แนวโน้มสัมพันธ์สหรัฐอเมริกา หลังศึกเลือกตั้ง

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2823162

แนวโน้มสัมพันธ์สหรัฐอเมริกา หลังศึกเลือกตั้ง

2 พ.ย. 2567 05:00 น.

แนวโน้มสัมพันธ์สหรัฐอเมริกา หลังศึกเลือกตั้ง

สัปดาห์หน้า เช้าวันที่ 6 พ.ย. ตามเวลาประเทศไทย ก็จะถึงเวลาของการชี้ชะตาว่าใครจะกลายเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ลำดับที่ 47 ของสหรัฐอเมริกา

“โดนัลด์ ทรัมป์” วัย 78 ปี จากพรรคฝ่ายค้านรีพับลิกัน หรือ “คามาลา แฮร์ริส” วัย 60 ปี จากพรรครัฐบาลเดโมแครต ใครที่จะชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 และขึ้นครอบครองบัลลังก์ทำเนียบขาวชาติ “พญาอินทรี” ผู้ทรงอิทธิพลระดับโลก

โดยบรรยากาศครั้งนี้ ไม่ต่างอะไรจากการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน ในทั้งหมด 50 รัฐ จะมี 43 รัฐที่มีทิศทางชัดเจนตั้งแต่แรกว่าเป็นรัฐ “แดง” รีพับลิกัน หรือรัฐ “น้ำเงิน” เดโมแครต

คาดการณ์ผลลัพธ์ไปได้เลยว่า จะเทคะแนนไปทางไหน อย่างภาคตะวันตกฝั่งเวสต์โคสต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย โอเรกอน วอชิงตัน ก็เป็นของเดโมแครตมาตลอด ขณะที่ภาคใต้อย่างเท็กซัส ฟลอริดา และกลุ่มชนบทภาคกลาง เคนตักกี แคนซัส มิสซูรี โอกลาโฮมา ก็แทบไม่เคยเปลี่ยนใจจากรีพับลิกัน

สามารถบวกคะแนน “คณะเลือกตั้ง” ในแต่ละรัฐไปได้เลย ทำให้ทุกๆปีจะต้องมาชิงชัยกันในรัฐ “สวิง สเตท” หรือรัฐที่ในปีนั้นๆ มีทิศทางไม่ชัดเจนว่าจะอยู่ข้างใด

ซึ่งสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้มีอยู่ทั้งหมด 7 รัฐ ประกอบด้วย เนวาดา อริโซนา วิสคอนซิน มิชิแกน จอร์เจีย นอร์ทแคโรไลนา และเพนซิลเวเนีย ที่จะผลักดันให้ผู้สมัครครองคณะผู้เลือกตั้งจากรัฐต่างๆได้ตามเกณฑ์ (270 เสียงจากทั้งหมด 538 เสียง) กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนคนไทยแล้ว การติดตามบรรยากาศการนับคะแนนการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 ในสัปดาห์หน้า คงไม่ต่างอะไรนักกับการรับชมการแข่งขันกีฬา ทายผลกันอย่างสนุกสนานว่าใครจะชนะ แถมเผลอๆอาจมีการพนันขันต่อพ่วงตามมา

เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งนี้ถือเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่จะนำไปสู่คำถามสำคัญว่า ผู้นำพญาอินทรีคนใหม่ที่กำลังจะมา จะดำเนินความสัมพันธ์กับเรา ภูมิภาคอาเซียน หรือในภาพใหญ่ “อินโดแปซิฟิก” เช่นไร

สำหรับประเทศไทยและอาเซียนนั้น ดำเนินความสัมพันธ์ฉันมิตรกับสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลาหลักร้อยปี แต่ไม่สามารถเรียกได้เต็มปากว่า เป็นความสัมพันธ์ในระดับผู้เท่าเทียม หรือมีค่านิยมร่วมกัน เพราะเป็นไปในลักษณะของการมี “ผลประโยชน์” ต่างตอบแทน

โดยมีความมั่นคง และ “การจัดระเบียบโลก” เป็นตัวยืนพื้น เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงยุคสงครามเย็น ที่สหรัฐฯกลายเป็นผู้รับประกันความปลอดภัยของภูมิภาค และก่อให้เกิดกลุ่มความร่วมมืออาเซียน

และแน่นอนว่าการเปลี่ยน ตัวผู้นำสหรัฐฯ ก็ไม่เคยส่งผลกระทบต่อ “แก่นแท้” ดังกล่าว เนื่องด้วยไทยและชาติอื่นๆ ในภูมิภาค จะทำการปรับตัวอยู่เสมอ เพื่อให้สอดคล้องไปกับทิศทางการเมืองอเมริกัน

ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องถอยหลังหนึ่งก้าว เพื่อมองดูภาพรวมว่านโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ณ เพลานี้ เป็นเช่นไร ซึ่งสิ่งที่ชัดเจนคือ ไม่ว่าจะเป็นรีพับลิกันหรือเดโมแครต ต่างมีจุดยืนร่วมกันว่า “สาธารณรัฐประชาชนจีน” จำเป็นจะต้องถูกยับยั้งไม่ให้โตเสริมสร้าง อิทธิพลไปมากกว่านี้

เท่ากับว่าความแตกต่างขึ้นอยู่กับ “วิธีการ” ของตัวผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าจะเดินเกมในภูมิภาคเราเช่นไร

สำหรับ “คามาลา แฮร์ริส” มีแนวโน้มสูงที่จะดำเนินรอยตามนโยบายการต่างประเทศของ “โจ ไบเดน” เหมือนดั่ง 4 ปีที่ผ่านมา ใช้กลไกความเป็นพหุภาคี ปรึกษาหารือ จับกลุ่มความร่วมมือในการตีกรอบล้อมจีน หรือกดดันทางอ้อม ภายใต้หลักการว่า “แข่งขันเมื่อสมควร ร่วมมือเมื่อทำได้ และเป็นศัตรูกันเมื่อจำเป็น”

หากแฮร์ริสได้รับเลือกเป็นผู้นำสหรัฐฯ ก็เป็นไปได้สูงที่จะเดินทางมาร่วมการประชุมระดับสูงของอาเซียนมากขึ้น แต่ความท้าทายที่จะตามมาคือ จะเกลี้ยกล่อมในเรื่องการค้าเช่นไร ในเมื่อความสัมพันธ์การค้าระหว่างภูมิภาคเรากับจีนก็มีผลประโยชน์ตอบแทนที่ชัดเจนและรวดเร็ว

อีกทั้งค่านิยมที่แฮร์ริสเชื่อมั่นอย่างประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน อาจกลายเป็นอุปสรรคในการพัฒนาความสัมพันธ์ เพราะประเด็นดังกล่าวยากที่จะบอกกล่าวโดยไม่ให้รู้สึกว่ากำลังถูก “สั่งสอน”

สำหรับ “โดนัลด์ ทรัมป์” มีแนวโน้มสูงที่จะใช้นโยบายตาต่อตาฟันต่อฟันในเรื่องจีน การตั้งกำแพงภาษีการค้าเพิ่มเติมกับจีน ย่อมส่ง ผลกระทบต่อบรรยากาศการค้า และการไหลเวียนของห่วงโซ่สินค้าในภูมิภาค แย่กว่านั้นคือการที่ทีมงานของทรัมป์ บางส่วนมองว่า ควรหรือไม่ ที่จะแยกขาดจากจีนไปเลย

หากทรัมป์ได้รับเลือกเป็นผู้นำสหรัฐฯ มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความโกลาหลในตลาดการค้า ซึ่งต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวสักพักใหญ่ แต่การเข้าหาประเทศต่างๆในภูมิภาคจะมีความตรงไปตรงมา และเป็นไปในลักษณะ “ทวิภาคี” เหมือนกับช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งผู้นำครั้งก่อน

อีกทั้งบางประเทศย่อมเกิดความรู้สึกคุยง่าย เนื่องจากทรัมป์เคยให้ความชัดเจนมาแล้ว ว่าไม่อยากยุ่งเรื่องค่านิยมและสิทธิมนุษยชน สนใจเรื่องผลประโยชน์เป็นที่ตั้งตามสไตล์นักธุรกิจอเมริกัน

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้ยังขึ้นอยู่กับว่า “ผู้ชนะ” จะแต่งตั้งใครขึ้นมาเป็นแขนขา และคนเหล่านั้นจะมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายหลังจากนี้เช่นไร นอกจากนี้ การเดินหน้าความสัมพันธ์กับไทยและภูมิภาคจะทำได้ช้าหรือเร็ว เพราะการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 เกิดความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในระดับที่น่าวิตกกังวล

การปรองดองและเยียวยาสังคมอเมริกันให้กลับมายอมรับ ซึ่งกันและกันจะใช้เวลาเพียงใด หรือสุดท้ายแล้วจะทำได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด ซึ่งสิ่งที่เราทำได้คือการคงความสงบร่มเย็น พัฒนาประเทศให้น่าสนใจ และรอคอยวันที่จะได้เจรจากับรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ.

ทีมข่าวต่างประเทศ

‘กระแต’ทำยอดขายทะลุ1,000ล้าน ลั่นคำว่า’บอส’ยากกว่าที่คิด

https://www.naewna.com/entertain/836098

'กระแต'ทำยอดขายทะลุ1,000ล้าน ลั่นคำว่า'บอส'ยากกว่าที่คิด

‘กระแต’ทำยอดขายทะลุ1,000ล้าน ลั่นคำว่า’บอส’ยากกว่าที่คิด

วันศุกร์ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2567, 13.31 น.

ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตจริงๆ สำหรับนักร้องลูกทุ่งฉายาควีนออฟแดนซ์ “กระแต แตร บุญยะเลี้ยง” ที่นอกจากโลดแล่นในวงการเพลงเจ้าตัวยังแบ่งเวลาไปนั่งแท่นบริหาร เป็นซีอีโอเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางอีกด้วย แถมผลิตสินค้าออกมาแต่ละล็อตแฟนๆ ก็ให้การตอบรับอย่างเดีเสมอ

ล่าสุด กระแต โพสต์คลิปกว่าจะมาถึงวันที่ประสบความสำเร็จพายอดขายทะลุ 1,000 ล้านได้ไม่ง่าย พร้อมระบุว่า

“#ไม่คิดเลยว่าชีวิตจะมาถึงจุดนี้ วันที่ตัวเองจะมีความสามารถทำยอดขายทะลุ1,000 ล้านได้! ด้วยน้ำพักน้ำแรง หยาดเหงื่อและมันสมองสองมือ #ขอบคุณตัวเองที่กัดฟันสู้ทั้งน้ำตามาหลายรอบมากๆ 

คำว่า “บอส” มันยากกว่าที่คิด แต่ด้วยความรัก ความตั้งใจ ความจริงใจต่อลูกค้า รวมถึงความพยายาม มันทำให้เราสู้ และไม่เคยถอย

อยากขอบคุณทีมงานทุกคน ที่เข้ามาเติมเต็มความสำเร็จให้กับ KATHY ที่คอยซัพพอร์ตกันมาตลอดเส้นทางแห่งความลำบากนี้มากๆนะคะ

ขอบคุณแฟนๆและ ลูกค้าที่น่ารักทุกท่าน ที่มองเห็นถึงความตั้งใจและคอยซัพพอร์ตกระแตมาตลอดนะคะ

จะพยายามคัดสรรสิ่งดีๆให้กับทุกคน และจะไม่หยุดพัฒนาในทุกด้าน จะเดินตามฝัน และทำมันให้ได้ #นี่แค่เริ่มต้นสินะ ยังต้องลุยอีกยาวววววว

#เป็นกำลังใจให้ทุกความฝัน สู้ไปด้วยกันนะค้าาาา”

“ดิดดี้” โดนฟ้องเพิ่ม ข้อหาข่มขืน-ล่วงละเมิดทางเพศ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2819971

“ดิดดี้” โดนฟ้องเพิ่ม ข้อหาข่มขืน-ล่วงละเมิดทางเพศ

15 ต.ค. 2567 04:00 น.

“ดิดดี้” โดนฟ้องเพิ่ม ข้อหาข่มขืน-ล่วงละเมิดทางเพศ

ดิดดี้ แร็ปเปอร์ชื่อดังชาวอเมริกัน ถูกผู้เสียหายกลุ่มใหม่ฟ้องร้องเพิ่มเติมในข้อหา ข่มขืน และล่วงละเมิดทางเพศ ท่ามกลางคดีมากมายที่เขากำลังเผชิญ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ฌอน “ดิดดี้” คอมบ์ส แร็ปเปอร์และนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิงสหรัฐฯ ถูกฟ้องร้องอีกอย่างน้อย 6 คดี หลังจากชาย 4 คน กับหญิง 2 คนยื่นคำร้องต่อศาลในวันจันทร์ที่ 14 ต.ค. 2567 กล่าวหาดิดดี้ว่า ก่อเหตุข่มขืน, ล่วงละเมิดทางเพศ และจู่โจมทำร้ายทางเพศ ระหว่างปี 2538-2564

ผู้กล่าวหาระบุว่า พวกเขาถูกล่วงละเมิดในงานปาร์ตี้ของดิดดี้ ซึ่งมีดาราและศิลปินชื่อดังในวงการดนตรีมากมายมาร่วมงาน โดยผู้กล่าวหาชายคนหนึ่ง อ้างว่าเขาเข้าร่วมงานปาร์ตี้ดังกล่าวที่เมืองแฮมป์ตัน ในปี 2541 ตอนที่เขามีอายุเพียง 16 ปี โดยเขากำลังคุยกับดิดดี้เรื่องการเข้าสู่วงการดนตรี ตอนที่การล่วงละเมิดเกิดขึ้น

ผู้เสียหายรายนี้ระบุในเอกสารคำฟ้องว่า ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่นั้น จู่ๆ ดิดดี้ก็สั่งให้เขาถอดเสื้อผ้า และกล่าวว่า นี่เป็น “พิธีเปลี่ยนผ่าน” และเป็นเส้นทางเพื่อก้าวไปเป็นดวงดาว ในเอกสารคำฟ้องยังแนบรูปถ่ายที่เขาถ่ายคู่ดิดดี้ที่งานปาร์ตี้ดังกล่าวเอาไว้ด้วย

