ทรัมป์สั่งระงับโครงการกรีนการ์ดล็อตโต้ หลังผู้ต้องสงสัยกราดยิง ม.บราวน์ ใช้เป็นช่องทางเข้าสหรัฐฯ

ทรัมป์สั่งระงับโครงการกรีนการ์ดล็อตโต้ หลังผู้ต้องสงสัยกราดยิง ม.บราวน์ ใช้เป็นช่องทางเข้าสหรัฐฯ

19 ธ.ค. 2568 15:16 น.

ทรัมป์สั่งระงับโครงการกรีนการ์ดล็อตโต้ หลังผู้ต้องสงสัยกราดยิง ม.บราวน์ ใช้เป็นช่องทางเข้าสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับโครงการวีซ่าผู้อพยพแบบสุ่มเลือก (Diversity Immigrant Visa Program) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กรีนการ์ดล็อตเตอรี” อย่างเป็นทางการเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (18 ธ.ค.) หลังจากมีการเปิดเผยว่าผู้ต้องสงสัยก่อเหตุกราดยิงที่มหาวิทยาลัยบราวน์  และสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับกรีนการ์ดผ่านโครงการนี้

จากการสืบสวนพบว่า นายเคลาดิโอ เนเวส วาเลนเต ชาวโปรตุเกสวัย 48 ปี ผู้ต้องสงสัยที่เพิ่งถูกพบเป็นศพจากการยิงตัวตาย มีประวัติการเดินทางเข้าสหรัฐฯ หลายครั้ง โดยเมื่อปี 2000 เขาเข้าสหรัฐฯ มาด้วยวีซ่านักเรียนเพื่อศึกษาที่มหาวิทยาลัยบราวน์ ก่อนจะดรอปเรียนในปี 2001 ต่อมาในปี 2017 เขาได้รับวีซ่าผู้อพยพจากการสุ่มเลือก และได้รับสถานะผู้อยู่อาศัยถาวร ในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าเขาพำนักอยู่ที่ใดในช่วงระหว่างปี 2001 ถึง 2017

นางคริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ระบุผ่านแพลตฟอร์ม X ว่าได้สั่งการให้หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐฯ (USCIS) หยุดโครงการนี้ตามคำสั่งของทรัมป์ โดยให้ความเห็นว่า “บุคคลที่ก่อเหตุอำมหิตเช่นนี้ ไม่ควรได้รับอนุญาตให้ก้าวเท้าเข้าสู่ประเทศของเราตั้งแต่แรก”

โครงการนี้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยสภาคองเกรส เพื่อมอบสิทธิ์การเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรให้กับประชาชนจากประเทศที่มีอัตราการย้ายถิ่นฐานมายังสหรัฐฯ ต่ำ โดยมีการสุ่มเลือกประมาณ 50,000 รายต่อปี จากผู้สมัครทั่วโลกเกือบ 20 ล้านคน ซึ่งผู้ที่สุ่มได้จะต้องผ่านกระบวนการคัดกรองประวัติและสัมภาษณ์อย่างเข้มงวดเช่นเดียวกับวีซ่าประเภทอื่น

นักวิเคราะห์มองว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์ใช้เหตุโศกนาฏกรรมมาเป็นแรงผลักดันนโยบายการย้ายถิ่นฐานที่เข้มงวด เช่นเดียวกับกรณีชายชาวอัฟกันก่อเหตุโจมตีกองกำลังรักษาดินแดนเมื่อเดือนพฤศจิกายน ซึ่งนำไปสู่การคุมเข้มการเข้าเมืองจากกลุ่มประเทศแถบอัฟกานิสถาน

แม้ทรัมป์จะพยายามจำกัดการเข้าเมืองที่ถูกกฎหมาย แต่อุปสรรคสำคัญคือโครงการลอตเตอรี่วีซ่าถูกบัญญัติไว้ในกฎหมาย ทำให้การสั่งระงับครั้งนี้มีแนวโน้มสูงที่จะถูกคัดค้านในชั้นศาล เช่นเดียวกับประเด็นการยกเลิกสิทธิการได้รับสัญชาติโดยกำเนิด ที่ศาลสูงสุดเพิ่งรับพิจารณาคำร้องของเขาไปเมื่อไม่นานมานี้

ทั้งนี้ มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการกรีนการ์ดลอตเตอรี่ปี 2025 เกือบ 20 ล้านคน โดยมีผู้ได้รับการคัดเลือกมากกว่า 131,000 คน เมื่อรวมคู่สมรสของผู้ได้รับกรีนการ์ดด้วย หลังจากได้รับเลือกแล้ว พวกเขาจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนพลเมืองโปรตุเกสได้รับโควต้าเพียง 38 คนเท่านั้น.

