รพ.จุฬาภรณ์ คว้ารางวัล ‘FINALIST’ กลุ่มแบรนด์ BEST BRAND PERFORMANCE ON SOCIAL MEDIA

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712943

รพ.จุฬาภรณ์ คว้ารางวัล ‘FINALIST’ กลุ่มแบรนด์ BEST BRAND PERFORMANCE ON SOCIAL MEDIA

รพ.จุฬาภรณ์ คว้ารางวัล ‘FINALIST’ กลุ่มแบรนด์ BEST BRAND PERFORMANCE ON SOCIAL MEDIA

วันพุธ ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 18.35 น.

22 กุมภาพันธ์ 2566 โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ได้รับรางวัล FINALIST ในกลุ่มรางวัล BEST BRAND PERFORMANCE ON SOCIAL MEDIA กลุ่มแบรนด์ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดีย สาขาโรงพยาบาล ในงาน THAILAND SOCIAL AWARDS ครั้งที่ 11 งานประกาศรางวัลโซเชียลสุดยิ่งใหญ่แห่งปี จัดขึ้น ณ TRUE ICON HALL ICONSIAM โดยบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียล เพื่อส่งเสริมการใช้โซเชียลมีเดียอย่างสร้างสรรค์ และยกระดับวงการโซเชียลผ่านการมอบรางวัลเพื่อเชิดชูแบรนด์และผู้ที่ใช้โซเชียลมีเดียยอดเยี่ยมในสาขาต่างๆ

สำหรับกลุ่มรางวัล BEST BRAND PERFORMANCE ON SOCIAL MEDIA นี้มอบให้กับแบรนด์ที่มีความเป็นเลิศในการใช้โซเชียลมีเดียทำกิจกรรมอย่างเป็นรูปธรรมในแต่ละอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยใช้เกณฑ์การวัดผลตามมาตรฐาน WISESIGHT METRIC ซึ่งพัฒนาโดยไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) ในการวัดประสิทธิภาพการทำงานบนโซเชียลมีเดียของแบรนด์จากช่องทางของตัวเอง (Own Channel) และช่องทางจากการที่คนอื่นพูดถึงแบรนด์ (Earn Channel) ผ่าน 4 แพลตฟอร์มหลัก คือ Facebook, Instagram, Twitter และ YouTube ทั้งนี้ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้พัฒนาการใช้โซเชียลมีเดียอย่างสร้างสรรค์สื่อสารคอนเทนต์สุขภาพสร้างสังคมไทยสุขภาพดีมาอย่างต่อเนื่องผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักหลากหลายช่องทางของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และ CRA Chulabhorn Channel ได้แก่ Facebook, LINE, YouTube, Instagram, Twitter และTiktok เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ติดตามในหลากหลายช่วงวัยและตอบสนองความต้องการในการให้บริการความรอบรู้ด้านสุขภาพอันเป็นประโยชน์สู่สังคมรวมถึงขับเคลื่อนการสื่อสารภารกิจบริการทางการแพทย์ด้านต่าง ๆ พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้ติดตามผ่านกิจกรรมในช่องทางโซเชียลมีเดียมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง การใช้โซเชียลมีเดียยังเป็นช่องทางการสื่อสารหลักที่ช่วยเชื่อมต่อทุกการรักษาสู่ประชาชนให้สามารถเข้าถึงการดูแลรักษาสุขภาพที่โรงพยาบาลได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ทั้งนี้ การได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน Finalist ในกลุ่มรางวัล BEST BRAND PERFORMANCE ON SOCIAL MEDIA สาขา HOSPITAL นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจและโรงพยาบาลจุฬาภรณ์จะยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์คอนเทนต์สุขภาพและพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป เพื่อสร้างความพอใจสูงสุดแก่ผู้รับบริการต่อแบรนด์โรงพยาบาลจุฬาภรณ์

สามารถร่วมติดตามข่าวสารการให้บริการคอนเทนต์ความรู้ด้านสุขภาพกับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ทาง Facebook @chulabhornhospital และติดตามเป็นเพื่อนทางไลน์เพื่อเข้าถึงการให้บริการทางการแพทย์กับศูนย์การรักษาโรคเฉพาะทางอย่างครบวงจรของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ได้ที่ LINE Official Account @chulabhornhospital นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามรายการ และสื่อวีดิโอเพื่อบริการความรอบรู้ด้านสุขภาพ และโครงการภารกิจต่าง ๆ ได้ทาง CRA Chulabhorn Channel ผ่านทางเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย 5 แพลตฟอร์ม

• Youtube (https://youtube.com/@ChulabhornChannel)

• Instagram (https://instagram.com/cra.chulabhorn_channel)

• Facebook (https://www.facebook.com/CRAChulabhornChannel/)

• Twitter (https://twitter.com/crachulabhorn)

• TikTok (https://www.tiktok.com/@chulabhornchannel)

เครื่องตรวจน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (CGM) ระบบเตือนภัย แม้ในยามหลับ เพื่อผู้ป่วยเบาหวาน

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712923

เครื่องตรวจน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (CGM) ระบบเตือนภัย แม้ในยามหลับ เพื่อผู้ป่วยเบาหวาน

เครื่องตรวจน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (CGM) ระบบเตือนภัย แม้ในยามหลับ เพื่อผู้ป่วยเบาหวาน

วันพุธ ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 17.36 น.

เครื่องตรวจน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (CGM) ระบบเตือนภัย แม้ในยามหลับ เพื่อผู้ป่วยเบาหวาน สู่ผลการรักษาที่ดีขึ้น

โรคเบาหวาน (Diabetes) คือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของฮอร์โมนที่ชื่อว่า ‘อินสุลิน(Insulin)’ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายจำเป็นต้องมี ทำหน้าที่นำน้ำตาลในกระแสเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย แต่หากระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงมากขึ้นถึงระดับหนึ่ง จนทำให้ไตดูดกลับน้ำตาลได้ไม่หมด ส่งผลให้มีน้ำตาลรั่วออกมากับปัสสาวะ หากปล่อยให้เกิดภาวะเช่นนี้ไปนานๆ โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงตามมาในที่สุด

ปัจจุบันสถานพยาบาลในไทยมักมีการนำเครื่องตรวจน้ำตาลแบบต่อเนื่อง มาใช้กับผู้ป่วยเบาหวานเพื่อติดตามระดับน้ำตาลในเลือดกันอย่างแพร่หลาย เพื่อการควบคุมระดับตาลในเลือดตามคำแนะนำของแพทย์และการรักษาที่มีประสิทธิภาพ

แพทย์หญิงณัฐกานต์ มยุระสาคร อายุรแพทย์โรคต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิสม ศูนย์เบาหวานและเมตาบอลิก โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า “เบาหวานเป็นโรคที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ผู้ป่วยเบาหวานหลายท่านไม่สามารถคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ มักมีค่าน้ำตาลในเลือดแกว่งขึ้นลง บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยเบาหวาน เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ มักมีอาการเป็นลม หมดสติ ซึ่งถือเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เสี่ยงต่อภาวะโรคหัวใจ เพื่อป้องกันภาวะค่าน้ำตาลในเลือดแกว่งขึ้นลงจึงเป็นสิ่งจำเป็นและควรหาวิธีควบคุม

