คนไทยหนีเข้าเมืองญี่ปุ่นเกือบ 6 พันราย สถานทูตไทยฯ แนะ มอบตัวกับ ตม.ยุ่น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/589559

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 มี.ค. 2559 00:50

คนไทยหนีเข้าเมืองญี่ปุ่นเกือบ 6 พันราย สถานทูตไทยฯ แนะ มอบตัวกับ ตม.ยุ่น

เครดิตภาพจาก สำนักข่าว AP

กงสุล สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว เผยมีคนไทยหนีเข้าเมืองในญี่ปุ่นสูงเกือบ 6,000 คนแล้ว แนะเข้ามอบตัวกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่น โดยใช้ระบบคำสั่งออกนอกประเทศ ไม่ต้องโทษคุมขัง ก่อนถูกจับข้อหาไม่มีวีซ่า…

เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2559 นางสุพิชญ์ชญา แฮริส ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ว่า นายสิทธิกร ฉันทแดนสุวรรณ กงสุล สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ประจำกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2559 ว่ากระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นรายงานสถิติชาวต่างชาติที่พำนักในญี่ปุ่นเกินกำหนด (Overstay) โดยเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายญี่ปุ่นว่า ณ วันที่ 1 มกราคม 2559 มีคนต่างชาติ Overstay ในญี่ปุ่นทั้งสิ้น 62,818 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 4.7 โดยในจำนวนดังกล่าว เป็นคนไทย 5,959 คน ถือเป็นร้อยละ 9.5 ของคนต่างชาติที่ Overstay ทั้งหมด และมีจำนวนมากเป็นลำดับที่ 3 โดยมีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 12.9 สถานทูตฯ จึงขอให้คนไทยที่ Overstay หรือหนีวีซ่าอยู่ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายญี่ปุ่น เข้ามอบตัวกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่น โดยมีรายละเอียดดังนี้

ชาวไทยที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายเกินเวลาที่ญี่ปุ่นอนุญาต หากถูกจับกุมในข้อหาไม่มีวีซ่า (Overstay) นอกจากจะถูกคุมขังแล้ว ยังต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะได้เดินทางกลับประเทศไทย แต่สำหรับบุคคลที่พำนักในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมาย แต่เกรงว่าจะถูกจับกุมและถูกคุมขัง สามารถใช้ประโยชน์จาก “ระบบคำสั่งออกนอกประเทศ” ของทางการญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องถูกคุมขัง โดย

ต้องมีคุณสมบัติครบ 5 ประการตามด้านล่าง ดังนี้

1. ต้องไปมอบตัวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่นด้วยตัวเอง เพื่อเตรียมตัวเดินทางออกจากญี่ปุ่น
2. ต้องไม่เข้าข่ายถูกเนรเทศ ออกนอกประเทศญี่ปุ่นด้วยเหตุผลอื่นนอกเหนือการลักลอบพำนักเกินกว่าทางการกำหนด (Overstay) อาทิ ไม่ได้ใช้หนังสือเดินทางปลอมเข้าเมือง
3. ไม่เคยถูกพิพากษาให้จำคุกจากศาลญี่ปุ่น
4. ไม่เคยถูกเนรเทศหรือไม่เคยได้รับคำสั่งให้ออกนอกประเทศจากรัฐบาลญี่ปุ่น
5. สามารถเดินทางออกนอกประเทศญี่ปุ่นได้ด้วยตนเอง กล่าวคือ สามารถจัดซื้อบัตรโดยสารเครื่องบิน และมีเงินสดเพียงพอสำหรับเป็นค่าที่พักระหว่างรอกระบวนการตัดสินในญี่ปุ่น ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์

บทลงโทษสำหรับผู้หนีวีซ่าสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ

• เอกสารที่ใช้สำหรับการมอบตัว
หนังสือเดินทาง ทั้งนี้ หากไม่มีหนังสือเดินทาง ต้องนำเอกสารยืนยันตัวบุคคลมาแสดง และต้องนำเอกสารแสดงที่อยู่ของที่พักพิงชั่วคราวเพื่อยื่นประกอบ (หากมี)
ขั้นตอนการดำเนินการภายหลังมอบตัวจนถึงก่อนออกจากประเทศนั้น ใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดยผู้มอบตัวสามารถซื้อบัตรโดยสารเครื่องบิน ภายหลังจากที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่นเท่านั้น

• สถานที่สำหรับการมอบตัว
สามารถมอบตัวได้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่นประจำภูมิภาค ทั้งนี้ ไม่สามารถมอบตัวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินได้ (http://www.immi-moj.go.jp/english/soshiki/index.html)

• รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.immi-moj.go.jp/english/tetuduki/index.html

