เกษตรบูรณาการ : คนหนังเหนียว ต้องว่าที่ผลงาน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/271286

วันจันทร์ ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

251598

เกษตรบูรณาการสัปดาห์นี้ ว่าด้วยเรื่องของคนหนังเหนียว  ซึ่งต้องบอกว่าเหนียวหนึบจริงๆ ในเรื่องของการกอดติดเก้าอี้ หลังมีกระแสข่าวจากคนวงในรัฐบาล ว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. บิ๊กตู่ อีกรอบ หลังจากทำงานมาเป็นระยะเวลาอันพอสมควร แต่สิ่งที่ควรจะเป็นดันไม่เข้าตา หนำซ้ำ งานไม่เดินหน้า ย่ำอยู่กับที่  โดยหนึ่งในผู้ที่มีข่าวว่าจะโดนปรับไปอยู่กระทรวงที่เหมาะสม ก็คงหนีไม่พ้น กระทรวงเกษตรฯ ที่มีรัฐมนตรีที่ชื่อ ท่าน พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ นั่นเอง แถมยังมีข่าวว่า อาจมีพ่วงด้วย รัฐมนตรีสาวสวยอย่างท่านรัฐมนตรี “ชุติมา บุณยประภัศร” ไปด้วย ในคราวเดียวกัน

หลังจากมีข่าวออกมาไม่กี่วัน อยู่ๆ เมื่อถูกจี้ถามหาคำตอบ ว่าเท็จจริงแค่ไหน งานนี้ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา  ออกมากลบกระแสข่าวลือ ด้วยการยืนยันชัดเจนว่า “ไม่ปรับ” และบอกอีกว่า ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนที่กำหนดให้ปรับครม.นี้ครับ เรื่องนี้จึงต้องจบข่าวลงไป อีกข่าวจากปากนายกรัฐมนตรี ท่านว่าไม่ปรับ ครม. อย่างแน่นอน  นั้นหมายถึงท่านรัฐมนตรีทั้ง 2 ท่านของกระทรวงเกษตรฯ คุณได้ไปต่อ ไม่ถูกโหวตออกจากบ้าน

มาถึงกรณี ปลัดกระทรวงเกษตรฯ  “ธีรภัทร ประยูรสิทธิ” ที่ทำหน้าที่พระยาแรกนามาหมาดๆ ก็มีกระแสข่าวว่า ท่านปลัดจะโดนปรับจากตำแหน่งเช่นเดียวกัน งานนี้แม้ไม่มีการการันตีจากใคร แต่ท่านพี่ปลัดฝน  ก็ยืนยันด้วยตนเองมาแล้ว ตอนที่มีข่าวใหม่ๆว่า ก็อย่างงี้ พอใกล้เดือนพฤษภาคมทีไรก็มีข่าวทุกทีบอกตรงว่าไม่มีอะไร งานนี้ก็ต้องเชื่อท่านปลัดฝนอีกหละเจ้านายเพราะหน้าไม่แน่จริง จากฝนที่เคยตกแถวป่าไม้ ทำให้ป่าชุ่มชื้น (จริงรึปล่าวไม่รู้) คงไม่มาตกไกลถึงกระทรวงเกษตรฯ หรอกจ้าถ้าไม่แน่จริง ก็มีคนเขาว่ามา ว่าต้องดูกันให้ยาวๆ ว่าใครจะไปก่อนกันระหว่างท่านรัฐมนตรีกับปลัด ยังไงเหนียวกันขนาดนี้จากนี้ไป ต้องใช้ความเหนียวให้เกิดประโยชน์ หาทางกลมเกลียว แก้ปัญหาให้กับเกษตรกรอย่างจริงจังเสียที เพราะที่ผ่านมาถือว่า เสียเวลามานาน เมื่อเทียบกับผลงานที่สังคมเขามองมา เพราะผลงานมันต้องวัดกันที่ผลสัมฤทธิ์ของงาน ซึ่งทุกวันนี้ ต้องถามตัวท่านว่า ผลงานที่ออกมาดีแค่ไหน ไม่ใช่เอาแต่หลงตัวเอง เพราะเรื่องที่รอการแก้ไขมีอีกเยอะ

มาอีกเรื่องที่เป็นเรื่องบานปลายจากความอยาก… นั้นคือเรื่องสหกรณ์ออมทรัพย์ ที่ผ่านมามีข่าวว่ามีการโกงกันมหาศาล ที่เป็นข่าวครึกโครมไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต่างๆ สหกรณ์จุฬาฯ สหกรณ์เคหสถานนพเก้าฯ ซึ่งเล่นเอา เกิดปัญหาวิกฤติศรัทธา วงการสหกรณ์ไม่ใช่น้อย ว่ากันตรงๆ สหกรณ์ตามหลักง่ายๆ ก็เป็นการรวมกลุ่มช่วยเหลือมวลหมู่สมาชิกกันเองไม่แสวงหาผลประโยชน์ และสมาชิกทุกคนก็มีหน้าที่คัดเลือกกรรมการมากันเองขณะเดียวกัน ก็จะต้องทำหน้าที่
ตรวจสอบกันเอง ได้ด้วยนั้นหมายถึงหากคิดว่ามีอะไรที่ผิดแปลกตามวัถุประสงค์นี้ต้องมีการท้วงติง  แต่วันนี้มีกรรมการบางสหกรณ์ ที่มีปัญหา มีการนำเงินสมาชิกไปดำเนินการ ในกิจกรรม นอกสหกรณ์สมาชิกก็ไม่ได้มีการตรวจสอบจริงจัง หวังเพียงวันดีคืนดี ได้เงินจากการปันผลเยอะๆ ก็ลืมตรวจสอบมาพบอีกทีก็มีปัญหา เจ๊งกันไปหลายสหกรณ์ วันนี้ ต้องบอกว่า ที่ผ่านมาสมาชิกทำหน้าที่ตนเองดีหรือยังไม่ใช่ทำหน้าที่ตนเอง อีกด้านคือการตรวจสอบ

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : เริ่มต้นฤดูกาลเกษตรปี2560

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/270145

251598

เกษตรบูรณาการสัปดาห์นี้ ขอยกพื้นที่ให้กับการเริ่มต้นฤดูกาลเกษตร ปี 2560  ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการจัดพระราชพิธีที่สำคัญ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับเกษตรกรไทย ถือเป็นพิธีการซึ่งกระทำขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคลและส่งเสริม บำรุงขวัญเกษตรกร เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการเพาะปลูก ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในเดือนหกของทุกปี อันถือเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้นฤดูกาลแห่งการทำนา นั่น คือ พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปีพุทธศักราช 2560 โดยพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประกอบด้วย พระราชพิธี 2 พิธีรวมกัน คือ พระราชพิธีพืชมงคล อันเป็นพิธีสงฆ์ ซึ่งเป็นการประกอบพระราชพิธีวันแรกที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม 2560 และพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ (วันไถหว่าน) อันเป็นพิธีพราหมณ์ โดยประกอบพระราชพิธี ในวันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2560 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

โดยในปีนี้ การจัดพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในปีนี้ ฤกษ์การไถหว่านอยู่ในระหว่างช่วงเวลา 08.19-08.59 น. ผู้ทำหน้าที่เป็นพระยาแรกนาปี 2560  ก็ยังคงเป็นท่านปลัด  “ฝน” นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยในวันประกอบพระราชพิธีได้มีการพยากรณ์ถึงความสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหารของประเทศโดยในปีนี้ พระยาแรกนา
ได้ตั้งสัตยาธิษฐานเสี่ยงทายหยิบผ้านุ่งแต่งกายหยิบได้ผ้า 5 คืบ พยากรณ์ว่า น้ำในปีนี้จะมีปริมาณพอดี ข้าวกล้าในนาจะได้ผลบริบูรณ์ และผลาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี ส่วนผลเสี่ยงทายของกิน 7 สิ่ง ที่ตั้งเลี้ยงพระโค ซึ่งผลเสี่ยงทายสำหรับวันพระราชพิธีพืชมงคลปีนี้พระโคกินข้าวหรือข้าวโพด พยากรณ์ว่า ธัญญาหาร ผลาหาร จะบริบูรณ์ดี พระโคกินหญ้า พยากรณ์ว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี

