‘นเรศ’เปิดประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ อปท. ย้ำ 4 แนวทางบริหารสู่ความยั่งยืน

'นเรศ'เปิดประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ อปท. ย้ำ 4 แนวทางบริหารสู่ความยั่งยืน

‘นเรศ’เปิดประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ อปท. ย้ำ 4 แนวทางบริหารสู่ความยั่งยืน

วันอาทิตย์ ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 22.07 น.

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2568 นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีบัญชี 2568 สหกรณ์ออมทรัพย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำกัด โดยมี ผู้บริหารสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสมาชิกสหกรณ์ เข้าร่วม ณ โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ แนวนโยบายของรัฐบาลต่อการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินกิจการของสหกรณ์ออมทรัพย์

นายนเรศ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสหกรณ์ออมทรัพย์ในฐานะสถาบันการเงินที่มั่นคงสำหรับสมาชิก พร้อมเสนอแนะให้สหกรณ์ฯ มุ่งเน้น 4 ประเด็นหลักในการทำงาน ได้แก่ 1) ธรรมาภิบาลและความโปร่งใส การบริหารงานต้องอาศัยความซื่อสัตย์ ตรวจสอบได้ และเปิดเผยข้อมูลอย่างรอบด้าน 2) การบริหารความเสี่ยงและคุณภาพสินเชื่อ ต้องมีระบบกลั่นกรองสินเชื่อที่เหมาะสม มีการตั้งสำรองหนี้อย่างรอบคอบ และติดตามการชำระหนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปัญหาหนี้เสีย 3) การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในการบริการ เช่น ระบบชำระเงินออนไลน์ ระบบสารสนเทศสมาชิก และการแจ้งยอดเงินผ่านมือถือ และ 4) การดูแลสมาชิกอย่างรอบด้าน นอกจากการให้บริการทางการเงิน ควรส่งเสริมความรู้ด้านการบริหารการเงินส่วนบุคคลและจัดสวัสดิการที่เหมาะสม โดยเฉพาะการช่วยเหลือสมาชิกที่มีภาระหนี้สินสูง

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เตรียมความพร้อมให้การสนับสนุนสหกรณ์ตามนโยบายของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการให้ทบทวนระเบียบ กฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการสร้างความสามารถในการแข่งขันของสหกรณ์ อีกทั้ง อยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาครัฐและตัวแทนสหกรณ์เพื่อพิจารณาทบทวนกฎระเบียบต่างๆ รวมถึงกำลังพิจารณาการขยายอายุผู้จัดการสหกรณ์จาก 60 ปี เป็น 65 ปี ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการส่งเสริมและสนับสนุนกิจการสหกรณ์อย่างจริงจัง

สำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำกัด มีสมาชิกทั้งหมด 40,620 คน ประกอบด้วย สมาชิกสามัญ 38,403 คน และสมาชิกสมทบ 2,217 คน จากการดำเนินงานของสหกรณ์ฯ ประจำปีบัญชี 2566  (1 ม.ค. – 30 ก.ย.2566) มีการดำเนินงานในส่วนการลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จากกว่า 1,400 ล้านบาท ในปี 2563 เหลือเพียง 301.92 ล้านบาท ในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง อีกทั้ง สามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 476.98 ล้านบาท โดยมีสินทรัพย์รวม 14,476.19 ล้านบาท และได้รับเกียรติบัตรจากสหกรณ์จังหวัดปทุมธานี 2 ด้าน ได้แก่ 1) สหกรณ์มีความเข้มแข็งระดับหนึ่งและมีชั้นคุณภาพการควบคุมภายในระดับดีมาก 2) สหกรณ์ที่ขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขหนี้คงค้างของสมาชิกได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

– 006

ส.ป.ก.จัดงานโครงการ’สืบสานพระราชปณิธาน งานศิลปาชีพบางไทร ครบรอบ 41 ปี’

ส.ป.ก.จัดงานโครงการ'สืบสานพระราชปณิธาน งานศิลปาชีพบางไทร ครบรอบ 41 ปี'

ส.ป.ก.จัดงานโครงการ’สืบสานพระราชปณิธาน งานศิลปาชีพบางไทร ครบรอบ 41 ปี’

วันอาทิตย์ ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 19.00 น.