ที่มา Associated Press

อียูตกลงปล่อยกู้ยูเครน 9 หมื่นล้านยูโร เลี่ยงใช้ทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัด

อียูตกลงปล่อยกู้ยูเครน 9 หมื่นล้านยูโร เลี่ยงใช้ทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัด

19 ธ.ค. 2568 13:02 น.

อียูตกลงปล่อยกู้ยูเครน 9 หมื่นล้านยูโร เลี่ยงใช้ทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัด

ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ตกลงจัดสรรเงินกู้มูลค่า 90,000 ล้านยูโร (ประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท) ให้ยูเครน โดยไม่ใช้ทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ หลังการหารือยาวนานกว่า 1 วันที่การประชุมสุดยอดในกรุงบรัสเซลส์ ข้อตกลงดังกล่าวมีเป้าหมายรองรับความต้องการด้านการทหารและเศรษฐกิจของยูเครนในช่วงสองปีข้างหน้า

แม้ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน จะเรียกร้องให้อียูนำทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้กว่า 2 แสนล้านยูโรมาใช้ แต่ข้อเสนอต้องตกไป เนื่องจากเบลเยียมซึ่งเป็นประเทศที่ถือครองทรัพย์สินเหล่านั้นส่วนใหญ่ ต้องการการรับประกันเรื่องการแบ่งเบาภาระความรับผิดชอบทางกฎหมายที่ชัดเจน ซึ่งประเทศสมาชิกอื่นๆ ยังไม่พร้อมทำตาม

สุดท้ายอียูจึงเลือกใช้วิธีการกู้ยืมเงินโดยใช้ “งบประมาณกลางของกลุ่ม” เป็นหลักประกันแทน เพื่อหลีกเลี่ยงความแตกแยกภายใน โดยนายอันโตนิโอ กอสตา ประธานสภายุโรป ระบุว่า “เราให้สัญญา และเราได้ทำตามสัญญานั้นแล้ว”

ประเด็นที่น่าสนใจคือความเห็นของประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ที่ระบุว่ามีความ “จำเป็น” ที่ยุโรปจะต้องกลับมาเริ่มเจรจากับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน อีกครั้ง โดยเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งยุโรปและยูเครนในการหาแนวทางที่เหมาะสมเพื่อยุติความขัดแย้ง ซึ่งควรเริ่มดำเนินการในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่ นายฟรีดริช เมิร์ซ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี มองว่าข้อตกลงเงินกู้ครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังปูตินว่ายุโรปยังคงยืนหยัดเคียงข้างยูเครน

ความช่วยเหลือนี้เปรียบเสมือนท่อต่อลมหายใจ เนื่องจากยูเครนกำลังจะขาดแคลนงบประมาณในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หากไม่ได้รับเงินสนับสนุนภายในฤดูใบไม้ผลินี้ ยูเครนอาจต้องลดกำลังการผลิตโดรนลง ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อแนวรบ โดยอียูคาดการณ์ว่ายูเครนต้องการเงินถึง 1.35 แสนล้านยูโรเพื่อให้รัฐบาลยังคงดำเนินงานต่อไปได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า

ท่ามกลางการสนับสนุนจากยุโรป สหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเร่งผลักดันแผนสันติภาพ โดยมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และผู้แทนจากรัสเซีย เตรียมพบปะหารือกันที่เมืองไมอามีของสหรัฐฯ ในสุดสัปดาห์นี้ เพื่อหาทางออกในการยุติสงคราม

ในขณะเดียวกัน นายเซเลนสกีได้ส่งคณะผู้แทนไปเจรจาที่สหรัฐฯ ในวันศุกร์และเสาร์นี้ เพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับ “หลักประกันความมั่นคง” ที่วอชิงตันจะมอบให้ เพื่อป้องกันไม่ให้รัสเซียกลับมารุกรานยูเครนได้อีกในอนาคต.

ที่มา BBC

ปิดฉากล่าตัวมือกราดยิง ม.บราวน์ พบกลายเป็นศพในห้องเก็บของ หลังหนีกบดานข้ามรัฐ

ปิดฉากล่าตัวมือกราดยิง ม.บราวน์ พบกลายเป็นศพในห้องเก็บของ หลังหนีกบดานข้ามรัฐ

19 ธ.ค. 2568 12:23 น.