ในการนี้นอกจากงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2509 เป็นต้นมา คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาลงมติให้เป็น “วันเกษตรกร” ประจำปีอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้มีอาชีพทางการเกษตรพึงระลึกถึงความสำคัญของการเกษตร และร่วมมือกันประกอบพระราชพิธีพืชมงคลเพื่อเป็นสิริมงคลแก่อาชีพนอกจากการจัดพระราชพิธีที่สำคัญ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับเกษตรกรไทยโดยปีนี้กระทรวงเกษตรฯ ได้จัดให้มีการคัดเลือกเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2560 เข้ารับพระราชทานโล่รางวัลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2560 จำนวน 16 สาขาอาชีพ สถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2560 จำนวน 13 กลุ่ม สหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2560 จำนวน 7 สหกรณ์ และปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน ประจำปี 2560 จำนวน 4 สาขา ซึ่งทั้งหมดถือเป็นแบบอย่างให้กับเกษตรกร ที่นำเป็นแบบอย่างในการประกอบอาชีพการเกษตรที่มีความสำเร็จ อีกด้วย

สุดท้ายนี้ต้องบอกว่า จากนี้เป็นถือว่าเป็นการเดินหน้าเริ่มต้นแห่งฤดูกาลเกษตรอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งที่ผ่านมา
กระทรวงเกษตรฯ เองได้มีการวางแผนการส่งเสริมการผลิตอย่างเต็มที่และที่สำคัญ ผลการเสี่ยงทาย ถือว่าปีนี้
ค่อนข้างดี และเป็นการเริ่มต้นที่ดี โดยที่ผ่านมา ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ ได้นำทีมลงพื้นที่ ติดตาม การดำเนินงานตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร พร้อมมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ มาแล้ว แต่นั้นก็ไม่ได้หมายถึงว่า จะจบลงในการรับมือกับปัญหาภาคการเกษตรเพราะข้าวไม่ใช่สินค้าเดียวของประเทศ ซึ่งทุกอย่างล้วนต้องวางแผนนั้นคือ บทพิสูจน์ความจริงใจในการรับมือกับปัญหาภาคการเกษตรต่อไป

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปเป็น….

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/269073

วันจันทร์ ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

251598

เกษตรบูรณาการสัปดาห์นี้ ตามติดการทำงานกระทรวงเกษตรฯ มาถึงเรื่องการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน สัปดาห์นี้มาว่าด้วยเรื่องการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. ให้กับคนยากไร้ ที่มีคุณสมบัติเป็นเกษตรตามกฎหมาย ส.ป.ก. ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยขอเน้นในส่วนของสวนส้ม 2 แห่ง ที่ยึดมาได้ จากนายทุนบางกลุ่ม ที่ครอบครองกันมานาน หลังจากที่รัฐบาล มีแนวทางเอาจริงในเรื่องการตามล้างตามเช็ด พวกนายทุนฮุบที่หลวงมานาน โดยสุดท้ายต้องใช้ ม.44 เข้ามาจัดการจนได้ที่มา   ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงการจัดสรรที่ ให้กับเกษตรกรเข้าไปอยู่ตามที่มีคุณสมบัติ ที่เป็นไปตามกฎหมาย สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรหรือ ส.ป.ก. นั้นเอง

แล้วก็มีข่าวแว่วมาว่า เรื่องของการจัดสรรที่ให้กับเกษตรกร ในพื้นที่บางสวนส้มชักจะมีความไม่ชอบมาพากล และมีแนวโน้มว่า จะเป็นการดำเนินการในลักษณะฟอกขาวให้กับนายทุนบางคนอธิบายให้เห็นภาพที่ชัดเจนคือคนคนหนึ่งฮุบที่หลวงมานาน และมีการปลูกสวนส้ม จากนั้นก็มีการจ้างลูกจ้าง เข้ามาช่วยทำไร่ซึ่งลูกจ้างในไร่ทั้งหมด มีการทำประกันสังคมที่ชัดเจน โดยบริษัทของนายทุน อยู่มาวันหนึ่ง ส.ป.ก. เข้ายึดที่ เพื่อที่นายทุนครอบครองมานาน และเตรียมที่จะจัดสรรให้กับเกษตรกรอยู่ ก็มีกลุ่มเกษตรกรบางกลุ่มไปร้ององค์กรต่างๆ โดยแจ้งว่าที่ทั้งหมด เกษตรกรอยู่มานาน และรวมกลุ่มให้บริษัทนายทุนบริหารงานเป็นการรวมกลุ่มของเกษตรกร และขอมีสิทธิจะได้ที่ดินต่อไป ซึ่งจากการตรวจสอบของฝ่ายกฎหมาย ส.ป.ก.ในพื้นที่ พบว่า เกษตรกร กลุ่มดังกล่าวเป็นลูกจ้างของสวนส้มนั้นเอง และขณะเดียวกัน กลุ่มดังกล่าว ยังมีปัญหากับคนในพื้นที่ ที่อยู่ดั้งเดิม ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะ เรื่องการใช้ทรัพยากรน้ำในพื้นที่ด้วย

จากนี้ไปต้องติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจากสังคมว่า ที่ที่ยึดมาได้ จะตกเป็นของใคร เพราะตอนนี้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด กำลังพิจารณา ว่าจะจัดสรรอย่างไง ให้ใครตามที่มีการขอใช้สิทธิ์ความเป็นเกษตรกร และที่สำคัญไปกว่านั้น มีขบวนการบีบให้จัดสรรที่ดินให้กับกลุ่มลูกจ้างสวนส้มจำนวน 93 ราย  ซึ่งเดิม ตามดำริใครบางคนจะจัดสรรที่ให้ จำนวน 5 ไร่ ไว้ทำกิน และอีก 2 ไร่ ไว้สร้างที่พักอาศัย และคงไม่หนำใจใครบางคน มีการสั่งการ ด้วยวาจาให้พิจารณาจัดสรรที่ใหม่ ให้เพิ่มเป็น 13 ไร่ไว้ทำกิน และทำเป็นที่พักอาศัยอีก 2 ไร่ งานนี้ สร้างความอึดอัดให้กับข้าราชการ ส.ป.ก. ในพื้นที่ เป็นอย่างมาก แต่ยังไง เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ในพื้นที่ ก็ยืนยันว่า จะดึงดันจนถึงที่สุดเพื่อไม่ให้ โดนตราบาปว่า สร้างบรรทัดฐานให้กับนายทุนที่อื่นใช้เป็บแบบอย่างการฟอกขาว (ให้ลูกจ้างอ้างสิทธิ์ถือแทน) แม้วันนี้มีเสียงจากใครบางคน ถามดังๆไปยัง ส.ป.ก.จังหวัด ที่ดูแลพื้นที่สวนส้วม ที่ยึดมาว่าจะจัดสรรที่ให้…ได้ไหมหากไปได้จะย้ายไหม งานนี้ ทางส.ป.ก.จังหวัดเขาบอกมาว่าไม่ต้องถาม ไม่ทำไม่ย้ายเพราะถือว่าไม่ผิด งานนี้ต้องปรบมือให้จริงๆ และต้องบอกว่าเรื่องการจัดการที่ดิน ส.ป.ก. ที่ใช้ ม.44 จัดการ นายทุน ข่าวปังดังระเบิด ดูจริงจัง ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ที่ดูดีแต่สุดท้ายเหลาลงไป ก็แค่ฟอกขาวให้ใครบางคนรึปล่าวรู้นะ ถ้ารักชาติจริงอย่าทำเพราะสังคม ปัจจุบันไวต่อความรู้สึกนะขอรับ