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2568 นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานโครงการ “สืบสานพระราชปณิธาน งานศิลปาชีพบางไทร ครบรอบ 41 ปี” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในฐานะผู้ทรงก่อตั้งงานศิลปาชีพ และเป็นเสาหลักในการจัดหาอาชีพแก่ราษฎร และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงเป็นคู่บุญบารมีและแรงบันดาลใจสำคัญในการแก้ไขปัญหาความยากจนของราษฎรควบคู่กับงานศิลปาชีพ โดยมี นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (เลขาธิการ ส.ป.ก.) เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร ส.ป.ก. และเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ร่วมพิธี ณ ท่าชัยยุทธ ชั้น 2 ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมนอกภาคการเกษตร (ศพส.) ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งร่วมกิจกรรม ปลูกต้นไม้ตามปณิธานของแม่ และเยี่ยมชมนิทรรศการและกิจกรรมภายในงาน 4 กิจกรรม ดังนี้

1.นิทรรศการน้อมรําลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยแสดงพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจในการก่อตั้งมูลนิธิและศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ และการส่งมอบภารกิจให้ ส.ป.ก.

2.นิทรรศการเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดีกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา โดยจัดทํานิทรรศการแสดงพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปาชีพ หรือการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน

3.กิจกรรมเชิงปฏิบัติการด้านงานหัตถกรรม (Workshop) ให้ประชาชนได้เข้าร่วมเรียนรู้แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายจํานวน 2 แผนกวิชา พร้อมทั้งเปิดอาคารฝึกอบรมให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิต และผลงานหัตถกรรมของช่างฝีมือระดับครู

4.การจําหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมคุณภาพสูงจากศิษย์เก่าของ ศพส.และร้านค้าภายในชุมชนรอบพื้นที่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานอาหารสัตว์เลี้ยงและสัตว์เศรษฐกิจ แก่กรมปศุสัตว์ เพื่อมอบให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยพื้นที่ภาคใต้

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานอาหารสัตว์เลี้ยงและสัตว์เศรษฐกิจ แก่กรมปศุสัตว์ เพื่อมอบให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยพื้นที่ภาคใต้

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานอาหารสัตว์เลี้ยงและสัตว์เศรษฐกิจ แก่กรมปศุสัตว์ เพื่อมอบให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยพื้นที่ภาคใต้

วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 18.28 น.

วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอาหารสัตว์เลี้ยงและสัตว์เศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.ร.อ.รณัชย์ เทพวัลย์ เชิญอาหารสัตว์พระราชทาน ประกอบด้วย อาหารโค-กระบือ 650 กระสอบ อาหารสุกร 1,000 กระสอบ อาหารแพะ/แกะ 500 กระสอบ อาหารสัตว์ปีก 2,000 กระสอบ อาหารสุนัข 850 กระสอบ และอาหารแมว 320 กระสอบ

ในการนี้ นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ พร้อมด้วย สัตวแพทย์หญิงบุณิกา จุลละโพธิ ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ นายธีรวิทย์ ขาวบุบผา ผู้อำนวยการกองงานพระราชดำริและกิจกรรมพิเศษ และเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ร่วมพิธีรับมอบอาหารสัตว์พระราชทาน เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ให้สามารถผ่านพ้นวิกฤต ไปได้ในครั้งนี้ ณ อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 พระที่นั่งอัมพรสถาน

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เฝ้าฯรับเสด็จกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯเปิดงานวันดินโลก

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เฝ้าฯรับเสด็จกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯเปิดงานวันดินโลก

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เฝ้าฯรับเสด็จกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯเปิดงานวันดินโลก

วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 15.10 น.

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เฝ้าฯ รับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานวันดินโลก ปี 2568 ณ กรมพัฒนาที่ดิน ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ สำหรับงานวันดินโลก 2568 (World Soil Day 2025) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 9 ธันวาคม 2568 ภายใต้หัวข้อ“Healthy soils for healthy cities – ดินที่สมบูรณ์ สู่เมืองที่สมดุล เกื้อกูลชีวิต” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพระมหากษัตริย์นักพัฒนา ผู้ทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านการจัดการทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเผยแพร่ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของ “ดินสุขภาพดี” ที่เป็นรากฐานของเมืองน่าอยู่ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

‘อธิบดีกรมฝนหลวง’สั่งลุย จัดรถบรรทุก’ถุงยังชีพ’ มุ่งหน้าจังหวัดสงขลาช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

'อธิบดีกรมฝนหลวง'สั่งลุย จัดรถบรรทุก'ถุงยังชีพ' มุ่งหน้าจังหวัดสงขลาช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

‘อธิบดีกรมฝนหลวง’สั่งลุย จัดรถบรรทุก’ถุงยังชีพ’ มุ่งหน้าจังหวัดสงขลาช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 18.57 น.