ปิดฉากล่าตัวมือกราดยิง ม.บราวน์ พบกลายเป็นศพในห้องเก็บของ หลังหนีกบดานข้ามรัฐ

เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันการพบร่างของ นายเคลาดิโอ เนเวส วาเลนเต วัย 48 ปี ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุกราดยิงสะเทือนขวัญที่มหาวิทยาลัยบราวน์  เสียชีวิตอยู่ภายในอาคารเช่าห้องเก็บของแห่งหนึ่งในเมืองเซเลม รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ปิดฉากการหลบหนีนานเกือบสัปดาห์ 

เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อมือปืนบุกเข้าไปในอาคารวิศวกรรม Barus & Holley ของมหาวิทยาลัยบราวน์ ขณะที่นักศึกษากำลังสอบปลายภาค และเปิดฉากยิงใส่ฝูงชน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ เอลลา คุก วัย 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 และ มูแฮมหมัด อาซิซ อูมูร์โซคอฟ วัย 18 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ส่วนผู้บาดเจ็บ 9 ราย: โดย 6 รายยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

จากการสืบสวนพบว่า นายวาเลนเตเป็นชาวโปรตุเกส และเคยเป็นนักศึกษาปริญญาเอกสาขาฟิสิกส์ที่มหาลัยบราวน์ในช่วงปี 2000-2001 แต่ปัจจุบันไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับมหาวิทยาลัย

เจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหาร ศ.นูโน เอฟ โกเมซ ลูเรโร อาจารย์ประจำสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) วัย 47 ปี ที่บ้านพักในเมืองบรู๊คไลน์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยพบว่าทั้งคู่เคยเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกันในโปรตุเกสช่วงปลายทศวรรษ 1990 ซึ่งอาจเป็นชนวนเหตุของความแค้นในอดีต

ตำรวจแกะรอยนายวาเลนเตจากภาพวงจรปิดและข้อมูลการเช่ารถ จนพบรถต้องสงสัยจอดอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุทั้งที่มหาลัยบราวน์และบ้านของอาจารย์ MIT เจ้าหน้าที่ FBI ระบุว่าผู้ต้องสงสัยมีความเชี่ยวชาญในการอำพรางร่องรอย และใช้โทรศัพท์ที่ยากต่อการติดตาม

สุดท้ายเจ้าหน้าที่พบร่างของเขาเสียชีวิตจากการ “ยิงตัวตาย” โดยข้างกายพบกระเป๋าสะพายและอาวุธปืน 2 กระบอก รวมถึงหลักฐานสำคัญภายในรถที่เชื่อมโยงเขาเข้ากับที่เกิดเหตุทุกแห่ง

แม้ตัวผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่อัยการรัฐและ FBI ยืนยันว่าการสืบสวนจะยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากยังมีประเด็นเรื่องแรงจูงใจที่แท้จริงในการก่อเหตุที่ยังไม่แน่ชัด โดย FBI ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 500 นายเพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงและสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ให้กระจ่างที่สุด.

ที่มา BBC

ออสเตรเลียประกาศ “รับซื้อคืนปืน” ทั่วประเทศ หลังเหตุกราดยิงหาดบอนได

ออสเตรเลียประกาศ "รับซื้อคืนปืน" ทั่วประเทศ หลังเหตุกราดยิงหาดบอนได

19 ธ.ค. 2568 12:01 น.

ออสเตรเลียประกาศ “รับซื้อคืนปืน” ทั่วประเทศ หลังเหตุกราดยิงหาดบอนได

รัฐบาลออสเตรเลียเดินหน้ามาตรการ “รับซื้ออาวุธปืนคืน” ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 3 ทศวรรษ หลังเหตุก่อการร้ายกราดยิงที่หาดบอนได คร่า 15 ศพ นายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบาเนซี เผยจำนวนปืนในประเทศพุ่งสูงกว่าปี 1996 เตรียมคุมเข้มใบอนุญาตและจำกัดจำนวนการครอบครองต่อบุคคล

รัฐบาลออสเตรเลียประกาศมาตรการรับซื้ออาวุธปืนคืน ทั่วประเทศอย่างเป็นทางการ เพื่อตอบโต้เหตุโศกนาฏกรรมกราดยิงที่หาดบอนได ซึ่งถือเป็นเหตุกราดยิงที่นองเลือดที่สุดในรอบหลายสิบปีของประเทศ โดยมาตรการครั้งนี้ถูกเปรียบเทียบว่ามีความสำคัญใกล้เคียงกับเหตุสังหารหมู่ที่พอร์ตอาเธอร์ในปี 1996 ที่นำไปสู่การปฏิรูปกฎหมายปืนครั้งใหญ่ของโลก

เหตุการณ์สลดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (14 ธ.ค.) เกิดขึ้นระหว่างเทศกาลเฉลิมฉลองของชาวยิวบริเวณชายหาดบอนได ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ตำรวจระบุว่าเป็น “เหตุก่อการร้าย” ที่ได้รับแรงจูงใจจากอุดมการณ์กลุ่มรัฐอิสลาม 