มาอีกเรื่องถือเป็นเรื่องดีๆ ในต้นปี ฤดูกาลผลิตข้าวนาปี ปีนี้กระทรวงเกษตรฯเอาจริงกับการวางแผน  เรื่องของการปลูกข้าวเริ่มจากการจัดทำพิธีปล่อยน้ำใส่นาต้องงวดแรก 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในพื้นที่ลุ่มภาคกลางหลังอัดอั้นมากว่า 3  เดือน ชื่นมื่นกันไป ในการเริ่มทำนา

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : ภาพลักษณ์กับความเป็นจริง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/267951

วันจันทร์ ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

251598

เกษตรบูรณาการ ฉบับนี้ของขึ้นต้นเรื่องภาพลักษณ์กระทรวงเกษตรฯ ณ วันนี้ กระทรวงเกษตรฯ ที่นำ โดยท่านพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รมวเกษตรฯ ท่านกำลังเน้นเรื่องการจัดภาพลักษณ์ของกระทรวงเกษตรฯ ให้ดูดี มีชาติตระกูลกันครับ เอากันให้ชัดเจนลงไป วันนี้ใคร นานๆ ผ่านเข้าไปกระทรวงเกษตรฯแล้วมีโอกาส ผ่านเข้าไปที่กระทรวงรับรองอึ้งกันไป เพราะกระทรวงเกษตรฯวันนี้ มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกระทรวงเกษตรฯ จากเดิมเป็นอาคาร ที่ทรงคุณค่า ทางสถาปนิกที่มีการออกแบบเน้นความเรียบง่าย สูงโปร่ง ลมพัดผ่านเย็นอกเย็นใจ กับผู้ที่เข้ามาติดต่อราชการ

ซึ่งสมัยอดีต ผู้ที่ออกแบบการก่อสร้างคงไม่คิดว่า 125 ปีผ่านไป คงไม่มีใคร คิดจะรื้ออาคารของท่านเลยเน้นให้ เกิดความสบายเท่าที่อายุอาคารจะถูกปรับเปลี่ยนไปเท่าที่จำเป็น จึงเน้นความสบาย มีช่องผ่านอากาศ แบบชนิดที่ว่าเย็นแบบไม่ต้องติดแอร์ ก็พออยู่กันได้ มาวันนี้มีใครคนหนึ่ง เดินก้มๆ เงยๆ อาคาร แล้วก็พาลหาเรื่องหลังจากนั่งทำงานในกระทรวงเกษตรฯ มาหลายวัน เลยสั่งให้ปรับปรุงอาคาร เริ่มจากม่านบังอายปิดหน้าต่างที่เคยมีมา ทำลมที่เคยพัดผ่าน ไม่มีมาเหมือนก่อน กันไป ไม่หนำใจ ก็ตบท้ายด้วยการสั่งการให้ปรับเปลี่ยน ปรุงแต่งอาคาร อ้างพื้นหินขัดที่สร้างมาตั้งแต่โบราณ 125 ปีร้าว มันเลยเกิดความร้าวฉานในหมู่ข้าราชการ ทำให้การสั่งการของใครบางคนไม่เป็นผล งานราชการการช่วยเหลือเกษตรกร ชาวรากหญ้ามันก็ ไม่ค่อยจะเดินหน้าว่าแล้วฉันเลยสั่งปรับปรุงอาคาร เพื่อให้ข้าราชการเกิดความสมานฉันท์เสียเลย

ถึงวันนี้ยังไม่มีใคร บอกได้ว่าอาคารที่ปรับปรุงมาหลายเดือน หากเสร็จสิ้นให้งามดั่งทองกระทรวงเกษตรฯ จะสามารถพัฒนาให้เกษตรกรไทย กินดีอยู่ดี ได้ดั่งใจใครบางคนหรือไม่ต้องติดตามแต่ที่แน่ๆ วันนี้ เริ่มมีอะไร ให้เห็นในกระทรวงเกษตรฯมากมาย โผล่ออกมา เพราะการปรับปรุงอาคารที่เห็น คร่าวๆ แขกไปไทยมา ต่างส่ายหน้า เหมือนพัดลมก็มิปาน เพราะกระทรวงที่เคยมีกลิ่นอายความพอเพียง วันนี้ ดูเหมือน…..บอกตรง อึดอัดร้อนลุ่มลมที่เคยพัดผ่าน ไม่มีอีกแล้ว และที่น่าแปลกใจ ห้องโถงที่เคยเย็นสบายจากนี้ไป คงต้องติดแอร์เพิ่มเติม แล้วนโยบายประหยัดพลังงานที่ว่ามันหายไปไหนล่ะท่าน

ว่ากันไป เกี่ยวกับเรื่องภาพลักษณ์กระทรวง ที่หลายคนกำลังเน้นกันให้สังคมมองภาพตนเองดีขึ้น แต่ทุกอย่าง มันขึ้นอยู่กับความเป็นจริงผลงานที่เกิดต้องวัดกันที่ผลสำเร็จ เกษตรกรกินดีอยู่ดีแค่ไหน ซึ่งไวๆ นี้ อีกไม่กี่วัน คงได้เห็นการเข็นงานของใครบางคนออกมาให้เห็นเป็นภาพใหญ่ว่า…ข้าช่วย เกษตรกรเต็มที่ แบบว่าหวังให้ “ปัง” นั่นคือ “เทศกาลปล่อยน้ำใส่นาน้อง” หลังจากนาน้อยน้องแห้งมานานกว่า 3 เดือนจากที่กระทรวงเกษตรฯ สั่งให้หยุดการปล่อยน้ำให้กับเกษตรในพื้นที่ ลุ่มภาคกลางมานานกว่า 3 เดือนอันเกิดจากเกรงว่า เกษตรกรจะปลูกข้าวนาปรับรอบที่ 3 และรอบ 4 เอาง่ายๆ ว่าเป็นห่วงเกษตรกร ซะงั้น กลัวไม่ได้พักผ่อน เลยปิดน้ำ 3 เดือน แล้วจะจัดงานเปิดน้ำนั่นเอง เขาว่างานนี้ มีกรมบางกรมทุ่มทุนสร้าง จัดงานปล่อยน้ำใส่นาน้องเต็มที่ งานนี้ต้องบอกว่า เอากันให้เต็มที่เถอะครับเพราะ ดีชั่วคงอยู่ที่ตัวทำสูงต่ำก็คงอยู่ที่ทำตัว ยังไง อย่าลืมนะครับ ว่า เกษตรกรไทยจะกินดีอยู่ดีไม่ใช่ อยู่ที่ ภาพลักษณ์….เพราะที่สุดของมนุษย์คือความพอเพียงตามรอยพ่อ….อย่าลืม แก่นแท้

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : คนหนังเหนียว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/266767

วันจันทร์ ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

251598

ผ่านเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ไทยที่หยุดยาวมาหลายวัน สัปดาห์แรกของการทำงาน ต้องบอกว่า ขยันขันแข็งกันเป็นพิเศษ ไล่มาตั้งแต่ท่านปลัด “ธีรภัทร ประยูรสิทธิ”แม้เป็นวันหยุดชดเชย 17 เมษายน ยังนำทีมเจ้าหน้าที่ประมง ลงพื้นที่ตรวจการดำเนินการตามแผนตรวจสอบเรือประมงภายใต้มาตรการบริหารจัดการเรือประมง เพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ณ ท่าเทียบเรือสหโรงน้ำแข็ง ตำบลบางจะเกร็ง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม หวังสร้างผลงานตีตื้น หลังมีกระแสข่าวว่า ไวๆนี้กระทรวงเกษตรฯอาจมีการปรับเปลี่ยน ตำแหน่งข้าราชการในหลายตำแหน่งที่ทำงาน ไม่เข้าตาและแว่วว่า อาจตำแหน่งของท่านปลัดกระทรวงเกษตรฯ อยู่ด้วย