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2568 มีรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นภารกิจลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ด้วยอากาศยาน แต่ยังคงมีประชาชนและผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสิ่งของอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือไปยังผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้

นายราเชน ศิลปะระยะ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร  เปิดเผยว่าได้สั่งการให้จัดรถบรรทุกลำเลียงถุงยังชีพทั้งหมด เดินทางสู่จังหวัดสงขลาเพื่อกระจายความช่วยเหลือให้ถึงมือประชาชนอย่างรวดเร็ว พร้อมมอบหมายให้ นายสมศักดิ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการกองบริหารการบินเกษตร เป็นผู้แทนกรมฯ เดินทางไปมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ด้วยตนเอง

ปลัดฯประชุมคกก.จัดงานพืชสวนโลกจ.อุดรธานี

ปลัดฯประชุมคกก.จัดงานพืชสวนโลกจ.อุดรธานี

ปลัดฯประชุมคกก.จัดงานพืชสวนโลกจ.อุดรธานี

วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 18.06 น.

“ปลัดกระทรวงเกษตรฯ” เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 ครั้งที่ 2/2568

วันนี้ (4 ธ.ค.) นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 ครั้งที่ 2/2568 โดยมี นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายนิรันดร์ มูลธิดา อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ คณะผู้บริหาร และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ที่ห้องประชุม 134 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผ่านระบบการประชุมออนไลน์ (Zoom Meeting)

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงาน ทั้งด้านสถานที่ สิ่งก่อสร้าง ภูมิสถาปัตย์ และระบบสาธารณูปโภค ซึ่งดำเนินงานแล้วเสร็จกว่าร้อยละ 40 นอกจากนี้ยังรับทราบแผนการดำเนินงานและงบประมาณ โดยเน้นย้ำให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้การจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2569 – 14 มีนาคม 2570 เป็นอีกหนึ่งกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียง พร้อมทั้งสะท้อนศักยภาพและภาพลักษณ์อันดีของประเทศไทยสู่สายตานานาชาติ

015

เกษตรฯจัดมหกรรมเกษตรฯเทิดพระเกียรติ ในหลวง ร.9 วันดินโลก 5 ธ.ค.

เกษตรฯจัดมหกรรมเกษตรฯเทิดพระเกียรติ ในหลวง ร.9 วันดินโลก 5 ธ.ค.

เกษตรฯจัดมหกรรมเกษตรฯเทิดพระเกียรติ ในหลวง ร.9 วันดินโลก 5 ธ.ค.

วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 18.00 น.

รมช.เกษตรฯ เปิดงาน “มหกรรมเกษตรไทยก้าวสู่อนาคต ด้วยศาสตร์พระราชา” เทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้านการจัดการดินเพื่อการเกษตร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 5 ธันวาคม วันพ่อแห่งชาติ และวันดินโลก ระหว่างวันที่ 4-7 ธันวาคมนี้ ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดปทุมธานี

วันนี้ (4 ธ.ค.) นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดงาน “มหกรรมเกษตรไทยก้าวสู่อนาคต ด้วยศาสตร์พระราชา” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 ธันวาคม 2568 โดยมี นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พันจ่าเอก ประเสริฐ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้แทนกระทรวง ศึกษาธิการ ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ว่า การจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมถึงน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และแสดงถึงการพัฒนาภาคการเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้งระบบ โดยน้อมนำศาสตร์พระราชา หลักเศรษฐกิจพอเพียง การดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่จะช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพี่น้องเกษตรกรไทย

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้น้อมนำศาสตร์พระราชาและหลักเศรษฐกิจพอเพียง ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของพ่อแม่พี่น้องเกษตรกรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเน้นพัฒนาภาคการเกษตรทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมถึงนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย พร้อมรับมือต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งภายในงานทุกท่านจะได้พบกับความรู้ นวัตกรรมเกษตร และเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมต่าง ๆ มากมายของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ร่วมบูรณาการกันจัดงานนี้ขึ้นมา