เจ๋งเว่อร์! ทูตไทยเวลลิงตัน จ่อนำ ‘รถตุ๊กตุ๊ก’ ใช้งาน ‘นิวซีแลนด์’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/589549

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 มี.ค. 2559 23:55

เจ๋งเว่อร์! ทูตไทยเวลลิงตัน จ่อนำ 'รถตุ๊กตุ๊ก' ใช้งาน 'นิวซีแลนด์'

(ภาพจาก:สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเวลลิงตัน นิวซีแลนด์)

เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ เชิญผู้ก่อตั้งบริษัท Tuk Tuk Cartel หารือร่วมมือประชาสัมพันธ์ใช้รถตุ๊กตุ๊กไทย ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้ตุ๊กตุ๊กเป็นพาหนะ ในเขตกรุงเวลลิงตัน เนื่องเป็นรถที่ขึ้น-ลงสะดวก

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 59 เวลาประมาณ 16.30 น. นางฐิตาภา ทรงเผ่า ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้รายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ ได้เชิญนาย Jeremy Marr ผู้ก่อตั้งบริษัท Tuk Tuk Cartel มาหารือเพื่อหาทางร่วมมือในการประชาสัมพันธ์การใช้รถตุ๊กตุ๊กของไทย สำหรับการประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวของ บริษัทฯ ในเขตกรุงเวลลิงตัน นาย Jeremy Marr และนาย Glen Varcoe ได้ก่อตั้งบริษัท Tuk Tuk Cartel ขึ้นเพื่อทำธุรกิจบริการนำเที่ยวตามสถานที่สำคัญๆ จำนวน 8 แห่งในกรุงเวลลิงตันโดยใช้รถตุ๊กตุ๊กเป็นพาหนะ

เนื่องจากรถตุ๊กตุ๊กเป็นรถที่สะดวกที่จะหยุดให้นักท่องเที่ยว ขึ้น-ลง มากที่สุด อีกทั้งตุ๊กตุ๊ก จำนวน 4 คันของบริษัทฯ ผลิตในประเทศไทยทั้งหมด ใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้ามีราคารวมค่าขนส่งประมาณคันละ 32,000.00 เหรียญนิวซีแลนด์ หากรถตุ๊กตุ๊กของไทย ที่ถูกนำมาใช้ในการประกอบธุรกิจได้รับความนิยมมากขึ้น ก็จะมีผลดีในการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ประเทศไทยไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ทางสถานทูตไทยประจำกรุงเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ จะร่วมมือกับบริษัท Tuk Tuk Cartel ในการส่งเสริมการใช้รถตุ๊กตุ๊กเป็นพาหนะในการท่องเที่ยว และจะใช้เป็นสัญลักษณ์ของการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในนิวซีแลนด์ทุกๆ ด้านรวมทั้งการท่องเที่ยวต่อไป.

เปิดโปงขบวนการส่งหญิงไทยไปขายตัวในยุโรป

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/587061

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 7 มี.ค. 2559 05:00

เปิดโปงขบวนการส่งหญิงไทยไปขายตัวในยุโรป

(ภาพ: AFP)

6 มีนาคม 2559 บุญธง ก่อมงคลกูล ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำเบลเยียม รายงานว่า การเดินทางของบรรดาหญิงไทยไปยุโรปเพื่อประกอบอาชีพโสเภณีกำลังเพิ่มจำนวนอย่างน่าวิตก แม้ว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม แต่บรรดาสาวไทยทั้งหลายก็ไม่ได้ถูกลงโทษ เพราะว่าการประกอบอาชีพโสเภณีในหลายประเทศยุโรปไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และมักจะได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรท้องถิ่นที่ช่วยหาที่พักชั่วคราว ยื่นเรื่องขอเงินช่วยเหลือเพื่อยังชีพ โดยคำนึงว่า หญิงไทยที่เดินทางไปประกอบอาชีพขายตัวเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ระหว่างประเทศ ถูกกดขี่แรงงาน บางรายถูกทำร้ายข่มขู่เอาชีวิต ฯลฯ จึงได้รับการคุ้มครองตามหลักมนุษยธรรม

ลองมาดูเส้นทางและวิธีการเดินทาง ไปขายตัวในยุโรปของหญิงไทยว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรกันบ้าง