งานนี้เท่าที่มีการตรวจสอบต้องบอกว่า มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาเยอะมันไม่ใช่ตำแหน่งเฉพาะท่านปลัด ตามที่มีข่าว เพราะตำแหน่งปลัดที่ข้ามห้วยจากกระทรวงอื่น มาได้ต้องมีอะไรพอสมควร มันไม่ง่าย ที่จะปรับตำแหน่งเดียวโดดๆ นั้นหมายความว่าหากจะต้องมีการปรับ น่าจะยังมีอีกหลายตำแหน่ง ที่ทำงานไม่เข้าตาส่วนใครจะบุญหล่นทับเท้าหรือใครจะไม่ได้ไปต่อ ต้องรอติดตาม หลังจากวันแรกนาคขวัญเสร็จสิ้น แต่ที่แน่ๆ มีอย่างน้อยไม่น่าจะต่อกว่า 2 ตำแหน่งแน่นอน เพราะเท่าที่มีข้อมูล กรมที่ท่านรัฐมนตรี หวังให้เป็นแกนนำการขับเคลื่อนแก้ปัญหาการเกษตรฯ ณ เวลานี้ มีคนบอกว่าเอาเข้าจริงๆ รับปากทำไม่ได้ แค่ราคาคุยซึ่งมีแนวโน้มว่า อาจไม่ได้ไปต่อ เพราะให้โอกาสมานาน พอสมควรและมีแววว่า อาจต้องมานั่งตบยุงที่กระทรวงแน่นอน เว้นแต่มียาดี เพราะท่านปลัด “ธีรภัทร” ก็บอกกับกระจอกข่าวชัดเจนว่า เรื่องข่าวการโยกย้ายปลัดกระทรวงเกษตรฯ มีมาตลอด ถือเป็นข่าวไม่สร้างสรรและขอให้งดเสนอข่าวเชิงลบ อ้าว..จากนี้ต้องพิสูจน์ กันว่าใครจะหนังเหนียวกว่าใครครับพี่บ่าว

มาอีกเรื่อง ที่เป็นที่จับตามองเป็นพิเศษ นั่นคือ เรื่องของใครบางคน ที่มีข่าวว่าพัวพันธ์กับเรื่อง “ส่วย” ส่วนที่ว่า ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับ พี่น้องชาวกัมพูชานะขอรับ แต่มันคือ ส่วย เรื่องเรือประมง ที่มีการจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่บางคน ที่มีชาวประมงบางกลุ่ม ที่ทำประมงผิดกฏหมาย ยอมจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งงานนี้ ทางตัวแทนกองทับเรือ และอธิบดีกรมประมง “อดิศร พร้อมเทพ” พร้อมกับพล.ร.ท.วรรณพล กล่อมแก้ว ผู้ทรงวุฒิพิเศษกองทัพเรือ ในฐานะรองหัวหน้าสำนักงานเลขานุการ ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย(สล.ศปมผ.) ออกโรงแจงว่า พร้อมจะดำเนินการตรวจสอบภายใน 7 วัน นับจากวันที่ แถลงข่าว 18 เมษายน ที่ผ่านมา หากพบฟันไม่เลี้ยง แต่งานนี้ต้องบอกว่า อย่าไปหวังหาคนผิดมาลงโทษ เพราะท่านอธิบดีประมงพูดเปิดทางมาแล้วว่า ยาก เพราะเท่าที่ส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบ ไม่มีใครให้ข้อมูลแถมคนใหญ่คนโตในกระทรวงบางคน บอกตรงกันว่า มันเป็นเรื่องเก่า ที่มีการสอบเจ้าหน้าที่ไปแล้ว สรุปว่า ให้ไปดูสิว่า เป็นข่าวเก่าหรือเปล่า

และสุดท้าย ต้องบอกว่าที่แถลงข่าวเป็นวรรคเป็นเวร เรื่องเรือประมง สรุปว่าปัญหาเรือประมงไทย ที่จะทำให้ไทยถูกต่างชาติ มีปัญหากับไทยหรือไม่ จนส่งออกไม่ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการนำเสนอข่าวของผู้สื่อข่าวที่นั่งหน้าสลอนทำข่าวนั้นเอง ว่าจะเสนอข่าวลบหรือบวก หากมีข้อมูล ให้แจ้งมาเพราะเจ้าหน้าที่ไปสอบไม่มี  หากินง่ายๆอย่างนี้ มันง่ายไปรึเปล่าขอรับ แต่อย่างไร ไม่ว่ากันครับ เพราะเรื่องทุกเรื่อง “สูงต่ำ อยู่ที่ทำตัวดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ” ครับท่าน จะให้ดีลองถามคนข้างๆท่านดู เผื่อได้ข้อมูลดีๆ ไม่ใช่โทษคนอื่น เพราะมีคนเขาบอกคนดีชอบแก้ไข แต่คน….ชอบแก้ตัว สวัสดี….

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ:ให้ปังแบบหน้ากากทุเรียน เปลี่ยนสระแก้วเป็นโคบาลบูรพา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/265646

วันจันทร์ ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

251598

เกษตรบูรณาการสัปดาห์นี้ ต้องกล่าวคำว่าสวัสดีปีใหม่ไทย ในเทศกาลสงกรานต์ ที่เพิ่งผ่านพ้นมา ไม่กี่วัน ซึ่งเป็นวันหยุดยาว ที่หลายคนก็มีเวลาเติมพลังพักผ่อนเอาแรง จากนี้ไปกระทรวงเกษตรฯคงจะต้องเดินหน้าทำงานเต็มที่ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของทั้งรัฐมนตรีที่ชื่อ “พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ” และรัฐบาลที่วาดหวังจะให้เกษตรกรไทยได้กินดีอยู่ดีตามที่วาดหวัง

โดยก่อนที่จะถึงวันหยุดยาว กระทรวงเกษตรฯก็มีข่าวคราวเคลื่อนไหว ในหลายเรื่อง ซึ่งไล่มาตั้งแต่เรื่องที่ท่านรัฐมนตรี มีการปรับทิศทางการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาภาคการเกษตรหลังจากงึกๆ งักๆ มานาน ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย งานนี้ท่านรัฐมนตรีจึงถือโอกาสหลังทำบุญตักบาตร ก็เดินทางไปให้นโยบายเกษตรจังหวัดทั่วประเทศ ว่าจากนี้ไป ต้องทำหน้าที่เป็นคนประสาน ให้เข้าใจเข้าถึงประชาชนให้มากกว่าที่เป็นอยู่ แถมกำชับให้ทุกกรม ทำงานบูรณาการเต็มที่ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ เพราะซ้ำซ้อน จากนี้ไปต้องเอาจริง ให้เห็นผลชัดเจนภายใน 6 เดือน เพราะที่ผ่านมา เท่าที่มีข้อมูล พบว่า งานเกษตรไม่ค่อยเดินหน้า เพราะเกิดการขัดแย้งกันเอง รู้แล้วแก้ปัญหาด่วน เพราะวันนี้ต้องยอมรับว่า เกษตรกรเกิดปัญหาวิกฤติศรัทธา ไม่เชื่อมั่นข้าราชการ

มาอีกเรื่อง ที่ต้องบอกว่า เป็นเรื่องฮือฮา อีกเรื่องของกระทรวงเกษตรฯเมื่ออยู่ๆ ก็มีข่าวว่า หลังจากนี้ไป อีกไม่นาน กระทรวงเกษตรฯอาจมีการปรับแต่งตั้งโยกย้ายครั้งใหญ่ โดยแว่วว่า อาจมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ท่านปลัด  “ธีรภัทร ประยูรสิทธิ” ส่วนใครจะเข้ามานั่งใหม่ ณ วันนี้ ต้องบอกว่า ยังไม่แน่ไม่นอน จากนี้ไปคงต้องว่ากันว่า “ใครจะเหนียวกว่าใคร” อะไรก็เกิดขึ้นได้ ภายใต้โลกสีเขียว ต้องดูกันยาวๆ อย่างน้อยก็หลังเดือน “พฤษภาคม” แน่ๆ