สำหรับกิจกรรมภายในงานพบกับบรรยากาศสนุก อบอุ่น เต็มไปด้วยไอเดียใหม่ ๆ ด้านการเกษตร พร้อมทั้งมีนิทรรศการและกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่ 1) นิทรรศการเทิดพระเกียรติฯ “ดินที่สมบูรณ์ สู่เมืองที่สมดุล เกื้อกูลชีวิต” 2) นิทรรศการเครือข่ายและภาคีความร่วมมือจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “มหกรรมเกษตรไทยก้าวสู่อนาคต ด้วยศาสตร์พระราชา” 3) การอบรมวิชาของแผ่นดิน & Workshop ฟรีกว่า 16 หลักสูตร 4) ชม ช้อป สินค้าเกษตรคุณภาพกว่า 200 ร้าน รวมทั้ง กิจกรรมพิเศษในวันที่ 5 ธันวาคม เวลา 08.30 น. ร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 69 รูป และเวลา 18.00 น. จุดเทียนน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมชมโขนเทิดพระเกียรติ และบทเพลงพระราชนิพนธ์จากอาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี และขวัญข้าว ธิดารินทร์ จึงขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรและประชาชน ร่วมงาน “มหกรรมเกษตรไทยก้าวสู่อนาคต ด้วยศาสตร์พระราชา” ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

โอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบโฉนดเพื่อการเกษตร รวมทั้งมอบรางวัลให้แก่นักเรียนพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการต่าง ๆ ซึ่งมีไฮไลท์สำคัญ คือ 1 กระทรวง 5 เรื่องราว สายน้ำเปรียบดังพระมหากรุณาธิคุณที่ไหลรินไม่สิ้นสุดจาก “ต้นน้ำ แห่งพระราชดำริ” สู่“ชลประทานแห่งชีวิต” หล่อเลี้ยงผืนแผ่นดินไทยผ่านเกษตรกรรม ปศุสัตว์ และประมง ก่อเกิดความอุดมสมบูรณ์และความยั่งยืนตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงสืบสานสู่เกษตรสมัยใหม่ ผสานนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่ออนาคตของแผ่นดินไทย

015

‘อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร’ร่วมงานมหกรรมเกษตรไทยก้าวสู่อนาคตด้วยศาสตร์พระราชา

'อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร'ร่วมงานมหกรรมเกษตรไทยก้าวสู่อนาคตด้วยศาสตร์พระราชา

‘อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร’ร่วมงานมหกรรมเกษตรไทยก้าวสู่อนาคตด้วยศาสตร์พระราชา

วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 17.03 น.

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมพิธีเปิดงานมหกรรมเกษตรไทยก้าวสู่อนาคต ด้วยศาสตร์พระราชา ณ พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี โดยมีนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานและร่วมเยี่ยมชมนิทรรศการเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและนิทรรศการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 19 หน่วยงาน ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรร่วมจัดนิทรรศการ “การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปขับเคลื่อนในงานของกรมส่งเสริมการเกษตร” ประกอบด้วย การขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน ตามพระราชดำริฯ และผลสำเร็จของการขยายผลโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน ตามพระราชดำริฯ 118 กลุ่ม

– 006

กรมหม่อนไหม ครบรอบ 16 ปี วันคล้ายวันสถาปนา ‘น้อมรำลึกพระมารดาแห่งไหมไทย’ มุ่งอนุรักษ์ – สืบสานภูมิปัญญา

กรมหม่อนไหม ครบรอบ 16 ปี วันคล้ายวันสถาปนา 'น้อมรำลึกพระมารดาแห่งไหมไทย' มุ่งอนุรักษ์ - สืบสานภูมิปัญญา

กรมหม่อนไหม ครบรอบ 16 ปี วันคล้ายวันสถาปนา ‘น้อมรำลึกพระมารดาแห่งไหมไทย’ มุ่งอนุรักษ์ – สืบสานภูมิปัญญา

วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 13.57 น.

กรมหม่อนไหม ครบรอบ 16 ปี วันคล้ายวันสถาปนา  “น้อมรำลึกพระมารดาแห่งไหมไทย” มุ่งเน้นการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญา ส่งเสริมการใช้ผ้าไหมมาเป็นส่วนประกอบในเครื่องประดับ พร้อมส่งเสริมด้านการตลาดส่งออกโดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลางและ 3 จังหวัดชายแดนใต้เพิ่มมากขึ้น

นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมหม่อนไหม เนื่องในโอกาสครบรอบ 16 ปี ภายใต้แนวคิด “น้อมรำลึกพระมารดาแห่งไหมไทย” เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมี นางอัญชลี สุวจิตตานนท์ อธิบดีกรมหม่อนไหม ผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารกรมหม่อนไหม และเจ้าหน้าที่กรมหม่อนไหม เข้าร่วม ณ กรมหม่อนไหม กรุงเทพมหานคร

โดยนายอามินทร์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมา กรมหม่อนไหมได้ดำเนินงานภายใต้ภารกิจสำคัญเพื่อทำให้เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์  ระยะ 20 ปี และนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร เสริมสร้างความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรม โดยใช้การตลาดนำการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยกระดับมาตรฐานสินค้า เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และได้ขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายเร่งพัฒนาสินค้า ประชาสัมพันธ์ผ้าไหมไทยให้ก้าวไกลเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมทั้งสืบสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงด้วย

“ในโอกาสวันสถานปนากรมหม่อนไหมปีที่ 16 นี้ได้มุ่งเน้นให้กรมหม่อนไหมอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญา โดยใช้ศูนย์หม่อนไหมในแต่ละศูนย์ ให้มีการส่งเสริมเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร สามารถเยี่ยมชมและสร้างอัตลักษณ์ในเรื่องนั้น ๆ ได้ ส่งเสริมด้านการตลาด ส่งเสริมตรานกยูงพระราชทาน ส่งเสริมการใช้ผ้าไหมมาเป็นส่วนประกอบในเครื่องประดับ เช่น เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ หรือนำไปประกอบกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ร่วมกับแบรนด์ต่างชั้นนำทั้งของไทยและระดับโลก พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ ในตลาดตะวันออกกลางด้วย เช่น การทำผ้าคลุมละหมาดของคนมุสลิม ซึ่งสามารถผลิตให้เป็นเอกลักษณ์ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งยังสามารถสร้างรายได้และอาชีพที่มั่นคงได้ด้วย” นายอามินทร์ กล่าว

ด้านนางอัญชลี สุวจิตตานนท์ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมหม่อนไหมได้ดำเนินงานตามภารกิจและสนองงานพระราชดำริด้านหม่อนไหม และพัฒนางานด้านหม่อนไหมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตลอดจนการขับเคลื่อนนโยบายหลักของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้การนำของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร เสริมสร้างความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรม ตลอดจนพัฒนาสินค้าผ้าไหมไทยให้เป็นที่ยอมรับ เป็น Soft Power ของไทย

ซึ่งในปี 2568 กรมหม่อนไหมได้เดินหน้าส่งเสริมและพัฒนางานหม่อนไหมในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญา สามารถรวบรวมและยืนยันสายพันธุ์หม่อนและไหมไทยไว้รวมกันเกือบ 500 สายพันธุ์ นอกจากนี้ ยังถอดแบบลวดลายผ้าอัตลักษณ์ท้องถิ่นได้ถึง 30 ลวดลาย และต่อยอดศูนย์เรียนรู้ไม้ย้อมสีธรรมชาติ ซึ่งรวบรวมพืชให้สีไว้กว่า 300 ชนิด นำมาสู่การท่องเที่ยวเชิงเกษตรและสร้างรายได้จริงให้พี่น้องเกษตรกรไปแล้วกว่า 77 ล้านบาท ด้านวิจัยและนวัตกรรม มีไหมพันธุ์ใหม่ แพร่ 72 (J108 x ละหานทราย) เหมาะสำหรับทำผ้าห่มใยไหม และมีนวัตกรรมทางการแพทย์ งานวิจัยการใช้ไหมพันธุ์ J108 X นางลายสระบุรี ในการช่วย “ฟื้นฟูเต้านมหลังผ่าตัดมะเร็ง” ด้านส่งเสริมเกษตรกรและการตลาด มีการแจกจ่ายต้นหม่อนไปกว่า 2.7 ล้านต้น อีกทั้งยังเน้นการสร้างความเข้มแข็งผ่าน “เกษตรแปลงใหญ่” และโครงการพระราชดำริ สร้างทายาทหม่อนไหมรุ่นใหม่ทั้งในโรงเรียนและชุมชน และด้านมาตรฐานและความเชื่อมั่น กรมหม่อนไหมได้ตรวจรับรองมาตรฐานทั้งแปลงหม่อนและเส้นไหมจำนวนมาก โดยเฉพาะ “ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน” ที่ให้การรับรองไปกว่า 2 แสน 5 หมื่นเมตร สามารถสร้างมูลค่าตลาดรวมกว่า 710 ล้านบาท ทำให้ไหมไทยมีมูลค่าสูงและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

-(016)

จากนาเสริมเป็นรายได้หลัก! พลิกผืนดิน ‘ปลูกผัก-เมล่อน’ ขายได้เงินทุกวัน

จากนาเสริมเป็นรายได้หลัก! พลิกผืนดิน ‘ปลูกผัก-เมล่อน’ ขายได้เงินทุกวัน

จากนาเสริมเป็นรายได้หลัก! พลิกผืนดิน ‘ปลูกผัก-เมล่อน’ ขายได้เงินทุกวัน

วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 11.34 น.