เอกสารคำฟ้องอีกฉบับ ซึ่งยื่นโดยผู้เสียหายหญิง กล่าวหาดิดดี้ว่า ข่มขืนเธอภายในห้องของโรงแรมแห่งหนึ่งเมื่อปี 2547 ตอนเธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยวัย 19 ปี

หญิงรายนี้ระบุว่า เธอพบกับดิดดี้ในงานถ่ายภาพเชิงโฆษณางานหนึ่ง ซึ่งเขาเชิงเธอกับเพื่อนอีกคนไปรวมปาร์ตี้ส่วนตัวที่โรงแรมของเขา และเมื่อพวกเธอมาถึง ดิดดี้ก็เข้ามาลวนลาม และข่มขืนเธอในท้ายที่สุด แม้ว่าเธอจะพยายามขอให้หยุดก็ตาม

นายโทนี บัซบี ทนายความของฝ่ายผู้กล่าวหา กล่าวว่า เขากำลังเป็นตัวแทนผู้เสียหายมากกว่า 100 คน ที่กำลังวางแผนจะฟ้องร้องแร็ปเปอร์ชื่อดังรายนี้ ในข้อหา จู่โจมทางเพศ, ข่มขืน และใช้ประโยชน์ทางเพศ โดยผู้เสียหายบางคนเป็นเด็กด้วย

ทั้งนี้ ข่าวเรื่องข้อกล่าวหาใหม่ของดิดดี้ เกิดขึ้นในขณะที่เขากำลังเผชิญการฟ้องร้องคดีอาชญากรรมตามกฎหมายรัฐบาลกลาง ในข้อหาอั้งยี่ซ่องโจ และค้าประเวณี โดยมีรผู้ยื่นฟ้องร้องเขามากกว่า 10 รายแล้ว

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc

ไฟไหม้-ระเบิดสนั่น คลังแสงประเทศ “ชาด” (ชมคลิป)

SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2794464

ไฟไหม้-ระเบิดสนั่น คลังแสงประเทศ "ชาด" (ชมคลิป)

19 มิ.ย. 2567 15:04 น.

ไฟไหม้-ระเบิดสนั่น คลังแสงประเทศ “ชาด” (ชมคลิป)

เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่คลังแสงของกองทัพในกรุงเอ็นจาเมนา เมืองหลวงของชาด ทำให้เกิดเหตุระเบิดหลายครั้ง ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ศพ และบาดเจ็บอีกหลายคน

นายคูลามัลเลาะห์ อับเดอรามาน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศชาด เปิดเผยว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่คลังแสงของกองทัพในกรุงเอ็นจาเมนา เมืองหลวงของชาด ทำให้เกิดเหตุระเบิดหลายครั้งเมื่อคืนวันอังคาร (18 มิ.ย.) ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ศพ และบาดเจ็บอีกหลายคน

ผู้พักอาศัยในละแวกใกล้เคียงใกล้กับคลังแสง กล่าวว่า เขาเห็นผู้บาดเจ็บ 3 คนบนถนน โดย 2 คนในจำนวนนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ด้านสื่อท้องถิ่นโพสต์ภาพกระสุนปืนใหญ่ที่ใช้แล้ว ซึ่งตกใส่บ้านเรือนประชาชน

ส่วนชาวบ้านอีกคนกล่าวว่า เพื่อนบ้านของเขาซึ่งเป็นเจ้าของร้าน เสียชีวิตหลังจากกระสุนปืนตกใส่ “บ้านของเราสั่นสะเทือนราวกับมีคนยิงใส่เรา จากนั้นเราก็เห็นไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ค่ายทหาร ควันและสิ่งต่างๆ ระเบิดในอากาศ” และกล่าวว่า “เราเห็นปืนใหญ่ลอยอยู่เหนือเรา” ขณะที่ยังคงได้ยินเสียงระเบิดนานกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง หลังจากการระเบิดครั้งแรก

นายคูลามัลเลาะห์ ซึ่งดำรงตำแหน่งโฆษกรัฐบาล กล่าวบนเฟซบุ๊กว่า เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่สถานที่ดังกล่าว และเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ ส่วนเจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพที่ไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่า “คลังแสงที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเอ็นจาเมนาถูกไฟไหม้”

ด้านประธานาธิบดี มาฮามัต ไอดริส เดบี อิตโน ผู้นำชาด กล่าวแสดงความเสียใจบนเฟซบุ๊กว่า “ขอสันติสุขแก่ดวงวิญญาณของเหยื่อ ขอแสดงความเสียใจอย่างจริงใจต่อครอบครัว และขอให้ผู้ได้รับบาดเจ็บฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว” อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบสาเหตุของเพลิงไหม้ และประธานาธิบดีเดบีให้คำมั่นว่าจะดำเนินการสอบสวนต่อไป

