์สยามและคณะรักษ์ศิลป์ กิจกรรมที่ผู้ร่วมงานให้ความสนใจเป็นพิเศษคือ การโชว์ศิลปะแม่ไม้มวยไทย โดยคณะไฟว์สตาร์มวยไทย ซึ่งผู้ชมได้ส่งเสียงเชียร์กันอย่างสนุกสนาน ไฮไลต์อีกหนึ่งรายการที่เรียกเสียงกรี๊ดได้อย่างถล่มทลายคือการแสดงของวง Bangkok Metropole ที่มี อีแย้ม หรือ รัดเกล้า อามระดิษ เป็นนักร้องนำ ซึ่งร้องบทเพลงที่โชว์พลังเสียง ทั้งเพลงไทยและเพลงสากลเป็นที่ประทับใจของผู้ชม



นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ เอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม กล่าวกับผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ว่า การจัดงานในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการยกระดับ ความสัมพันธ์ในระดับประชาชนกับประชาชน และเพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ผ่านทางศิลปวัฒนธรรมไทย นวัตกรรมไทย และอาหารไทย เพื่อกระตุ้นให้ชาวสวีเดนไปท่องเที่ยวเมืองไทยกันมากขึ้น โดยในงานมีร้านค้ามาออกร้านกว่า 20 ร้าน ทั้งร้านอาหาร ร้านจำหน่ายเครื่องปรุง ผัก ผลไม้ ร้านนวดไทย เป็นต้น ทั้งนี้ช่วงเวลาจัดงานเป็นช่วงที่อากาศดีมาก จึงคาดว่าจะมีคนมาร่วมงานไม่ต่ำกว่า 100,000 คน

สำหรับสิ่งที่ผู้เข้าร่วมงานสนใจมากที่สุดอีก 1 รายการ คือการจับสลากแจกรางวัลตั๋วเครื่องบินไปกลับ สตอกโฮล์ม-กรุงเทพฯ พร้อมที่พัก สนับสนุนโดย บมจ.การบินไทย โดยปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้เกียรติเป็นผู้จับรางวัล โดยผู้โชคดีในปีนี้เป็นสุภาพสตรีชาวไทยคือ แสงเดือน นิรเนตร



ในงานเดียวกันที่บูธของ บมจ.การบินไทย ยังได้จัดงานครบรอบ 30 ปีที่เปิดจุดบินมายังกรุงสตอกโฮลม์ โดยนายวิรุจน์ รุจิพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บมจ.การบินไทย สำนักงานสตอกโฮล์ม กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาจากประเทศไทยและจากสวีเดน โดยมีตัวแทนจำหน่าย และลูกค้า เข้าร่วมยินดี.

 

คณะสงฆ์ไทยแดนพุทธภูมิ จัดกิจกรรม ถวายสมเด็จพระบรมฯ ชาวอินเดียแห่ร่วม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 29 ก.ค. 2559 19:00

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/676478

 

 

คณะสงฆ์ไทยทุกวัดในแดนพุทธภูมิ อินเดีย-เนปาล จัดกิจกรรม ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 64 พรรษา ชาวอินเดียออกมาร่วมกิจกรรมจำนวนมาก…

วันที่ 29 ก.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานมาจากสำนักงานพระธรรมทูตไทยสายอินเดีย-เนปาล ประเทศอินเดียว่า เนื่องในวโรกาสอันเป็นมิ่งมหามงคลที่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 64 พรรษา พระเทพโพธิวิเทศ (วีรยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรมทูตไทยสายอินเดีย-เนปาล เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ได้มอบหมายให้วัดไทยทุกวัดในแดนพุทธภูมิประเทศอินเดีย-เนปาล จัดกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก มีพระมหากรุณาธิคุณต่อวัดไทยในแดนพุทธภูมิ และทรงเป็นที่เคารพรักของปวงชนชาวไทย


สำหรับกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย การจัดให้มีการเปิดไฟถวายแสงสว่างพระมหาธาตุเฉลิมราชย์ศรัทธา ที่วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ การจัดให้ทุกวัดในประเทศอินเดีย-เนปาล เจริญพระพุทธมนต์ธัมมจักกัปปวัตนสูตร เจริญจิตภาวนา ทำบุญตักบาตร