หญิงไทยบางคน อาจจะเคยประกอบอาชีพขายตัวมาก่อนในประเทศไทย หรือบางคนอาจจะมีเพื่อนที่ประกอบอาชีพขายตัวอยู่แล้วแนะนำชักชวน ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีการประกาศผ่านโปรแกรมไลน์ที่สะดวกในการส่งต่อข้อความ ระหว่างกลุ่มเพื่อนที่รู้จักกัน และกระจายไปยังกลุ่มอื่นได้อย่างง่ายดาย การประกาศเพื่อหาหญิงสาวเดินทางไปทำงานขายตัวประเทศในยุโรปด้วยข้อความที่น่าสนใจและดึงดูดให้สาวไทยหลายคนต้องตกเป็นเหยื่อ เช่น สนใจทำงานที่ประเทศ… งานอิสระ รายได้ดี รับส่วนแบ่งทุกเดือน ออกข้างนอกได้ ถูกต้องตามกฎหมาย แทค 600,000 บาท (ราว 15,000 ยูโร) เดือนเดียวหมดแทค ทำสามเดือนเก็บเงินได้เป็นล้าน หุ่นดี หน้าท้องไม่ลาย สนใจติดต่อ…เป็นต้น

หลังจากนั้น ผู้ที่สนใจก็จะส่งรายละเอียดของตนเองพร้อมรูปถ่ายหน้าตรงและเต็มตัว พร้อมสัดส่วนความสูง อายุ ให้กับเอเย่นต์หรือนายหน้าจัดหาหญิงไทยส่งนอก

หญิงสาวแต่ละคนจะต้องถ่ายรูปในชุดว่ายน้ำโดยช่างถ่ายภาพมืออาชีพที่เอเย่นต์จัดหาให้ก่อนออกเดินทางและส่งไปให้ประเทศปลายทางเพื่อใช้ลงประกาศทางอินเทอร์เน็ตในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ให้บริการนวด ฯลฯ พร้อมเบอร์โทรศัพท์สำหรับนัดหมาย

เมื่อตกลงเงื่อนไขกันเรียบร้อยแล้ว เอเย่นต์หรือนายหน้าก็จะทำการจัดเตรียมเอกสารปลอมเพื่อยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยว โดยจะพาไปยื่นขอประเทศยุโรปใต้ เช่น อิตาลี สเปน กรีซ ที่ออกวีซ่าให้ง่ายและไม่ต้องใช้เอกสารต้นฉบับประกอบการยื่นขอ แต่ต้องเป็นประเทศในกลุ่มเชงเก้น เพื่อให้หญิงสาวเหล่านี้เดินทางเข้าประเทศที่ได้วีซ่าเสียก่อน นายหน้าจะพาไปถึงสถานทูต แต่จะรออยู่ด้านล่างและให้หญิงสาวที่ส่วนใหญ่ไปครั้งละสองคนขึ้นไปยื่นขอเอง

วันเดินทางออกนอกประเทศ เอเย่นต์ก็จะจัดเตรียมตั๋วเครื่องบิน (เที่ยวเดียว) เดินทางจากกรุงเทพไปกรุงโรม ประเทศอิตาลี กรุงมาดริด หรือเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน โดยหญิงสาวที่ออกเดินทางมักจะไปกันสองคน และมอบเงินสดประมาณ 300€ ติดตัวสำหรับเป็นค่ารถแท็กซี่และค่าโรงแรมที่ตั้งอยู่ใกล้สนามบินเพื่อค้าง คืนหนึ่งคืน ก่อนที่จะเดินทางต่อไปถึงจุดหมายปลายทาง

วันรุ่งขึ้นจึงออกเดินทางต่อไป ยังประเทศเป้าหมายโดยเครื่องบิน เช่น กรุงเวียนนา กรุงบรัสเซลส์ ฯลฯ เมื่อเดินทางไปถึงก็จะมีหญิงไทยที่เป็นเหมือนแม่เล้าดูแลมารับจากสนามบิน แล้วพาไปยังที่พักที่จัดไว้ให้สำหรับพักและบางครั้งก็เป็นสถานที่ทำงานหรือรับแขกด้วย

สิ่งที่หญิงไทยผู้มาใหม่จะได้รับคือ โทรศัพท์มือถือสำหรับใช้ในการติดต่อนัดหมายเมื่อมีลูกค้าสนใจต้องการรับ บริการ นอกจากนั้น ยังใช้สำหรับการตรวจสอบว่า เธออยู่ในบ้านและพร้อมที่จะให้บริการ ปกติจะทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 02.00 น. หรือบางครั้งหากมีลูกค้าจะมาใช้บริการตอนเช้าก่อน 10.00 น. ก็ต้องพร้อมที่จะให้บริการ ช่วงเวลาที่มีประจำเดือนก็จะถูกบังคับให้ใช้ผ้าอนามัยแบบสอดใส่สำหรับดูดซับประจำเดือน แม่เล้าจะเป็นผู้จัดหาถุงยางอนามัย เยลหล่อลื่น กระดาษอนามัยสำหรับทำความสะอาด ฯลฯ