ทั้งนี้ พื้นที่โดยรอบคลังแสงดังกล่าว เป็นที่ตั้งของบ้านเรือนประชาชนจำนวนมาก ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติและเป็นฐานทัพที่กองทหารฝรั่งเศสประจำการอยู่ เจ้าหน้าที่ของกองทัพฝรั่งเศสกล่าวโดยไม่เปิดเผยชื่อว่า “เหตุไฟไหม้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระเบิดของกระสุนจำนวนมาก” 

ทั้งนี้ ผู้นำของชาดคนปัจจุบันคือประธานาธิบดี มาฮามัต ไอดริส เดบี อิตโน ซึ่งได้รับการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 พ.ค. ด้วยคะแนนเสียงถึง 61% ซึ่งองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศกล่าวว่า ผลการเลือกตั้งไม่มีความน่าเชื่อถือหรือเป็นไปอย่างอิสระ ส่วนคู่แข่งหลักของเขา เรียกการเลือกตั้งว่า “การสวมหน้ากาก”

นายเดบีได้รับการประกาศให้เป็นประธานาธิบดีเฉพาะกาลในเดือนเมษายน 2564 โดยรัฐบาลเผด็จการทหารที่ประกอบด้วยนายทหารระดับสูง 15 นาย หลังจากที่บิดาของเขา ประธานาธิบดี ไอดริส เดบี อิตโน ถูกกลุ่มกบฏยิงเสียชีวิตหลังจากครองอำนาจมา 30 ปี.

ที่มา FRANCE 24

ติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign

ประกาศขาย‘ไร่ป๋าเทพ’ 13 ไร่ที่ราชบุรี แฟนคลับแห่ให้กำลังใจ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/entertain/692558

ประกาศขาย‘ไร่ป๋าเทพ’ 13 ไร่ที่ราชบุรี แฟนคลับแห่ให้กำลังใจ

ประกาศขาย‘ไร่ป๋าเทพ’ 13 ไร่ที่ราชบุรี แฟนคลับแห่ให้กำลังใจ

วันพุธ ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 17.25 น.

ประกาศขาย‘ไร่ป๋าเทพ’ 13 ไร่ที่ราชบุรี แฟนคลับแห่ให้กำลังใจ

16 พฤศจิกายน 2565 ทำเอาแฟนคลับตกใจ และสอบถามเข้ามามาก หลังจากที่เพจ “ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ” ของ “ป๋าเทพ” เทพ โพธิ์งาม นักแสดงตลกรุ่นใหญ่ ได้ประกาศขาย “ไร่ป๋าเทพ” ที่ จ. ราชบุรี โดยระบุข้อความ ว่า “ขาย!! ไร่ป๋าเทพ 13 ไร่กว่า ที่สวย  บรรยากาศร่มรื่น ต้นไม้เยอะที่สุดในแถบนี้พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่สูงจากถนนมาก น้ำไม่ท่วม สนใจติดต่อ Inbox ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ หรือ ติดต่อเบอร์โทร……ครับ #ไร่ป๋าเทพ #เทพโพธิ์งาม”

สำหรับ “ไร่ป๋าเทพ” ก่อนหน้านี้ได้เปิดเป็นร้านอาหาร รวมถึงรับเลี้ยงวัวและควายที่ถูกไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์ และสุนัข-แมวจรจัดที่ถูกนำมาปล่อยทิ้ง รวมเกือบ 100 ชีวิต

Covid-19 Severity Decreasing: Dr Yong

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ The Nation.

https://www.nationthailand.com/thailand/general/40020270

Covid-19 severity decreasing: Dr Yong

Covid-19 Severity Decreasing: Dr Yong

WEDNESDAY, SEPTEMBER 21, 2022

THE NATION

The Severity Of Covid-19 Is Declining Thanks To Vaccinations And Improved Diagnostics And Medication, Chulalongkorn University Expert Virologist Dr Yong Poovorawan Said On Wednesday.

In a Facebook post, Yong said the severity of the diseases has been gradually declining since it was first discovered in China in late 2019.

Yong, who is chief of the Centre of Excellence in Clinical Virology at Chulalongkorn University’s Faculty of Medicine, said the early version of Covid-19 had a mortality rate of 3-5 per cent as the virus infected the lungs and developed into pneumonia.

“However, as new waves occurred, we saw a declining trend in disease severity,” he pointed out.

Yong cited a report from the United States Centres for Disease Control and Prevention, which said the hospitalisation rate during the Omicron outbreak dropped to 4.9 per cent, compared to 15.1 per cent during Delta.

“In Thailand, the mortality rate of Covid-19, when it first spread in the country [in 2020], was around 1 per cent. This has dropped to less than 0.1 per cent these days, while the hospitalisation rate has also declined significantly, with most new patients being treated at home now,” he added.

Yong said the reason behind the declining severity is the fact that most people have been vaccinated, creating herd immunity against the virus.