มาอีกเรื่องที่ท่านรัฐมนตรี ถึงกับออกอาการหงุดหงิด และจี้จิกในที่ประชุม นั้นคือ เรื่องงานต่างๆ ที่ทำมาว่ากันว่า แทบไม่มีข่าวคราว ในเรื่องดี งานนี้ ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” บอกเป็นภาษาวัยรุ่นว่า “ไม่ปัง” นั้นหมายถึงไม่เข้าตา แม้ว่าจะทำอะไรออกไป ก็ไม่ค่อยมีข่าว พร้อมกำชับว่า ลองไปดูว่า จะทำอย่างไรให้ “ปัง” แถมยกตัวอย่างว่า ลองไปดู ว่าจะทำอย่างไร ให้ดังเหมือนหน้ากากทุเรียน ที่ทุกคนก็อยากรู้ว่า ภายใต้หน้ากากเขาคือใคร อ้าว..ลองดูครับท่าน ท่านอธิบดี ว่าจากนี้ไปจะให้งานของกระทรวงเกษตรฯ ดังอย่างไง เผื่อทำงานเข้าตา……..อ้าวคิดครับคิด ….

มาอีกเรื่องที่ต้องอึ้งทึ่งกับความคิด เมื่อท่านรัฐมนตรีพลเอกฉัตรชัยลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อวางแนวทางในการช่วยเหลือเรื่องภัยแล้งว่ากันว่า ปีนี้ที่สระแก้วแล้งหนัก  นาที่มี ก็ทำได้ในช่วงหน้าฝนเท่านั้น งานนี้ท่านรัฐมนตรีจึงผุดไอเดียจะที่ทำให้จังหวัดสระแก้วกลายเป็นเมืองโคบาลบูรพา เป็นแหล่งเลี้ยงวัวที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยงานนี้ท่านรัฐมนตรีบอกว่า ต้องการที่จะแก้ปัญหาการปลูกข้าวของเกษตรกร ที่มีกว่า 2 แสนไร่ ในพื้นที่สระแก้วให้หันมาเลี้ยงวัวแทน เพราะแว่วว่า วันนี้ไทยต้องนำเข้าวัวจากประเทศเพื่อนบ้านกว่าปีละ 2 แสนตัว แถมท่านยังบอกด้วยว่า เรื่องนี้ท่านคิดเองคนเดียวไม่เกี่ยวกับใครอยากให้ สระแก้วเป็นเมืองโคบาลบูรพา เพิ่งคิดได้หลังจากที่ลงมาดูพื้นที่ แหมมันชั่งบังเอิญจริงๆ เพราะเรื่องนี้มีการผุดไอเดียมาแล้ว

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : พอเพียง7หมื่นราย แค่ปักป้ายก็ยังยาก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/264589

วันจันทร์ ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

251598

สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบการตั้งกระทรวงเกษตรฯ 1 เมษายนอีกครั้ง ปีนี้เป็นปีที่ 125 ซึ่งหลังจากทำบุญตักบาตรและพิธีทางศาสนาแล้ว ท่านรัฐมนตรี “พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ” ก็เดินสายไปที่ กรมส่งเสริมการเกษตร ทันทีเพื่อมอบนโยบายให้เกษตรจังหวัด เพราะกรมนี้เขามีข้าราชการที่ คลุกคลีกับเกษตรกรในพื้นที่มายาวนาน กว่าทุกกรมก็ว่าได้

ทันทีที่ ท่านรัฐมนตรี มอบนโยบายในเบื้องแรก ไม่กี่นาทีที่ออกอาการหัวเสียทันที เมื่อเหลือบไปเห็นเกษตรจังหวัดคนหนึ่ง ที่มาฟังนโยบายในที่ประชุมนั่งหลับรับฟังนโยบายของท่านรัฐมนตรี แหม..นั่งทางในระหว่างที่ท่านรัฐมนตรีเรียกมากำชับขนาดนี้ต้อง บอกตรงๆว่า…พระสงฆ์งงกับท่านจริงๆที่รับฟังนโยบาย แบบนั่งทางในได้ เล่นเอาท่านรัฐมนตรีไม่แฮบปี้ ถึงกับออกปากเตือนกลางที่ประชุม มิน่าสั่งอะไรไป ไม่เคยเข้าใจ สั่งไปยังไงก็ไม่เคยได้ตามที่วาดหวัง อย่างนี้สินะการพัฒนาการเกษตรไทยมันถึงล่าหลัง ย่ำอยู่กับที่ ไม่มีอะไรดีขึ้น ซึ่งจากนี้ไปเจ้าหน้าที่ปรับแผนการทำงานใหม่ เข้าใจเข้าถึงเกษตรกร ไม่ใช่ทำงานอยู่กับที่ ต้องลงคลุกคลีเกษตรกร ที่สำคัญทุกหน่วยงานต้องทำงานร่วมมือร่วมใจมิใช่ต่างคนต่างทำ โดยยึดเป้าหมายในการพัฒนาการเกษตรไทยให้ได้อีกที อย่าลืม ณ เพลานี้ ความศรัทธา ระหว่างเกษตรกรไทยกับเจ้าหน้าที่ เกษตรกรเขาศรัทธาท่านๆน้อยลง เพราะที่ผ่านมา พึ่งพิงท่านๆ ลำบากเข้าถึงยากเข้าไปทุกที

มาอีกเรื่องที่เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพ ของงานการพัฒนาการเกษตรที่ไม่น่าเกิดขึ้นกับกระทรวงเกษตรฯนั้นคือ เรื่องการส่งเสริมเรื่องความกินดีอยู่ดีของเกษตรกร ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง  ที่กระทรวงเกษตรเขาจะผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้ 7 หมื่นแห่งทั่วประเทศ  ณ ปี 2560  ซึ่งเท่าที่แอบ ไปคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ ทั้งภาคกลาง โดยเฉพาะ จังหวัดชัยนาท สุพรรณและดอดไปถึงเมืองสารคาม แถวภาคอีสาน บอกตรงๆ หละงง กับ การทำงานของคนกระทรวงเกษตรจริงๆ ซึ่งเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงที่ท่านอยากเห็นนั้น  เท่าที่ไปดู มันเหมือนว่า เจ้าหน้าที่ ของกระทรวงเกษตรที่ไปลงพื้นที่ ดูเหมือนจะไม่เข้าใจตนเอง อธิบายให้ชัดเจน เรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงวันนี้ มีเกษตรกรบางกลุ่มเขาอยากทำ แต่ยังขาดความเข้าใจ….อันนี้ ท่านหน่วยงานกระทรวงเกษตรก็ควรจะไปให้ความรู้ ส่งเสริมให้ถูกที่ ให้ถูกทาง ให้เห็นภาพชัดเจนว่าดีอย่างไร เพียงพอหรือพอเพียงอย่างไร เพราะพวกนี้เป็นพวกรอคอย การแนะนำถึงจะเดินได้ ส่วนบางพวกก็ไม่เคยสนใจกับภาครัฐ และยืนบนขาตนเองมาตลอด พวกนี้สบาย เพราะส่วนใหญ่ ทำตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาตลอดชีวิตไม่มีปัญหา ไม่เคยสนใจภาครัฐมีแต่ภาครัฐสนใจ เพราะจะได้หาที่ปักป้ายหวังเอาเป็นผลงานตนเองเวลานายลงพื้นที่