สำหรับ เครื่องตรวจน้ำตาลแบบต่อเนื่อง หรือ CGM(continuous glucose monitoring) นั้น เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถตรวจวัดระดับน้ำตาลได้แบบต่อเนื่องตลอดเวลา โดยจะวัดระดับน้ำตาลทุกๆ 3 นาทีตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยจะติดเครื่องนี้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยเป็นเครื่องติดที่หน้าท้อง มีเซ็นเซอร์เป็นโลหะปลอดภัย ยาวประมาณ 7 มม. สอดเข้าชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และส่งข้อมูลไปยังโทรศัพท์มือถือได้แบบเรียลไทม์ มีระบบเตือนเมื่อระดับน้ำตาลตก ตัวเครื่องกันน้ำ สามารถอาบน้ำได้สะดวก ช่วยให้ผู้ป่วยดูแลตนเองได้ และส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต แพทย์ประจำตัวสามารถเข้าถึงผลน้ำตาลแบบเรียลไทม์ วางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

ซึ่งแพทย์จะมีเกณฑ์การพิจารณาผู้ป่วยที่ควรใช้เครื่องตรวจน้ำตาลแบบต่อเนื่อง มีดังนี้

  • ผู้ป่วยเบาหวานที่มีระดับน้ำตาลในเลือดแกว่งมาก ๆ ได้แก่ ช่วงที่น้ำตาลขึ้นสูงและช่วงที่น้ำตาลตก
  • ผู้ป่วยเบาหวานที่ฉีดยาอินซูลิน 3 ครั้งต่อวันขึ้นไป
  • ผู้ป่วยเบาหวานที่มีปัญหาน้ำตาลในเลือดต่ำบ่อย โดยเฉพาะในรายที่ไม่มีอาการเตือน หน้ามืด หมดสติ
  • ผู้ป่วยเบาหวานที่ระดับน้ำตาลสะสม(HbA1C) สูง แม้จะกินยาสม่ำเสมอ ควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้ว
  • ผู้ป่วยเบาหวานที่อยากเรียนรู้ระดับน้ำตาลของตนเอง

แพทย์หญิงณัฐกานต์ อธิบายเพิ่มเติมว่า “ผู้ป่วยบางท่านมักจะถามหมอว่า ‘ผู้ป่วยเบาหวานที่เจาะน้ำตาลปลายนิ้วอยู่แล้ว ทำไมยังต้องติดเครื่องตรวจน้ำตาลแบบต่อเนื่องอยู่’ นั่นเป็นเพราะการควบคุมน้ำตาลในเลือดเป็นพื้นฐานสำคัญของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่ช่วยควบคุมอาการไม่ให้แย่ลง การติดเครื่องตรวจน้ำตาลแบบต่อเนื่องจะสามารถบอกแนวโน้ม (trend arrow) การขึ้นลงของระดับน้ำตาลซึ่งไม่สามารถบอกได้โดยการเจาะน้ำตาลปลายนิ้ว มีข้อดีคือช่วยในการปรับยา อาหารและการออกกำลังกายได้แบบเรียลไทม์ ทั้งยังมี แอพพลิเคชั่นเตือน (alarm) ให้ดื่มน้ำหวานทันทีที่น้ำตาลเริ่มตก แม้ในขณะนอนหลับอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีระบบดูแลและเฝ้าระวัง (remote monitoring) จากทีมสหสาขา และใช้ข้อมูลที่ได้จากเครื่องวางแผนปรับพฤติกรรมแบบเรียลไทม์ เพื่อควบคุมค่าระดับน้ำตาลสะสม (estimated HbA1C หรือ glucose management indicator; GMI) ให้ดีขึ้นได้ใน 2 สัปดาห์”

“การประเมินว่าเบาหวานควบคุมได้ไหมนั้น ปกติเวลามาตรวจตามนัดเราจะเจาะเลือด 2 อย่าง ก็คือ หนึ่ง : งดน้ำงดอาหารเช้าวันที่เจาะเลือด และ สอง : ตรวจวัดค่าเฉลี่ยน้ำตาลสะสม 3 เดือน หรือ HbA1C บางครั้ง 2 ค่านี้มันไม่สอดคล้องกัน เช่น คนไข้งดอาหารปกติแต่ว่าน้ำตาลสะสมสูง หรือ บางครั้งน้ำตาลยังสะสมสูงอยู่ แต่คนไข้บอกว่าระหว่างวัน น้ำตาลตก มีใจสั่นหวิว หิวเหงื่อแตก แสดงว่าค่าน้ำตาลในเลือดแกว่ง บางครั้งก็ลง บางครั้งก็ขึ้น

หรือยิ่งไปกว่านั้น หากคนไข้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำขณะนอนหลับ อาจเกิดอันตรายเนื่องจากผู้ป่วยอาจไม่รู้สึกตัวตื่นมากินน้ำหวานแก้ไขได้ทัน แต่ถ้าหากเราทราบระดับน้ำตาลได้อย่างต่อเนื่อง จะสามารถช่วยลดการเกิดภาวะโรคแทรกซ้อน ช่วยให้แข็งแรง และช่วยให้มีคุณภาพชีวิตคนไข้เบาหวานดีขึ้น” แพทย์หญิงณัฐกานต์ ทิ้งท้าย

สามารถศึกษาข้อมูลได้ทาง www.praram9.com/continuous-glucose-monitoring-cgm/  และ www.youtube.com/watch?v=umvZNbw89PM พร้อมรับคำปรึกษาจากแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและนัดหมายได้ที่ Website: www.praram9.com / Line: lin.ee/vR9xrQs หรือ @praram9hospital และ ทาง Facebook: Praram9 Hospital โทร. 1270 หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine) ที่ https://lin.ee/euA1bAc โรงพยาบาลพระรามเก้า HEALTHCARE YOU CAN TRUST เรื่องสุขภาพ…ไว้ใจเรา #Praram9Hospital

เปิดแล้วโครงการ ‘OTOP Premium Go Inter’ ปีที่ 8 พัฒนาศักยภาพ-ชูกลยุทธ์ Soft Power ไทยสู่สากล

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712799

เปิดแล้วโครงการ ‘OTOP Premium Go Inter’ ปีที่ 8 พัฒนาศักยภาพ-ชูกลยุทธ์ Soft Power ไทยสู่สากล

เปิดแล้วโครงการ ‘OTOP Premium Go Inter’ ปีที่ 8 พัฒนาศักยภาพ-ชูกลยุทธ์ Soft Power ไทยสู่สากล

วันพุธ ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 12.24 น.

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดตัว “โครงการพัฒนาและส่งเสริมการตลาดสินค้า OTOP สู่ตลาดสากล” หรือ “OTOP Premium Go Inter” ปีที่ 8  ร่วมมือกับ 8  นักออกแบบระดับแนวหน้าชั้นนำของประเทศ ลงพื้นที่พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย ชูกลยุทธ์ Soft Power ดันอัตลักษณ์ท้องถิ่นไทย โดนใจตลาดโลก เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ณ โรงแรมมิราเคิล หลักสี่ กรุงเทพมหานคร

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (DITP) เปิดเผยว่า “โครงการพัฒนาและส่งเสริมการตลาดสินค้า OTOP สู่ตลาดสากล ปีที่ 8” หรือ “OTOP Premium go Inter” ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” เพื่อผลักดันการส่งออกสินค้า OTOP อย่างครบวงจร ตั้งแต่การเพิ่มศักยภาพในการประกอบธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการสร้างโอกาสทางการค้าอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ OTOP เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากจุดเด่นด้านอัตลักษณ์ ฝีมือ และภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเป็นหนึ่งใน Soft power ที่ช่วยสร้างทัศนคติและภาพลักษณ์ที่ดีแก่สินค้าและธุรกิจบริการของไทยนั้น  ยังมีความจำเป็นในการพัฒนายกระดับสู่การค้าระหว่างประเทศ โดยสร้างความแตกต่าง ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ และเทรนด์โลก โดยเฉพาะ BCG รวมถึงพัฒนาศักยภาพ เชิงธุรกิจของผู้ประกอบการ