“Furthermore, diagnostics methods and technology have also improved over the years, resulting in faster, more accurate detection of infections and therefore improving the chance of cure,” he wrote.

“We have also developed more efficient drugs to counter symptoms and reduce the chance of hospitalisation and death.”

On Wednesday, Thailand recorded 1,129 confirmed Covid-19 cases and 13 deaths in the past 24 hours, while 934 patients have recovered and been discharged from hospital.

The number of cumulative cases in the country since January 1, 2022, stands at 2,452,097, with 10,970 deaths.

THE NATION

ลึกลับในสนามข่าว : 13 มกราคม 2565

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/628282

ลึกลับในสนามข่าว : 13 มกราคม  2565

วันพฤหัสบดี ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.

nn…หลังผ่านช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 เข้าสู่ปีเสือทอง…สถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะเป็นสายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” กลายเป็นระลอกที่ 5 กลับมาพุ่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาลและทุกหน่วยงานราชการทุกภาคส่วน ยกระดับมาตรการคุมเข้ม แต่ไม่ล็อกดาวน์ เพียงขอให้ทุกคนร่วมมือการ์ดห้ามตกเด็ดขาด….ในซีกสภาผู้แทนราษฎร ท่านประธานสภาฯ “ชวน หลีกภัย” มีคำสั่งงดประชุมต่อเนื่อง 2 ครั้ง พร้อมได้นัดเปิดประชุมอีกครั้งในวันพุธที่ 19 ม.ค.นี้ แน่นอน…ยังมีร่างกฎหมายสำคัญ
และญัตติปัญหาความเดือดร้อนที่รุมเร้ารอต่อแถวอีกเพียบ…เชื่อว่าเปิดประชุมสภาฯหนนี้ถกกันเดือดแน่นอน….ก่อนถึงวันนั้น สส.ทุกคนที่ลงพื้นที่พบปะประชาชนหรือลงหาเสียงเลือกตั้งซ่อม จะต้องระมัดระวังดูแลสุขภาพกันให้ดีๆอย่าไปติดเชื้อจนเกิดคลัสเตอร์ใหญ่ในสภาฯก็แล้วกัน…เมื่อวันก่อน ท่านประธานสภาฯชวน หลีกภัย ได้ไปเยี่ยมชม“หอศิลป์”ส่วนตัวของ“นายทัชชะพงศ์ ประเวศวรารัตน์” ประธานกรรมการบริษัทซีฟโก้ จํากัด (มหาชน) ณ บ้านสวนขวัญ ต.วัดละมุด อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งเป็นผู้ที่ชื่นชอบ และเป็นนักสะสม งานศิลปะของศิลปินที่มีชื่อเสียงทั้งไทยและต่างประเทศ….ซึ่งตลอดที่ผ่านมาเจ้าของหอศิลป์แห่งนี้ได้รู้จักและพบปะกับ ท่านนายชวน หลีกภัย ในงานต่างๆที่จัดโดย สมาคมศิษย์เก่าศิลปศึกษา–ช่างศิลป์…สิ่งสำคัญ ก็ได้มีความเคารพและศรัทธาในตัวของ “ท่านประธานสภาฯชวน หลีกภัย” ในฐานะผู้มีความรู้ในงานศิลปะและเป็นที่ทราบกันดี มาตลอดในเส้นทางการเมืองไม่ว่าท่านจะอยู่ในตำแหน่งไหนท่านก็ยังชื่นชอบศิลปะโดยเฉพาะการสเกตช์ภาพ ลายเส้น…การเยี่ยมชมครั้งนี้ เพื่อเป็นเกียรติแล้ว..ยังมีความสุขของคนชอบศิลปะอยู่ในหัวใจด้วย…nn

BIGGEST SALE สุดพลัง @เซ็นทรัล ลาดพร้าว

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/667830

วันที่ 10 พ.ย. 2564 เวลา 16:10 น.BIGGEST SALE สุดพลัง @เซ็นทรัล ลาดพร้าวกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี เซ็นทรัลพัฒนา คัดสินค้าตัวท็อปกว่า 10,000 ไอเท็ม จากธุรกิจในเครือเซ็นทรัลรีเทล จัดโปรแรงสุดในงาน “BIGGEST SALE สุดพลัง” ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว

เอาใจสายช้อปทุกไลฟ์สไตล์กับดีลพิเศษสุดแห่งปี เซ็นทรัลพัฒนา ร่วมกับธุรกิจในเครือเซ็นทรัล รีเทล ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป, ซูเปอร์สปอร์ต, บีทูเอส และออฟฟิศเมท รวมสินค้าดีจากแบรนด์ดัง อาทิ Dyson, GUESS, Fitflop, G2000, Lee, Wrangler, Hush Puppies, Clarks, MARKS & SPENCER, Cuizimate, PASAYA, HAVEN, Nike, Adidas, Skechers, Fila, Furradec, brother, Xiaomi, Anitech, Remax มอบส่วนลดสูงสุด 80% สินค้าราคาพิเศษช่วงนาทีทอง และโปรโมชั่นมากมายจากพันธมิตรธุรกิจ ตั้งแต่ 18 – 28 พฤศจิกายน 2564 ในงาน “BIGGEST SALE สุดพลัง” ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ภายใต้มาตรการป้องกันขั้นสูงสุด “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+”