ผู้ก่อเหตุคือ นายนาวีด อัคราม วัย 24 ปี ซึ่งถูกตั้งข้อหาหนักถึง 59 กระทง รวมถึงข้อหาฆาตกรรม 15 ศพ และการกระทำอันเป็นการก่อการร้าย ส่วนนายซาจิด บิดาของผู้ก่อเหตุเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

ด้านนายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบาเนซี เปิดเผยข้อมูลว่า ปัจจุบันมีอาวุธปืนในออสเตรเลียมากกว่า 4 ล้านกระบอก ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่าช่วงก่อนการปฏิรูปกฎหมายในปี 1996 เขากล่าวว่า “เราพบว่าหนึ่งในผู้ก่อการร้ายมีใบอนุญาตพกพาวุธปืนถูกต้อง และครอบครองปืนถึง 6 กระบอก ทั้งที่อาศัยอยู่ในย่านชานเมืองซิดนีย์ ซึ่งไม่มีเหตุผลความจำเป็นใดๆ ที่คนในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นต้องมีอาวุธมากขนาดนี้” 

คณะรัฐมนตรีแห่งชาติได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยกระดับการควบคุมอาวุธปืน ด้วยโครงการรับซื้อคืน รับซื้อปืนส่วนเกิน ปืนที่เพิ่งถูกสั่งแบน และปืนผิดกฎหมาย เพื่อนำไปทำลายทิ้ง โดยรัฐบาลกลางและรัฐต่างๆ จะแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายฝ่ายละครึ่ง

นอกจากนั้น ยังมีการจำกัดจำนวนปืนที่บุคคลหนึ่งจะครอบครองได้ ยกเลิกใบอนุญาตแบบไม่กำหนดวันหมดอายุ และกำหนดให้ผู้ถือใบอนุญาตปืนต้องมี “สัญชาติออสเตรเลีย” เท่านั้น นอกจากนั้น ยังมีการเร่งจัดทำทะเบียนอาวุธปืนระดับประเทศ และให้หน่วยงานกำรดดูแลเข้าถึงข้อมูลอาชญากรรมได้รวดเร็วขึ้น

ส่วนความคืบหน้า วันนี้ (19 ธ.ค.) ตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ได้ปล่อยตัวชาย 7 คนที่มีแนวคิดสุดโต่งซึ่งถูกจับกุมในย่านลิเวอร์พูลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยระบุว่าแม้จะยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงโดยตรงกับเหตุกราดยิงที่หาดบอนได แต่กลุ่มคนเหล่านี้มีพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อเหตุความรุนแรง ซึ่งตำรวจจะยังคงเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป.

ที่มา BBC

ศรีลังกาจับ 3 ผู้ต้องสงสัยเผาช้างป่าเป็น ๆ จนล้ม จุดกระแสโกรธแค้นในสังคม

ศรีลังกาจับ 3 ผู้ต้องสงสัยเผาช้างป่าเป็น ๆ จนล้ม จุดกระแสโกรธแค้นในสังคม

19 ธ.ค. 2568 11:45 น.

ศรีลังกาจับ 3 ผู้ต้องสงสัยเผาช้างป่าเป็น ๆ จนล้ม จุดกระแสโกรธแค้นในสังคม

ตำรวจศรีลังกาจับกุมชาย 3 คน หลังมีคลิปเผยแพร่ว่ามีการจุดไฟเผาช้างป่าเป็น ๆ ขณะพยายามขับไล่ออกจากหมู่บ้านในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ จนจุดกระแสความโกรธแค้นและเสียงประณามอย่างหนักจากสังคม

กลายเป็นกระแสในโลกโซเชียลศรีลังกาอย่างหนัก หลังมีคลิปเผยแพร่เหตุการณ์ที่มีชาย 3 คน ใช้คบไฟจุดไฟ เผาช้างป่าเป็น ๆ ขณะพยายามขับไล่ออกจากหมู่บ้านในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ โดยรายงานท้องถิ่นระบุว่า แม้สัตวแพทย์จะเร่งให้การรักษาอย่างเต็มที่ แต่ช้างเพศผู้ตัวดังกล่าวได้ล้มในวันอังคารที่ผ่านมา หลังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากไฟไหม้ทั่วร่างกาย

มีรายงานว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 42–50 ปี ถูกจับกุมเมื่อวันพฤหัสบดี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนตามกระบวนการทางกฎหมาย

ข้อมูลจากสื่อท้องถิ่นระบุว่า ช้างป่าตัวนี้ถูกพบในสภาพ มีบาดแผลไฟไหม้อย่างรุนแรง และยังพบบาดแผลจาก กระสุนปืนที่ขาอีกด้วย นอกจากนี้ก่อนเกิดเหตุช้างตัวดังกล่าวเคยได้รับการรักษาจากสัตวแพทย์มาแล้วหลายครั้งตลอดปีนี้

คดีดังกล่าวได้จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในหมู่นักอนุรักษ์สัตว์ นักสิทธิสัตว์ และผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย ที่มองว่าเป็นการกระทำอันโหดร้ายเกินจะยอมรับได้

ล่าสุด มีการเปิดแคมเปญล่ารายชื่อออนไลน์ เรียกร้องให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างถึงที่สุด และเรียกร้องมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงต่อสัตว์ป่าซ้ำอีก โดยภายในเวลาไม่นาน มีผู้ร่วมลงชื่อแล้วมากกว่า 400 คน

ทั้งนี้ ช้างถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในศรีลังกา ซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ช้างบ้านมักถูกใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา และยังเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์การท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ

องค์กร World Wildlife Fund (WWF) ระบุว่า การฆ่าช้างในศรีลังกาเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ซึ่งอาจมีโทษถึงขั้น ประหารชีวิต อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับช้างป่ากลับทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคร่าชีวิตทั้งคนและสัตว์ โดยนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ มีช้างตายแล้วเกือบ 400 ตัว โดยเจ้าหน้าที่รายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อ Daily Mirror ว่า การเสียชีวิตจำนวนมากเกิดจากฝีมือมนุษย์โดยตรง ทั้งการยิง การถูกรถไฟชน และการใช้ ระเบิดขากรรไกร ซึ่งเป็นเหยื่อล่อระเบิดที่เกษตรกรใช้เพื่อป้องกันพืชผล ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกัน มีประชาชนมากกว่า 100 คน เสียชีวิตจากการถูกช้างทำร้าย สะท้อนวิกฤตความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ป่าที่กำลังเลวร้ายลงอย่างน่ากังวล.

ที่มา : BBC

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ ช้างป่า

ทหารเมียนมาจับกุมนักเคลื่อนไหวมัณฑะเลย์ วัย 24 ปี แกนนำชุมนุมต่อต้านการเลือกตั้ง

ทหารเมียนมาจับกุมนักเคลื่อนไหวมัณฑะเลย์ วัย 24 ปี แกนนำชุมนุมต่อต้านการเลือกตั้ง

19 ธ.ค. 2568 11:36 น.

ทหารเมียนมาจับกุมนักเคลื่อนไหวมัณฑะเลย์ วัย 24 ปี แกนนำชุมนุมต่อต้านการเลือกตั้ง

ทหารเมียนมาบุกรวบตัว “”เต็ต เมียต ออง” แกนนำประท้วงวัย 24 ปีที่เคลื่อนไหวทางการเมืองในมัณฑะเลย์ หลังออกมานำม็อบต่อต้านการเลือกตั้ง ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 ธ.ค. นี้

วันที่ 19 ธันวาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเต็ต เมียต ออง นักกิจกรรมหนุ่มชื่อดังวัย 24 ปี จากเมืองมัณฑะเลย์ ถูกกองทัพเมียนมาจับกุมและควบคุมตัวไว้โดยไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอก สร้างความวิตกอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยและชีวิตของเขา

โดยนายเต็ต เมียต ออง อดีตประธานสหภาพนักศึกษามหาวิทยาลัยยาดานาบน  ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม หลังถูกออกหมายจับและตั้งค่าหัวจากการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทหาร โดยเครือข่ายฝ่ายต่อต้านระบุว่ามีความเสี่ยงร้ายแรงและเร่งด่วนต่อชีวิตของเขา

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม เขาเป็นหนึ่งในแกนนำนักกิจกรรมชื่อดังหลายคนที่ร่วมจัดการชุมนุมในเมืองมัณฑะเลย์ เรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง คว่ำบาตรการเลือกตั้ง และยุติการเกณฑ์ทหารโดยใช้กำลัง และในวันเดียวกัน รัฐบาลทหารได้ตั้งข้อหาเขาและผู้ร่วมชุมนุมอีก 9 คน ภายใต้ กฎหมายคุ้มครองการเลือกตั้ง มาตรา 24  ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่ถูกวิจารณ์ว่ากดขี่ประชาชน มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5–10 ปี 

ทั้งนี้ นับตั้งแต่กฎหมายคุ้มครองการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีผู้ถูกจับกุมแล้วอย่างน้อย 318 คน รวมถึงบุคคลในวงการบันเทิงและภาพยนตร์หลายราย สะท้อนการปราบปรามที่ทวีความรุนแรง ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลทหารในการจัดการเลือกตั้งภายใต้เสียงคัดค้านจากประชาชนจำนวนมาก. 