เพราะเท่าที่ดู และแอบลงไปพื้นที่ มีข้อมูลชัดเจนว่า ส่วนใหญ่นโยบายที่สั่งไป ข้าราชการระดับล่างมีแต่เล่นปาหี่ สร้างภาพ เพราะที่เขาทำอยู่แล้ว ท่านๆ ก็ไปขอปักป้ายจ่ายให้ รายละ 5,000 บาท บางแห่งป้ายหละ 1 หมื่นบาท พอผู้ใหญ่ไปตรวจงานก็แอบกระซิบบอกเจ้าของสวน เจ้าของแปลงว่าให้บอกว่าตนเองมาส่งเสริมทำอย่างนี้กันมายาวนาน ส่วนแปลงใหม่หวังจะเกิดใหม่ ก็ไปบอกให้ชาวบ้านเข้าชื่อลงชื่อให้จบๆไปและที่น่าสังเวชกว่านั้น คือในบางพื้นที่ ภาคกลางบางจังหวัด เท่าที่ถามชาวบ้าน บอกว่า
เห็นทางจังหวัดให้มาลงชื่อ รับแจกของว่า จะให้ปัจจัยการผลิตที่ไปทำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง แต่..งงว่าเจ้าหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานต่างๆทำไมต่างคนต่างมา บางวันก็เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์มาแจกเป็ด 5 ตัว จากนั้นก็มีมาแจกมะนาว 1 ต้น และหลังจากนั้นก็มีแจกต้นฝรั่งอีก 1 ต้น และต่อมาก็มีมาแจกมะละกออีก 1 ต้น ต้นกล้วยอีก 1 ต้น  วันหลังก็มีแจกเมล็ดพันธ์ุผัก อีก 5 ซอง  และที่มึนไปกว่านั้น บางวันมีกรมประมงมาแจกพันธ์ุปลา ถึงถามเขาว่า กี่ตัวเขาบอกว่า1,000 ตัวทั้งที่ยังไม่มีบ่อปลา ที่สำคัญชาวบ้านบอกท่าน ท่านแจกให้บ้านฉันมีมากกว่านั้นไม่ทราบว่าแจกทำไม “วันนี้ต้องบอกว่า อย่าหวังจะได้เห็นการส่งเสริม เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง 7 หมื่นราย แค่หาที่ปักป้ายยังยาก

ฟังกันชัดขนาดนี้ ท่านจะพอทราบ แล้วนะขอรับท่านรัฐมนตรี ว่าปัญหาของกระทรวงเกษตรฯ  ณ เพลานี้ ที่ขับเคลื่อนลำบากว่า แท้จริงมันเกิดจากอะไร ที่สำคัญ ไอ้ที่ท่านขันนอตข้าราชการที่กรมส่งเสริมการเกษตรวันนี้หละถูกแล้ว แต่อย่างไร ลองขันนอตตัวที่ใหญ่กว่านั้นลองดู เผื่อมีอะไรดีขึ้น เพราะเครื่องยนต์ ขันนอตตัวเล็กๆ ให้ตาย ถ้าไม่ขันนอตยึดเครื่องยนต์ ให้ดีเครื่องก็คงวิ่งลำบาก เช่นกัน

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : ส่งเสริม แปลงใหญ่… ให้ถูกที่ถูกทาง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263461

วันจันทร์ ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

251598

ตามติดตามเรื่องงานการกระทรวงเกษตรฯ กันมาติดๆ ต้องบอกว่า หลายเรื่องมึนกับนโยบายปลายทางในการช่วยเหลือเกษตรกรของกระทรวงเกษตรจริงๆว่า วันนี้กระทรวงเกษตรยึดหลักอะไรในการทำงาน ที่บอกว่า อย่างนี้มันมีที่มานั้นคือ สัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯมีการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ที่มีท่านรัฐมนตรี พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ นั่งหัวโต๊ะ และจบด้วยการแถลงข่าว ถึงการประชุม พร้อมด้วยการชี้แจงเรื่องที่สังคม อยากได้ความกระจ่าง และหนึ่งในจำนวนนั้นคือ เรื่องของการอนุญาตการใช้พื้นที่ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ว่าทำได้หรือเหมาะสมหรือไม่ หลังจากที่ศาลปกครอง มีการตัดสินว่า กังหันลม ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ที่ขอใช้พื้นที่ ผิดและควรยกเลิก อันเกิดจากประชาชนในพื้นที่ ไม่ได้รับผลประโยชน์นั้นเอง ซึ่งทันทีที่มีคำสั่งดังกล่าว ทำให้มีการตั้งคำถามมากมายว่า ส่วนที่เหลืออีกทั้งหมด อีก 10 แห่งที่ทั้งสร้างไปแล้วผลิตไฟฟ้าได้แล้ว จะเข้าข่ายเดียวกันหรือไม่ ว่าทำไมต้องยกเลิก เพราะอันเป็นเหตุว่า คำสั่งศาลปกครองมันต้องผูกพันกับกรณีลักษณะกิจการที่คล้ายกันนั้นเอง

ต้องบอกว่า คำตอบมีชัดเจนเมื่อ “สมปอง อินทร์ทอง” เลขาฯ ส.ป.ก. จ้อกับสื่อว่า ทั้งหมดทั้งมวลที่เหลือ มันสามารถดำเนินกิจการได้ต่อไป ไม่ต้องหยุดกิจกรรม เพราะทั้งหมด มีการขออนุญาตเป็นขั้นเป็นตอน ที่สำคัญคือ ประชาชนในพื้นที่ได้ประโยชน์มากมายก่ายกองจากการใช้พื้นที่ใต้กังหันลม เพราะบางรายที่ทางบริษัทกังหันลมขอใช้พื้นที่นั้น เขามีรายได้มากถึงปีละกว่า 1 แสน 5 หมื่นบาทต่อปี ทำให้ทั้งครอบครัวเขากินดีอยู่ดีมีเงินส่งลูกจนจบปริญญาตรีแบบสบายๆ และเงินที่ได้ก็นำไปพัฒนาอย่างอื่นได้ อย่างเป็นล่ำเป็นสัน…ทีเดียว และไม่ใช่จบแค่นั้น ชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียงกับกังหันลม ยังได้ถนนหนทางไฟสว่าง โล่งแจ้งจางปาง แบบว่าดีเลิศ หรูกว่าทำนา ทำไร่ทำนาอย่างอื่น งานนี้ต้องบอกว่า….โฮ้..พระสงฆ์เป็นไปได้อย่างไรกันนี้ เพราะหลายที่ยังมีแว่วว่า สร้างผลกระทบหลายสิ่งหลายอย่าง เพราะพื้นที่ใกล้เคียงกังหันลม ก็มีคนบางคนหละครับที่ส.ป.ก. เขาแอบบอกกระจอกข่าวว่า มันทำการเกษตรไม่ได้ต้องระวังเป็นพิเศษไม่งั้นจะกระทบต่อกังหันลมที่ลงทุนสูงลิบนั้นเอง ไม่ใช่ทำการเกษตรได้ต้องไปดูข้อมูลให้ดี อ้าวยังไงหละคราวนี้ ท่าน “สมปอง” แต่ที่แน่ๆ ทันทีที่มีการการันตีว่าทำได้ เล่นเอาแค่วันเดียวผลประโยชน์ ก็เกิดขึ้นมหาศาล แต่มันไม่ใช่กับเกษตรกรดอกนาย เพราะคนที่ได้ เขาคือคนรวยรวยยังไง ก็ดูสิครับท่าน ทันทีที่ “สมปอง” บอกว่า กังหันลมทำได้ ก็มีรายได้กับคนบางกลุ่มทันที เพราะหุ้น ของกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกังหันลมก็นำโด่งในกระดาน อย่างนี้ใครได้ประโยชน์ กันหละขอรับ คิดกันให้ดี