ช้อปสุดพลัง ชิงไอเท็มเด็ดห้ามพลาด ทั้งเครื่องแต่งกายบุรุษและสตรี เครื่องสำอาง อุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์ไอที ของตกแต่งบ้าน เครื่องใช้สำนักงาน อาทิ สินค้าตัวโชว์จาก Dyson ราคาเริ่มต้น 7,900 บาท, รองเท้า FILA RGB FUSE ราคา 2,590 บาท ลดเหลือ 590 บาท เครื่องฟอกอากาศ PHILIPS รุ่น AC0820 ราคา 5,990 บาท ลดเหลือ 2,790 บาท, โต๊ะทำงานพร้อมลิ้นชัก ไวท์โอ๊ค Furradec รุ่น T-5458 ราคา 4,990 บาท ลดเหลือ 1,650 บาท, สายรัดข้อมือสุขภาพ FITBIT รุ่น Charge 4 ราคา 6,490 บาท เหลือ 2,990 บาท และอีกมากมาย

ช้อปสบายกระเป๋า กับส่วนลดสูงสุด 80% และลดพิเศษยิ่งกว่าในช่วงนาทีทอง 5 ช่วงเวลา ของทุกวัน พร้อมรับเครดิตเงินคืนจากบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน บัตรเครดิต กรุงศรี บัตรเครดิต KTC และรับคูปองส่วนลดเพิ่ม 5% เมื่อชำระค่าสินค้าด้วย Dolfin Wallet ขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป/เซลล์สลิป

ช้อปอย่างมั่นใจ ภายใต้มาตรการป้องกันขั้นสูงสุด “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+” เน้นย้ำ Social Distancing พนักงานฉีดวัคซีน และตรวจ ATK ก่อนเข้าพื้นที่ทุกคน 100% ตามข้อกำหนดของภาครัฐ โดย BCC Hall ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว สามารถให้บริการได้ 1,000 คน พร้อมมาตรการคัดกรองตามแนวทางการปฏิบัติการจัดงานไมซ์ อาทิ ลดความแออัด (4 ตรม./คน) ตลอดระยะเวลาการจัดงาน หากมีจำนวนผู้เข้าชมงานเกินจำนวนที่กำหนด เจ้าหน้าที่จะทำการแจกบัตรคิวและแจ้งเวลาให้แก่ผู้ชมงานเข้างานในรอบถัดไป ขอความร่วมมือลูกค้าสแกน “ไทยชนะ” วัดอุณหภูมิ สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยขณะเข้าชมงาน ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ซึ่งตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ตั้งแต่บริเวณด้านหน้าก่อนทางเข้า hall จุดที่มีการสัมผัสแต่ละบูธจำหน่ายสินค้า และจุดให้บริการ cashier เป็นต้น

Thailand elite cardholders offered new privileges #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ The Nation.

https://www.nationthailand.com/business/40007054


The Thailand Privilege Card Co is launching a new “Elite Flexible One” campaign, which will make it easier for foreigners to buy property in the country. A separate “Welcome Back to Amazing Paradise” campaign has been launched to bring back existing elite cardholders, so they can contribute to the revival of the economy.

Thailand Privilege Card Company Limited under the supervision of the Tourism Authority of Thailand (TAT), launched the “Elite Flexible One” project and “Welcome back to Amazing Paradise” campaign on Monday in a bid to respond to the government’s policy to build confidence in the eyes of foreigners amid the Covid-19 pandemic.

The elite card programme offers the opportunity to obtain a long-term multiple entry visa and affords members the right to live in Thailand for up to 20 years with selections of additional complementary services and benefits. The company revealed that there are currently 14,476 cardmembers, as of the data collected until August 31.

ADVERTISEMENT

Related news: 


The company said that the “Elite Flexible One” project has been set up to help support the real estate business to attract foreign investors, including foreigners who have purchasing power and are interested in a long-term stay in the kingdom.


The company also launched the campaign “Welcome back to Amazing Paradise” to encourage foreign members to travel to the country and stay for a long time through the Phuket Sandbox programme. The campaign is aimed to boost the tourism sector in line with the TAT strategy.

Published : October 05, 2021

Vietnam prepares to welcome international visitors at selected destinations #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ The Nation.

https://www.nationthailand.com/international/40005993

Vietnam prepares to welcome international visitors at selected destinations


HCM CITY — In addition to previous plans to open Phú Quốc Island to international tourists, Hạ Long, Hội An, Nha Trang and Đà Lạt will also welcome tourists this year, under a plan developed by the Ministry of Culture, Sports and Tourism (MoCST).