โดยโครงการในปีที่ 8 นี้ จะพิเศษกว่าทุกครั้ง คือมุ่งเน้นการพัฒนาแบบ customized ที่เจาะลึกและเข้มข้นยิ่งขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และมีชื่อเสียงระดับสากล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างผลิตภัณฑ์คอลเลคชั่นใหม่เพื่อออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ และยกระดับศักยภาพทางธุรกิจ กับ 8 นักออกแบบ อาทินายยุทธนา อโนทัยสินทวี  นักออกแบบสินค้าไลฟ์สไตล์ เจ้าของธุรกิจ Upcycling แบรนด์ The ReMaker นายธีระ ฉันทสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์  เสื้อผ้า ผ้าทอและผ้าบาติกร่วมสมัย ดร.กรกต อารมย์ดี Creative Director เจ้าของแบรนด์ Korakot ศิลปินศิลปาธร สาขาออกแบบ ปี 60 นายศุภชัย แกล้วทนงค์ เจ้าของแบรนด์ TIMA ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ Designer of the Year สาขา Product Design นายเอก ทองประเสริฐ แฟชั่นดีไซเนอร์และสถาปนิกชั้นนำระดับสากล ผู้ก่อตั้งแบรนด์ EkThongprasert  Sculpture Studio นายศรัณย์ เย็นปัญญา Designer และ Artistic Director แบรนด์ 56th นักออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับแนวหน้าที่ใช้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมร่วมสมัยสู่ผลิตภัณฑ์ระดับสากล นายวลงค์กร เทียนเพิ่มพูล เจ้าของแบรนด์ PATAPIAN ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยวัสดุจากธรรมชาติสู่สินค้าไลฟ์สไตล์ และนายปฏิพัทธ์ ชัยวิเทศ นักออกแบบสิ่งทอและศิลปินระดับสากล เจ้าของแบรนด์ Patipat Design Studio และ Designer of the Year สาขา Textile and Fabric Design

ทั้งนี้การดำเนินโครงการต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 8 นั้น มีผู้เข้าร่วมโครงการมากกว่า 3,000 ราย ได้ผ่านเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาเชิงลึกกว่า 300 ราย และสร้างสรรค์สินค้าต้นแบบใหม่มากกว่า 1,200 รายการ ช่วยพัฒนาและยกระดับสินค้า OTOP ให้มีมูลค่าเพิ่มและมีคุณภาพตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น ในปี 2566 นี้ โครงการยังมีกิจกรรมเพื่อสร้างโอกาสต่อยอดเชิงพาณิชย์ให้กับผู้ประกอบการโอทอป อาทิ กิจกรรม Mini Trade Show กิจกรรมการเจรจาธุรกิจกับคู่ค้า และพิเศษการมอบรางวัล Premium Star Awards ชิงโล่และเงินรางวัลรวมกว่า 50,000 บาท

อย่างไรก็ตามหลังจากการเปิดตัวโครงการ OTOP Premium Go Inter by DITP ปีที่ 8 ในวันนี้( 21 ก.พ.66) แล้ว ผู้ประกอบการที่สนใจในส่วนภูมิภาค สามารถสมัครเข้าร่วมอบรมสัมมนาและร่วมรับการคัดเลือกได้ในอีก 5 จังหวัดที่เหลือ ได้แก่

จ.นครศรีธรรมราช : วันที่  3  มีนาคม  2566 ณ   โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน นครศรีธรรมราช

จ.อุดรธานี :  วันที่ 10 มีนาคม  2566   โรงแรม เดอ ปริ้นเซส โฮเทล

จ.อุบลราชธานี : วันที่ 13 มีนาคม  2566   โรงแรมเซ็นทารา อุบลราชธานี

จ.น่าน : วันที่ 29 มีนาคม  2566   โรงแรมน่านบูติค รีสอร์ท

จ.เชียงใหม่ : วันที่ 31 มีนาคม  2566   โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ เชียงใหม่

ติดตามความคืบหน้าของโครงการได้ ที่  Facebook : OTOP Premium Go Inter 66 หรือทาง Line Official ID : @ditpotopgointer (มีเครื่องหมาย @ นำหน้า)

นางนิศาบุษป์ วีรบุตร ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการค้าสินค้าไลฟ์สไตล์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า โครงการฯครั้งที่ 8 นี้ มีการปรับหลักสูตรให้เข้มข้นขึ้นและแก้ปัญหาให้กับผู้ประกอบการได้ลงลึกมากขึ้น โดยจัดให้มีนักออกแบบเพิ่มเป็น 8 ท่านจากเดิม 4 ท่านเพื่อมาให้ความรู้ในเชิงลึกในแต่ละด้านตามความชำนาญที่แตกต่างกันไป อาจเป็นเรื่องของเทคนิคหรือวัสดุ เพื่อให้มีการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการ ทำได้รวดเร็วและเต็มที่ อีกทั้งยังเพิ่มความเข้มข้นทางด้านการตลาด การคำนวณต้นทุนและการกำหนดราคาที่เหมาะสม เพราะนอกจากสินค้าต้องสวยแล้วจะต้องขายได้ด้วย โดยเปิดกว้างรับสมัครผู้ประกอบการทุกระดับเพื่อเข้าสู่รอบการพัฒนาบ่มเพาะเชิงลึกจำนวน 30 ราย ผ่านการไปแนะนำโครงการและจัดกิจกรรมใน 6 จังหวัด 4 ภูมิภาคเพื่อเข้าถึงผู้ประกอบการได้มากขึ้น

“ทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เรามีความมั่นใจ ใส่ใจและไม่หยุดพัฒนาเพื่อให้โครงการนี้มีคุณค่าเรื่อย ๆ ปีนี้จะเป็นปีพิเศษอีกอย่างคือการให้รางวัล แก่สินค้าที่สามารถตอบโจทย์การตลาดได้จริง ทั้งมิติด้านดีไซน์ ,ราคาและการตลาดต่าง ๆ สวยและขายได้ ยังมอบเงินรางวัลแก่ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในระดับที่รองลงมา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจเพื่อให้ก้าวสู่ระดับสากลได้”

สำหรับความสำเร็จของโครงการโดยรวม 7 ครั้งที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไทยมีการพัฒนาสินค้าและสามารถขายได้จริงมากระทั่งปัจจุบัน ตัวอย่างสินค้าเด่นที่สามารถยกระดับไปไกลถึงระดับโลก อาทิ  ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมัดหมี่ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น แบรนด์ JUTATIP ผ้าฝ้ายทอมือและย้อมสีจากธรรมชาติ ได้รับรางวัล G-Mark  จากญี่ปุ่นและสินค้าหมอนยางพาราที่ดีไซน์รองรับสรีระ ระบายอากาศ ได้รับรางวัล ICONIC AWARDS ของเยอรมนี  ที่ถือเป็นความภาคภูมิใจของกรมฯ ที่สามารถผลักดันให้ผู้ประกอบการไปถึงระดับสากลได้