เมื่อลูกค้าเห็นประกาศการให้บริการของหญิงสาวที่สนใจก็จะโทรศัพท์ ติดต่อเข้ามา แม่เล้าก็จะแจ้งอัตราค่าบริการ พร้อมให้ที่อยู่ที่หญิงสาวรอให้บริการอยู่พร้อมกับการนัดหมายเวลาและตกลง ราคา จากนั้นแม่เล้าก็จะโทรไปแจ้งหญิงสาวให้เตรียมเปิดประตูต้อนรับลูกค้าและให้บริการครั้งละครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่จะตกลงกับแม่เล้าแต่แรก เมื่อให้บริการเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะต้องส่งเอสเอ็มเอสไปบอกแม่เล้าว่า โอเค หรือ พร้อมสำหรับการให้บริการลูกค้ารายต่อไป

อัตราค่าบริการคือ 100 ยูโร ต่อครึ่งชั่วโมง (แม่เล้าหักค่านายหน้า 40 ยูโร) และ 175 ยูโร ต่อหนึ่งชั่วโมง (แม่เล้าหักค่านายหน้า 55 ยูโร) แต่ถ้ามีบริการเพิ่มเติมอย่างอื่น ก็สามารถปฏิเสธได้หรือหากยินยอมก็เป็นรายได้เฉพาะตนเอง

หญิงสาวจะจดบันทึกรายได้ในแต่ละวัน พร้อมหักค่านายหน้าในแต่ละครั้ง เหลือเท่าไหร่ก็จะต้องจดบันทึกหักกลบกับหนี้ที่ตกลงกันก่อนออกเดินทางมา จำนวน 15,000 ยูโร จนกว่าจะชดใช้หมดจึงจะมีอิสระ และสามารถหารายได้เป็นของตนเอง แต่หากยังผ่านแม่เล้าก็จะถูกหักค่าส่วนแบ่ง 60:40 เหมือนเดิม

แม่เล้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นหญิงไทยที่เดินทางไปทำงานขายตัวก่อนหน้า อาจจะมีความสัมพันธ์กับผู้ชายที่เคยเป็นลูกค้าหรือเป็นผู้ดูแลธุรกิจหญิง บริการมาก่อน ไต่เต้าขึ้นมาทำหน้าที่จัดหาหญิงไทยไปขายบริการทางเพศในยุโรปผ่านนายหน้าทาง เมืองไทยที่มักจะเคยเดินทางไปทำงานหรือมีครอบครัวกับชาวต่างชาติ โดยจะทำการแบ่งรายได้จากค่านายหน้ากันคนละ 300,000 บาท ต่อหญิงไทยที่เดินทางไปทำงานหาเงินในยุโรปหนึ่งคน เมื่อส่งให้เดินทางไปครั้งละสองคนก็สร้างรายได้ให้กับเอเย่นต์หรือนายหน้าใน เมืองไทยถึง 600,000 บาท โดยต้องรับผิดชอบชำระค่าตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวและค่าวีซ่า ค่าถ่ายรูป พร้อมค่าเงินติดกระเป๋าประมาณ 300 ยูโร ค่าแท็กซี่และค่าโรงแรมหนึ่งคืน ฯลฯ

ปัญหาที่หญิงไทยประสบเมื่อเดินทางไปถึงคือ เงื่อนไขไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันก่อนออกเดินทาง มักจะถูกเรียกค่าเช่าที่พัก 200 ยูโร และค่าอาหารอีก 150 ยูโร ต่อสัปดาห์ มีหญิงไทยบางคนที่ไหวตัวทันก็หนีกลับเมืองไทยเอง แต่คนที่ไม่สามารถหนีกลับได้ก็จะถูกยึดหนังสือเดินทางและถูกข่มขู่ว่า หากพยายามหลบหนีก่อนคืนหนี้ครบถ้วน จะถูกตามไปทำร้ายถึงครอบครัวในประเทศไทย ทำให้ต้องจำทนยินยอมทำงานขายตัวหาเงินให้กับแม่เล้าและแมงดาในยุโรปต่อไป จนกว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและส่งตัวกลับประเทศบ้านเกิด