จากนาเสริมเป็นรายได้หลัก! ชาวบ้านเขว้า ต.โคกขมิ้น อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ พลิกผืนดินรอบหนองตูม  ‘ปลูกผักอินทรีย์-เมล่อนโกลเด้นควีน’ ขายได้เงินทุกวัน

วันที่ 4 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความสำเร็จของ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักหนองตูม บ้านเขว้า หมู่ที่ 4 ต.โคกขมิ้น อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน โดยเฉพาะการสร้างอาชีพที่มั่นคงจนชาวบ้านไม่ต้องทิ้งถิ่นฐานไปทำงานรับจ้างยังต่างจังหวัดอีกต่อไป

นายดุสิต ประประโคน ผู้ใหญ่บ้านเขว้า และประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักหนองตูม กล่าวว่า จุดเริ่มต้นมาจากการพัฒนาและบริหารจัดการแหล่งน้ำสาธารณะ ‘หนองตูม’ เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ เมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่ชาวบ้านต้องอพยพไปทำงานต่างถิ่นหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว

ต่อมาในปี พ.ศ.2561 ได้รวมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจชุมชนฯ โดยมีสมาชิก 35 คน เพื่อขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งด้านปัจจัยการผลิต ระบบน้ำ และตลาดรองรับ จนกลุ่มฯ เกิดความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้

นอกจากพืชผักสวนครัวตามฤดูกาลที่ปลูกแบบอินทรีย์ปลอดสารพิษ 100% แล้ว กลุ่มฯยังได้รับการแนะนำสนับสนุนจาก นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในการจัดสรรพื้นที่สำหรับโรงเรือนปลูก เมล่อนญี่ปุ่น สายพันธุ์ โกลเด้นควีน ไม่น้อยกว่า 10 โรงเรือน

โดยจุดเด่นของเมล่อนที่นี่คือ เปลือกสีเหลืองทองเรียบ เนื้อสีส้ม รสหวานกรอบ มีความหวานกำลังดี  ซึ่งเมื่อก่อนส่งขายที่ จิม ทอมสัน ปัจจุบันจัดส่งขายให้กับโรงพยาบาลต่างๆ และมีร้านมารับซื้อถึงที่ โดยรายได้ต่อ 1 โรงเรือนต่อครั้ง มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 13,000–15,000 บาท

นายดุสิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ผลผลิตเมล่อนกำลังผลิดอกออกผล และคาดว่าจะโตทันได้เก็บเกี่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ที่จะถึงนี้

ด้าน นางสมอางค์ กางรัมย์ อายุ 54 ปี สมาชิกกลุ่มฯ เล่าว่า เมื่อก่อนต้องหอบครอบครัวไปทำงานรับจ้างยังต่างจังหวัดหลังเก็บเกี่ยวข้าว แต่ตั้งแต่มาร่วมปลูกเมล่อนและปลูกผัก ทำให้มีรายได้เข้ามาทุกวัน ชีวิตความเป็นอยู่ในครอบครัวดีขึ้น และทำให้ อาชีพทำนาแทบจะเป็นอาชีพเสริมไปแล้ว เพราะการปลูกผักสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี

เช่นเดียวกับ นางทองใบ แป้นประโคน อายุ 64 ปี สมาชิกอีกราย ที่บอกว่ารายได้จากการปลูกผักตอนนี้ได้เปลี่ยนจากรายได้เสริมเป็น รายได้หลัก ไปแล้ว โดยมีรายได้เข้าเฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 100-200 บาท หรือหลายร้อยบาท เนื่องจากมีตลาดรองรับชัดเจน ทั้งพ่อค้าแม่ค้าในหมู่บ้าน นายทุน และพ่อค้ารถเร่ที่เข้ามารับซื้อถึงแปลง

////////-026