อย่างไรก็ตามฝากถึงบรรดาผู้ประกอบการ ให้เปิดใจ ปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่ ๆ วิธีการคิดใหม่ๆ การยอมรับความคิดนอกกรอบ เพื่อสร้างสินค้าอีกสายการผลิตหนึ่ง สู่การพัฒนาสินค้าที่โดดเด่น แล้วจะประสบความสำเร็จ

ทางด้านความเห็นของนักออกแบบที่ร่วมโครงการฯ  นายยุทธนา  จากแบรนด์ The remaker ผลิตและดีไซน์สินค้า upcycling เปลี่ยนจากวัสดุเหลือใช้ นำกลับมาทำให้มีคุณค่าอีกครั้ง โดยผ่านกระบวนการต่างๆ รวมถึงการนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วหรือของที่จะถูกทิ้งเป็นขยะมาแปลงให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพ  โดยแบรนด์จะมีสินค้าแบ่งเป็นสองส่วนหลักๆคือ 1. Fast fashion เป็นในส่วนของเครื่องแต่งกาย และ 2. Leather industry ผลิตภัณฑ์ที่เป็นหนัง การันตีด้วยประสบการณ์กว่า15ปี และรางวัลมากมาย

ปีนี้เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการที่มีฝีมือ ความสนใจ พร้อมเปิดใจเรียนรู้ ในปีนี้จะมีดีไซน์เนอร์รุ่นพี่ที่จะดูแล ให้ความรู้ และโค้ชทิศทางธุรกิจอย่างเข้มข้นกว่าปีที่ผ่านมา ยังมีโอกาสเพิ่มช่องทางการขายผ่านการเจรจาการค้า จับคู่ธุรกิจพร้อมทุนสนับสนุนพัฒนาต้นแบบสินค้ารายผลิตภัณฑ์อีกด้วย

นายธีระ ได้ร่วมโครงการฯ ตั้งแต่ปีแรกจากผลงานที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการขายของได้ จากสินค้าราคาหลักพัน สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มขายสินค้าได้เป็นหลักหมื่น  ลูกค้าต้องการสินค้าจะต้อง Waiting list และต้องวางมัดจำ พร้อมแจ้งรายละเอียดในการส่งมอบสินค้า ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะสินค้าที่ผลิตแต่ละชิ้นเป็นงานฝีมือ ขอให้ผู้ประกอบการ มีทัศนคติ และเคมีตรงกัน ตนพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่และยังช่วยขายของให้ทาง facebookโชว์สินค้าและแท็คผู้ประกอบการ เพื่อให้เพื่อนๆ และผู้สนใจ สามารถเห็นสินค้าและติดต่อซื้อขายกับผู้ประกอบการได้โดยตรงอีกด้วยที่ http://www.facebook.com/T-RA CHANTASAWASDEE

นายเอก  ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “EkThongprasert Sculpture Studio” กล่าวว่า ตอนนี้รับผิดชอบเรื่องการออกแบบเสื้อผ้าและยูนิฟอร์ม เสื้อผ้าเปรียบเสมือนการสื่อสารคนรอบตัว  เราเน้นการสวมใส่ได้หลาย ๆ ครั้ง  ดังนั้นเรื่องเนื้อผ้าและการออกแบบจะต้องทำให้เราสามารถสวมใส่ได้เรื่อยๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน การออกแบบเสื้อผ้าของเรายังตามหลังประเทศต่างๆ อยู่มาก โดยเฉพาะในแถบยุโรป เราไม่ได้เป็นผู้กำหนดเทรนด์แฟชั่นโลก ระบบการผลิตและวัสดุ เรายังไม่ค่อยสมบูรณ์ในเรื่องต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ  ถ้าเราต้องออกไปสู้จริง ๆ เรายังต้องพัฒนาอีกหลาย ๆ จุด  ถ้าหากเราพูดถึงผ้าในเชิงอุตสาหกรรม เรายังไม่แข็งแรงเท่ากับญี่ปุ่น จีน เกาหลี ยุโรป  ผ้าทอในเชิงอุตสาหกรรมของไทยเน้นถูก เน้นการใช้ฟังก์ชันมากกว่าความงาม อย่างกรณีผ้าทอพื้นถิ่นเราสามารถปรับให้ใส่ได้ในเชิงอินเตอร์เนชั่นแนล ไม่ใช่มองแค่ว่าใส่ได้เฉพาะในท้องถิ่น เวลาออกจากพื้นที่แล้วไม่เอามาใส่อีก  โครงการฯจะเข้าไปดูความแข็งแกร่งและศักยภาพของแต่ละคนเแล้วเสริมให้ดียิ่งๆขึ้น ให้กลายเป็นจุดแข็งต่อไปในอนาคต

นายศุภชัย  เจ้าของแบรนด์ TIMA กล่าวว่า เป็นคนชอบคิดชอบประดิษฐ์  เป็นคนในท้องถิ่นนครศรีธรรมราช  มองห็นของใช้ต่าง ๆ ที่เป็นหัตถกรรมของ ปู ย่า ตา ยาย มาตั้งแต่เด็กๆ จึงสนใจการออกแบบ มองเห็นสินค้าจากภูมิปัญญา เพื่อปรับให้เกิดความร่วมสมัย เช่่น กรงนก เราได้ปรับมาเป็นสินค้าตกแต่งโรงแรมหรือสินค้าไลฟ์สไตล์ เป็นต้น  พบว่าลูกค้าต้องการสินค้าใหม่อยู่เรื่อยๆ ต้องอัพเดตทุกปี  การออกแบบใหม่ ๆ เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม  เพื่อให้ผู้ประกอบการจุดประกายนำไปต่อยอดสร้างงาน ขายได้มากขึ้น ให้ลองและพยายามทำเรื่อยๆ อย่าท้อ ทีมนักแบบคอยช่วยเสริมให้

นายวลงค์กร  เจ้าของแบรนด์ PATAPIAN ผลงานรางวัลจากต่างประเทศ อาทิ  ฝรั่งเศส อิตาลี กล่าวว่า จะช่วยผู้ประกอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์งานออกแบบจักสานให้ร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น   ตามแต่ละท้องถิ่นสู่สากล ช่วยพัฒนาชิ้นงานเพื่อการต่อยอดให้มีความน่าสนใจ ทั้งนี้ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพเป็นอันดับต้นของเอเชีย จึงมีความเป็นไปได้ ที่จะพัฒนาได้สูงมาก เพราะเรามีภูมิปัญญา สิ่งที่ขาดคือการส่งเสริมการออกแบบ เหล่าดีไซเนอร์ จะช่วยพัฒนารูปแบบให้เข้ากับยุคปัจจุบัน ขอให้ผู้ประกอบการเล็งเห็นเป้าหมายเดียวกันเพื่อการต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้ไปสู่สากลให้ได้ นักออกแบบจะเข้าไปช่วยเหลือเพื่อการไปถึงจุดหมายเดียวกัน