ที่มา Irrawaddy

TikTok รอดโดนแบน ByteDance บรรลุข้อตกลงขายหุ้นให้กลุ่มทุนสหรัฐฯ-เอมิเรตส์

TikTok รอดโดนแบน ByteDance บรรลุข้อตกลงขายหุ้นให้กลุ่มทุนสหรัฐฯ-เอมิเรตส์

19 ธ.ค. 2568 11:19 น.

TikTok รอดโดนแบน ByteDance บรรลุข้อตกลงขายหุ้นให้กลุ่มทุนสหรัฐฯ-เอมิเรตส์

ไบต์แดนซ์ บริษัทจีนเจ้าของแพลตฟอร์ม TikTok ลงนามข้อตกลงผูกพันทางกฎหมายกับกลุ่มนักลงทุนสหรัฐและต่างชาติ เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่ถือครองธุรกิจ TikTok ในสหรัฐฯ เป็นหลัก โดยนายโจว โช่วจือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TikTok แจ้งพนักงานว่า ดีลดังกล่าวจะแล้วเสร็จในวันที่ 22 มกราคมนี้

ตามบันทึกภายใน ระบุว่า กลุ่มนักลงทุนซึ่งรวมถึง Oracle, Silver Lake และ MGX บริษัทลงทุนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะถือหุ้นรวมกันครึ่งหนึ่งของบริษัทร่วมทุน ขณะที่ไบต์แดนซ์จะคงสัดส่วนการถือหุ้นไว้ที่ 19.9% ส่วนหุ้นอีก 30.1% จะอยู่กับเครือบริษัทของนักลงทุนเดิมของไบต์แดนซ์ โดย Oracle, Silver Lake และ MGX จะถือหุ้นรายละ 15%

ข้อตกลงดังกล่าวมีเป้าหมายยุติความพยายามยาวนานหลายปีของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการให้ไบต์แดนซ์ขายกิจการ TikTok ในสหรัฐ จากความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ และสอดคล้องกับกรอบข้อตกลงที่เปิดเผยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระงับการบังคับใช้กฎหมายที่กำหนดให้แบนแอป หากไม่ขายกิจการ

TikTok ระบุว่า ข้อตกลงนี้จะทำให้ชาวอเมริกันกว่า 170 ล้านคนสามารถใช้งานแพลตฟอร์มต่อไปได้ โดยทำเนียบขาวเคยระบุว่า Oracle จะได้รับสิทธิ์ในการให้ใบอนุญาตใช้อัลกอริทึมแนะนำคอนเทนต์ของ TikTok ภายใต้ดีลดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ ในเดือนเมษายน 2024 สภาคองเกรสสหรัฐผ่านกฎหมายสั่งแบน TikTok เว้นแต่จะมีการขายกิจการ โดยกำหนดให้มีผลในวันที่ 20 มกราคม 2025 แต่ถูกเลื่อนออกหลายครั้ง ระหว่างที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์เจรจาข้อตกลงโอนความเป็นเจ้าของ ทั้งนี้ ทรัมป์เคยเปิดเผยว่าได้รับไฟเขียวจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนแล้ว แม้อนาคตของแพลตฟอร์มจะยังไม่ชัดเจนหลังการพบกันของผู้นำทั้งสองในเดือนตุลาคม

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวยังเผชิญเสียงวิจารณ์จากสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ โดยวุฒิสมาชิก รอน ไวเดน จากพรรคเดโมแครต ระบุว่า ดีลนี้ไม่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอเมริกัน และยังไม่ชัดเจนว่าจะทำให้อัลกอริทึมปลอดภัยขึ้นจริงหรือไม่ แม้ข้อตกลงกำหนดให้มีการฝึกอัลกอริทึมใหม่โดยใช้ข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐเพื่อป้องกันการแทรกแซงจากภายนอก

ในฝั่งผู้ใช้งาน ผู้ประกอบการรายย่อยบางส่วนแสดงความกังวล นาง ทิฟฟานี เซียนซี เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 3 แสนคน ระบุว่า หวังให้นักลงทุนใหม่คงประสบการณ์ใช้งานเดิมและปกป้องผู้ประกอบการ โดย TikTok ระบุว่า มีธุรกิจขนาดเล็กกว่า 7 ล้านรายใช้แพลตฟอร์มทำการตลาดในสหรัฐฯ  และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้งานจำนวนมากออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รักษาแพลตฟอร์มนี้ไว้ต่อไป.