งานนี้ต้องบอกว่ามันมีที่มาที่ไปมีคนแอบกระชิบว่า หากอยากหาเงินเข้ารัฐจริงทำไมท่าน เลขาฯส.ป.ก. ไม่เสนอให้รัฐมนตรียกที่ให้กรมธนารักษ์เขาเป็นคนจัดการ ไม่ใช่ส.ป.ก. มาทำเอง หากยึดผลประโยชน์ประเทศเป็นหลัก เพราะมันมีขบวนการจัดการที่ชัดเจนและเรื่องนี้เคยมีแนวคิดมาก่อนที่จะมีรัฐมนตรีชื่อ “ฉัตรชัย” เพราะขบวนการจัดเก็บรายได้เข้าประเทศ มีศักยภาพว่า ส.ป.ก.ลองไปดูกันนะขอรับ ที่ตั้งเสาส่งสัญญาณต่างๆ ที่บริษัท ที่ประกอบธุรกิจโทรคมนาคมเช่าชาวบ้านอยู่เขาคิดอัตราเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ ไม่น่าจะใช่35,000 บาทต่อไร่ต่อปี เหมือนที่กังหันลมเช่าที่ส.ป.ก. แน่นอน และต้องถามกันให้ชัดเจนว่า ทำไมเอกชนถึงจ้องเช่าแต่ที่ส.ป.ก. เพราะอะไร ทั้งที่เอกชนใกล้เคียง มันก็ยังพอมี มันไม่น่าจะเกี่ยวกันทิศทางลมอย่างเดียว ถ้าดีเลิศอย่างนี้ สร้างรายได้งามให้กับเกษตรกรอย่างนี้ ส่งเสริมทำแปลงใหญ่กังหันลมเลยดีไหมครับท่าน

และสุดท้ายต้องบอกว่า กังหันลมไม่น่าจะเป็นเรื่องเดียวที่ส.ป.ก. กำลังจะอญุญาต เพราะแว่วว่า ท่าน “สมปอง” กำลังจะพิจารณาอนุญาตให้ประกอบกิจการอื่นที่ไม่ใช่เกษตรกรรมในพื้นที่ ส.ป.ก.ได้ แต่ต้องเปลี่ยนชื่อให้งามแงะ แค่นั้นเอง เบื้องแรกอาจเอาเรื่องรีสอร์ทเสียก่อน ซึ่งอาจจะเปลี่ยนชื่อเป็นโอมสเตย์ อย่างนี้ และอาจจะทำนวด…ไปด้วย เพราะเป็นกิจกรรมเกี่ยวเนื่อง…ยังไง ไอเดียดีไหมคะท่านท่านเกษตรกร และที่กำลังอยากเป็นเกษตรกรอ้าวยังไงเตรียมเฮครับพี่น้อง เกษตรกรไทยเราจะรวยกันแล้ว แล้วอย่างนี้ อยากถามดังๆ ว่าจากนี้ไป นิยามคำว่าเกษตรกรและคุณสมบัติของเกษตรกรเดิมยึดตามหลักเดิมไหมครับท่านเลขาฯ “สมปอง” เผื่อ อยากเป็นเกษตรกรกับเขาบ้างครับ จะได้เข้าถูกที่ถูกเวลาจะได้เปลี่ยนอาชีพนะครับท่าน เผื่อรวย…

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : น้ำลดตอผุด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262229

วันจันทร์ ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

251598

เกษตรบูรณาการวันนี้ ตามติดงานกระทรวงเกษตรฯ กันมาอีกหนึ่งสัปดาห์ ต้องแสดงความยินดีกับท่านรองอธิบดีใหม่ถอดด้าม ทั้ง 11 คน ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งกันมาเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา งานนี้ใช้เวลาคัดเลือกกันมายาวนานหลายเดือน ในที่สุดท่านปลัด “ธีรภัทร ประยูรสิทธิ” ก็จรดปากกาลงนามแต่งตั้งท่านรองอธิบดีเสียที  ซึ่งเบื้องหลังจะอย่างไรมิอาจทราบได้ แต่งานนี้ ท่านปลัด
“ธีรภัทร” ย้ำนักหนาว่า คัดเลือกแบบว่าละเอียดถี่ถ้วน โปร่งใสขอรับ ส่วนจะเดินหน้าร่วมกันพัฒนางานกระทรวงเกษตรฯ ต่อไปอย่างไร ก็ต้องดูฝีไม้ลายมือแต่ละคน ว่าจะสมคำร่ำลือขนาดไหน จากนี้ไปต้องติดตามกันอีกครั้ง ว่าท่านๆ จะแน่แค่ไหนในผลงาน เพราะแว่วว่า หากทำดี และผลงานเด่น ไวๆนี้อาจมีสิทธิ์ชิงตำแหน่งที่สูงขึ้นไป อ้าว…จากนี้ไปลองขยันกันสักตั้งเผื่อบุญหล่นทับเท้านั่งตำแหน่งอธิบดีต่อไป

มาอีกเรื่องที่ต้องบอกว่าน้ำลดตอผุด หลังความวัวยังไม่หายดีของเรื่องเน่าๆ ในการบริหารจัดการของ ส.ป.ก. หรือสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งก็มีทั้งเรื่องการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับเกษตรกร และกลุ่มผู้มีเงินมีทอง ที่วันนี้ยังสางปัญหากันไม่รู้จบ ทั้งเรื่องที่ดินสวนส้มวังน้ำเขียว ทั้งเรื่องการออกใบอนุญาตเรื่องกังหันลม และเรื่องหมุดเดินได้ที่วังน้ำเขียว สุดท้ายมาถาโถมด้วยเรื่องการแก้ปัญหาการครอบครองที่ดินของกลุ่มนายทุน และการเปลี่ยนมือให้กับกลุ่มคนที่อยากมีที่มีทางไว้ทำกินบนเกาะพยาม จังหวัดระนอง เพราะแว่วว่า หลายสัปดาห์ ท่านเลขาฯ ส.ป.ก. “สมปอง อินทร์ทอง” แอบลงพื้นที่ไปดูเองว่าเป็นอย่างไร งานนี้คนใกล้ชิด “สมปอง” ที่สวมแว่นหนาๆ ที่ชอบเดินข้างกาย ท่านเลขาฯ บอกว่าท่านไปเงียบๆ ไม่บอกใคร  บอกไม่ได้ว่าท่านไปทำไม ปัญหาทั้งหมดทั้งมวลที่ท่านไปดู มันต้องรอแจงกับท่านรมว. “ฉัตรชัย สาริกัลยะ” เสียก่อน แหม…ปิดเงียบจริงนะพ่อคู๊ณ ทั้งไลน์ทั้งเฟซ มันกลับไม่เงียบไม่หาย แบบว่าปิดกันให้แซด….ดๆๆๆๆๆๆ จริงๆ อ้าวไหนๆก็ไปมาแล้ว เล่าแจ้งแถลงไขให้กับสังคมรู้ที เพราะกระทรวงทรัพย์ ที่เขามอบให้ ส.ป.ก. ไปแจกให้ชาวบ้านทำกิน แต่จากการไปตรวจสอบล่าสุด ทำไมที่ตรงนั้นมันเป็นของนายทุน ตาน้ำข้าว หรือบังเอิญเกษตรกร ออกลูกเป็นฝาหรั่งตั้งรีสอร์ท และบางแห่งมีการแบ่งขายกันแบบไม่ปิดบัง เขาว่ากันว่าซื้อขายได้ ว่างั้น …ยังไงท่าน