ความโลภ และความเชื่อว่าจะสามารถหาเงินล้านได้ภายในสามเดือน คือมูลเหตุจูงใจให้หญิงไทยหลายคนเสี่ยงชีวิตเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปขาย บริการหรือขายตัวในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศในยุโรปที่เจริญแล้ว หรือประเทศในตะวันออกกลาง แต่ขอให้หญิงไทยที่กำลังคิดจะเดินทางไปหาเงินในต่างแดนได้ตระหนักว่า การประกอบอาชีพโสเภณีมักจะแวดล้อมด้วยบรรดาแมงดาหรือแม่เล้าที่จะทำหน้าที่ ดูแลพร้อมกับหาเงินบนความยากลำบากของหญิงขายบริการ หลายคนถูกทำร้ายทารุณ มีบางคนถึงกับเสียชีวิต การใช้ชีวิตที่ต้องอยู่ในมุมมืด การทำงานเจ็ดวันต่อสัปดาห์ ไม่มีอิสระแม้แต่น้อย อดมื้อกินมื้อ ฯลฯ ความฝันที่เชื่อว่า การไปขายตัวที่เมืองนอกจะสร้างความร่ำรวยให้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้นจะสลาย ไปทันทีท่ีเดินทางไปถึง หลายคนที่ต้องเอาชีวิตไปทิ้งในต่างแดน

ททท.ในนิวยอร์ก เชิญเชฟดังสหรัฐฯ โชว์ผัดกะเพราไก่งวงโปรโมตอาหารไทย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/581480

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 24 ก.พ. 2559 03:15

 

นางศรีมาลา วราภาสกุล ผอ.ททท.สนง.นิวยอร์ก และทีมงาน (ภาพ: ไพโรจน์ ปักษาษิณ)

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา จับมือ วิลเลี่ยม โซโนมา แบรนด์ดังของสหรัฐอเมริกา โปรโมตแบรนด์ประเทศไทย จัดงานโชว์อาหารไทยเชิญเชฟดังสหรัฐฯ มาสาธิตทำกะเพราไก่งวง ให้สื่อมวลชนอเมริกันชิมกันอย่างเอร็ดอร่อย

สถานที่จัดงาน “A Taste of Thailand – Thai Cooking Demo” ที่ William Sonoma สาขา Columbus Circle แมนฮัตตัน นิวยอร์ก

นายไพโรจน์ ปักษาษิณ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ว่า นางศรีมาลา วราภาสกุล ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนิวยอร์ก ได้จับมือกับแบรนด์ดัง “วิลเลี่ยม โซโนมา” (William Sonoma) จัดทำโครงการ Brand Partnership เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างแบรนด์ประเทศไทย เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ “วิลเลี่ยม โซโนมา” เป็นกลุ่มผู้มีรายได้สูง และเป็นสินค้าระดับพรีเมียม ตรงกับกลุ่มเป้าหมายด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ของ ททท. ในตลาดอเมริกา และเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับประเทศไทยวันที่ 23 ก.พ. ได้ร่วมกันจัดงาน “A Taste of Thailand – Thai Cooking Demo” ที่วิลเลี่ยม โซโนมา สาขาโคลัมบัส เซอร์เคิล แมนฮัตตัน นิวยอร์ก โดยมีเชฟชื่อดัง นายอาร์โนลด์ มิ้นท์ จาก Celebrity Chef/Bravo Top Chef/Food Network Star มาสาธิตทำอาหารไทย ได้แก่ ผัดกะเพราไก่งวง พร้อมทั้งให้สื่อมวลชนด้านการท่องเที่ยวและนิตยสารครัวและอาหาร ที่ร่วมงานกันอย่างเนืองแน่น ได้ชิมกันอย่างเอร็ดอร่อย ทุกคนชื่นชอบเนื่องจากไม่เคยชิมมาก่อน

เชฟชื่อดัง อาร์โนลด์ มิ้นท์

นางศรีมาลา วราภาสกุล ผู้อำนวยการ สนง.ททท.นิวยอร์ก เปิดเผยว่า ได้จัดทำโครงการนี้ร่วมกับ วิลเลี่ยม โซโนมา ใน 4 เมืองใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ได้แก่ เบเวอร์ลี ฮิลส์, คาลาบาซาร์, เซาท์ โคสท์ พลาซ่า และ โคลัมบัส เซอร์เคิล นิวยอร์ก ตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์ โครงการนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และหวังผลในการสื่อสารจากการได้เชิญสื่อมวลชนด้านการท่องเที่ยวและนิตยสารครัวและอาหาร รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องของแต่ละเมืองเข้าร่วมงาน ได้รับการตอบสนองเป็นที่น่าพอใจ และยังจัดทำ “Sweepstake – A Culinary Trip to Thailand” โดยมีโรงแรมระดับไฮ-เอนด์ในประเทศไทย เช่น โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ, โรงแรมโฟร์ซีซั่น เชียงใหม่ และโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต สนันสนุนด้านที่พักและ cooking class experience ร่วมสนับสนุนโครงการนี้ด้วย.