ที่มา BBC

ฮือฮา แจ็กพอตพาวเวอร์บอลสหรัฐฯ เงินรางวัลทบเป็น 1,500 ล้านดอลลาร์ หลังไร้ผู้ถูกรางวัลนานหลายเดือน

ฮือฮา แจ็กพอตพาวเวอร์บอลสหรัฐฯ เงินรางวัลทบเป็น 1,500 ล้านดอลลาร์ หลังไร้ผู้ถูกรางวัลนานหลายเดือน

19 ธ.ค. 2568 10:12 น.

ฮือฮา แจ็กพอตพาวเวอร์บอลสหรัฐฯ เงินรางวัลทบเป็น 1,500 ล้านดอลลาร์ หลังไร้ผู้ถูกรางวัลนานหลายเดือน

แจ็กพอตพาวเวอร์บอลสหรัฐฯ เงินรางวัลทบเป็น 1,500 ล้านดอลลาร์ หลังไร้ผู้ถูกรางวัลนานหลายเดือน ขณะที่โอกาสถูกรางวัลอยู่ที่ 1 ใน 292 ล้าน

วันที่ 19 ธันวาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บรรยากาศการเสี่ยงโชคในสหรัฐฯ กลับมาคึกคักอีกครั้งจากกระแสข่าวแจ็กพอตพาวเวอร์บอล ที่มีเงินรางวัลทบพุ่งสูงแตะระดับ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 54,000 ล้านบาท ในงวดวันที่ 18 ธันวาคม จากการที่ไม่มีผู้ถูกรางวัลใหญ่ติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือน

รายงานข่าวระบุว่า ป้ายบิลบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ทั่วประเทศ รวมถึงบนทางหลวงสายสำคัญในรัฐแคลิฟอร์เนีย แสดงตัวเลขรางวัลมหาศาล สร้างความตื่นเต้นให้กับนักเสี่ยงโชคทั่วสหรัฐ โดยรางวัลครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในแจ็กพอตที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกมพาวเวอร์บอล

โดยแจ็กพอตมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ ยังเป็นรองสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 2,040 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีผู้ถูกรางวัลเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 และรางวัลมูลค่า 1,787 ล้านดอลลาร์ ที่มีผู้ถูกรางวัลร่วมกันในรัฐมิสซูรี และเทกซัส เมื่อวันที่ 6 กันยายน ปีเดียวกัน

ทั้งนี้ ลอตเตอรี่พาวเวอร์บอลจำหน่ายใน 45 รัฐ รวมถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เปอร์โตริโก และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐ ราคาสลากใบละ 2 ดอลลาร์ ขณะที่โอกาสถูกรางวัลแจ็กพอตอยู่ที่ 1 ใน 292.2 ล้าน. 

ที่มา AP

สื่อกัมพูชาตีข่าว ประชาชน 3 แสนเดินขบวนเพื่อสันติภาพ หนุนหยุดยิงไทย–กัมพูชา วอนเคารพข้อตกลงสันติ

สื่อกัมพูชาตีข่าว ประชาชน 3 แสนเดินขบวนเพื่อสันติภาพ หนุนหยุดยิงไทย–กัมพูชา วอนเคารพข้อตกลงสันติ

19 ธ.ค. 2568 09:47 น.

สื่อกัมพูชาตีข่าว ประชาชน 3 แสนเดินขบวนเพื่อสันติภาพ หนุนหยุดยิงไทย–กัมพูชา วอนเคารพข้อตกลงสันติ

สื่อกัมพูชาตีข่าว ประชาชนกว่า 3 แสนคน ร่วมเดินขบวนกลางกรุงพนมเปญ แสดงพลังเรียกร้องสันติภาพ เคารพข้อตกลงหยุดยิง ท่ามกลางความตึงเครียดชายแดนไทย–กัมพูชาที่ยังไม่คลี่คลาย

วันที่ 19 ธันวาคม 2568 เว็บไซต์ข่าวของกัมพูชา รายงานว่า ประชาชนชาวกัมพูชากว่า 300,000 คน รวมถึงเยาวชน พระสงฆ์ และตัวแทนภาคส่วนต่างๆ ออกมาร่วมกิจกรรม “เดินขบวนเพื่อสันติภาพ” (March for Peace) เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 18 ธันวาคม ที่กรุงพนมเปญ เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนสันติภาพ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพข้อตกลงหยุดยิงและแนวทางสันติระหว่างกัมพูชาและไทย