พร้อมกันนี้  ได้นำทีมแพทย์พยาบาลอาสาเปิดให้บริการรักษาฟรี และมอบเครื่องอุปโภค บริโภคให้กับชาวอินเดียผู้ยากไร้ ขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลให้โรงเรียนเพื่อให้นักเรียนชาวอินเดียได้มีน้ำไว้ใช้และดื่มกิน 2 โรงเรียน โดยไม่เลือกว่าจะนับถือศาสนาใด กิจกรรมต่างๆ นี้ได้สร้างความดีใจให้กับชาวอินเดียเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ชาวอินเดียพากันมาร่วมกิจกรรมกับคณะสงฆ์ไทยอย่างล้นหลาม.





ทูตไทย กรุงโตเกียว เยือนจ.ไอจิ เยี่ยมชมโรงงานโตโยต้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 29 ก.ค. 2559 02:55

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/675847

 

ทูตไทย กรุงโตเกียว และคณะ เยี่ยมชมสำนักงานใหญ่และโรงงานผลิตรถยนต์ โตโยต้า ในจังหวัด ไอจิ คิดค้นรถใช้ไฮโดรเจนแทนน้ำมัน รุ่น Mirai เริ่มจำหน่ายแล้วในญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ในราคา 7 ล้านเยน…

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 59 นายบรรสาน บุนนาค เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว และภริยา พร้อมด้วยข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตฯ และนาย Naoshi Murai รองกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองนาโกยา ได้เดินทางเยือนเมืองโตโยต้า จังหวัดไอจิ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปและเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ และโรงงานผลิตรถยนต์ Motomachi ของบริษัท Toyota Motor Corporation ตามคำเชิญของบริษัทฯ 
โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตฯ และคณะ ได้รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นฐานการผลิตและการลงทุนที่สำคัญที่สุดในอาเซียน


ขณะเดียวกัน ได้รับทราบเกี่ยวกับนโยบายของบริษัทฯ ในการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวม ด้วยการคิดค้นรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ รถยนต์รุ่น Mirai ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้ไฮโดรเจนแทนน้ำมัน และเริ่มจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นและในสหรัฐอเมริกาแล้ว ในราคาประมาณ 7 ล้านเยน




ในการนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้แนะนำเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของไทย ซึ่งได้กำหนดให้อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม ภายใต้ super cluster ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางการลงทุนในหลายประการ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯ ในเรื่องการเพิ่มศักยภาพการผลิตของฐานการผลิตนอกประเทศญี่ปุ่น โดยการลดการพึ่งพาการนำเข้าชิ้นส่วนและส่วนประกอบที่สำคัญ อาทิ การถ่ายทอดเทคโนโลยีและส่วนประกอบสำหรับรถยนต์ระบบไฮบริดมายังประเทศไทย โดยร่วมมือกับสถาบันทางการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยในการวิจัยและพัฒนา


นอกจากนี้ในช่วงบ่าย เอกอัครราชทูตฯ และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์ Motomachi ของบริษัทฯ ซึ่งตั้งอยู่ภายในเมืองโตโยต้า โดยโรงงานแห่งนี้เปิดดำเนินการตั้งแต่ปี 2502 และเน้นการผลิตรถยนต์ รุ่น Crown ปัจจุบัน มีกำลังการผลิตประมาณ 95,000 คัน/ปี และมีการผลิตรถยนต์ Lexus รุ่น GS และรถยนต์ Toyoya รุ่น Mark X นอกเหนือจากรุ่น Crown ประการสำคัญ โรงงานแห่งนี้ยังเป็นศูนย์ฝึกอบรมทางด้านวิศวกรรมและยานยนต์และเป็นศูนย์ทดลองของบริษัทฯ ด้วย โดยรถยนต์สองรุ่นล่าสุดที่ได้มีการค้นคว้า วิจัย ทดลอง และผลิตเพื่อจำหน่าย คือ รถยนต์ Lexus รุ่น LFA และรถยนต์ Toyota รุ่น Mirai.