นายปฏิพัทธ์  เจ้าของแบรนด์ Patipat Design Studio กล่าวว่า  เบื้องต้นจะดูความเป็นไปได้หรือความพร้อมและศักยภาพของผู้ประกอบการก่อน ซึ่งจะทำงานกับผู้ประกอบการที่หลากหลาย พัฒนาและปรับผลิตภัณฑ์ล้อไปตามความต้องการของตลาด ซึ่งจะต้องมีการวิจัยด้านการตลาดและอิงกระแสเทรนด์ของโลกในด้านความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำหรับดีไซเนอร์จะไปช่วยตั้งแต่กระบวนการผลิต เทคนิค เช่น ด้านสิ่งทอ จะเริ่มต้นจากเส้นใยที่จะต้องเป็นธรรมชาติ ทำด้วยมือ ไปจนถึงพัฒนาเป็นผืนผ้า ตามความถนัดของผู้ประกอบการ บางเจ้าอาจทำออกมาเป็นผ้าผืน บางเจ้าอาจพัฒนาเป็นเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างในต่างประเทศจะดูออกว่า เป็นผ้าที่ทำด้วยมือหรือมาจากโรงงาน เช่น ญี่ปุ่นชอบผ้าไทยทอมือจะขายดีในญี่ปุ่น ส่วนประเทศรอบ ๆ ในอาเซียนอาจต้องออกแบบแฟชั่นทันสมัย เช่นเดียวกับในยุโรปแม้จะเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่จะมองที่ลวดลาย การย้อมและต้องเป็นแฟชั่น จึงอยากให้ผู้ประกอบการลองทดลองอะไรใหม่ ๆ กับโครงการนี้ดีไซเนอร์จะมาช่วยให้เกิดอะไรใหม่ ๆ ซึ่งผู้ประกอบการต้องเปิดใจ

-(016)

ดูแลตัวเองอย่างไร ในภาวะ PM2.5 สูง

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712667

ดูแลตัวเองอย่างไร ในภาวะ PM2.5 สูง

ดูแลตัวเองอย่างไร ในภาวะ PM2.5 สูง

วันพุธ ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.28 น.

องค์การอนามัยโลก (WHO) ตั้งค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM2.5 ในอากาศว่าหากมีเกินกว่า 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ขณะที่ประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ค่าฝุ่นละออง PM2.5 ทุกวันนี้ถือว่าเข้าขั้นวิกฤต ด้วยปริมาณเกือบ 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะบริเวณริมถนนหรือบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่นและรอบสถานที่ก่อสร้าง

ฝุ่นละออง PM2.5 สามารถถูกสูดเข้าลึกถึงทางเดินหายใจและปอด ก่อให้เกิดการระคายเคือง แสบจมูกไอ จาม มีเสมหะ หอบหืด หัวใจวายเฉียบพลัน หลอดเลือดสมองตีบและที่อันตรายที่สุดอาจถึงขั้นเป็นมะเร็งปอด

อ.พญ.ภัทรวลัย สิรินารา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้แนะนำวิธีดูแลตัวเองเมื่อต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตฝุ่นละออง PM2.5 ในอากาศ ดังนี้ 1.ใส่หน้ากากประเกทที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอนได้เช่น หน้ากาก N95 ที่ได้มาตรฐาน 2.หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งในบริเวณที่มีมลพิษอากาศสูง 3.งดการออกกำลังกายภายนอกตัวอาคาร เช่น งดวิ่งในสวนสาธารณะชั่วคราว ให้เปลี่ยนมาออกกำลังกายภายในตัวอาคารแทน 4.หมั่นตรวจตราไม่เปิดหน้าต่างในช่วงภาวะ PM2.5 สูง เพื่อป้องกันฝุ่น PM2.5 จากภายนอกเข้ามาในตัวอาคาร 5.ช่วยกันงดการเผาไหม้ที่ “ไม่” สมบูรณ์ เช่น งดจุดเทียนในตัวอาคาร และนอกตัว อาคารงดการเผาในที่โล่ง งดใช้รถดีเซลที่ปล่อยควันดำ 6.กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ กลุ่มผู้สูงอายุและเด็ก

มะเร็งหัวใจ รักษาหายได้ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712666

มะเร็งหัวใจ รักษาหายได้ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

มะเร็งหัวใจ รักษาหายได้ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

วันพุธ ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.15 น.

โรคมะเร็งหัวใจ ฟังแล้วอาจจะไม่ค่อยคุ้นหู เนื่องจากเป็นมะเร็งชนิดที่พบได้ยาก มีอัตราการเกิดเพียงประมาณ 0.1 รายต่อประชากร 1 ล้านคน แต่หากตรวจพบในระยะแรกๆ ก็มีโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้

นพ.วิกรม เจนเนติสิน อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า มะเร็งหัวใจ สามารถแบ่งประเภทการเกิดได้ 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ มะเร็งหัวใจที่แพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่นๆ และมะเร็งหัวใจที่มีต้นกำเนิดจากหัวใจโดยตรง เช่น เยื่อหุ้มหัวใจ เส้นเลือดหัวใจ และกล้ามเนื้อหัวใจ นอกจากนี้ โรคมะเร็งหัวใจยังสามารถเกิดขึ้นได้จากบริเวณช่องอก (Mediastinum) ที่ทำหน้าที่คั่นระหว่างหัวใจ ปอด ต่อมน้ำเหลือง และอวัยวะอื่นๆ ซึ่งในบริเวณนี้มีเส้นเลือดเป็นจำนวนมาก ทำให้เซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้นจากอวัยวะอื่นภายในช่องอกมาเกาะที่เส้นเลือดแล้วลามเข้าสู่หัวใจได้

มะเร็งหัวใจในระยะแรกอาจไม่ก่อให้เกิดอาการ จนกระทั่งเมื่อก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้นจนไปอุดตันหรือทำให้เกิดความผิดปกติของการทำงานของหัวใจ จะส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการ ดังนี้ เหนื่อยง่าย วูบ เจ็บหน้าอกหัวใจล้มเหลว หน้าและคอบวมท้องมานเพราะมีน้ำในช่องท้อง ขาบวมกดบุ๋มทั้งสองข้าง หลอดเลือดดำที่คอโป่ง ตับโต

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการตรวจ Echocardiography หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยให้มองเห็นตำแหน่ง
ของก้อนเนื้องอกได้ชัดเจนมากขึ้น จากนั้นจึงเจาะชิ้นเนื้อมาตรวจ ซึ่งการเจาะชิ้นเนื้อสามารถทำได้ทั้งการผ่าเปิดทรวงอกและการส่องกล้องบริเวณทรวงอก หรือหากเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แล้วพบว่ามีน้ำอยู่ที่บริเวณเยื่อหุ้มหัวใจแพทย์อาจพิจารณาเจาะเอาน้ำที่เยื่อหุ้มมาตรวจเพิ่มเติม เพื่อแยกชนิดของการเกิดโรคมะเร็งหัวใจ

โรคมะเร็งหัวใจ สามารถรักษาได้โดยการผ่าตัด การฉายแสง และการให้ยา ไม่ว่าจะเป็นยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า และอื่นๆ ซึ่งวิธีการรักษาในผู้ป่วยแต่ละคนจะพิจารณาจากชนิดของมะเร็งต้นกำเนิด และระยะของโรคมะเร็งหัวใจ อย่างไรก็ตาม โรคนี้มักเกิดในกลุ่มคนที่อายุไม่มาก ซึ่งกลุ่มวัยนี้มักมองข้ามเรื่องการตรวจสุขภาพ ทำให้กว่าจะตรวจพบโรคก็เป็นมาระยะหนึ่งแล้ว จึงแนะนำให้หมั่นสังเกตอาการตัวเองและตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการตรวจหัวใจด้วยทำเอคโค่หัวใจ (Echocardiography), การเอกซเรย์ทรวงอก (Chest X-Ray) หรือการทำ CT Scan เพราะหากมาพบแพทย์เร็วก็มีโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้

ทั้งนี้ ปัจจุบันยังมีนวัตกรรมใหม่เพื่อการรักษาโรคมะเร็งเฉพาะบุคคลอย่าง Cancer Vaccine เป็นการนำก้อนมะเร็งของผู้ป่วยมาสกัดให้ได้โปรตีนบนผิวเซลล์มะเร็ง ซึ่งเป็นโปรตีนจำเพาะของผู้ป่วยแต่ละราย เมื่อฉีดกลับเข้าไปจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และช่วยให้เม็ดเลือดขาวในร่างกายรู้จักหน้าตาของเซลล์มะเร็ง เพื่อการกำจัดเซลล์มะเร็งร่วมกับการใช้วิธีการรักษาหลักอย่างมีประสิทธิภาพ

ไนซ์ ‘ชลธิชา แก้วบุตรดี’ คว้ามงกุฎมิสแกรนด์ แม่ฮ่องสอน 2023

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712637

ไนซ์ ‘ชลธิชา แก้วบุตรดี’  คว้ามงกุฎมิสแกรนด์ แม่ฮ่องสอน 2023

ไนซ์ ‘ชลธิชา แก้วบุตรดี’ คว้ามงกุฎมิสแกรนด์ แม่ฮ่องสอน 2023

วันพุธ ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.00 น.