The MoCST has issued a plan to stimulate travel demand, restore the tourism industry, and resume travel activities in late 2021 and early 2022 while ensuring the dual goals of disease prevention and control and socio-economic development.

It will create favourable conditions for domestic and international tourists who have valid vaccination travel certificates.

Phú Quốc in Kiên Giang Province will be the first locality to welcome international visitors in October, followed by Hạ Long in Quảng Ninh Province, Hội An in Quảng Nam Province, Nha Trang in Khánh Hoà Province and Đà Lạt in Lâm Đồng Province.

In addition to safety measures such as 5K rules and improving medical capacity to prevent the outbreak of COVID-19, the Ministry will prioritise COVID-19 vaccinations for local residents and employees in these tourism centres.

Existing tourism campaigns including “Vietnamese people traveling to Việt Nam” and “Safe and attractive local tourism” will continue, together with other programmes helping local businesses sell their tourism products at preferential prices.

Tourism products post-COVID-19 will be associated with sustainability, nature and healthcare, according to the plan. Night tourism and eco-tourism will be invested in and developed as well.

In order to start the stimulus programme, the tourism industry is expected to upgrade existing applications such as “Safe Việt Nam Tourism”, local medical declaration systems, vaccination certification systems and information systems about current tourist attractions.

The ministry has also proposed a preferential credit programme for business recovery activities and smooth employee payments. Relevant authorities are encouraged to advise local People’s Committees before rolling out the official campaigns.

Prime Minister Phạm Minh Chính had previously instructed authorities to pilot Phú Quốc as a safe destination for international tourists.

The Government plans to launch a pilot inbound tourism programme with an aim to lure 2-3 million foreign arrivals to Phú Quốc Island by the year end, according to the Prime Minister.

Addressing the cabinet meeting on Monday, PM Chính underscored that containing COVID-19 outbreak was now the highest priority while gradually reopening economic activities in safe areas.

He called for doubling efforts to get the COVID-19 pandemic under control by the end of the month but preventive measures needed to remain in place due to the shortage of vaccines.

According to Foreign Minister Bùi Thanh Sơn, head of the Government’s working group on COVID-19 vaccine diplomacy, Việt Nam had received 33 million doses of vaccines as of September 4 and the figure is expected to increase to around 50 million doses by the end of September.

As planned, on Thursday, the MoCST, together with the Việt Nam National Administration of Tourism (VNAT), discussed the detailed plan for Phú Quốc with the Kiên Giang Province People’s Committee. 

Chairman of the VNAT Nguyễn Trùng Khánh said the pilot plan to welcome international tourists to Phú Quốc had been sent to relevant ministries and agencies for comments.

Accordingly, Phú Quốc will experimentally open to receive foreign visitors for a period of six months, expected from October 2021. If necessary, the time will be adjusted appropriately, depending on the actual conditions.

International tourists subjected to the piloted programme are those who have a certificate of full vaccination against COVID-19 accepted by Vietnamese authorities with the duration of the second injection not later than 14 days and not more than 12 months before the time of entry.

They should also satisfy other requirements including a certificate of recovery from COVID-19 recognised by a Vietnamese authority.

The time since they were released from the hospital after treatment until the entry date must not exceed 12 months. They must be tested for SARS-CoV-2 by RT-PCR/RT-LAMP method within 72 hours before departure and be certified by the competent authority of the country conducting the test (written in the English language) with negative results.

They should have registered to participate in the package tour programme of a travel agency.

Khánh also requested the People’s Committee of Kiên Giang Province to coordinate with the Ministry of Health to complete two vaccinations against COVID-19 for people and workers in Phú Quốc City before implementing the pilot plan.

The MoCST will take prime responsibility and coordinate with related ministries and agencies in selecting international tourist markets from countries and territories during the time of the pilot.

Those markets should have high potential, safety, and quality in COVID-19 prevention and control, such as some regions in Northeast Asia, Europe, the United States, the Middle East and Australia. Foreign tourists can enter by air via charter flights or commercial flights.

Lâm Đồng welcomes visitors

A number of tourism activities have resumed in Lâm Đồng Province. The provincial People’s Committee requires all tourism accommodation establishments of two stars or more to host no more than two people per room and operate at a capacity not exceeding 50 per cent.

Locals are allowed to take part in some sports activities, but only up to 50 per cent of people compared to normal days can experience indoor sports services.

Barbers and beauty salons, along with dining services, are open at 50 per cent capacity. 

Checkpoints to prevent and control the COVID-19 outbreak within the province have been temporarily suspended. However, Lâm Đồng will continue to maintain checkpoints at the province’s gateways to neigbouring provinces to ensure the dual goals of disease prevention and control and socioeconomic development. VNS

Published : September 11, 2021