บรรยากาศสื่อมวลชนและผู้ร่วมงานทยอยเข้าชมการสาธิต

เชฟดังชาวอเมริกัน อาร์โนลด์ มิ้นท์ เริ่มสาธิตผัดกะเพราไก่งวง

ตื่นเต้นกับการเริ่มชิมอาหาร

กะเพราไก่งวง.

ผู้สื่อข่าว TV MNN แมนฮัตตัน เอ็นจอยสุดสุด

“บิ๊กตู่” ประชุมอาเซียนในสหรัฐฯ คนไทยแห่เชียร์-เป็นลม 5 คน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/578477

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 ก.พ. 2559 01:55

 

(ภาพ: REUTERS)

ชาวไทยในสหรัฐอเมริกานับร้อยคนรวมตัวในย่านไทยทาวน์ เพื่อแสดงความสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย ที่เดินทางมาร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อวันจันทร์…

ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำนครลอสแอนเจลิส รายงานว่า ชาวไทยในสหรัฐอเมริกา กลุ่ม “รวมพลคนรักชาติ” ที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย จำนวน 150 คน ได้รวมตัวกันที่ย่านไทยทาวน์ ถนนฮอลลีวูด นครลอสแอนเจลิส เวลา 10.00 น. วันที่ 15 ก.พ. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับประเทศไทยเวลา 20.00 น. ขึ้นรถบัส 60 ที่นั่ง และรถเล็กขับตามกันไปอีกหลายคัน เดิมจะจัดรถบัส 3 คัน แต่เนื่องจากจำนวนคนที่มาน้อยกว่าที่ลงทะเบียนไว้ 250 คน

ขบวนรถผู้สนับนนุน พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเศษ ไปถึงจุดที่เจ้าหน้าที่เมืองแรนโซ่ มิราจ รัฐแคลิฟอร์เนีย สถานที่จัดประชุม ASEAN SUMMIT กำหนดไว้ โดยช่วยกันถือป้ายเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อาทิ สุดยอดคนดี…ของแผ่นดินไทย, ขอสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ คนดีของสยามประเทศ, THAILAND STRONGER TOGETHER และ We Support พล.อ.ประยุทธ์

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มาให้กำลังใจกลุ่มผู้ไปสนับสนุน พร้อมนำเครื่องดื่มมามอบให้ด้วย เนื่องจากอากาศร้อนมาก สูงถึง 33 องศาเซลเซียส มีผู้สนับสนุนเป็นลมถึง 5 คน

ด้านกลุ่ม “เรด ยูเอสเอ” ฝ่ายต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ นำโดย นายเชาว์ ซื่อแท้ ใช้รถเล็ก 15 ที่นั่ง เป็นพาหนะออกจากนครลอสแอนเจลิส ไปรวมตัวกันตามจุดที่เจ้าหน้าที่กำหนดให้ ประมาณ 120 คน โดยมีสมาชิกจากนิวยอร์ก, นครชิคาโก และนครซานฟรานซิสโก ไปร่วมสมทบด้วย นอกจากนี้มี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ, นางศิริวรรณ นิมิตรศิลป์, พร้อมด้วยแกนนำคนสำคัญ ฉายา เอนก ซานฟราน, และ ดา ตอร์ปิโด ผู้ชุมนุมได้ถือป้ายต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อาทิ ประเทศเป็นของประชาชน โดยการชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์กระทบกระท่ังกับกลุ่มผู้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ที่อยู่ในบริเวณใกล้กันแต่อย่างใด

สื่อนอกตีข่าว ‘เสี่ยเจริญ’ จ่อปิดดีลซื้อหุ้นบิ๊กซี จากบ.ฝรั่งเศส 1.2 แสนล้านบาท

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/574144

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 7 ก.พ. 2559 23:50

 

(ภาพ: REUTERS)

บริษัท กาซิโน กรุ๊ป ของฝรั่งเศส ตกลงขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท บิ๊กซี ประเทศไทย ให้แก่กลุ่มธุรกิจ ทีซีซี กรุ๊ป ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี แล้ว ในราคากว่า 1.2 แสนล้านบาท…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กาซิโน กรุ๊ป บริษัทค้าปลีกของประเทศฝรั่งเศส ตกลงจะขายหุ้นทั้งหมดของพวกเขาในกิจการห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ ในประเทศไทย ให้แก่กลุ่มธุรกิจ ไทยเจริญ คอมเมอร์เชียล กรุ๊ป (ทีซีซี กรุ๊ป) ของ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี นักธุรกิจใหญ่ชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ในราคาประมาณ 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 121,000 ล้านบาท)

แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยต่อสำนักข่าว วอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่า ทีซีซี กรุ๊ป เสนอซื้อหุ้นที่ กาซิโน กรุ๊ป ถืออยู่ในบริษัท บิ๊กซี ประเทศไทย ซึ่งมีทั้งสิ้น 58.6% ในราคา 253 บาทต่อหุ้น (ราว 7.12 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และทั้งสองฝ่ายจะประกาศความตกลงระหว่างกัน ก่อนตลาดหุ้นในเอเชียจะเปิดในวันพรุ่งนี้

ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในแผนการลดหนี้สินของ กาซิโน กรุ๊ป ซึ่งประกาศแผนลดหนี้จำนวน 4,460 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2016 รวมทั้งการขายกิจการร้านค้าในเวียดนาม รวมทั้งการขายหุ้นบิ๊กซีในไทย

อนึ่ง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัท เซ็นทรัล กรุ๊ป ซึ่งยื่นข้อเสนอขอซื้อหุ้นของ กาซิโน กรุ๊ป ในบริษัท บิ๊กซี ประเทศไทย ด้วยเช่นกัน ออกมายืนยันว่า ข้อเสนอที่พวกเขายื่นไปสู้ข้อเสนอของ ทีซีซี ไม่ได้ แต่ไม่มีการเปิดเผยว่า พวกเขาจะขายหุ้นของ บิ๊กซี ประเทศไทย ที่พวกเขาถือครองจำนวน 25% หรือไม่

อันดับไทยดีขึ้น จัดปท.‘โปร่งใส’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/569215

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 28 ม.ค. 2559 07:51

 

ที่85เป็น76 แต้มเท่าเก่า ได้ลำดับที่3ในอาเซียน ส่วน‘โคนม’ เบิ้ลแชมป์

องค์กรเพื่อความโปร่งใส นานาชาติ จัดอันดับประเทศโปร่งใส ปี 2558 “เดนมาร์ก” รั้งแชมป์ โปร่งใสสูงสุดเป็นปีที่ 2 โดยอันดับ 2-10 ส่วนใหญ่เป็นประเทศในโซนยุโรป ส่วน “ไทย” ได้คะแนนเท่าปีก่อน แต่อันดับดีขึ้นจาก 85 มาเป็น 76 ได้คะแนนรวมความโปร่งใสสูงเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ขณะที่องค์กรผู้จัดอันดับเรียกร้องให้รัฐบาลแต่ละประเทศเพิ่มมาตรการจริงจังในการแก้ปัญหาทุจริตที่เกิดขึ้นในหน่วยงานภาครัฐ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ถึงการเปิดเผยผลดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน ประจำปี 2558 ที่จัดทำโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ หลังมีการสำรวจข้อมูลตลอดปี 2558 โดยอ้างอิงสถิติของธนาคารโลก และข้อมูลซึ่งรวบรวมโดยสถาบันวิจัยต่างๆ จำนวน 12 แห่ง รวมถึงการสำรวจความเห็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันในแต่ละประเทศ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของการจัดทำดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันในครั้งนี้ ซึ่งลดลงจาก 175 ประเทศในปี 2557 เหลือเพียง 168 ประเทศ และองค์กรผู้จัดอันดับยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลแต่ละประเทศเพิ่มมาตรการจริงจังในการแก้ปัญหาทุจริตที่เกิดขึ้นในหน่วยงานภาครัฐ เพราะ 2 ใน 3 ของประเทศที่เข้าร่วมการจัดอันดับ ครั้งนี้มีปัญหาการทุจริตภายในหน่วยงานภาครัฐมากที่สุด

สำหรับผลสรุปคะแนนความโปร่งใสของกลุ่มประเทศที่เข้าร่วมการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน ประจำปี 2558 พบว่า เดนมาร์กมีคะแนนรวมความโปร่งใสสูงที่สุดในโลก คิดเป็น 91 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ส่งผลให้เดนมาร์กเป็นประเทศโปร่งใสที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 2

ส่วนประเทศที่มีคะแนนความโปร่งใสสูงติดอันดับ 2-10 ของโลก ได้แก่ ฟินแลนด์ (90 คะแนน) สวีเดน (89 คะแนน) นิวซีแลนด์ (88 คะแนน) เนเธอร์แลนด์ (87 คะแนน) นอร์เวย์ (87 คะแนน) สวิตเซอร์แลนด์ (86 คะแนน) สิงคโปร์ (85 คะแนน) แคนาดา (83 คะแนน) และเยอรมนี (81 คะแนน)