รายงานข่าวระบุว่า กิจกรรมนี้จัดโดยสหพันธ์เยาวชนกัมพูชา (Union of Youth Federations of Cambodia – UYFC) ซึ่งปัจจุบันมีนายฮุน มานี รองนายกรัฐมนตรี และบุตรชายของสมเด็จฮุนเซนดำรงตำแหน่งประธาน โดยการเดินขบวนเริ่มต้นจากบริเวณตลาดกลางคืนริมแม่น้ำ ก่อนเคลื่อนขบวนไปตามถนนคนเดิน และสิ้นสุดที่อนุสาวรีย์เอกราช โดยมีรายงานว่ามีผู้เข้าร่วมมากกว่า 300,000 คน ถือเป็นการชุมนุมเพื่อสันติภาพครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดความตึงเครียดชายแดนรอบล่าสุด

บรรยากาศการเดินขบวนเต็มไปด้วยธงชาติกัมพูชา ป้ายข้อความเรียกร้องสันติภาพ และผู้เข้าร่วมในชุดสีสันหลากหลาย ผู้ร่วมกิจกรรมประกอบด้วยพระสงฆ์ ผู้สูงอายุ ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา นักธุรกิจ ศิลปิน นักกีฬา และผู้พิการ ขณะที่เด็กๆ โบกธงชาติขนาดเล็ก สร้างภาพสะท้อนความหวังและความต่อเนื่องของสังคม

ทั้งนี้ การชุมนุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน มีประชาชนกว่า 150,000 คน ออกมาแสดงพลังสนับสนุนแนวทางสันติของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาชายแดน แต่การรวมตัวล่าสุดมีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด หลังมีรายงานว่ากองทัพไทยเปิดปฏิบัติการโจมตีพื้นที่ชายแดนหลายจังหวัดของกัมพูชาเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ซึ่งฝ่ายกัมพูชาระบุว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงสันติภาพที่ลงนามไว้เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม

ที่มา Khmer times

นทท.สะพรึง แห่ชมปรากฎการณ์ธรรมชาติชายหาดสีเลือดในอิหร่าน

นทท.สะพรึง แห่ชมปรากฎการณ์ธรรมชาติชายหาดสีเลือดในอิหร่าน

19 ธ.ค. 2568 09:45 น.

นทท.สะพรึง แห่ชมปรากฎการณ์ธรรมชาติชายหาดสีเลือดในอิหร่าน

โลกออนไลน์สะพรึงกันอีกรอบ หลังฝนที่ตกลงมาในสัปดาห์นี้ เปลี่ยนแนวชายฝั่งของชายหาดชื่อดัง เรดบีช ให้กลายเป็นสีเลือด โดยน้ำฝนพัดพาดินสีแดงเข้มไหลสู่ทะเล จนผืนน้ำบริเวณชายฝั่งกลายเป็นสีแดงเข้ม

ชายหาด เรดบีช บนเกาะฮอร์มุซแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่อง ทรายและหน้าผาสีแดงสดอยู่แล้ว เนื่องจากดินมีปริมาณ เหล็กออกไซด์ สูงผิดปกติ แต่เมื่อฝนเริ่มตกตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา กระแสน้ำได้พัดพาดินสีแดงจำนวนมากลงสู่ทะเล สร้างภาพสวยงามด้วยสีตัดกันระหว่าง น้ำทะเลสีน้ำเงินของอ่าวเปอร์เซีย กับกระแสดินแดงฉานที่ไหลบ่าลงมา

ภาพดังกล่าวแพร่สะพัดอย่างรวดเร็วบนโซเชียลมีเดีย ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยว ช่างภาพ และผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก ซึ่งถ้าใครได้เห็นเป็นครั้งแรกต่างก็ตั้งคำถามว่า นี่คือปรากฏการณ์ธรรมชาติจริง หรือฉากจากภาพยนตร์ไซไฟ

นอกจากความน่าตื่นตาทางสายตาแล้ว ดินสีแดงของเกาะฮอร์มุซ ซึ่งชาวท้องถิ่นเรียกว่า “เกลัก” (Gelak) ยังมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยถูกส่งออกในปริมาณจำกัด เพื่อนำไปใช้ผลิต เครื่องสำอาง เม็ดสี และผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมบางชนิดด้วย

เกาะฮอร์มุซตั้งอยู่ใน ช่องแคบฮอร์มุซ จุดยุทธศาสตร์สำคัญที่เชื่อมระหว่างอ่าวเปอร์เซียกับอ่าวโอมาน ห่างจากกรุงเตหะรานราว 1,080 กิโลเมตร โดยปกติเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ฝนตกค่อนข้างน้อย และมักเกิดขึ้นเฉพาะช่วงฤดูหนาวถึงต้นฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น

ทุกครั้งที่ฝนตก เกาะแห่งนี้จะเผยโฉมธรรมชาติสุดแปลกตา จนกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่หลงใหล ภูมิประเทศประหลาดและสีสันเหนือจริง ราวกับอยู่นอกโลก.

ที่มา : AP

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ อิหร่าน