มาถึงขั้นนี้จะว่ายังไงหละท่าน “สมปอง” หรือยังจะอ้างโน่นอ้างนี่กันอีก อย่าลืมนะขอรับ ความจริงก็คือความจริง ยังไงท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย”ไว้ใจให้แก้ปัญหาแล้วยังไงเอาให้จบ ไม่ใช่ลูบหน้าปะจมูกไปวันๆ คอยนับวันแค่เกษียณ ยังไงบอกเลยว่าจะจ้างบริษัทมาแก้ภาพลักษ์อย่างไรก็คงไร้ค่าบอกตรง…ยาก…. หากยังทำงานเหมือนที่ยังทำนับวัน ยิ่งถอยหลังเข้าคลองนะขอรับ ยังไงหละคราวนี้ หากไม่อยากให้ภาพลักษณ์ ส.ป.ก.ลบไปกว่านี้ ก็แก้ซะ เพราะที่เห็นเขารู้กันทั้งบางว่านำที่ ส.ป.ก. เริ่มลดลงเต็มที ส่วนตอที่เห็นเป็นของใครต้องไปดูเอง เพียงแต่มีคนกระชิบว่า ตอกังหันลมกับตอเกาะพยามเป็นตอเดียวกัน จริงเท็จแค่ไหนก็เป็นเรื่องของท่านจะขุดออกมา ไม่งั้นหากปล่อยไว้นาน ไม่แก้อาจตำตูดท่านเองนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าไม่บอก

มาเรื่องสุดท้าย อาจเป็นเรื่องดีในอนาคต แม้เคยมีความคิดมาแล้ว เมื่อหลายปีดีดัก นั่นคือเรื่องที่ท่านนายกรัฐมนตรี “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ดำริที่จะให้มีการจัดตั้งกองทุนชาวนา ว่ากันว่าอยากให้ไปถึงฝั่งฝันเหมือนกองทุนอ้อยและน้ำตาล เพื่อช่วยเหลือชาวนาอย่างเป็นระบบนั่นเอง ซึ่งจากนี้ไปคงต้องติดตามว่า กระทรวงเกษตรฯ ของท่าน “ฉัตรชัย” จะรับไม้ต่ออย่างไร สาธุ.. ขอให้คิดได้ว่าจะช่วยอย่างไง ชาวนาจะได้ลืมตาอ้าปากได้เสียที……สวัสดี…

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : เขียนเสือให้วัวกลัว…..ประจำ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261113

วันจันทร์ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

251598

หลังจากที่ทำงานมานานกว่า 1 ปีเศษ ในตำแหน่ง รมว.เกษตรฯ ของพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ ที่มีการประเมินจากสังคมว่า งานด้านการพัฒนาการเกษตรไม่ผ่าน ทั้งที่ท่านรัฐมนตรียืนยันหนักหนาว่า  ท่านพร้อมทีมงานคู่ใจหลายคน ร่วมทำงานเต็มที่ แต่งานที่ทำดูเหมือนย่ำอยู่กับที่  จนบางทีมีการพูดบ่นกันว่า ทำไม… ทำไม  สังคมถึงมองว่า กระทรวงเกษตรฯ ทำงานไม่เข้าตา

มาถึงวันนี้ต้องบอกว่า ท่านรัฐมนตรี เริ่มเข้าใจอะไรเป็นอะไรในกระทรวงเกษตรฯ  เพราะมีคนแอบกระซิบว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ท่านรัฐมนตรี แอบบ่นมานานกับคนใกล้ชิดว่า ทำไมงานไม่คืบหน้า และมันเกิดอะไรขึ้นทั้งที่ตั้งใจจริง มันน่าจะแก้ปัญหาได้ ซึ่งสรุปกันว่างานที่หวังสร้าง หวังแก้ปัญหา อนิจจาวันนี้ได้แค่โครงสร้างเก่าๆ จนหลายครั้งท่านรัฐมนตรี ถึงกับออกอาการกลางที่ประชุม และขู่ข้าราชการหากเป็นเช่นนี้อาจมีการพิจารณาอะไรบางอย่าง นั้นหมายถึง อาจต้องปรับใครบางคนออกไปให้เกิดการขยับขยายงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย ว่าไปหลายเดือนมาจนถึงวันนี้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงปรับเปลี่ยนใดๆ สรุปว่า ทุกอย่าง เป็นแค่เขียนเสือให้วัวกลัว แต่วัวก็แค่นิ่งและก็เดินหน้ากินหญ้าต่อไปไม่สนใจภาพวาดบนกระดาษ…A4

หลังขู่และเข็นมานาน แต่งานไม่คืบ จึงมาถึงวันที่ท่านรัฐมนตรี ถึงกับประกาศปิดห้องพูดคุยกับท่านอธิบดี เพื่อให้รู้อะไรบางอย่าง ก่อนวันนั้นจะมาถึง โดยแว่วว่า ต้นเดือนที่ผ่านมา ท่านรัฐมนตรีได้เรียกประชุมวงเล็ก เฉพาะท่านอธิบดีเพียวๆ  ไม่มีผู้ติดตาม ห้ามผู้ตรวจราชการ รองปลัด และท่านปลัดกระทรวงเข้าเด็ดขาด ไม่มีตัวแทนมีแต่ตัวจริง ณ ที่แห่งหนึ่งแถวย่านวิภาฯ ในวันศุกร์ปลายสัปดาห์ โดยให้เปิดใจคุยกันแบบพี่แบบน้อง จ้อถึงปัญหา ถามไถ่ ความจริงใจ เพื่อนำไปสู่การพัฒนา จี้ถามปัญหาที่คาใจ ซึ่งท่านๆ อธิบดี ก็จ้อกันใหญ่ และเท่าที่ทราบ เขาว่ากันว่า บรรยากาศก็เป็นไปด้วยความชื่นมื่น กว่าท่านรัฐมนตรีจะสรุปว่าจากนี้ไป หากมีปัญหาให้มาพบโดยตรง ไม่ต้องผ่านใคร งานจะได้เดินหน้าได้ไว เพราะเท่าที่ประเมินกันในที่ประชุม ปัญหาการขับเคลื่อนงานทั้งหมด ทั้งมวล ที่ล่าช้า ส่วนหนึ่งมาจากตัวกลาง การเชื่อมโยงระหว่างระดับนโยบาย ที่จะนำข้อมูล มันมีปัญหา ไปไม่่ถึงระดับปฏิบัติจริงๆ ทำให้คนที่ทำงานไม่เข้าใจ ส่วนใครเป็นต้นเหตุ…ไปคิดกันเองนะขอรับ เพราะคนในห้องประชุมในวันนั้นทั้งหมด เข้าใจตรงกัน

จากนี้ไป ต้องบอกว่า วันนี้ ณ ที่กระทรวงเกษตรฯ มีหลายอย่างที่ต้องจับตามอง แม้วันนี้ ท่านรัฐมนตรีจะบอกว่าตั้งใจจริงและเอาอยู่กับปัญหาการเกษตร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ปัญหาให้จบกันได้แบบง่ายๆ แม้จะขู่จะปลอบอย่างไงก็ตาม เอาง่ายๆ แค่เรื่องการจัดการพื้นที่ปลูกข้าวในทุ่งเจ้าพระยาที่กำหนดชัดวันนี้ ยังเกินไปมากมายก่ายกอง ปัญหาที่ตามมาคือ ราคาข้าว  นั้นไม่รวมถึงปัญหาภัยแล้งที่แล้งจัด โดยเฉพาะในพื้นที่ จังหวัดบุรีรัมย์บางอำเภอ วันนี้แล้งจนชาวบ้านต้องขอน้ำ และมีการแจกน้ำกันแล้ว ซึ่งไหนๆ ท่านก็พูดในที่ประชุม หลายที่ว่าทุกอย่าง วางกลยุทธ์แบบทหาร ถึงวันนี้ท่านก็น่าจะเข้าใจคำว่า ศึกที่น่ากลัวที่สุดคือ ศึกภายใน ยังไงท่านก็ควรสะสางให้จบก่อนรบข้างนอก อย่าทำแค่เขียนเสือให้วัวกลัว เพราะเห็นเขียนบ่อยเดี๋ยวมันไม่กลัว…นะท่าน

ราชดำเนิน