ไนซ์-ชลธิชา แก้วบุตรดี คว้ามงกุฎมิสแกรนด์ แม่ฮ่องสอน 2023 รับรางวัลรวมมูลค่า 1 แสนบาท พร้อมมงกุฎ สายสะพายจากบอสใหญ่ สุทิยา ตาปนานนท์ แห่งยูนิทรัย เดินหน้ายกระดับการจัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวปาย ชูเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ผ้าทอ ผ้าไทย นวัตวิถี วัฒนธรรม ท้องถิ่น เปิดโอกาสและต่อยอดบทบาทสตรีของแม่ฮ่องสอน สร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน

สุทิยา ตาปนานนท์ ผู้อำนวยการกองประกวด มิสแกรนด์ แม่ฮ่องสอน 2023 และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิทรัย จำกัด เปิดเผยว่า ภูมิใจและยินดีที่ได้รับเกียรติได้รับลิขสิทธิ์เป็นปีที่ 6 ให้ดำเนินการจัดงานประกวดมิสแกรนด์ แม่ฮ่องสอน 2023 เพื่อคัดเลือกและเปิดโอกาสให้สาวงามจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทั้งด้านความประพฤติ กิริยา มารยาท ความสวยงาม มีบุคลิกภาพ ความสามารถ ความรู้ ความมั่นใจ ไหวพริบปฏิภาณ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคมและช่วยส่งเสริมและต่อยอดสตรีจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้มีโอกาสแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นตัวแทนเข้าชิงมงกุฎอันทรงเกียรติของเวทีมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2023 และก้าวไปสู่เวทีระดับนานาชาติในเวทีมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ตามลำดับ

การประกวดปีนี้มีสาวงามผ่านเข้ารอบสุดท้ายจำนวน 8 สาวงามได้ร่วมกิจกรรมกับกองประกวดในพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทุกกิจกรรมมีการผสมผสานการร่วมสร้างประสบการณ์ที่ส่งเสริมพัฒนางานฝีมือและศักยภาพให้กับชุมชนได้สัมผัสนวัตวิถีวัฒนธรรมท้องถิ่นและพี่น้องกลุ่ม 13 ชาติพันธุ์ และกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนางานฝีมือและสร้างรายได้ให้กับชุมชน อาทิ งานศิลปหัตถกรรม ผ้าทอ ผ้าไทย เครื่องประดับ และเดินทางไปทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่อำเภอปาย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมี ชื่อเสียงของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้แก่สักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระสุพรรณกัลยาที่วัดน้ำฮู, หมู่บ้านสันติชล, จุดชมวิวหยุนไหล, สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย และทำกิจกรรมที่ถนนคนเดินปาย การตัดสินการประกวดมิสแกรนด์ แม่ฮ่องสอน 2023 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมี ศรัณยู มีทองคำ รอง ผจว.แม่ฮ่องสอน ร่วมเป็นประธานในพิธี และ มารีม่า สุภัทรา เกลี้ยงพร้อม Miss Tourism International 2022 และ หนูดี อรปรียา เนซ่า มามูดี้ รองอันดับ 3 มิสแกรนด์
ไทยแลนด์ 2022 ร่วมงาน ณ โรงแรม อิมพิเรียล แม่ฮ่องสอน

ผลการตัดสินมิสแกรนด์ แม่ฮ่องสอน 2023 ผู้ที่ได้ครองตำแหน่งมิสแกรนด์ แม่ฮ่องสอน 2023 ได้แก่ ไนซ์-ชลธิชา แก้วบุตรดี รองชนะเลิศอันดับ 1 นันทิยา ปันตา รองชนะเลิศอันดับ 2 วัชรมน ปัญญา นอกจากนี้ยังได้รับตำแหน่ง “ขวัญใจชาวแม่ฮ่องสอน” และตำแหน่ง “ชุดไตสวยงาม” รองชนะเลิศอันดับ 3 ชญาดา ปติเขมวัฒน์ รองชนะเลิศอันดับ 4 คารีน่า คารียอร์ นอกจากนี้มีการประกาศแต่งตั้ง Young Grand Maehongson 2023 ให้กับ ด.ญ.ก้านตอง วัฒนา และขวัญใจ Young Grand Maehongson ประจำปี 2023 ได้แก่ ด.ญ.ปาริศา โปโล เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้และซึมซับศิลปวัฒนธรรม และศิลปหัถตกรรม ผ้าทอ ผ้าไทย รวมทั้งให้เยาวชนกล้าแสดงออก ได้พัฒนาบุคลิกภาพเรียนรู้ประสบประการณ์ในการเข้าร่วมสังคมอีกด้วย

คุณแหน : 22 กุมภาพันธ์ 2566

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712730

วันพุธ ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.00 น.

ll ชาว ปธพ.ทุกรุ่นต่างร่วมยินดีกับ พล.อ.ท.นพ.อิทธพร คณะเจริญ ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศแพทย์ทหาร ปี 2565 ของสมาคมแพทย์ทหารแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์..

ll เกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผอ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.)และ ผศ.ดร.จิระเสกข์ ตรีเมธสุนทร หัวหน้าโครงการและคณบดี คณะโลจิสติกส์และเทคโนโลยีการบิน ม.เซาธ์อีสท์บางกอก ได้ร่วมในงานแถลงผลงานวิจัยเรื่องการสังเคราะห์ความรู้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาไปสู่เมืองท่าและระเบียงเศรษฐกิจทางทะเลของประเทศไทย..

ll ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ พร้อม ชนิกานต์ โปรณานันท์ และ โอม ศิวะดิตถ์ ต้อนรับชาวคณะหลักสูตร Digital CEO#6 กว่า 90 คน ที่มาดูงานเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์(ประเทศไทย)เช่น สุเมธ สุรบถโสภณ,ไขแข เชิดวิศวพันธุ์,จารุพรรณ อินทรรุ่ง,ธานินทร์ พานิชชีวะ,จิรพล ตังทัตสวัสดิ์,ชมนาถ พรสมผล,ภญ.สุนทรี ตันติทวีวัฒน์,ช้างน้อย กุญชร ณ อยุธยา,ณัฐ เหลืองนฤมิตชัย,ณัฐพล สืบอ่ำ,ธนพล กองบุญมา,ธีรัส บุญ-หลง,ผศ.นพ.บุญชัย หวังศุภดิลก,ประเทือง เผ่าดิษฐ,พีรพงศ์ กรินชัย,ดร.วงกต วิจักขณ์สังสิทธิ์,ดร.ฤทธิกร ภูมศักดิ์,ดร.ชวลิต นิ่มละออ,ศิริพร วงศ์ตรีภพ,สินีนุช โกกนุทาภรณ์,อุกฤษฎ์ ตั้งสืบกุล,เชษฐา ศุภวราสุวัฒน์,อรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร..