ขณะที่ประเทศไทยมีคะแนนความโปร่งใสรวม 38 คะแนน ซึ่งเท่าเดิมที่เคยได้จากการสรุปข้อมูลดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันเมื่อปี 2557 แต่การจัดอันดับถือว่าดีขึ้น เพราะปีนี้ไทยอยู่ที่อันดับ 76 ขึ้นจากอันดับ 85 และไทยยังเป็นประเทศที่มีคะแนนรวมความโปร่งใสสูงเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากสิงคโปร์ ซึ่งมีคะแนนสูงสุด 85 คะแนน ส่วนมาเลเซียซึ่งติดอันดับ 2 มีคะแนนรวม 50 คะแนน ต่อด้วยอันดับ 4-9 ได้แก่ อินโดนีเซีย (36 คะแนน) ฟิลิปปินส์ (35 คะแนน) เวียดนาม (31 คะแนน) สปป.ลาว (26 คะแนน) เมียนมา (22 คะแนน) และกัมพูชา (21 คะแนน) ขณะที่ประเทศบรูไน ไม่ได้เข้าร่วมในการจัดอันดับในครั้งนี้

ส่วน 10 ประเทศที่ติดอันดับรั้งท้ายดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันในปีนี้ ได้แก่ ตาฮิติ มีคะแนนความโปร่งใส รวม 17 คะแนน เวเนซุเอลา (17 คะแนน) อิรัก (16 คะแนน) ลิเบีย (16 คะแนน) แองโกลา (15 คะแนน) ซูดานใต้ (15 คะแนน) ซูดาน (12 คะแนน) อัฟกานิสถาน (11 คะแนน) เกาหลีเหนือ (8 คะแนน) และโซมาเลีย (8 คะแนน) ขณะที่ บราซิล มีคะแนนความโปร่งใสลดลงมากที่สุด จาก 43 คะแนนเมื่อปี 2557 เหลือเพียง 38 คะแนนในปี 2558 ทั้งยังตกจากอันดับที่ 69 มาอยู่ที่อันดับ 76

องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ยังระบุ ด้วยว่าหลักเกณฑ์การให้คะแนนและประเมินผลดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน จะอ้างอิงจากกลไกทางสังคมและการเมืองต่างๆ ของแต่ละประเทศ ซึ่งรวมถึงการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ ความมีเสรีภาพของสื่อมวลชน ความซื่อสัตย์สุจริตของกลุ่มบุคคลผู้มีอำนาจ กระบวนการยุติธรรมที่ไม่เลือกปฏิบัติระหว่างคนยากจนและคนรวย, ความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล

ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่นำมาประกอบการพิจารณาให้คะแนนความโปร่งใสด้วย ได้แก่ ผลกระทบที่เกิดจากปัญหาความขัดแย้งและสงครามภายในประเทศ การใช้หลักธรรมาภิบาล และการประเมินประสิทธิภาพของหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบการบังคับใช้กฎหมาย เช่น ตำรวจและศาล โดยประเทศที่คะแนนรวมความโปร่งใสต่ำ มักจะประสบปัญหารัฐบาลขาดหลักธรรมา- ภิบาล การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นธรรม และหน่วยงานรัฐไม่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน

ชูผลงานวิจัย ‘ร้านภูฟ้า’ พัฒนาผลิตภัณฑ์ในงานระดับโลก ‘นาโนเทค’ ที่ญี่ปุ่น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/569188

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 28 ม.ค. 2559 06:27

 

ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติของไทย ยกทีมร่วมออกบูธในงาน “นาโนเทค 2016” งานใหญ่แสดงเทคโนโลยีนาโนใหญ่ที่สุดในโลก ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โชว์ผลงานวิจัย “ร้านภูฟ้า” นำเทคโนโลยีนาโนมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก

ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น รายงานมาว่า เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2559 นายบรรสาน บุนนาค เอกอัครราทูต ณ กรุงโตเกียว พร้อมด้วย ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ประธานกรรมการบริหารศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ได้ร่วมเป็นประธานเปิดบูธ Thailand Pavilion ภายในงานประชุมวิชาการ “นาโนเทค 2016” (nanotech 2016) ที่โตเกียว บิ๊ก ไซท์ กรุงโตเกียว

สำหรับงาน “nanotech 2016” เป็นงานนิทรรศการทางด้านเทคโนโลยีนาโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 ในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 – 29 มกราคม 2559 ส่วนภายในบูธ “Thailand Pavilion”มีการจัดแสดงผลงานวิจัยที่โดดเด่นของไทย เช่น “ร้านภูฟ้า” ที่ได้นำเทคโนโลยีนาโนมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก

นอกจากนั้นนายบรรสาน ได้เยี่ยมชมบูธของสถาบันวิจัยชั้นนำของญี่ปุ่น ได้แก่ RIKEN, AIST, TIA-NANO และ NIMS ซึ่งมีความร่วมมืออันดีกับไทยด้วย.