ll มิตรสหาย ร่วมยินดีกับ ดร.ปิยะนุช สัมฤทธิ์ กก.ผจก.และผู้ก่อตั้ง วีมูฟ แพลตฟอร์ม ที่ได้รับรางวัล ศิษย์เก่าดีเด่น ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ(มจพ.)..

ll ปรบมือรัวๆ ให้ ธนพร ฐิติสวัสดิ์ ที่ให้ ESRI Thailand ถ่ายทอดองค์ความรู้ GIS จับมือนิด้า ผลิตบัณฑิตตอบตลาดงาน..

ll ดร.จรวยพรภัทร ลีสมสิริ ชวนเพื่อนๆ LTE#3 มาฉลองวันเกิดให้ประธานรุ่น ดร.คณพศ นิจสิริภัช งานนี้ดร.เอื้อมพร ปัญญาใส,เกศนรี จองโชติศิริกุล,นพดล ศรีสรรค์,ณรงค์ แผ้วพลสง,สุพจน์ จินดารัตน์,กัลยา ฉายากรณ์ศิริ ไม่พลาด…

ll ชื่นชม เทวินทร์ รัตนะวงศะวัต ที่ได้จัดตกแต่งสถานที่ภายในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ให้เข้ากับบรรยากาศวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา..

ll ผศ.ดร.ก้องภู นิมานันท์ คณบดีคณะบริหารธุรกิจ มช.(CMUBS) แจ้งเปิดหลักสูตรใหม่บัญชีบัณฑิต(หลักสูตรนานาชาติ)วิชาเอกบัญชี,วิชาโทเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือวิทยาการข้อมูล เปิดรับสมัครแล้ว TCAS รอบ 2(Quota)14-23 ก.พ.นี้ TCAS รอบ 3(Admission)7-13 พ.ค.นี้ รายละเอียดโทร.053-942140 ต่อ 120..

ll สวด ผศ.สืบศักดิ์ บุญสิทธิ์ ณ ศาลาหทัยเจ้าน้อย วัดศาลเจ้า ปทุมธานี 20-22 ก.พ. 19.00 น. ฌาปนกิจ 23 ก.พ. 16.00 น. ..

ll ขอแสดงความเสียใจกับ วราภรณ์ พิชญ์พงศา และลูกๆ ที่สูญเสียวรพงศ์ พิชญ์พงศา กรรมการผู้จัดการ บจ.นครหลวงค้าข้าว สวดพระอภิธรรมศาลา 3 วัดเทพศิรินทราวาส 22-26 ก.พ.18.00 น. ฌาปนกิจ 27 ก.พ. 14.00 น. ..ll


น้องใหม่

LIFE & HEALTH : รู้จักนวัตกรรมที่ช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712662

LIFE & HEALTH :  รู้จักนวัตกรรมที่ช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

LIFE & HEALTH : รู้จักนวัตกรรมที่ช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

วันพุธ ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.00 น.

นวัตกรรม คือ กระบวนการสร้างสิ่งใหม่หรือปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่แล้ว สามารถอ้างถึงผลิตภัณฑ์ กระบวนการ บริการ เทคโนโลยี หรือแนวคิดใหม่ๆ รวมถึงการปรับองค์กรหรือการจัดการต่างๆ ให้ดีขึ้น โดยทั่วไปแล้ว นวัตกรรมคือการหาวิธีการใหม่ๆ ในการทำสิ่งต่างๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อชีวิตของผู้คน ตัวอย่างของนวัตกรรม เช่น การพัฒนารถยนต์ อินเตอร์เนต และการรักษาทางการแพทย์ใหม่ๆ

ข้อมูลจาก ธนะชัย กุลสมบูรณ์สินธ์ นักกลยุทธ์นวัตกรรม เปิดเผยว่า จากการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรม (Global Innovation Index) ปี 2022 โดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO) พบว่า 5 อันดับแรกของประเทศนวัตกรรม คือ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา สวีเดน สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ ตามลำดับ สำหรับ ประเทศไทย อยู่อันดับ 43 นับเป็นอันดับ 3 ในประเทศอาเซียน รองจากสิงคโปร์ (อันดับ 7) และ มาเลเซีย (อันดับ 36) ทั้งนี้ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ในฐานะหน่วยงานสนับสนุนการสร้างระบบนวัตกรรมของประเทศ ได้พบว่า ในปี 2566 นี้มีแนวโน้มนวัตกรรมที่ช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ได้แก่

l ขาขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ด้านพลังงาน โดยเปลี่ยนจากการใช้พลังงานปิโตรเลียมเป็น “พลังงานหมุนเวียน” เช่น ระบบกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์แบบเข้มข้นการแปลงพลังงานจากแหล่งความร้อนใต้พิภพ พลังงานชีวภาพ พลังงานไฟฟ้า และพลังงานไฮโดรเจนสีเขียว ซึ่งเทคโนโลยีที่สำคัญต่อการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในอนาคตก็คือ “ระบบสำรองพลังงานประสิทธิภาพสูง” เช่น การสำรองไฟฟ้าสำหรับระบบโครงข่ายพลังงาน เทคโนโลยีสำรองไฟฟ้าแบบวัสดุลิเทียมไอออนขั้นสูง ระบบแบตเตอรี่ทางเลือก เป็นต้น

l การฟื้นสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอากาศยาน แม้ว่าการเปิดประเทศภายหลังวิกฤตการณ์โควิด-19 ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่รูปแบบการเดินทางและท่องเที่ยวมีการปรับเปลี่ยนไป ผู้ประกอบการจึงต้องพัฒนาการท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์ความยั่งยืนด้วยนวัตกรรม ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ตั้งแต่การพัฒนารูปแบบตลาดที่ลดการพึ่งพิง
นักท่องเที่ยวต่างชาติ การอำนวยความสะดวกและสร้างประสบการณ์ใหม่ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การบริหารจัดการที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ การท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์ชุมชน รวมถึงการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่อย่าง Workation หรือ Stacation ในด้านธุรกิจการบินก็ต้องนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยบริหารจัดการปัญหาการขาดแคลนบุคลากรและทรัพยากรในห่วงโซ่ การให้บริการที่ลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาและบริหารจัดการเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพ

l ผู้เล่นใหม่จากวงการเทคโนโลยีเชิงลึก การพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาสำคัญของโลก
โดยเป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนยากต่อการเลียนแบบ จึงสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันบนฐานของทรัพย์สินทางปัญญา สามารถผลักดันธุรกิจให้ขยาย-สร้างตลาดใหม่ได้ในระดับนานาชาติได้ อีกทั้งยังได้รับความสนใจจากผู้ใช้หรือนักลงทุนทั้งในกลุ่มเกษตร อาหาร อวกาศ เทคโนโลยีเสมือนจริง เซ็นเซอร์ ฯลฯ ทั้งนี้ พบว่าการระดมทุนของธุรกิจดีพเทคเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากตั้งแต่ปี 2561 ถึง 2565 จาก 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวอย่างของนวัตกรรม เช่น ผลิตภัณฑ์ของ Apple วัคซีนโควิด-19 รถไฟฟ้า Tesla ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงพลังของดีพเทคที่อาจจะเป็นเคลื่นลูกที่ 4 ในการปฏิวัติอุตสาหกรรม

l การกลับมาผงาดอีกครั้งของญี่ปุ่นด้วยซอฟต์ พาวเวอร์ ตั้งแต่อดีตประเทศญี่ปุ่นมีความโด่ดเด่นในการใช้ซอฟต์ พาวเวอร์ มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งการเติบโตของอุตสาหกรรมและการสร้างการรับรู้ให้กับประเทศในเวทีสากล เช่น การนำซอฟต์ พาวเวอร์ มากระตุ้นและใช้งานผ่านกิจกรรมโอลิมปิก 2020 โดยนำจุดเด่นของ MAG culture (หนังสือการ์ตูน ; manga,
อะนิเมะ ; anime และ เกม ; games) และตัวละครอย่างมาริโอ้ โปเกมอน หรือโดราเอมอน มาใช้ประโยชน์ในการสื่อสารและเชื่อมโยงกับผู้คน ส่วนประเทศไทย ภาครัฐ มีแนวทางการขับเคลื่อนซอฟต์ พาวเวอร์ ภายใต้กรอบ 5F ได้แก่ Food (อาหาร) Film (ภาพยนตร์และ วีดิทัศน์) Fashion (ผ้าไทยและการออกแบบแฟชั่น) Fighting (ศิลปะการต่อสู้-มวยไทย) และงานเทศกาล (Festival) โดยนวัตกรรมที่คาดว่าจะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยขับเคลื่อน 5F คือ NFT (Non-fungible Token) โดยเฉพาะในตลาดนักสะสมของหายาก และเป็นช่องทางสำหรับศิลปินและผู้ผลิตผลงานศิลป์หน้าใหม่ ทำให้ระบบนิเวศของผลงานสร้างสรรค์ไทยเติบโตและผลักดันซอฟต์ พาวเวอร์ ไทยให้เข้มแข็ง

l ปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์เนื้อหาจากข้อมูล ดิจิทัลได้ปฏิวัติภูมิทัศน์สื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการเข้าถึงผู้คน และเปิดทางให้กับ “คอนเทนต์ครีเอเตอร์” หลายล้านคนเข้ามาสร้างพื้นที่เศรษฐกิจสื่อรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Creator Economy” โดยเฉพาะผู้สร้างที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ปัจจุบันสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่มนุษย์ได้ออกแบบ-สอนไว้ในการสร้างไอเดียและเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างคอนเทนท์ที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนในระดับปัจเจกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่คิดเป็น 56.5% เมื่อเทียบกับการใช้งาน AI ในด้านอื่น นอกจากนี้ AI ยังมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมบันเทิงในมิติอื่น เช่น Virtual influencer ที่สามารถควบคุมและกำหนดทิศทางการสื่อสารได้ง่ายกว่าการใช้มนุษย์ มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ บุคลิกภาพโดดเด่นดึงดูดสายตาไม่ต่างจากนางแบบที่เป็นมนุษย์จริง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการรักษาภาพลักษณ์และลดต้นทุนของแบรนด์ได้อีกด้วย

l เข้าสู่ยุคใหม่ของเทคโนโลยีอาหาร การเพิ่มขึ้นของประชากรโลก พฤติกรรมการบริโภคที่เน้นอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารที่มีกระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้เทคโนโลยีชีวภาพมีส่วนสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาทรัพยากรอาหารที่มีอยู่อย่างจำกัด รวมถึงเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอาหาร ต่อยอดกระบวนการผลิตอาหารให้ตอบโจทย์การลดภาวะโลกร้อนไปพร้อมกับสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนต่อโลก เช่น เนื้อที่ทำจากพืชเนื้อสัตว์ที่เพาะในห้องแล็บ อาหารจากเครื่องปริ้นสามมิติ อาหารทางเลือกที่ปราศจากการปรุงแต่ง หรือผ่านการปรุงแต่งน้อย อาหารเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อาหารที่อัดแน่นด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยคาดว่า ตลาดอาหารแห่งอนาคตของโลกในปี 2568 จะมีมูลค่าถึง 0.31 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับปี 2563

l การลงทุนขนานใหญ่ในเทคโนโลยีความมั่นคง การพัฒนาเทคโนโลยีทางการทหารเป็นสิ่งที่หลายประเทศให้ความสำคัญเพื่อด้านความมั่นคงและทางเศรษฐกิจ เช่น การเตรียมความพร้อมด้านยุทโธปกรณ์และความมั่นคงข่าวสารทำให้เกิดการลงทุนด้านนวัตกรรมทางการทหารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย รัสเซีย และสหราชอาณาจักรที่มีการใช้จ่ายงบประมาณด้านนี้สูงสุด ส่วนนวัตกรรมที่มีความสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาเทคโนโลยีด้านไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการบินเหนือเสียง หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ปัญญาประดิษฐ์ ความมั่นคงทางไซเบอร์ และอาวุธพลังงานสูง เมื่อมองถึงประเทศไทยรัฐบาลก็มีนโยบายผลักดันให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เป็น S-Curve ตัวที่ 11 โดยเน้นการส่งเสริมและวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีสองทางที่สามารถนำใช้งานได้ทั้งภารกิจด้านความมั่นคงและสำหรับภาคพลเรือนทั่วไปเชิงพาณิชย์ด้วย

ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์

ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ

มูลนิธิผึ้งหลวงอัศวิน ชวนร่วมพีธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระพรชัยมงคลแด่เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712694

มูลนิธิผึ้งหลวงอัศวิน ชวนร่วมพีธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระพรชัยมงคลแด่เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ

มูลนิธิผึ้งหลวงอัศวิน ชวนร่วมพีธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระพรชัยมงคลแด่เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ

วันอังคาร ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 19.14 น.

มูลนิธิผึ้งหลวงอัศวิน โดยมีท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร เป็นองค์ประธาน ร่วมกับจังหวัดเชียงราย และคณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย โดยมีหม่อมหลวงสราลี กิติยากร เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ขอเชิญร่วมพีธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ตลอด 7 วัน 7 คืน อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 9.00 น. ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2566 เวลา 9.00 น. ณ วัดพระธาตุดองตุย ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

-(016)

ทูต-กงสุลฯ เม็กซิโกร่วมใจช่วยตุรกี

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712584

ทูต-กงสุลฯ เม็กซิโกร่วมใจช่วยตุรกี

ทูต-กงสุลฯ เม็กซิโกร่วมใจช่วยตุรกี

วันอังคาร ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 15.24 น.

ฯพณฯ เบร์นาโด กอร์โดบา เตโย เอกอัครราชทูตเม็กซิโกประจำประเทศไทย และมาดาม เอเดรียนา เมนเดซ ภริยา เข้าพบนางแซรัป แอร์ซอย เอกอัครราชทูตตุรกีฯ ส่งมอบกำลังใจและแสดงความเสียใจกับชาวตุรกีกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยมี ณพ ณรงค์เดช กงสุลกิตติมศักดิ์สหรัฐเม็กซิโก ประจำกรุงเทพฯ และคุณดาว-พอฤทัย ภริยา ร่วมมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคจำเป็นต่างๆ อาทิ เสื้อแจกเกตกันหนาว ที่นอน ผ้าห่ม ฯลฯ เพื่อบรรเทาความยากลำบากขณะนี้ ณ สถานทูตตุรกี เอ็มไพรส์ทาวเวอร์ สาทร

-(016)